แชร์

บทที่ 2

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-19 20:30:52

ในขณะที่หนิงอันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย “ลูกรักของแม่ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ” เสียงนั้นดังขัดความคิดของเจ้าตัว ทำให้เด็กหญิงรีบลุกจากเก้าอี้เดินมายังเตียงนอนพร้อมปีนกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ละเมอหรอกหรือ” เด็กหญิงมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่เป็นมารดาของร่างเดิมอย่างสงสารและเห็นใจ

“ต่อไปนี้ท่านคือแม่ของข้า” อันอันกล่าวออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

เช้าวันต่อมา เสียงนกส่งเสียงเจื้อยแจ้วทำให้ร่างเล็กขยับเปลือกตาก่อนจะลืมตากลมโตมองเพดานห้องนอนอย่างครุ่นคิด ว่าเรื่องเมื่อคืนของตนเป็นเพียงฝันหรือเรื่องจริง กระนั้นเจ้าตัวจึงได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาซึ่งเป็นลายมือของตนไม่ผิดแน่

“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปเรียนฮูหยิน” สาวใช้อายุเจ็ดปีกล่าวอย่างดีใจพร้อมก้าวเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่อันอันได้แต่มองตามตาปริบ ๆ

‘อะไรจะรวดเร็วปานนั้นแม่คู๊ณ’ อันอันได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างนั้นโดยไม่ทันได้ปริปาก

เด็กหญิงกึ่งนั่งกึ่งนอนเอาหลังพิงหัวเตียงอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางประตู

“ลูกรักของแม่เจ้าฟื้นแล้ว ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์” หญิงสาวรูปร่างอรชรใบหน้ารูปไข่ผมสีดำเกล้าขึ้นปักปิ่นเรียบร้อยงดงามรีบก้าวเท้าเดินเข้ามากอดเด็กหญิงที่หันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มบางอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ ข้าขอโทษนะเจ้าคะที่ทำให้ท่านเป็นกังวล” เด็กหญิงตัวน้อยกระชับอ้อมกอดของตนกับมารดาแน่นกล่าวเสียงเบา

“แม่ไม่เป็นอะไรจ้ะ ขอแค่ลูกปลอดภัยก็พอ” หญิงงามกล่าวปลอบลูกเสียงอ่อน

สองคนแม่ลูกต่างสนทนากันอยู่สักพัก หญิงชราก็เดินเข้ามาโดยมีบ่าวช่วยประคองไม่ห่างกาย

“หลานสาวของย่าเจ้าหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ” หญิงชรานั่งลงข้างเตียงของเด็กหญิงถามออกมา ในขณะเดียวกันอันอันก็โผเข้ากอดร่างอวบของย่าแน่น

“ท่านย่า อันอันหายดีแล้วเจ้าคะ ข้าคิดถึงท่านมากเลย” เด็กหญิงกล่าวเสียงหวานแม้จะคล้ายว่าประจบแต่คำพูดนั้นออกมาจากใจทุกคำ เนื่องจากหญิงชราคนนี้เหมือนกับยายที่เสียไปราวพิมพ์เดียวกัน

‘จะว่าไปท่านแม่ก็ดูคล้ายแม่ของเราจากภาพถ่าย ส่วนท่านพ่อเมื่อวานยังเห็นไม่ชัด’ หนิงอันคิด

“ปากน้อย ๆ ของเจ้านี่ช่างหวานปานน้ำผึ้งเสียจริง อยากได้อะไรล่ะบอกย่ามา ยกเว้นดาวกับเดือนแล้วย่าจะเอามาให้” หญิงชราลูบหัวเล็กของหลานสุดที่รักกล่าวเอาใจ

“ข้าไม่ได้หวังอะไรสักหน่อย ข้าคิดถึงท่านย่าจริง ๆ นะเจ้าคะ” หนิงอันยู่หน้าแลบลิ้นน้อยออกมาทำให้หญิงต่างวัยที่อยู่ภายในห้องหัวเราะให้ท่าทางของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู

เสียงหัวเราะดังออกมาจนถึงด้านนอก ทำให้ชายหนุ่มผู้กลับมาถึงจวนรู้สึกได้ถึงความสุข

“หัวเราะอะไรกันหรือขอรับ เสียงดังออกไปจนถึงหน้าประตูเชียว” ชายหนุมรูปงามในชุดขุนนางขั้นสองตำแหน่งเสนาบดีสำนักตรวจราชการเดินส่งเสียงมาก่อนตัว

“หัวเราะท่าทางทะเล้นของบุตรสาวเจ้านะสิ” หญิงชราตอบเสียงเนิบช้าใบหน้ายังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ!” หนิงอันเรียกบุรุษหนุ่มเสียงดังอย่างดีใจ ‘เราได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของตนใช่ไหม ดีใจจัง ขอบคุณนะเด็กน้อย’ อันอันคิดอย่างยินดีแม้ว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมคราวเคราะห์เธอก็ไม่หวั่น

“ว่ายังไงลูกรัก เจ้าหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ” หยูเจียงเดินเข้าไปใกล้ลูกสาวตัวน้อยเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

“หายแล้วเจ้าค่ะ ตะ...แต่ว่าข้ามีเรื่องไม่สบายใจยิ่งอยากจะบอกท่าน” เด็กหญิงหลุบตาลงต่ำน้ำเสียงลังเล

เนื่องจากเธอตัดสินใจดีแล้วที่จะหลีกเลี่ยงหายนะตามเนื้อเรื่องที่ตนเขียน ผู้ใหญ่ในบ้านทั้งสามคนต่างมองหน้ากันไปมา จากนั้น

“พวกเจ้าออกไปให้หมด ปิดประตูด้วย กวนมามาเจ้าไปเฝ้าหน้าประตูอย่าให้ใครแอบฟัง” เสียงอันเต็มไปด้วยอำนาจของหญิงชราเอ่ยไล่ข้ารับใช้ภายในห้อง

“เจ้าค่ะนายหญิงผู้เฒ่า” หญิงรับใช้ผู้สูงวัยรับคำ ก่อนจะถอยร่นออกไปจากเรือนนอนของเด็กสาวตัวน้อย

“หลานรัก เจ้ามีอะไรก็พูดออกมาเถอะ” ผู้สูงวัยหนึ่งเดียวกล่าวเนิบช้าลูบหัวเล็กของเด็กหญิงอย่างรักใคร่

“ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ มันอาจจะเหลือเชื่อสักหน่อย ตะ...แต่ข้าฝันเจ้าค่ะ ในฝันมีท่านปู่คนหนึ่งมาบอกข้าว่า ให้ท่านพ่อรีบไปลาออกจากราชการซะภายในวันพรุ่ง หาไม่ครอบครัวของพวกเราจะล่มจมยากไร้ไม่มีแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อ ในฝันนั้นข้ากลัวมาก

ท่านปู่ยังย้ำอีกว่าให้เก็บสิ่งของมีค่าซ่อนให้ดี เดินทางไปอยู่ชนบทเสีย หากใครจะหัวเราะว่าตกอับก็ปล่อยเขา ให้รักษาชีวิตรอดเอาไว้ก่อน” หนิงอันรีบกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัวน้ำตาคลอหน่วย

จากนั้นนางก็โผเข้ากอดมารดาเอาหัวเล็ก ๆ นั้นซบอกของผู้เป็นแม่แนบแน่นทำตัวสั่น ในขณะเดียวกันก็คอยชำเลืองมองใบหน้าของคนทั้งสามไปด้วย

ผู้ใหญ่ในบ้านต่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของคนตัวเล็ก ดังนั้นหนิงอันจึงได้เปิดไม้เด็ดทันที

“ท่านปู่ยังบอกอีกว่าหากพวกท่านยังไม่เชื่อให้บอกว่าในตอนนี้หลานชายตระกูลหยูได้มาเกิดแล้ว” เด็กน้อยกล่าวออกมาท่าทางไร้เดียงสากะพริบตาปริบ ๆ

ทั้งที่มือยังไม่คลายจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของมารดาผู้เบิกตากว้างหลังได้ยินคำกล่าวของบุตรตัวน้อย

ผิดกับหยูเจียง ชายหนุ่มรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งออกไปหน้าห้องทันที

“พ่อบ้านรุ่ย ท่านรีบให้คนไปตามหมอมาด่วนที่สุด” เจ้านายหนุ่มสั่งการอย่างรวดเร็ว

หมอเฒ่าอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมากที่ถูกจวนขุนนางตามตัวกลับมาในวันรุ่งขึ้น

กระนั้นสิ่งที่เขาคิดกับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องนอนของเด็กหญิง

ก็เห็นว่านางนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สนทนากับมารดาอย่างปกติแตกต่างจากสภาพที่เห็นเมื่อวานเป็นคนละคน

“ใต้เท้าไม่ทราบว่า” หมอชราชำเลืองมองท่าทางของขุนนางหนุ่มเปิดปากถามอย่างระวัง

“ท่านหมอรบกวนช่วยตรวจชีพจรฮูหยินของข้าสักหน่อยเถอะพักนี้ข้าเห็นว่านางดูอิดโรยไม่น้อย”

“ขอรับ”

หยวนฟานรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมีอาการคล้ายคนตั้งครรภ์ ทว่าสามีของนางก็ยังคงเอาใจใส่ยอมเชื่อคำพูดของบุตรสาว

ใบหน้าของหมอชราเริ่มแสดงสีหน้าดีใจและผ่อนคลาย “ข้าน้อยขอแสดงความดีใจกับใต้เท้าด้วยขอรับ ฮูหยินของท่านมีชีพจรมงคล ทว่าอายุครรภ์ยังอ่อนนักในช่วงนี้ต้องระวังให้มาก ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เดี๋ยวนี้”

ขุนนางหนุ่มจับมือฮูหยินของตนแน่น จากนั้นชายหนุ่มก็สั่งพ่อบ้านตบรางวัลให้กับหมอชรา คล้อยหลังหมอเฒ่าเดินจากไป

หลังจากเรื่องยินดีผ่านพ้น คนทั้งสามภายในห้องก็มีสีหน้าหนักใจขึ้นอีกครั้ง “ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดี” หยูเจียงกล่าวกับมารดาเสียงเครียด

“ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านปู่ยังบอกมาอีกว่าหากท่านยังอยากรับราชการอีกละก็ ช่วยรอให้ข้าเติบโตจนถึงวัยปักปิ่นเสียก่อน เมื่อนั้นตระกูลของเราถึงจะปลอดภัย” หนิงอันจำเป็นต้องอุปโลกน์ท่านปู่ผู้ไม่มีตัวตนออกมาอีก

ทว่าภายในใจนั้น (ข้าพูดทุ่มเทจนหมดหน้าตักแล้ว เชื่อข้าเถอะ)

ส่วนความคิดอีกด้าน ‘ขอโทษด้วยนะ เหล่าตัวเอกเห็นทีว่าข้าคนนี้คงต้องลิขิตชะตาของตนขึ้นมาใหม่เสียแล้ว ขอยืมวาสนาของพวกเจ้าก่อนก็แล้วกัน’

“เจ้าไปทำตามที่พ่อของเจ้าบอกกับอันอันมาเถอะ วันพรุ่งรีบไปลาออกซะ อ้างว่าข้าล้มป่วยตรอมใจที่เห็นหลานสาวเจ็บไข้อาการเป็นตายเท่ากัน จำต้องเดินทางกลับหมู่บ้านชนบท” หญิงชราสั่งบุตรชายหลังจากไตร่ตรองดีแล้ว

‘โชคดีที่ว่าราชวงศ์เยว่มีฮ่องเต้ผู้ยึดมั่นในความกตัญญูเป็นหลัก ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะเอาแต่ใจเกินไป หูเบามากไปหน่อยก็เถอะ’ หญิงชราคิด

โดยไม่ได้รู้เลยว่าลักษณะผู้นำของตนเป็นแบบนี้เกิดมาจากน้ำมือของเด็กหญิงผู้กำลังมองตัวเองตาแป๋ว

“เจ้าตัวน้อยยังมีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ” หญิงชราถามหลานสาวผู้คล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ไม่ยอมเอ่ยคำ

“ท่านย่า ให้พ่อบ้านรุ่ยไปตามหาชายวัยใกล้เคียงกับท่านพ่อที่ตรอกจู่เซียง เขามีชื่อว่ายงเผย ให้นำจดหมายฉบับนี้ส่งให้เขาเจ้าค่ะ” หนิงอันตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุดพร้อมกับนำจดหมายที่ตนได้แอบเขียนเอาไว้ช่วงที่รู้สึกตัวก่อนฟ้าสางออกมา

“เจ้าเป็นคนเขียนเองอย่างนั้นหรือแล้วเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หญิงชราถามอย่างสงสัยหลังจากเปิดอ่านจดหมายที่หลานสาวส่งให้ ลายมือนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยหนักแน่นไม่คล้ายลายมือของเด็กเล็กอีกทั้งหลานของนางนอนป่วยอยู่

อันอันสะดุ้ง ดีที่ไม่มีใครจับสังเกตทันก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าจริงจัง “เจ้าค่ะ ท่านปู่จับมือของข้าเขียนในฝัน รวมถึงยังกำชับมาด้วยว่าจะรอท่านอยู่ที่สะพานไน่เหอตามที่ได้สัญญาไว้” เด็กหญิงสบตากลมโตของตนกับดวงตาอันรื้นขึ้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำของหญิงชรา

ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ‘ข้าขอโทษนะเจ้าคะท่านย่า เอาไว้ข้าคนนี้จะตอบแทนท่านเป็นอย่างดีที่ต้องทำให้ท่านหลั่งน้ำตา’

“ปู่ของเจ้าบอกแบบนั้นเหรอ ตาแก่นี่ยังไม่ยอมไปเกิดอีก” หญิงชรายกชายเสื้อซับน้ำตากล่าวเสียงเบา

“ท่านย่าเจ้าคะ สะพานไน่เหอคือสถานที่ใด ข้าบอกให้ท่านปู่พาข้าไปดูแต่เขาปฏิเสธเสียงแข็งบอกว่ายังไม่ถึงเวลา” คำกล่าวของหนิงอันทำให้หญิงชราคลายความเศร้าเปลี่ยนเป็นตกใจทันที

“เจ้ายังไปไม่ได้นะลูก” หยวนฟานเดินเข้ามาโอบกอดลูกสาวกล่าวอย่างหวาดกลัว

“ตาแก่นั่นเอาใหญ่แล้ว กล้ามาพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าหลานได้ยังไง เมื่อไหร่ที่ข้าได้พบเขานะจะตีให้หัวแตกเลย” หญิงชรากล่าวอย่างแค้นเคือง

หนิงอันจำต้องก้มหน้าลงอีกครั้ง กล่าวในใจถึงผู้ลาลับ ‘ท่านปู่อภัยให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ ข้าแค่ไม่อยากให้ท่านย่าเป็นทุกข์เรื่องของท่านเพียงเท่านั้น’

เช้าวันต่อมาก่อนจะถึงเรื่องราวที่ฮ่องเต้สั่งลงโทษเนรเทศครอบครัวหยูสองสัปดาห์

หยูเจียงได้ยื่นหนังสือลาออกพร้อมถอดหมวกต่อหน้าพระพักตร์ด้วยเหตุผลตามที่มารดาแนะนำ

เมื่อเรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาจึงทำให้มีผู้คนต่างแซ่ซ้องในความกตัญญูของคนผู้นี้เป็นอย่างมาก ด้านฝ่าบาทก็ประทานข้าวของเงินทองให้กับเขาอีกสองหีบใหญ่

ทว่าชายหนุ่มได้ปฏิเสธออกไป “ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งถึงพระมหาธิคุณนี้เป็นล้นพ้น ดังนั้นกระหม่อมจึงขอรับไว้แค่ความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ยิ่งรู้สึกพอใจในการกระทำของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว จึงทำให้ปิดโอกาสผู้ที่คิดจะยื่นฎีการ้องเรียนหยูเจียงจำต้องล่าถอย ในเมื่อคนผู้นั้นชิงลาออกไปก่อนก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องราวใหญ่โต

ทางด้านพ่อบ้านรุ่ยเมื่อตามหาคนเจอแล้วเขาก็ส่งจดหมายจากคุณหนูน้อยให้คนผู้นี้ตามคำสั่ง

ยงเผยเปิดจดหมายอ่านทุกตัวอักษรในนั้นด้วยใจอันตื่นเต้น หากเป็นดั่งเช่นข้อความในจดหมายเขายินดีเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้าของจดหมายชั่วชีวิตอย่างซื่อสัตย์

“ข้าจะทำตามที่ท่านผู้นั้นต้องการ รบกวนเจ้าไปเรียนนายท่านด้วยว่าอีกห้าวันข้าจะนำรถม้าที่ท่านต้องการไปส่งยังหน้าจวนด้วยตัวเองทั้งสามคัน” ชายวัยใกล้เคียงกับหยูเจียงตอบอย่างนอบน้อม

พ่อบ้านรุ่ยกำลังคิดอยากจะแก้ไขความเข้าใจผิด ทว่าหลังจากไตร่ตรองพ่อบ้านวัยกลางคนจึงคิดว่าให้คนผู้นี้เข้าใจผิดต่อไปก็ดีเหมือนกัน

ใครจะคิดว่าลายมือในจดหมายเป็นของเด็กหญิงวัยสี่ขวบ แม้แต่ตัวเขาขนาดเห็นเองกับตาก็ยังไม่อยากเชื่อ

ห้าวันต่อมา ภายในจวนหลังใหญ่ในตอนนี้ได้อ้างว้างมากกว่าเดิมแม้ในเวลาปกติคนจะน้อยกว่าจวนขุนนางใหญ่ท่านอื่นอยู่แล้วก็ตาม

“คุณหนูขอรับคนผู้นั้นนำรถม้ามาแล้ว พร้อมกับพาคนขับอีกสองคนมาด้วย” พ่อบ้านรุ่ยเดินเข้ามาเรียนคุณหนูตัวน้อยที่กำลังเดินตรวจตราสิ่งของคล้ายผู้ใหญ่

“ข้าจะออกไปพบเขาเจ้าค่ะ” หนิงอันเดินนำพ่อบ้านวัยกลางคนโดยมีเด็กรับใช้วัยเจ็ดขวบตามติดไม่ห่างกาย

หน้าจวนของอดีตท่านเสนาบดีสำนักตรวจราชการของฮ่องเต้ในยามนี้ ได้มีชายหนุ่มร่างใหญ่หนึ่งคนกับสองเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างรถม้าสภาพกลางเก่ากลางใหม่สามคัน ทั้งสามยืนรอคนภายในจวนอย่างเรียบร้อย

เสียงบานประตูสีแดงเปิดออก เด็กหญิงตัวน้อยเดินมาหยุดยืนต่อหน้าชายรูปร่างองอาจคนนั้น แต่ทว่าใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม

“ท่านคือยงเผยใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานใสของเด็กหญิงในขณะที่มือน้อยจับชายเสื้อของเขากระตุกเบา ๆ

ยงเผยก้มหน้าลงมามองใบหน้าน้อยของเด็กหญิงที่กำลังแหงนหน้ามองตนอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ใช่ ข้าคือยงเผย หนูน้อยเจ้าเป็นใครกัน” ชายหนุ่มรูป ร่างใหญ่เอ่ยถามร่างเล็กจ้อยผู้ที่กล้าสบตาตนอย่างไร้อาการหวาดกลัวอย่างสนใจ

“ท่านยงขอรับ คุณหนูน้อยผู้นี้คือคุณหนูใหญ่ของจวนเรา คือคนที่ให้ข้าไปส่งจดหมายให้กับท่าน” พ่อบ้านรุ่ยกล่าวแนะนำคุณหนูของตน ในขณะเดียวกันก็เปิดเผยเรื่องของจดหมายออก มาด้วย

“ท่านล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ เด็กตัวเท่านี้จะมารู้เรื่องของข้าได้ยังไง” แม้คำพูดจะดูสุภาพกับผู้สูงวัยทว่าแววตาของเขานั้นกลับคมกริบดุจกระบี่

“ท่านอาใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ เรื่องในจดหมายนั้นจะเป็นจริงหรือเท็จเมื่อท่านติดตามข้าไปจนถึงเมืองซานไห่ข้ารับรองได้ว่าท่านจะรู้คำตอบเอง” หนิงอันกล่าวอย่างใจเย็นผิดกับอายุ

ทำให้ผู้ที่อยู่ด้วยกันหลายคนในตอนนี้ต่างมองไปทางเด็กหญิงด้วยความประหลาดใจ

ยงเผยมองสบเข้าไปยังดวงตากลมของเด็กหญิงผู้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยง หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กเล็กต่างจ้องตากันอยู่สักพัก

“ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง แต่ข้าขอเตือนหากข้อความในจดหมายไม่เป็นความจริง เจ้าต้องเตรีมรับกับสิ่งที่ตนเองก่อด้วยเช่นกัน” ยงเผยกล่าวข่มขู่ หนิงอันแย้มยิ้ม

“ท่านย่อมไม่ผิดหวัง แต่ข้าขอเตือนท่านสักหน่อยท่าน อาหญิงนั้นหาได้ง้อง่ายไม่ เมื่อถึงเวลานั้นท่านอาจจะต้องให้ข้าช่วยเหลือก็ได้” คำกล่าวของหนิงอันทำให้ชายหน้าดุหนวดกระตุก

‘ข้ายงเผยอดีตหัวหน้านายกอง โดนเด็กตัวเล็กข่มขู่อย่างนั้นเหรอ นางหนูคนนี้ใจใหญ่เกินไปแล้ว’

เสียงหัวเราะอันรื่นเริงดังขัดจังหวะของชายหน้าหนวด “เสี่ยวจือ! เจ้าหัวเราะอะไร” ยงเผยตวาดเด็กหนุ่มวัยสิบหกอย่างโมโห

“เปล่าขอรับท่านอาจารย์ ข้าแค่นึกเรื่องขำขันได้ก็เลยหัวเราะเพียงเท่านั้น ใช่ไหมเสี่ยวเทา” เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงกลั้วหัวเราะเช่นเดียวกับสหายของตนอีกคนที่กำลังยืนยิ้มอยู่เช่นกัน

หยูหนิงอันมองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น ‘เขาก็คือจือฉีสินะ ในอนาคตจะเป็นจอมยุทธ์ชื่อดังผู้ช่วยมือหนึ่งของตัวร้าย ไม่ได้! ข้าจะต้องแก้ไขชีวิตของเขาเช่นกัน เพราะจุดจบตัวร้ายไม่มีดีสักคน ส่วนอีกคนมู่เทาอย่างนั้นเหรอ

สองคนนี้จะแตกคอกันเพราะผู้หญิง เฮ้อ! ข้าทำไมซวยอย่างนี้ เอาเถอะในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ค่อย ๆ แก้กันไปต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กหนุ่มทั้งสองด้วยจะได้ไม่ตกหลุมพรางใครง่าย ๆ’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 182

    รวมถึงรับจ้างสืบเรื่องราวต่าง ๆ ตามแต่ผู้ว่าจ้างจะมีเงินจ่ายให้กับข่าวที่ตนอยากได้ตามความยากง่ายจากตอนแรกเมื่อจัดการร้านของตนเรียบร้อยเขาคิดว่าจะพักเที่ยวเล่นให้สบายใจสักพัก ที่ไหนได้กลับมีม้าเร็วมาแจ้งข่าวให้ต้องเดินทางไปชายแดนทางใต้ด่วนเข้ามา“เตรียมตัวเดินทางไปเมืองเจียงเจ้อ” จบคำของผู้เป็นนายคน

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 181

    เมื่อผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ ร้านของเล่นบ้านจางก็กลับมาทำการค้าได้ปกติสุขดังเดิมหนิงอันเองก็หาได้อยู่เฉยเนื่องจากนางได้ให้พ่อลูกจางสร้างในสิ่งที่ทำให้ผู้คนฮือฮาอีกครั้งซึ่งกว่าจะสร้างออกมาได้ในแบบที่พอใจและใช้งานได้ก็ใช้เวลานานทีเดียวทว่า... มันก็คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปเมื่อหนิงอันทำก

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 180

    “หลานรัก/ลูกรัก” ผู้ใหญ่ทั้งสามภายในบ้านพากันเรียกเด็กหญิงพร้อมกัน “เจ้าค่ะ” อันอันทำสีหน้าเหลอหลา“เฮ้อ!” ย่าชราและบิดามารดาต่างพากันถอนใจออกมาพร้อมกัน (บางคนใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกว่าจะมีทรัพย์สินในเมืองหลวงเหตุใดบุตร/หลานของข้าถึงได้โชคดีเช่นนี้) น่าแปลกที่คนทั้งสามกลับมีความคิดเหมือนกันส่วนคนตัว

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 179

    สองเค่อต่อมาหนิงอันก็เดินออกมาด้านนอกใบหน้าของเจ้าตัวค่อนข้างบูดบึ้ง “เสี่ยวอันอันเจ้าเป็นอะไร” ด้วยความสงสัยเหลียนเซียวมู่ตงจึงได้ส่งเสียงเรียกนางออกไป หนิงอันผู้จมอยู่กับความคิดของตนแหงนหน้ามองผู้เรียกสีหน้าเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยระคนแปลกใจ“พี่ชาย ท่านมาที่นี่ทำไมอย่างนั้นหรือ” เหลียนเ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 178

    “รอก่อน ข้าคิดว่าเจ้าของร้านมีวิธีเจ้าไม่เห็นหรือว่าสีหน้าของเขาเป็นแบบไหน ส่วนเจ้าไปสืบเกี่ยวกับร้านคู่แข่งของเจ้าของร้านแห่งนี้มาอย่างละเอียด หากว่ามีคนใช้กลอุบายเช่นนี้ในเมืองที่เป็นหนึ่งภายใต้จมูกของข้าจะได้จัดการได้ถูก”คล้อยหลังของผู้ติดตาม เหลียนเซียวมู่ตงก็หันไปให้ความสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 177

    ยงฮ่าวได้แต่ส่งเสียงหัวเราะออกมา เด็กทั้งสองนั่งรอหนิงอันอยู่ไม่นานเด็กหญิงก็เดินออกมาโดยมีน้องชายทั้งสามเดินตามมาต้อย ๆ “พวกเราเดินไปคุยกันไปดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากจะไปหาฉงต้ารวมถึงพวกผึ้งและหมาป่าพวกนั้นด้วย” หนิงอันพูดขึ้นโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าสหายต่างเผ่าพันธุ์ก็ต่างพากันลงจากภูเขามาห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status