วันจันทร์ หรงฉือยังคงมาประชุมที่เฟิงซื่อกรุ๊ปเฟิงถิงเซินก็มีประชุมสำคัญเช่นกัน ครั้งนี้จึงไม่ได้ลงมาชั้นล่างนั่งฟังหรงฉือประชุมด้วยตนเองแต่เมื่อประชุมเสร็จแล้ว เฟิงถิงเซินจึงถามเฉิงหยวนและเจียงเจ๋อว่า “การประชุมชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว? แผนงานที่ต้องจัดการส่วนที่เหลือส่งมาหรือยัง? ถ้าส่งมาแล้วเอามาให้ผมดูทีนะ”เฉิงหยวนและเจียงเจ๋อรู้ว่าก่อนหน้านี้เฟิงถิงเซินจะลงไปชั้นล่างเพื่อฟังหรงฉือประชุมได้ยินเฟิงถิงเซินพูดแบบนี้ เฉิงหยวนและเจียงเจ๋อมองหน้ากันไปมา จากนั้นมองกองเอกสารด้านหน้าเฟิงถิงเซินพรุ่งนี้เฟิงถิงเซินต้องไปทำงานนอกสถานที่ เอกสารบนโต๊ะเหล่านี้เฟิงถิงเซินต้องจัดการให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ ในทางกลับกัน เนื้อหาที่พวกหรงฉือประชุมจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า ตอนนี้เป็นเพียงแผนงานฉบับร่างเท่านั้น รอเฟิงถิงเซินไปทำงานนอกสถานที่กลับมาแล้วค่อยจัดการก็ยังไม่สาย แต่เฟิงถิงเซินพูดมาขนาดนี้แล้ว เจียงเจ๋อจึงลงไปที่ออฟฟิศเอาเอกสารการประชุมชั้นล่างที่เพิ่งจะส่งมาเมื่อครู่มาให้เฟิงถิงเซินแม้จะเป็นแผนงานฉบับร่าง แต่ที่จริงหรงฉือก็ได้วางแผนจัดการงานส่วนที่เหลือไว้โดยละเอียดแล้ว ด
เธอมักจะพูดเสมอว่าตนงานยุ่ง ไม่มีเวลาต่อให้จะงานยุ่งหรือไม่มีเวลาขนาดไหน แค่โทรศัพท์สายเดียวก็คงไม่เสียเวลามากนักหรอกมั้ง?แต่ตอนที่เธอโทรไปหรงฉือ น้อยครั้งนักที่หรงฉือจะรับสาย เรื่องที่เป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึงดูเหมือนว่าสำหรับหรงฉือแล้ว ทุกสิ่งล้วนสำคัญกว่าเธอทั้งสิ้นเฟิงจิ่งซินยิ่งคิดยิ่งน้อยใจจนน้ำตาพรั่งพรูไหลออกมาเมื่อเห็นว่าเฟิงจิ่งซินท่าทางน้อยใจแบบนี้ หรงฉือยังไม่ทันได้พูดอะไร เฟิงถิงเซินยื่นมือไปเช็ดน้ำตาเธอพลางชิงพูดก่อนว่า “ตอนนี้แม่หนูงานยุ่งมากจริง ๆ เอาไว้ปีหน้าแล้วกัน ถ้าถึงปีหน้าแล้วงานของแม่หนูก็คงจะเบาบางลงแล้วล่ะ”เฟิงจิ่งซินยังเด็ก เมื่อถูกเฟิงถิงเซินพูดปลอบประโลมแบบนี้ ความน้อยใจเศร้าโศกก็บรรเทาลงไปไม่น้อย เธอใช้หลังมือเช็ดน้ำตา มองหรงฉือด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง “จริงเหรอคะ? ถ้าปีหน้าแล้ว แม่จะมีเวลาว่างมากขึ้นใช่ไหม?”อย่างไรเสียเฟิงจิ่งซินก็เป็นลูกสาวที่เธออุ้มท้องมาสิบเดือน ต่อให้จะสละสิทธิ์ในการเลี้ยงดูแล้ว แต่ที่จริงเธอก็ยังหวังให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของเฟิงจิ่งซิน หรงฉือทำใจไม่ได้ที่จะทำร้ายจิตใจ
อาจจะรู้ว่าหรงฉือไม่อยากคุยกับเขา หลังหรงฉือสั่งอาหารเสร็จ เฟิงถิงเซินก็พูดถึงเรื่องของเฟิงจิ่งซินกับหรงฉือขึ้นมา “วันพฤหัสบดีหน้า ซินซินจะไปต่างจังหวัดเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันที่สำคัญมาก วันนั้นคุณว่างไหม?”“จริงด้วยค่ะ คุณแม่ วันนั้นคุณแม่ไปเข้าร่วมกับหนูดีไหมคะ?”ในเมื่อต้องไปต่างจังหวัด กลับมาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันตอนนี้ฉางโม่ เจี๋ยเซี่ยว ยังมีเฟิงซื่อต่างก็มีงานมากมายรอให้เธอไปจัดการ เธออาจจะไม่มีเวลาหรงฉือครุ่นคิดจบ กำลังจะพูด แต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เฟิงจิ่งซินเห็นสีหน้าของเธอ ก็เข้าใจแล้วว่าเธออยากจะพูดอะไรเธอจำไม่ได้ว่าหรงฉือบอกกับเธอว่างานยุ่ง และให้คำสัญญาว่าถ้ามีเวลาก็จะมาอยู่กับเธออีกกี่ครั้งแล้วกันแน่ในความเป็นจริงแม้จะเป็นวันเสาร์ แม้เธอจะไปบ้านคุณยายทวด แม้เธอจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเธอ หรงฉือกลับแม้แต่เวลาจะอยู่กับเธอก็มีไม่มากนักเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เฟิงจิ่งซินบีบตะเกียบในมือ แล้วค่อย ๆ ถูไปมาบนจานข้าวตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่หรงฉือจะพูดอะไร เธอก็ก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงเบาว่า “เมื่อสองสามวันก่อนหนูไปเข้าร่วมการฝึกที่ต่างจังหวัด เพื่อนคนอื่น ๆ ต่างมี
เฟิงถิงเซินกับหรงฉือรู้จักกันมาหลายปี แถมยังแต่งงานกันมาหลายปีขนาดนั้นอีก เฟิงถิงเซินกลับไม่เคยชอบหรงฉือเลย ดังนั้น อย่าว่าแต่เด็กคนหนึ่งอยู่ด้วยเลย ต่อให้เฟิงถิงเซินกับหรงฉือจะออกมาทานข้าวด้วยกันตามลำพัง ตระกูลซุนกับตระกูลหลินล้วนไม่เกิดความกังวลหรือคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงถิงเซินกับหรงฉือจะพัฒนาขึ้นได้เลยซุนลี่เหยามีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ เพียงเพราะไม่ชอบหรงฉือเท่านั้นซุนเยว่ชิงและคุณยายซุนพวกเธอกลับมีปฏิกิริยาที่นิ่งมากซุนเยว่ชิงไม่ตั้งใจจะรบกวนเฟิงถิงเซินที่อยู่ในห้องส่วนตัว หลังตบซุนลี่เหยาเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เธออย่าพูดมากจนเกินไป ก็พูดกับผู้จัดการว่า “รบกวนนำทางด้วย”พูดจบ ก็ไม่มองหรงฉืออีก คล้องแขนคุณย่าหลิน แล้วเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งความสามารถในแวดวงเอไอของหรงฉือบางทีอาจจะดีมากจริง ๆ ก็ได้ เธอสามารถผูกสัมพันธ์กับอวี้มั่วซวิน แล้วยังทำให้อวี้มั่วซวินหลงรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้นอีก ก็ไม่ควรประเมินต่ำเกินไปจริง ๆ ทว่า สำหรับเฟิงถิงเซินแล้ว หรงฉือก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุดังนั้น ซุนลี่เหยากับคุณยายซุนพวกเธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เฟิงถิงเซินกับหรงฉือออก
คุณยายหรงเป็นหวัดมาสองวันแล้ว เช้าวันเสาร์ หลังจากที่หรงฉือไปเยี่ยมหรงอิ้งเซิ่งที่โรงพยาบาล ก็ขับรถไปโรงพยาบาลที่คุณย่าเฟิงพักรักษาตัวอยู่อีกตอนที่เธอมาถึง เฟิงถิงเซินกับเฟิงจิ่งซินก็อยู่ที่โรงพยาบาลกันแล้วสองวันมานี้คุณย่าเฟิงมีสภาพจิตใจดีกว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมาอยู่บ้างแล้ว พอเห็นเธอมาถึง ใบหน้าก็มีรอยยิ้มทันทีตอนที่หรงฉือกับคุณย่าเฟิงพูดคุยกัน เฟิงถิงเซินไม่ได้รบกวนพวกเธอ หลังเทน้ำให้หรงฉือแล้ว ก็นั่งปอกแอปเปิลอยู่ข้าง ๆ เฟิงจิ่งซินกับหรงฉือเมื่อฟิงถิงเซินปอกเปลือกหั่นแอปเปิลเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตอนที่จัดใส่จานเล็กเรียบร้อยแล้วก็ส่งให้เธอ หรงฉือทำได้เพียงรับไว้ แล้วพูดว่า “ขอบคุณ”“ไม่เป็นไร”เห็นว่าพวกเขาทั้งสองสามารถนั่งลงและพูดคุยกันอย่างใจเย็นได้ คุณย่าเฟิงก็แอบถอนหายใจเบา ๆหรงฉืออยู่ที่ฝั่งหรงอิ้งเซิ่งนานมาก เธอเข้ามานั่งอยู่กับคุณย่าเฟิงได้ครึ่งชั่วโมงใหญ่ ๆ ก็ถึงเวลารับประทานอาหารของคุณย่าเฟิงแล้วคุณย่าเฟิงเหลือบมองเฟิงถิงเซินแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันมีคนคอยดูแลเวลาทานข้าว ในช่วงที่อยู่โรงพยาบาล เสี่ยวฉือมาเยี่ยมฉันทุกวัน ถิงเซิน แกต้องเลี้ยงข้าวเสี่ยวฉือสักมื้อนะ”หรงฉือ
หลินอู๋ยิ้มเล็กน้อย พูดขึ้นว่า “จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว เลยเข้ามาน่ะ”ความจริงเธอไม่ค่อยวางใจเท่าไร การประชุมยังดำเนินได้ไม่ถึงครึ่ง เธอก็ออกจากซวิ่นตู้แล้วเธอรู้ดีว่า หรงฉือจะเข้าร่วมงานประชุมในวันนี้ เฟิงถิงเซินไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมด้วยซ้ำ แต่เขาก็เป็นไปตามที่เธอคาดเดาไว้ ยังอุตส่าห์ลงมาจากชั้นบนเพื่อมานั่งฟังหรงฉือประชุมพอคิดแบบนี้แล้ว เธอรู้สึกเจ็บปวดปนขมขื่น และสีหน้าก็แข็งทื่ออยู่หลายส่วนเฟิงถิงเซินดูเวลาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อีกประมาณสิบนาทีผมยังมีประชุมทางวิดีโอ และกว่าจะเสร็จคงต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ คุณจะขึ้นไปนั่งรอที่ชั้นบนกับผมก่อนไหม?”หลินอู๋ “ได้”ตอนบ่าย หลินอู๋กลับมาถึงบ้านตระกูลหลิน คุณยายซุนเห็นเธอ ก็พูดขึ้นว่า “ทำไมกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะ? ไม่ออกไปกินข้าวกับถิงเซินเหรอ?”“เขายังมีงานต้องทำค่ะ”“อย่างนั้นเหรอ”หลินอู๋รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หลังเธอเปลี่ยนรองเท้า อยากจะขึ้นไปพักผ่อน ซุนเยว่ชิงเห็นสีหน้าที่อยู่บนใบหน้าของเธอ ก็ถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ช่วงนี้เห็นอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ”หลินอู๋ชะงักไปอย่างไม่เป็นที่สังเกต ก่อนจะพูดโดยทำเหมือน