“คุณเอ๋จับแน่น ๆ ไม่โดนแขนหมา จะเจ็บ...” น้ำเสียงเจือแววข่มขู่ คนที่ช่วยกันจับสุนัขอยู่จึงออกแรงมากกว่าเดิม คุณหมอหนุ่มไม่ได้ใช้เวลามากกับการลงมืออย่างมืออาชีพกดเข็มยาจนสุด ลูบเจ้าขนทองเบา ๆ ปลอบประโลมด้วยคำชมเชย
“เก่งมาก นิดเดียวเองเห็นไหม มดกัดนะ เจ้าที่รัก..” แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นบอกเจ้าของสุนัข
“มีไข้สูงอยู่นะ หมอเพิ่งให้ยาลดไข้บรรเทาอาการ ระหว่างรอผลเลือด ถ้าสุนัขตัวร้อนมากกว่านี้ ใช้ผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนได้ หมอขอฟังเสียงปอดน้องหน่อยว่าชื้นไหม ถ้าไม่มีก็น่าจะคลายกังวลพวกพยาธิในเม็ดเลือด..”
พยาธิในเม็ดเลือดเป็นโรคน่ากลัวที่คร่าชีวิตของสุนัขมาแล้วนักต่อนัก การกระทำของสัตวแพทย์หนุ่มที่แตะเครื่องฟังลงบนขนสีทองจนผละมือออก ใบหน้าสดสวยสะท้อนความร้อนรนอย่างชัดเจน
“ฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ ถ้าอาการหนักยังไงฉันจะรีบพาที่รักมา”
“ครับ คลินิกเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าน้องหมาอาการไม่ดีขึ้นก็รีบมา เดี๋ยวได้ผลเลือด ทางคลินิกจะโทรไปแจ้งนะครับ” พอคุณหมอตอบ ผู้ช่วยสัตวแพทย์สาวส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม
“รีสอร์ตของคุณอริสาอยู่ตรงนี้เองค่ะ พี่บุษกับเอ๋เคยไปนอนตั้งแคมป์ดูนกชมม้า ดูแกะเพลิน วิวสวยมาก ๆ คุณอริสาให้โวเช่อดินเน่อร้านอาหารแถมมาด้วย คนอะไร สวย ใจดี แถมโสด..”
“ไว้จะไปเที่ยวแน่ ๆ ครับ” ในคำพูดมีนัยเขาแค่รักษามารยาท หญิงสาวกำลังเป็นห่วงเจ้าสุนัขหน้าซีดเซียวไปถนัดตา ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“ค่ะ.. ยินดีต้อนรับล่วงหน้าค่ะ ขอบคุณ คุณเอ๋ คุณหมอมาก ๆ” ความเป็นผู้น้อยกว่าเธอเป็นฝ่ายยกมือไหว้ลา โน้มตัวลงอุ้มหมาตัวโตออกจากห้องไป
ดวงตาคู่หวานคมมองตามแผ่นหลังบางด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่างโดยเจ้าตัวคงไม่รู้ หญิงสาวในชุดสีเขียวข้างกันขมวดคิ้วมุ่นมองหมอ
“เอ๊ะ... ปรกติหมอไอใส่หน้ากากอนามัยทำงานตลอดนี่คะ?”
คุณหมอหนุ่มเปรยยิ้ม ก้มหน้าลงหาผู้ช่วยสาวด้วยความสูงชะลูดของตัวเขา ส่ายหน้าไปมาและก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่หมุนตัวเดินกลับไปทำงานอย่างอารมณ์ดี
ทางด้านหญิงสาว สุนัขตัวโปรดผู้เป็นดั่งดวงใจตามชื่อของมันคือ ‘สุดที่รัก’ พาดวงตาคู่สวยหม่นทอดมองใบหน้าอิดโรยของมัน
เตชินนั่งรออยู่พักใหญ่ ๆ พบหญิงสาวผู้หอบความหยิ่งผยองมาตลอดทาง หอบหมาตัวโตออกมาจากห้องตรวจด้วยสีหน้าเป็นกังวล จึงเดินไปหา ขนาดว่าเขาไม่ใช่คนรักสัตว์ยังอดห่วงไม่ไหว
“เป็นไงบ้าง?”
“ไม่ใช่ธุระของคุณ” เจ้าของสุนัขชักสีหน้าใส่ แล้วก็ถูกต่อว่า
“มาด้วยกันจะไม่ใช่ได้ไง โต ๆ กันแล้วหัดแยกแยะหน่อย ผมไม่ได้อยากมาดูแลคุณนักหรอก มาให้ผมอุ้มมันก่อน จะได้รับยากลับบ้านสักที เสียเวลา” เบ้ปากว่า ชักเริ่มรำคาญแม่คุณสวยรวยมาก เรื่องมากชะมัด! เตชินกำลังคิดอยู่ว่าหากเธอนิสัยดีกว่านี้ให้มันเข้ากับหน้าตาสะสวยคงดี
หญิงสาวหน้าตาบึ้งตึง ขี้เกียจอ้าปากเถียงกับเขาต่อ จึงยอมให้ลูกรักในอ้อมแขนถูกอุ้มไป ไปนั่งรอชำระเงิน ตาชำเลืองมองเจ้าที่รักซบหน้าลงบนตักชายหนุ่ม ไม่ว่ามันจะจงรักภักดีต่อเธอแค่ไหน โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่เป็นมิตรกับทุกคน
ตลอดหนึ่งปีหนึ่งเดือนที่เธออยู่กับมันมา เจ้าที่รักร่างกายแข็งแรง ซุกซนตามลักษณะนิสัยสายพันธุ์ของมัน มันป่วยแทบนับครั้งได้ ความเศร้าหมองจึงกอบกุมจิตใจ ไม่ต่างจากผู้คนทั้งหลายที่นั่งอยู่ เจ้าของสุนัขทุกคนจมอยู่กับความหวาดกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป
เสียงถอนหายใจจึงหลุดออกจากริมฝีปากคู่งามมากกว่าหนึ่งครั้ง หากทว่าพอรับยาเรียบร้อยทางช่องชำระเงิน
“คุณอริสา... คุณเอ๋เธอฝากของมาให้ อยู่ข้างในนะคะ” พนักงานสาวอายุประมาณสามสิบได้ ส่งใบเสร็จให้เธอด้วยรอยยิ้ม
นัยน์ตาคู่สลดสวยฉายแวววูบวาบทันทีที่เปิดถุงกระดาษใส่ยา สังเกตเห็นกระดาษแข็งใบเล็ก ๆ มีตัวหนังสือชัดเจน!
น.สพ.ไอศูรย์ วัชรภิรมย์
สัตวแพทย์คลินิกอายุรกรรม , ปศุสัตว์และสัตว์ป่า
Doctor of Veterinary xxx University
Tel. XXX
นามบัตรส่วนตัวของสัตวแพทย์หนุ่มถูกเก็บใส่กระเป๋าบนอกเสื้อยืดสีขาวผ้าเบาสบาย หลังจากที่หยิบออกมากวาดตามองซ้ำ ๆ จนแทบจำได้ทุกตัวอักษรบนนั้น ก่อนใส่กลับไปที่เดิม รอบที่เท่าไรไม่รู้ได้
เป็นความหวังดีของคุณเอ๋ ผู้ช่วยสัตวแพทย์สาว อุตส่าห์แนบเบอร์หมอแถมมาให้กับใบเสร็จ แต่เธอไม่กล้าโทรหรือเพิ่มเบอร์ของเขาลงในโทรศัพท์ เพราะถ้าไลน์มันเด้ง จะตอบว่าอะไร! ส่งสติกเกอร์ทักทายสวัสดีดูจะให้ท่าผู้ชายมากไปไหม?
อริสาไม่เคยเข้าหาใครก่อน ขณะเดียวกัน ความสนอกสนใจของผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เป็นฝ่ายเข้ามาทอดสะพาน และก็มักพูดว่าปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาว หน้าสวย นมโต ตัวเล็ก สมสไตล์ลูกคุณหนูจอมหยิ่ง มันดูย้อนแย้งว่าเขาตั้งใจมาจีบ ไม่จีบ หรืออะไรแน่...
คนพูดน้อยต่อยหนักอย่างเธอไม่รู้จะทำตัวยังไง เพราะไม่ได้หยิ่งอย่างใครเข้าใจ บางทีเธอยังรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเอง...
สนามกีฬาในร่มติดแอร์ขนาดกว้างขวางวันนี้มีผู้คนมาใช้บริการประปราย หญิงสาวลอบถอนหายใจ คล้ายจะเลิกล้มความตั้งใจจากกระดาษใบเล็ก ๆ จนประกายความหวังผุดวาบเข้ามาอีกครั้ง
แอดเบอร์ไว้ก่อน... ดีไหมนะ? มีหมอหมาใกล้ตัวสบายใจ...
เอ... หรือว่าไม่ดีกว่า...
ความลังเลใจปรากฏอยู่บนใบหน้าสดสวย เมื่อจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่สะดวกนักกับการสอนอะไรใครในวันนี้ เป็นกิจวัตรประจำทุกวันอังคาร พุธ พฤหัสบดี ที่เธอจะต้องมาสอนยิงปืนที่นี่
ร่างบางในชุดกางเกงคอมแบทเสื้อยืดสีขาวงานแบรนด์สมฐานะ วางอาวุธในมือลง
“จะกลับแล้วเหรอ? ครูอริส... ยืนเหม่ออะไรจ๊ะ ถ้าไม่มีอารมณ์สอน พี่สอนน้องพายให้ก็ได้นะ”
ชายร่างสูงใหญ่เดินผ่านมาตบบ่าเบา ๆ ให้ต้องเอี้ยวมองตาม “อย่ามาเนียนน่ะ พี่ชิน จะจีบน้องพายล่ะสิ”
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้บางคนเลือกที่จะเรียนกับครูผู้หญิงมากกว่า ด้านความสบายใจ ยังเป็นเพราะฝีมือของคุณครูที่มีชื่อเสียงพอตัว
“ลูก...?” เป็นคำถามแรกของอริสา ที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดในวินาทีที่เธอไม่ควรพรวดพราดออกไปหาอันตรายอย่างนั้น ไอศูรย์พยักหน้าเบา ๆ พาความปลื้มปิติขึ้นในหัวใจ เรี่ยวแรงของเธอตอนนี้ทำได้แค่ยกมือข้างที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือขึ้นสะกิดบ่าแกร่ง แม้ว่าอยากกอดเขาแน่น ๆ สักแค่ไหน “ฉันขอโทษ... พี่... เป็นห่วงฉันมากเลยใช่ไหม?” “ไม่เป็นไร... เราไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเกรอะคราบน้ำตาผละออกมองดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษ เบียดตัวนั่งลงข้างเตียง กุมมือน้อยไว้แผ่วเบา ไม่ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บแม้สักนิดกับรอยเข็มบนนั้น “ไม่เป็นไรทำไมตาแดงคะ? กินข้าวหรือยัง ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงพร่าของคนป่วยตัดพ้อ อริสาสัมผัสได้ถึงมืออันอบอุ่นของชายทั้งสอง ไม่ลืมหันไปทางอีกคนที่คงหวาดกลัวไม่ต่าง จากดวงตาแดงก่ำที่พายุความโศกเศร้าได้สงบลงไปสักพัก “ไม่เป็นไรแล้วนะลูกพ่อ” ใบหน้างามพริ้มระบายยิ้มจาง ๆ “หนูไม่เป็นไร... พ่ออย่าร้องไห้ เวลาพ่อร้องไห้ พ่อจะมองอะไรไม่เห็น...” แล้วเลื่อนสายตาไปทางชายที่ยังคงจ้องหน้าเธออยู่ไม่ห่าง ไม่ได้มองคน
กว่าสิบชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ต่างจากคนเสียสติ ในวินาทีที่อุ้มร่างโชกเลือดไปหาอาจารย์ในโรงพยาบาลสัตว์ หยาดน้ำตาเปียกชุ่มใบหน้าอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยจะร้องไห้ให้ใครได้เท่านี้ แม้แต่ในวันที่แม่จากไป เขาเสียใจแต่ยังคงความเป็นบุรุษที่เข้มแข็งเช่นพ่อ รถพยาบาลที่มาได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ละนาทีช่างยาวนาน ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเขาแค่นั่งสั่นอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้สิ่งใดแม้เสียงเรียกของเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด เขายังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนี้อีกตลอดไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นอย่างไร กับลูกที่ได้เห็นหน้าเพียงครั้งผ่านจอสีเทาดำ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขารักแต่แรกพบเหมือนอริสา... ความหวังอันเบาบาง เด็กที่เกิดจากความรักของเขาและเธอยังรอปาฏิหาริย์ “พี่จะรีบกลับมานะ... เราไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะดูแลตัวเอง...” ในน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนโยน มือหนาค่อยเลื่อนขึ้นปัดไรผมบนขมับอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะหยัดกายลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานนับชั่วโมง มองเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไป ชายหนุ่มตั้งใจจะตรงกลับบ้าน
“ไหวไหมลุงชา?” ใบหน้าซีดขาวของชายวัยหกสิบขยับเบา ๆ มือกระชับอาวุธในมือไว้เหนือเข่า แม้เลือดโชกชุ่มกาย ตัวต้นเหตุของบาดแผลฉกรรจ์นั้นนอนอยู่ข้าง ๆ ถึงห้าตัว พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดได้ถึงหกสิบสองกิโลกรัม มีอุ้งเท้าอันใหญ่โต แรงกัดมหาศาลด้วยกรามอันทรงพลังยังออกล่าเป็นฝูง หมาป่าสีเทาเกรวูฟที่กำลังหิวโหยดุร้ายถูกลักลอบมากับรถบรรทุกไม่มีป้ายทะเบียน ไม่ไกลจากฟาร์มของพิภพมากนัก คำขอความช่วยเหลือของพลตำรวจเอกปรีชา ประจวบเหมาะพอดีกับหญิงสาวจะออกไปตามล่าหาเสือโคร่ง ดันได้รางวัลเป็นหมาป่าขย้ำคอคนแก่อยู่กับลูกปืนจากพวกลักลอบค้าของเถื่อน ปัง! ปัง! กระสุนแสกผ่านเหล็กหนา เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ผู้หมวดสาวในร่างชายหนุ่มยิงสวนกลับไปเพียงครั้ง ก่อนแนบหลังไว้กับที่กำบัง หันไปถามนายตำรวจใหญ่ “ท่านรองกำลังเสริมใกล้ถึงรึยัง? กระสุนจะหมด...” “อือ... ข้างหน้า...” แรงตอบเฮือกสุดท้ายของพลตำรวจเอกปรีชาที่เอนร่างลงนอนพักไหล่ของหญิงสาว สติพร่าเลือนเต็มที “ลุงชา ๆ !” เรียกเสียงดัง มือเรียวเขย่าบ
มือหนากำหมัดแน่นแม้จะมีแค่รีโมตในมือ แววตาวาวโรจน์สาดประกายไปยังรายการตลก ซึ่งเขาไม่มีอารมณ์จะดูมันเหมือนทุก ๆ วัน “ถ้าแกจะมาตอกย้ำฉันก็ไปเถอะ… ไปไหนก็ไป...” “โธ่… พ่อ… ไอ้เมธพนธ์มันโคตรร้ายเลยนะพ่อ หนูไม่ชอบมัน ทำไมพ่อต้องเป็นแบบนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจ” พ่อที่พูดไม่รู้เรื่องยังดีกว่าคุณพ่อเซ็งโลก ทำหูทวนลม อริสาพยายามเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าคงไม่มีคำตอบจากร่างสูงในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำด้วยความที่คงนอนคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเธอถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ยกมือขึ้นลูบบ่าลูบหลังปลอบประโลม “พ่ออกหักยังไงพ่อยังมีหนู หนูไม่ทิ้งพ่ออยู่แล้ว... พ่อเหนื่อย พ่อหยุดงานไปนะ ดูตลกดูหนัง หนูไปทำป๊อปคอร์นให้” พิภพยิ้มเจื่อน ไม่ได้ดีใจกับคำปลอบของลูกสาวเลย ในที่สุดเขาก็ต้องถาม “อะไรนะ? แกบอกว่าฉันอกหัก?” “ใช่... พ่ออกหักแน่นอน ถ้าพ่อยังนั่งอยู่แบบนี้นะ เอาจริง ๆ ถ้าหนูเป็นพ่อ หนูปล้ำน้องพายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เสือโหยคาบไป ป่านนี้กินอิ่มท้องไปแล้วมั้ง เอาเถอะ...ไว้หนูแนะนำเพื่อนสาว ๆ สวย ๆ เอ๊าะ ๆ ให้พ่อใหม่ส
“เซ็นแล้ว... ผมมีของขวัญให้พี่สาวคุณด้วยนะ แต่ว่า... มันอยู่ในมือถือ ไม่รู้ว่าอยากดูไหม?” “คุณ... หมายความว่าไง?” ขณิกาหน้าชาวาบ เพียงชายตรงหน้าสลัดคราบเทพบุตรเป็นซาตานร้ายใช่... ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาขณิการู้ว่าถ้าเขาร้าย เขาจะร้ายได้แค่ไหน! “พี่ยักษ์ก็หมายความอย่างที่พูด ของขวัญให้คนรักไอ้พิภพอย่างน้องพาย อืม... แต่พี่ว่านะ มันรักลูกสาวกับเมียเก่าที่สุด ไม่มีเศษซากความรักเหลือเผื่อแผ่ให้ส่วนเกินหรอก” “คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณเมฆ อย่าไปยุ่งกับพี่อริสเลย... ที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ พายขอ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเว้าวอน มือเรียวเอื้อมไปแตะลงบนท่อนแขนแกร่งที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวผม...” ท่าทางเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจอย่างรุนแรง ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ยามสบมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่เคยอบอุ่น อ่อนโยนกับเธอมาเสมอ “พี่สาวคุณก็ทำร้ายคนของผมนะอย่าลืม ที่เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ น่ะ คุณเมฆไม่ทำ ผมเป็นคนเล่นใหญ่” “คุณเมฆ... คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย... คุยกับพายดี ๆ ได้ไหม
นายหัวฟาร์มม้าดูจะทำตัวหม่นหมองลงทุกวันจนคนรอบกายพลอยเครียดตาม สิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชมขณิกาคือไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายมากคารมอย่างเมธพนธ์ที่ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยังมีฐานะร่ำรวยกับธุรกิจสีเทาที่จับอยู่ ความเจ้าเล่ห์ของนายเมธพนธ์นับว่าเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกคนไม่ได้เข้าใจในความหมายของเธอเลย หันกลับไปทางภรรยาที่เสียชีวิตในวัยสามสิบเจ็ดปี “แกไม่รักแม่แกแล้วหรือ? อริส” หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย และที่ว่าจะไม่พูดก็ไม่น่าไหว... “แม่ตายไปตั้งกี่ปีแล้วพ่อ นี่คือชีวิตของคนเป็น คนที่ต้องเอาใจใส่คือคนที่ยังอยู่ ไม่ใช่คนตาย” หัวใจหนุ่มใหญ่พลันกระตุกวาบกับคำพูดตรง ๆ ของลูกสาว เขาไม่เคยสนใจความสุขนั้นเลย ยังพยายามยัดเยียดความคิดให้ลูกแต่งงานกับเตชิน เพราะเป็นความต้องการของคนตาย... เพราะเขาเป็นฆาตกร... ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาได้ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอหยดน้ำใสกับทุกความรู้สึกผิดในอดีต เสียงทุ้มสั่นเครือ “มาไหว้แม่ก่อน” หน้าเจดีย์ที่มีกระเบื้องหลากสีใต้ร่มไม้ พ