Home / วาย / ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด / บทที่ 3 (3/3) : ตามหน้าที่ (3)

Share

บทที่ 3 (3/3) : ตามหน้าที่ (3)

last update Huling Na-update: 2025-07-03 23:16:33

     “เฟยหลงเรื่องเจ้ากับฮุ่ยหลิง...เจ้าจะให้พ่อไปคุยกับอาหนิงให้เจ้าเลยดีหรือไม่?” จินเฟยหมิงพูดขึ้นยามนี้เขาคิดว่าบุตรชายคนรองของเขาควรมีคนมาช่วยดูแล และหลายปีมานี้เขาก็เห็นมีเพียงสตรีนางเดียวที่บุตรชายของเขายอมให้เข้ามาอยู่ใกล้ตัว และมักจะพาสตรีนางนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

     “ข้า...เอาตามที่ท่านพ่อเห็นสมควรได้เลยขอรับ” จินเฟยหลงเมื่อยินที่บิดาพูด ตอนแรกเขาก็คิดอยากจะเอ่ยถ่วงเวลาให้ตัวเองอีกสักพัก แต่เมื่อคิดได้ว่าจะช้าหรือเร็ว...อย่างไรเขาก็คงต้องแต่งงานตามหน้าที่ และตามที่มันควรจะเป็นอยู่แล้ว เขาจึงเอ่ยตอบรับเพื่อให้ผู้เป็นบิดารู้สึกสบายใจทันที

     “ได้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ พ่อจะเข้าไปพูดคุยกับอาหนิงไว้ให้เจ้าเลย และเดี๋ยวพ่อจะให้ทางนั้นหาดูเรื่องฤกษ์ยามไว้ให้พวกเจ้าด้วยเลยดีหรือไม่”

     “ได้ขอรับ ขอบคุณขอรับท่านพ่อ”

     “เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะเฟยหลง”

     จินเฟยหลงคำนับให้ผู้เป็นบิดา ก่อนจะกลับไปยังห้องพักของตัวเอง

     จินเฟยหมิงมองตามหลังจินเฟยหลงไป... เมื่อก่อนหากไม่ใช่เรื่องในกองทัพ อีกฝ่ายก็แทบจะไม่ยอมพูดคุยกับเขา และจินเฟยหลงก็แทบจะไม่ยอมกลับมาพักที่จวนแม่ทัพเลยสักครั้ง จนเมื่อครอบครัวของเขาได้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายครั้งล่าสุดมา... ก็เหมือนกับสวรรค์จะยังหลงเหลือความเมตตาให้กับเขา เพราะเขาได้จินเฟยเทียนกลับคืนมา และจินเฟยหลงก็ยอมกลับมาพูดคุย ยอมกลับมานอนพักที่จวนแม่ทัพอีกครั้ง ยามนี้จินเฟยหมิงต้องการเพียงแค่ได้เห็นบุตรทั้งสามคนของเขาได้มีความสุขอยู่บนเส้นทางที่เจ้าตัวเป็นผู้เลือก แค่เพียงเท่านี้ชีวิตบั่นปลายของเขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว

     “เฟยหลง วันนี้เจ้าแวะไปชวนฮุ่ยหลิงมารับสำรับเย็นกับพวกเราที่จวนดีหรือไม่?” จินเฟยหมิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขารับสำรับเช้าด้วยกันเสร็จ

     จินเฟยฮวาก็หันไปมองที่จินเฟยหลงด้วย เพราะนางชอบพูดคุยกับหนิงฮุ่ยหลิงจึงอยากให้พี่ชายคนรองพาอีกฝ่ายมาเที่ยวเล่นที่จวน

     “วันนี้ข้ามีนัดกับพวกอาเจี้ยนที่โรงเตี๊ยมขอรับ แต่เดี๋ยวข้าจะแวะเข้าไปชวนฮุ่ยหลิงไปรับสำรับเย็นด้วยกันที่นั่นเลยขอรับ”

     จินเฟยหมิงพยักหน้ารับคำพูดของบุตรชาย และเมื่อพวกเขาพูดคุยกันจบ จินเฟยหลงก็แยกตัวออกไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง

     จินเฟยหลงเมื่อแยกตัวออกมาจากผู้เป็นบิดาและน้องสาว เขาก็ออกไปจัดการตรวจงานในส่วนต่าง ๆ ที่ค่ายทหารกับหยงหมิน และเขาก็ได้สั่งการให้หยงหมินเตรียมการที่จะไปตรวจงานในค่ายทหารที่เมืองหลิ่งจูเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลย และเมื่อเขาจัดการสั่งงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาตัวเองไปหาหนิงฮุ่ยหลิงที่จวนรองแม่ทัพ

     “คุณชายรองจินรอข้าตรงนี้สักครู่นะเจ้าคะ” หนิงฮุ่ยหลิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่จินเฟยหลงเข้าไปชวนนางออกมารับสำรับเย็นที่โรงเตี๊ยมกับสหายของเจ้าตัว แต่เพราะนางได้รับปากผู้เป็นมารดาเอาไว้ เรื่องออกมาตรวจงานที่ร้านผ้าในตลาด นางจึงขอแวะมาจัดการงานของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน และจินเฟยหลงก็ยินดีที่จะมาส่งนาง

     จินเฟยหลงพยักหน้ารับคำของหนิงฮุ่ยหลิง ก่อนจะเดินไปดูของในร้านแผงลอยที่ตั้งอยู่ข้างร้านผ้าเพื่อรอนาง

     และเมื่อจินเฟยหลงได้เห็นพัดเล่มเล็กเล่มหนึ่งในร้านแผงลอยนั้น มันก็ทำให้เขาเผลอคิดไปถึงใครบางคนขึ้นมาอีกแล้ว...

     “นี่เหยียนชิงตอนนี้พวกเราก็ใกล้จะจบจากสำนักศึกษาแล้ว อีกหน่อยเจ้าก็ไม่สามารถเดินถือสมุดไปไหนมาไหนได้อีกแล้วนะ แล้วหลังจากนี้เจ้าจะถืออะไรแทนล่ะ” จิงเสี่ยวจางเอ่ยถามเหรินเหยียนชิงเพราะอีกฝ่ายติดนิสัยชอบถือสมุดเล่มเล็กติดตัวไปไหนมาไหนด้วยทุกที่ และในยามที่เผลอหรือยามที่คิดอะไรไม่ออกเจ้าตัวก็มักจะนำสมุดเล่มนั้นขึ้นเคาะหัวหรือไม่ก็จะนำมาตีที่มืออีกข้างของตัวเองเบา ๆ ขนาดในยามนี้ที่พวกเขาออกมาเดินเล่นในตลาด คนตรงหน้าก็ยังคงพกสมุดเล่มเล็กติดตัวมาด้วยเลย

     “ข้าขอแนะนำเป็นพัด นั่นอย่างไรล่ะในร้านนั้น...เราไปดูกันเถอะ” จิงเสี่ยวจางเดินนำสหายทั้งสองกับแฝดผู้พี่ของเขา เข้าไปยังร้านแผงลอยที่มีพัดเล่มเล็กวางขายอยู่ห้าหกเล่ม

     “พัดเล่มนี้ดูน่าจะเหมาะกับเจ้านะ” จิงเสี่ยวเจี้ยนหยิบพัดเล่มหนึ่งในกองขึ้นมาให้เหรินเหยียนชิง

     “แต่ข้าว่าพัดเล่มนี้ดูน่าจะเหมาะกับเจ้ามากกว่า...ไหนเหยียนชิงเจ้าลองถือให้ข้าดูหน่อยเร็ว” จิงเสี่ยวจางยื่นพัดอีกเล่มหนึ่งไปให้เหรินเหยียนชิงตัดหน้าแฝดผู้พี่ของเขา

     จินเฟยหลงมองตามพัดเล่มที่จิงเสี่ยวจางส่งไปให้เหรินเหยียนชิง เขาคิดว่าพัดเล่มนี้ดูน่าจะเหมาะกับคนตรงหน้ามากกว่าเช่นกัน เพราะพัดเล่มนี้ทำด้วยไม้เนื้ออ่อนประดับด้วยพู่ห้อยสีน้ำเงินเข้ม และในยามที่เหรินเหยียนชิงถือก็จะเห็นพู่ห้อยจากพัดเล่มนี้ ตกลงมาคลอเคลียที่แขนของคนตรงหน้า

     “ได้...ตอนนี้ข้าเหมือนบุรุษเจ้าสำราญหรือไม่?” เหรินเหยียนชิงเอ่ยถามหลังจากรับพัดจากจิงเสี่ยวจางมาลองถือดู

     “หึ!”

     “เจ้าหัวเราะข้า!” เหรินเหยียนชิงหันไปต่อว่าจิงเสี่ยวจาง

     “ก็เจ้าเหมือนบัณฑิตหนีเที่ยวมากกว่าบุรุษเจ้าสำราญนี่นา”

     “อาจาง!”

     “ข้าพูดจริง...ใช่ไหมอาเจี้ยน เฟยหลง”

     จิงเสี่ยวเจี้ยนพยักหน้าให้กับแฝดผู้น้องของเขา ส่วนจินเฟยหลงทำเพียงยืนมองแต่เขาก็แอบเห็นด้วยกับจิงเสี่ยวจาง

     เหรินเหยียนชิงมองไปยังคู่แฝดตรงหน้าก่อนจะมองไปที่จินเฟยหลง แล้วเขาก็ได้เห็นสายตาของคนทั้งสามแสดงออกมาว่าคิดเห็นเช่นเดียวกัน  

     “เฟยหลงเจ้าก็คิดเหมือนกับสองคนนี้ใช่หรือไม่? พวกเจ้านี่...แต่จะว่าไปพัดเล่มนี้ก็เหมาะมือข้าดีเหมือนกันนะ ถ้าอย่างนั้นหากเรียนจบข้าจะเลือกถือพัดแทบสมุดก็แล้วกัน” เหรินเหยียนชิงพูดจบก็หันไปจ่ายเงินกับเจ้าของร้านแผงลอย

     “คุณชายรองจินเจ้าคะ” หนิงฮุ่ยหลิงเดินเข้าไปเรียกจินเฟยหลง หลังจากที่นางเดินออกมาจากร้านผ้าแล้วเห็นอีกฝ่ายยืนมองพัดเล่มหนึ่งอยู่หน้าร้านแผงลอย

     “เราไปกันเถอะ” จินเฟยหลงเอ่ยขึ้นเมื่อหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง จากนั้นเขาก็เดินนำหนิงฮุ่ยหลิงกลับไปที่รถม้าทันที

     ‘เหยียนชิงตอนนี้เจ้าไปอยู่ที่ไหน...แล้วเมื่อไหร่ข้าถึงจะเลิกคิดเรื่องเจ้าได้สักที’ จินเฟยหลงคิดในใจระหว่างที่นั่งอยู่บนรถม้า

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 11 (2/2) : บาดแผลในใจ (2)

    ลู่เจิ้งลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามไปจับมือทั้งสองข้างของบุตรชายออกจากหู เมื่อเขาเห็นว่ายามนี้บุตรชายตัวน้อยของเขากำลังพยายามที่จะหลีกหนีความจริง ที่เจ้าตัวจะต้องรับรู้ จะต้องยอมรับมัน และจะต้องทนอยู่กับมันให้จงได้! “เหยียนชิง! หยุดเอาแต่ใจและหยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้!! เจ้าจำที่พ่อเคยสอนได้หรือไม่...เกิดเป็นบุรุษต้องรู้จักอดทนและเข้มแข็ง ห้ามร้องไห้ให้ผู้ใดเห็นได้ง่าย ๆ เช่นนี้อีก และยามนี้เจ้าก็โตพอที่จะต้องรับรู้ความจริงเรื่องนี้ได้แล้ว” พูดจบ ลู่เจิ้งก็เดินกลับไปหยิบจดหมายที่อยู่ในกล่องไม้ข้างหัวเตียงส่งให้กับบุตรชาย “นี่คือจดหมายของมารดาเจ้า...เอากลับไปอ่านเสีย แล้วหลังจากนี้พ่อขอสั่งห้ามเจ้า! ห้ามถามถึงสตรีนางนั้นให้พ่อได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง!!” เหรินเหยียนชิงพยายามกลั้นสะอื้น ก่อนจะยื่นมืออันสั่นเทาเข้าไปรับจดหมายมาจากผู้เป็นบิดา จากนั้นเขาจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องพักของตนเอง เมื่อเด็กชายตัวน้อยว

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 11 (1/2) : บาดแผลในใจ (1)

    “เหยียนชิง ตอนนี้การอ่านและเขียนตัวอักษรของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว เช่นนั้นวันนี้อาจารย์ขอสั่งงานให้เจ้าไปหัดเขียนนามของตนเองและนามของคนในครอบครัว แล้วนำมาส่งให้อาจารย์ในวันพรุ่งนี้” “ได้ขอรับ” เหรินเหยียนชิงในวัยเจ็ดหนาวตอบรับคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์ จากนั้นเด็กชายตัวน้อยจึงเดินออกไปส่งอีกฝ่ายที่หน้าประตูเรือน ก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งที่ศาลาหน้าเรือนใหญ่เพื่อเริ่มงานที่ผู้เป็นอาจารย์ได้สั่งเขาเอาไว้ เด็กชายตัวน้อยหยิบพู่กันขึ้นมาบรรจงเขียนนามของตนเอง แล้วตามด้วยนามของผู้เป็นบิดา จากนั้นเขาจึงนึกขึ้นได้ว่า เหตุใดเขาถึงไม่มีมารดาเหมือนกับผู้อื่น? และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาสงสัยมานานแล้ว เพราะที่ผ่านมาเหรินเหยียนชิงเห็นเด็กทุกคนในเรือนต่างก็มีมารดาเป็นของตัวเอง จะมีก็แต่เขาเท่านั้นที่มีเพียงบิดาและท่านตา... แล้วในระหว่างที่เด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นผู้เป็นบิดาเดินกลับเข้ามาในเรือน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้บิดาของเขาจะแวะไปดื่มสุรากับสหายก่อนกลับเรื

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 10 (2/2) : อยู่เคียงข้าง (2)

    เหรินเหยียนชิงที่ไม่รู้ว่าจินเฟยหลงมาขอโทษเขาด้วยเรื่องอะไร เขาจึงหยุดดิ้นและรอฟัง...แต่เมื่อคิดไปถึงคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายในยามนี้แล้ว เหตุใดมันช่างเหมือนกับ.... “เหตุใด? คำพูดที่ท่านพูดกับข้าเมื่อครู่ มันถึง...” “ใช่! มันคือคำพูดของเจ้าที่เคยใช้พูดกับข้า และสิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่ในตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เจ้าเคยทำให้ข้ามาแล้วทั้งสิ้น” จินเฟยหลงยอมรับเพราะเขาไม่เคยปลอบใจผู้ใดมาก่อน เขาจึงยืมวิธีของคนตรงหน้ามาใช้ปลอบใจเจ้าตัวในยามนี้ จินเฟยหลงเมื่อรู้สึกว่าเหรินเหยียนชิงหยุดดิ้นรนเพื่อออกจากอ้อมแขนของเขาแล้ว เขาจึงคลายแขนข้างขวาของตนเองออกมา จากนั้นเขาก็ใช้มือข้างนั้นลูบลงไปที่แผ่นหลังของคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ “หากเจ้าอยากจะร้องไห้ก็จงร้องออกมาเถิด...ไม่ต้องอดทน เพราะในห้องนี้มีเพียงแค่เจ้ากับข้า และข้าก็ขอให้สัญญาว่า...ข้าจะไม่ก้มลงไปมอง” ‘ประโยคนี้ก็คำพูดของข้า...

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 10 (1/2) : อยู่เคียงข้าง (1)

    เหรินเหยียนชิงเมื่อกลับมาถึงร้านฝากขาย เขาก็รีบพาตัวเองเข้าไปยังห้องพักส่วนตัวของเขาทันที และเมื่อประตูห้องปิดลง...เขาก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปนั่งชันเขาพิงประตูบานนั้นเอาไว้ ในอดีตตอนที่เหรินเหยียนชิงเข้าไปพักอยู่ในเรือนพักของสำนักศึกษาหลวง ทุกครั้งที่เขาได้ยินว่ามีคนตระกูลเยว่เข้ามาใกล้ยังบริเวณที่เขากำลังอยู่...เขาก็มักจะคอยมองหาว่าใช่สตรีนางนั้นหรือไม่? หรือในทุกครั้งที่เขาเห็นเยว่ซือซือ เขาก็มักจะคอยมองหาว่าสตรีนางนั้นได้มากับบุตรสาวของนางหรือไม่? แต่ที่ผ่านมาเขาก็ยังไม่เคยได้พบและไม่เคยได้เจอกับสตรีนางนั้นเลยสักครั้ง เหรินเหยียนชิงเคยคิดเอาไว้ว่าหากมีวันใดวันหนึ่งที่เขาได้เจอกับสตรีนางนั้น สตรีที่ให้กำเนิดเขา...แล้วทิ้งเขาไป และยังสั่งห้ามเขาไม่ให้เรียกนางว่า ‘แม่’ เขาจะเดินเข้าไปหานางและถามนางว่า... ‘ท่านไม่เคยรักท่านพ่อและไม่เคยรักบุตรชายของท่านอย่างข้าเลยจริง ๆ หรือขอรับ?’ แต่พอมาถึงว

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 9 (2/2) : รับรู้ (2)

    “ท่านแม่ทัพใหญ่เจ้าคะ ข้ามีข้อมูลสำคัญมาบอกท่าน แต่...ข้อมูลที่ข้าจะบอกกับท่าน ข้าขอแลกกับชีวิตและความปลอดภัยของบุตรทั้งสองของข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” เฉิงเจียวจินพูดพร้อมกับมองไปที่บุตรสาวและบุตรชายของนาง “ยามนี้ข้าคงยังรับปากฮูหยินรองเยว่ไม่ได้ แต่ในระหว่างนี้ข้าสามารถรับรองความปลอดภัยของพวกท่านจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง และข้าจะนำคำขอของท่านไปบอกกับผู้ที่น่าจะช่วยพวกท่านได้ ข้าสัญญา! แต่ข้าอยากถามท่านให้แน่ใจ ท่านยินดีที่จะแจ้งข้อมูลพวกนี้กับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่? เพราะข้อมูลที่ท่านกำลังจะแจ้งกับข้านั้น มันอาจเป็นการทำลายชีวิตของสามีและครอบครัวของสามีท่านได้เลย” “เจ้าค่ะ ข้าขอเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ตามตรงความเป็นอยู่ของพวกข้าสามแม่ลูกในจวนแห่งนั้น มันไม่ได้ดีและไม่ได้เป็นอย่างที่คนภายนอกเห็น เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ในจวนแห่งนั้นหาได้เอ็นดูพวกข้าสามแม่ลูกมากนัก และบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาบุตรทั้งสองของข้า ก็เพียงแค่ต้องการหาผลประโยชน์จากพวกข้าสามแม่ลูกเท่านั้น” เฉิงเจียวจินพูดจบก็หันไปมองที่บุตรสาว ก่อนท

  • ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด   บทที่ 9 (1/2) : รับรู้ (1)

    ชิงหลวนคุนนอนไม่หลับ เขาจึงเดินออกมาจากห้องพักเพื่อไปนั่งรับลมที่ระเบียง แต่เมื่อเขาเดินไปถึง...เขาก็เห็นจินเฟยหลงนั่งอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว “เฟยหลงเจ้าก็นอนไม่หลับเหมือนกันหรือ?” ชิงหลวนคุนเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งข้างจินเฟยหลง จินเฟยหลงทำเพียงพยักหน้ารับคำของอีกฝ่าย ความจริงแล้วเขาออกมานั่งรับข้อมูลเรื่องครอบครัวของเหรินเหยียนชิงที่เขาให้ลูกน้องไปตามสืบมา ยามนี้มีหลายเรื่องของคนตัวเล็กที่เขาเพิ่งได้รู้ แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว “หากเจ้ายังไม่ง่วง อย่างนั้นพวกเรามานั่งร่ำสุราด้วยกันสักหน่อยดีหรือไม่?” “ดี” จินเฟยหลงตอบรับคำชวนของชิงหลวนคุนทันที เพราะยามนี้เขาก็รู้สึกอยากดื่มสุราเช่นกัน ซงหยวนกับหยงหมินที่เดินตามผู้เป็นนายออกมาจากห้องพักด้วย เมื่อได้ยินว่าผู้เป็นนายต้องการร่ำสุราพวกเขาจึงแยกตัวออกไปเตรียมของ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status