เราต่างล้วนเคยแอบรักใครสักคน ยามที่ลมพัดผ่านม่านจนพริ้วไหว 'พริมา' จับได้คาหนังคาเขาว่าแฟนนอกใจจึงเดินออกจากตรงนั้นมาทันที เพื่อนรักเลยช่วยปลอบใจด้วยการพากันไปเมาหัวราน้ำในงานปาร์ตี้ของบริษัท นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะทั้งคู่คบกันมาตั้งหลายปี ใคร ๆ ก็คิดว่าหญิงสาวคงเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแน่ แต่ไม่นึกเลยว่าอาทิตย์ต่อมา พริมาจะควงหนุ่มคนใหม่มาทำงานด้วยเสียอย่างนั้น 'ภูดิศ' เฝ้ามองร่างบางนั่งกระดกน้ำสีอำพันตามลำพัง ดวงตาคมดูแพรวพราวพิกล จนเพื่อนรักที่สังเกตอยู่นานต้องบอกว่า "ชอบก็เข้าไปทักสิวะ น้องเขาเพิ่งเลิกกับผัววันนี้เอง" เออดี สมกับที่เป็นเพื่อนกันมานาน รู้ใจดีเหลือเกิน "นั่นไงผัวเขา ทำท่าเหมือนอยากเคลียร์กับพราวด้วยนะ ถ้ามึงยังลีลาอยู่...อ้าว ไวจริงเพื่อนกู" ก็ต้องไวสิ เรื่องอะไรจะชักช้าอยู่ล่ะ ในเมื่อเขา...
Lihat lebih banyakพริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลย
ก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้
อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมาย
ก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์
แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืน
พริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้
ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดี
อีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออัคคี แฟนหนุ่มสุดหล่อ
พี่เปลวเป็นช่างภาพหลักประจำสตูดิโอใหญ่ เขาตามจีบตั้งแต่เธอเข้ามาฝึกงาน พอได้เป็นพนักงานประจำก็เริ่มคบกัน นับถึงตอนนี้ก็เข้าปีที่สามแล้ว
มาเที่ยวครั้งนี้จึงได้พักห้องเดียวกัน พอใกล้ได้เวลาลงไปร่วมงานเลี้ยงฉลองปิดโปรเจคใหญ่ยักษ์ เธอเลยขึ้นมาปลุกให้เขาแต่งตัวแล้วลงไปพร้อมกัน
พริมาแตะคีย์การ์ด ค่อย ๆ แง้มประตูห้องพักเข้าไป เผื่อว่าแฟนหนุ่มจะยังไม่ตื่น
ตอนที่นั่งรถมาอาการของพี่เปลวดูไม่ค่อยดีนัก ถ้าเขาไม่ไหวเธอจะได้โทรบอกให้เพื่อนเข้างานไปเลย
“ซี้ด อา แรงอีกสิ ไปเอากับใครมาก่อนจนหมดแรงหรือไง”
“บ้า พี่ก็เอาเปลวอยู่คนเดียว อือ อืม เต็มร่องดีจัง”
“ร่อนอีกหน่อยสิพี่ดา ถ้าร่านแค่นี้ผมเอากับพราวก็ได้”
“อย่าใจร้อนสิจ๊ะ เปลวก็รู้ดีว่าพี่เอาเก่งกว่าเด็กนั่นเป็นไหน ๆ”
“ก็จริง ถ้าพราวเก่งได้สักครึ่งของพี่ ผมคงไม่ต้องไปหากินที่อื่นเพิ่ม ซี้ด อย่างนั้นแหละ ลงมาแรง ๆ เลย พอชมหน่อยแล้วคึกขึ้นมาเชียวนะ”
พริมายืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตู ถึงจะมองไม่เห็นภาพบนเตียง แต่แค่เสียงที่ได้ยินก็กระจ่างชัดเจนแล้ว
นี่น่ะเหรอคนป่วย คนเสี้ยนล่ะสิไม่ว่า
ทุกครั้งที่ลางานหรือออกไปทำงานนอกสถานที่ด้วยกันก็คงแอบกินกันอย่างนี้สินะ เขาถึงได้ชอบพูดว่าเหนื่อยจนไม่อยากใกล้ชิดกับเธอ
คิดว่าเธออยากใกล้ชิดเขานักหรือไง
“อืม ซี้ด ดูดแรง ๆ อีก เอาให้แตกคาปากเลย”
“ไม่เอา ร่องพี่อยากกินน้ำของเปลวมากกว่า”
“งั้นก็รีบใส่เข้าไปสิ เฮ้ย! พราว! เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
สองร่างเปลือยเปล่าที่กกกอดกันอยู่บนเตียงหันมามองเธอเป็นตาเดียว พริมาโบกมือเป็นเชิงให้พวกเขาทำธุระต่อ
“ทำกันต่อเลยค่ะ พราวแค่แวะเข้ามาเอากระเป๋าเฉย ๆ”
ร่างบางเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ไม่สนใจแฟนหนุ่มที่เข้ามาห้าม
“ปล่อยมือค่ะ พราวจะรีบเก็บของ”
“เดี๋ยวก่อนสิ เราต้องคุยกันนะพราว”
“ได้สิคะ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูง “เราจบกันแค่นี้ โชคดีนะคะพี่เปลว”
พริมาแกะมือหนาออก พอดีกับที่ปภาดาเดินมาเกาะแขนชายหนุ่ม เธอเลยลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องได้
“พราว อย่าเพิ่งไป โธ่เว้ย”
ทันทีที่ประตูปิดลง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลพราก ขาเรียวรีบก้าวไปที่ลิฟท์เพื่อหนีจากความเจ็บปวด
ที่จริงเธอรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เพราะต่อให้พวกเขาพยายามแอบอย่างไรก็ปิดไม่มิด ยังมีข่าวลอยมาเข้าหูเธอจนได้
แต่ทุกครั้งที่เธอขอคุยด้วย พี่เปลวมักจะเล่นใหญ่โวยวายนั่นนี่ หาว่าเธอเชื่อคนอื่นมากกว่าเขา ต่อให้มีรูปถ่ายตอนที่พวกเขาออกจากโรงแรมมาด้วยกันเป็นหลักฐานก็ยังไม่ยอมรับ จนเธอไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้คาราคาซังมาอย่างนี้
พอมาได้ยินว่าเขาต้องอดทนคบกับยายจืดชืดอย่างเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงไม่ยอมเลิกกันให้จบ ๆ ไป
ร่างบางปาดน้ำตาทิ้งแล้วก้าวออกจากลิฟท์ เดินตรงไปเคาะประตูห้องเพื่อนสนิท พออิงฤดีเปิดประตูออกมาเห็นสภาพอีกคนก็โผเข้ากอดไว้
“ไม่เป็นไรแล้วนะพราว แกยังมีฉันอยู่ทั้งคน”
“ฮือ อิง” พริมาร้องไห้งอแง ก่อนเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง
ลำพังเลิกกับแฟนน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ็บใจที่ถูกนินทาว่าเรื่องบนเตียงของเธอห่วยนี่สิ
“ไอ้เราก็นึกว่าทำหน้าที่แฟนได้ดีทุกอย่างแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่ถึงใจพอเลยไปมีคนอื่น ถ้าไม่ชอบใจก็น่าจะบอกกันตามตรงสิ ฉันจะได้พยายามให้มากกว่านี้”
“หยุดเลย ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย ไอ้พี่เปลวมันเจ้าชู้อยู่แล้วต่างหาก เพราะผู้ชายที่ดีจริง ๆ เขาจะสอนแฟนให้ปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่โยนความผิดให้อย่างนี้”
อิงฤดีได้ยินพวกรุ่นพี่ในบริษัทพูดตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้วว่าสงสารเด็กใหม่ที่โดนหลอก แต่ทั้งคู่ก็คบกันมานานจนบางคนบอกว่าพริมาลบลายเสือได้
อันที่จริงก็แค่เปลี่ยนจากกินโจ่งแจ้งไปแอบกินต่างหาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ นึกอยากแก้แค้นแทนเพื่อนชะมัด ดูสิ ใบหน้าหวาน ๆ บวมช้ำเปื้อนน้ำตาไปหมดแล้ว
“เลิกร้องเถอะพราว อย่าไปเสียน้ำตาให้ผู้ชายไร้ค่าพรรค์นั้นเลย”
“ฉันไม่ได้เสียดายไอ้พี่เปลว แค่โมโหที่ถูกด่าว่าเอาไม่เก่ง” พริมาปาดน้ำตาลวก ๆ “ทำไมความรักมันถึงเจ็บปวดนักนะ”
“ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ทุกความเจ็บปวดจะช่วยให้เราเก่งขึ้นนะ”
อิงฤดีลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับดึงแขนเพื่อนไปด้วย
“ใกล้ได้เวลาแล้ว เราแต่งตัวสวย ๆ ลงไปดื่มฉลองความโสดกันดีกว่า เพราะในที่สุดเธอก็เลิกกับคนเจ้าชู้ได้สักที”
“นั่นสินะ มาลองอะไรใหม่ ๆ กันสักครั้งก็ดี ให้มันรู้กันไปว่าฉันจะเด็ดสู้ยายรุ่นพี่นั่นไม่ได้”
ว่าแล้วสองสาวก็เปิดกระเป๋ารื้อของออกมาแต่งหน้าแต่งตัวกันอย่างร่าเริง
พริมาคล้องแขนอิงฤดีเดินเข้าไปในเขตงานเลี้ยงริมสระน้ำ ที่มีพนักงานร่วมสี่สิบชีวิตกำลังปาร์ตี้กันอย่างเมามัน
บางคนก็แดนซ์กระจายอยู่หน้าบูทดีเจ บ้างก็ยืนพูดคุยกันอยู่ตามจุดต่าง ๆ สายดริ้งก์ยึดพื้นที่หน้าบาร์เครื่องดื่มเป็นบ้านหลังที่สอง แต่กิจกรรมที่น่าสนใจในสายตาพริมา คือการนอนจิบค็อกเทลสีสวยอยู่บนห่วงยางลอยในสระว่ายน้ำ
“เราไปหาอะไรดื่มกันบ้างดีกว่า”
อิงฤดีลากเพื่อนไปที่บาร์ทางซ้ายมือ แต่พอเห็นว่าใครนั่งอยู่ก็รีบเลี้ยวกลับ
“จะไปไหนล่ะ อยากหาอะไรดื่มไม่ใช่เหรอ” พริมาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่เห็นเหรอว่าใครนั่งอยู่”
“ใครล่ะ แกก็รู้ว่าฉันสายตาสั้นแค่ไหน” ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่แว่นคู่ใจมาด้วย
“ก็หัวหน้าน่ะสิ แกอยากนั่งดื่มโดยมีสายตาเย็นชาจ้องอยู่ตลอดหรือไง รอให้เขาไปก่อนดีกว่า”
อิงฤดีลากเพื่อนไปนั่งที่เก้าอี้ยาวสีขาวริมสระ ตั้งใจหันหลังให้บาร์เครื่องดื่ม ลืมคิดไปว่าวันนี้ใส่เสื้อผูกคอโชว์ทั้งแผ่นหลังมา
พริมายังไม่ทันจะนั่ง สายตาดันเห็นแฟนเก่าเดินควงแขนมากับชู้รัก จึงรู้สึกอยากเมาขึ้นมาทันใด
“ฉันไปหยิบให้แล้วกัน แกรออยู่นี่แหละ”
ร่างบางเดินกลับไปที่บาร์เครื่องดื่มทางซ้าย ผงกหัวทักทายหัวหน้าทีหนึ่งก่อนสั่งเครื่องดื่มที่แรงที่สุด
“ขอเป็นค็อกเทลให้เธอดีว่าครับ” นิธินันท์รีบบอกบาร์เทนเดอร์ เพราะรู้ว่าลูกน้องคนนี้คออ่อนแค่ไหน “ค่อย ๆ เริ่มดีกว่า เดี๋ยวจะน็อคเอาได้”
“นั่นสิคะ ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวคว้าแก้วค็อกเทลสีหวานขึ้นมากระดกอึก ๆ นิธินันท์จ้องมองอย่างเป็นห่วง ก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นสาเหตุที่ทำให้พริมาผีเข้าอย่างนี้
“ไม่ต้องไปเสียใจหรอก หลุดพ้นมาได้ก็ดีแล้ว”
“คะ” คนตัวเล็กหันไปมองหัวหน้าด้วยความแปลกใจ พอเห็นเขาพยักเพยิดไปอีกทางก็เข้าใจ “ขอบคุณค่ะ”
เธอขี้เกียจอธิบายว่าไม่ได้เสียใจอะไรนัก เลยปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจไปเอง
“ได้มาเที่ยวแล้วก็พักผ่อนให้เต็มที่ กลับไปก็ตั้งใจทำงาน เดี๋ยวก็ลืมไปเอง”
เสียงทุ้มเอ่ยนิ่ง ๆ แต่คนฟังน้ำตาแทบร่วง
หัวหน้าไม่ค่อยได้สุงสิงกับพวกเธอนัก พูดคุยกันแค่เรื่องงานเป็นหลัก เธอเลยคาดไม่ถึงว่าจะได้คำปลอบโยนจากเขาด้วย
ถ้าโชคไม่ดีเรื่องความรัก แต่มีเพื่อนร่วมงานที่ดีอย่างนี้ก็ดีมากแล้ว
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” พริมาค่อยยิ้มออกหน่อย
นิธินันท์ยกยิ้มกลับไป ก่อนสั่งค็อกเทลให้เพิ่ม “อยากดื่มก็ดื่ม แต่ดูแลตัวเองให้ดี ๆ ล่ะ”
“หัวหน้าไม่ต้องห่วงค่ะ พราวมากับ...อ้าว หายไปไหนแล้ว”
“ยังไงก็อย่าดื่มมากเกินนะ ผมไปล่ะ”
ขาดคำชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินหายไปในฝูงชน ร่างบางมองตามหลังจนบังเอิญสบตาเข้ากับอัคคี เธอเลยรีบหันกลับมาจ้องแก้วของตัวเอง
รอให้อิงฤดีมาตามแล้วค่อยกลับห้องด้วยกันดีกว่า
พออยู่ตามลำพังความเศร้าก็หวนกลับมาอีก พริมาเลยสั่งเหล้าอะไรสักอย่างมาดื่มให้สะใจ
แต่แค่จิบไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ต้องยอมรับว่าเมาเสียแล้ว แบบนี้จะกลับห้องถูกไหมเนี่ย
คนตัวเล็กตั้งสติแล้วหันไปมองหาเพื่อน จังหวะนั้นมีร่างสูงโปร่งเดินเข้ามานั่งแทนที่หัวหน้า
“เมาแล้วนะ”
เสียงทุ้มฟังดูอ่อนโยนอย่างประหลาด คนฟังจึงหรี่ตายื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ เพราะตอนนี้ไม่ได้ใส่ทั้งแว่นและคอนแทคเลนส์
“คุณ...”
ภูดิศใจร้อนมาก พอเข้าเช้าวันจันทร์ก็พาแฟนสาวไปจดทะเบียนสมรส เปลี่ยนสถานะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายให้เรียบร้อยแต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอนิธินันท์กับอิงฤดีที่นั่นด้วย ในมือถือเอกสารไว้ไม่ต่างกันเลย“อ้าว”“อุ้ย คือ...คุณภูขอให้เรามาเป็นพยาน...”“ไม่ต้องหาเรื่องแก้ตัวเลยย่ะ เปิดตัวได้สักทีนะเรา”พริมากอดแขนเพื่อนสนิทพากันเดินเข้าไปในสำนักงานเขต ทิ้งให้สองหนุ่มยืนมองคุมเชิงกันไปมาแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งคู่รับรู้ตรงกันว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วเย็นนี้ต้องรีบกลับไปผลิตทายาททันทีต่างคนต่างเซ็นเป็นพยานให้อีกคู่หนึ่ง เพียงไม่นานธุระก็เสร็จเรียบร้อย พอดีกับที่อธิปโทรตามให้รีบเข้าบริษัท“ไปไหนกันมา ทำไมที่แผนกบัญชีมีใครสักคน”บอสหนุ่มยืนกอดอกจ้องมองคนทั้งสี่ที่ดูมีพิรุธชอบกล“กูพาเมียไปจดทะเบียนสมรสมา”ภูดิศกอดคอพริมา ทำท่าทางอวดว่านี่คือภรรยาของตน อธิปเบะปากใส่เพื่อนก่อนหันไปหาหัวหน้าแผนกบัญชี“คู่นี้ก็เลยไปจดบ้างว่างั้น”“เปล่านะคะ ๆ” อิงฤดีรีบปฏิเสธพัลวัน“เราตั้งใจไปจดของเรากันเองครับ ไม่ได้แข่งกับใครจริง ๆ”นิธินันท์เอ่ยตอบแทน แต่นั่นกลับทำให้สีหน้าบอสหนุ่มยิ่งเคร่งข
พอปรับความเข้าใจกับแฟนสาวเรียบร้อย ภูดิศก็ขึ้นไปคุยกับน้องสาวบ้าง แต่กลับเจออธิปอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง“อ้าว เดมี่ล่ะ”“กูสั่งให้ลงไปช่วยเก็บกวาดที่ห้องบัญชี”“เออ ให้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก็ดี จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ”“มึงไม่กลัวเธอลงไปทะเลาะกับพราวเหรอ”“ไม่หรอก กูคุยกับพราวเข้าใจแล้ว” ภูดิศทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างที่โซฟา “กูห่วงเดมี่มากกว่า สงสัยจะทะเลาะกับแม่มาอีกแล้ว คงต้องให้หลบอยู่ที่ไทยสักระยะ”อธิปพับกระดาษใบหนึ่งเก็บใส่ลิ้นชักชั้นบนสุด ตาแอบมองเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“กูจะให้น้องมึงมาเป็นผู้ช่วย”“จริงเหรอ ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีสิ”“มึงจะไม่ถามเหรอว่ากูทำไปทำไม”“ไม่ล่ะ ถ้ามึงยอมช่วยเดมี่กูก็พอใจแล้ว”“แต่งานผู้ช่วยของกูมันหนักนะเว้ย เลิกงานก็ไม่เป็นเวลา ต้องตามกูไปทุกที่ ขนาดผู้ชายยังลาออกกันไปหมด”“ก็ลองให้เธอทำดูก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยเลิก มึงโอเคไหมล่ะ”“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้”“เออ ขอบใจมึงมาก”สีหน้าภูดิศสบายใจขึ้นเยอะ เพราะตอนอยู่ต่างประเทศก็มีอธิปนี่แหละที่เดมี่ดูจะเกรงใจบ้าง คงพอช่วยอบรมสั่งสอนได้อยู่“ถ้าเดมี่ทำตัวงอแงมึงก็ลงโทษได้เลยนะ”“มึงพูดเองนะ”อธิปถามย้ำ ภูดิศจึ
“ว่าไงนะ”“คุณภูพูดขอยายพราวแต่งงานแล้ว อิงก็เลยคิดว่าในเมื่อคู่ที่เพิ่งคบกันแค่เดือนกว่ายังคิดไปถึงขั้นนั้นได้ แล้วทำไมพวกเราถึงจะก้าวไปอีกขั้นไม่ได้”นิธินันท์รีบตบไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอี้ยวตัวไปกอดแฟนสาวไว้แน่น“ขอบคุณครับที่คิดฝากชีวิตไว้กับพี่ พี่สัญญาว่าจะดูแลเราให้ดีที่สุด”“อิงต่างหากที่ต้องขอบคุณ นอกจากพี่นันท์แล้วคงไม่มีใครทนกินไข่เจียวกรอบในไหม้นอกของอิงหรอกค่ะ”“พูดถึงเรื่องนี้...พราวยังเปิดคอร์สสอนเราทำกับข้าวอยู่ไหม”“พี่นันท์!”“ตัวพี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก สงสารก็แต่ลูก”“นี่คิดไปถึงไหนแล้วคะ”“ถึงตอนทำลูกไงครับ”“คนหื่น!”ร่างบางเอ็ดเข้าให้อีกรอบ แต่คนตัวโตก็หาได้เกรงกลัว กดจูบกดหอมจนน้ำลายเปียกหน้าแฟนสาวไปหมด“ถ้าอิงอยากจัดงานแต่งแบบไหนก็บอกได้เลยนะ พี่อาจทำได้ไม่หรูหราอะไรนัก แต่พี่ก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้เราต้องอายใคร”“ไม่ต้องหรอกค่ะ เราจดทะเบียนกันเฉย ๆ ก็ได้ เก็บเงินค่าจัดงานไว้เลี้ยงลูกดีกว่า”“ไปถามพ่อแม่ก่อนไหม พี่อยากให้เกียรติเราเต็มที่ เพราะชาตินี้พี่จะแต่งงานแค่ครั้งเดียว”“อิงเคยถามแล้ว พ่อกับแม่บอกว่าให้พี่ไปผูกข้อมือที่บ้านก็พอ ไม่ต้องใ
คนป่วยรู้สึกตัวตื่นตอนเช้ามืดวันถัดมา ความรู้สึกแรกคือคันปากยิบ ๆ และหายใจไม่สะดวกเท่าไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าตอนก่อนจะหมดสติไปภูดิศกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นเสาน้ำเกลือก็แน่ใจแล้วว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นเงาตะคุ่ม ๆ ที่ฟุบอยู่ข้างเตียงก็ต้องเป็นสุดที่รักของเขาแน่นอนไม่รู้ว่าพริมาได้หลับไปตอนกี่โมง ภูดิศจึงปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนไปดวงตาคมจ้องมองคนหลับสนิทไม่วางตา เจ้าของดวงหน้าหวานที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ต่อให้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปีก็ยังไม่ลืม เพราะไม่มีใครทำให้ใจเขาเต้นแรงได้เท่าเด็กแว่นข้างบ้านคนนี้อีกแล้วนึกไปก็น่าขำ ที่เขาฝึกเล่นกีต้าร์ก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากน้องน้อย แต่ดันได้ความรำคาญมาเสียอย่างนั้นยังดีที่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอจดจำเขาได้เช่นกันตอนนั้นเองอีกคนก็รู้สึกตัวตื่น พอเห็นว่าเขานอนลืมตาอยู่ก็รีบควานหาแว่นมาสวมก่อนลุกขึ้นยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ“พี่ภูฟื้นแล้ว ดีจังค่ะ”“เด็กขี้แย พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ภูดิศยกมือจะช่วยเช็ดน้ำตาให้คนรัก แต่เธอกลับจับมือเขาไปกุมไว้“พี่ทำให้พราวตกใจมากเลย ทำไมถึงดื่มแอลกอฮอล์ล่ะคะ”“มีคนสลับแก้วของพี่น่ะ ไ
“แกทำอะไรผัวฉัน”พอได้ยินแบบนั้นอธิปถึงเข้าไปดูสภาพเพื่อนให้ดี ๆ ก่อนจะรีบโทรตามรถพยาบาลโดยด่วนให้ตายสิ ลืมเช็กเรื่องนี้ไปได้อย่างไร นี่ถ้าไอ้ภูเป็นอะไรขึ้นมาชาตินี้เขาคงไม่มีทางให้อภัยตัวเองเป็นแน่ส่วนปภาดาที่ถูกตบถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน เพราะคราวก่อนไม่เห็นว่ายายเด็กนี่จะทำอะไรเลย ขนาดนั่นเป็นผู้ชายที่คบกันมาตั้งหลายปี เธอจึงคิดว่ากับคนที่เพิ่งคบกันไม่กี่เดือนคงไม่หวงถึงขั้นลงไม้ลงมืออย่างนี้อัคคีเองก็ตกใจไม่แพ้กัน พอเห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานก็ยิ่งหงุดหงิด ทำไมต้องมองเหมือนเขาเป็นคนถูกทิ้งด้วยระหว่างที่ยังไม่มีใครตั้งสติได้ พริมาก็ตบคู่กรณีเข้าอีกฉาด คราวนี้ปภาดารู้สึกตัวแล้ว“นังนี่ ผัวแกเมาแล้วข่มขืนฉันนะ”“ยังจะพูดพล่อย ๆ เอาอีกสักฉาดไหม”พริมาง้างมือจะตบอีกรอบจริง ๆ แต่อธิปเข้ามาห้ามไว้“พอแล้วพราว มาดูไอ้ภูก่อนดีกว่า”“รถฉุกเฉินยังมาไม่ถึงอีกเหรอคะ”พอเธอถามแบบนั้นอธิปจึงแยกไปดูให้ ส่วนร่างบางย่อตัวลงข้างชายหนุ่มที่นอนหมดสติอยู่บนโซฟา มือก็ช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยขึ้นหน่อย“เดี๋ยวสิยะ แกต้องเคลียร์กับฉันก่อน จะเอาตัวคุณภูไปทั้งแบบนี้ไม่ได้”ปภาดากระชากไหล่คนตัวเล็กอย่างแรงให
เวลาที่ปิดโปรเจคอะไรได้ ทีมงานมักรวมตัวไปสังสรรค์กันที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนักภูดิศในฐานะคนคุมโปรเจคย่อมปฏิเสธไม่ได้ อีกอย่างอธิปก็บอกว่าอยากให้มารู้จักกับเจ้าของร้านเอาไว้ด้วย เผื่อพาลูกค้ามาคุยงานที่นี่จะได้สะดวกหน่อย“นี่คุณวีรกร ส่วนนี้ไอ้ภูดิศ เพื่อนสนิทผมเองครับ”“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมได้ยินคุณเอสพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ”วีรกรจับมือกับชายหนุ่ม อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกลับไป“ยินดีเช่นกันครับ”“เชิญตามสบายนะครับ อยากได้อะไรก็บอกเด็ก ๆ ได้เลย”“ขอเป็นม็อกเทลให้เพื่อนผมนะครับ”อธิปกำชับเจ้าของร้าน ก่อนที่จะเดินไปร่วมวงกับคนอื่น ๆ ที่เปิดโต๊ะรออยู่ก่อนแล้ว เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร ยิ่งงานเลี้ยงอย่างนี้ก็ยิ่งปล่อยตามสบายภูดิศนั่งลงบนเก้าอี้ถัดจากเพื่อนสนิทได้ไม่นาน ก็มีคนมานั่งตรงเก้าอี้ข้าง ๆ“คุณภูอยากดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยวดาชงให้”ปภาดาขยับเก้าอี้เข้าใกล้ร่างสูงมากขึ้น เอียงหน้าเข้าไปพูดคุยราวกับกลัวอีกฝ่ายไม่ได้ยิน ทั้งที่ดนตรีเพิ่งเริ่มเล่นคลอเบา ๆ เท่านั้น ท่าทางไม่ได้เกรงใจอัคคีที่นั่งอยู่ไม่ไกลเลย“ผมไม่ดื่ม”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมขยับเก้าอี้ออกห่าง
Komen