หนึ่งบุรุษทั้งเหี้ยมโหดแลเย็นชาไร้ปรานี หนึ่งสตรีแม้ไร้ค่าแต่ทว่าน่าปกป้อง **** เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนแต่กับนางแม้รู้อยู่แก่ใจไยไม่เปิดเผย
Voir plusหนึ่งบุรุษทั้งเหี้ยมโหดแลเย็นชาไร้ปรานี
หนึ่งสตรีแม้ไร้ค่าแต่ทว่าน่าปกป้อง
*******************
เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนแต่กับนางแม้รู้อยู่แก่ใจไยไม่เปิดเผย
แนะนำตัวละคร
หงซือกวน
ประมุขพรรคมารผู้ยิ่งใหญ่
พูดน้อยหมัดหนัก
แม้รักมาก....
แต่อย่าคิดว่าจะบอกออกไป
แสดงออกอย่างเดียว
****
เหม่ยหลิน
องค์หญิงแสนสวยรูปงาม สตรีในรั้วในวังอย่างแท้จริง
นางผู้เพียบพร้อมอ่อนหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
"ข้ากำลังจะแต่งงาน ว่าที่สามีของข้ากำลังรอข้าอยู่ ท่านจะมาฉุดคร่าลักพาตัวข้ามาอย่างนี้...ไม่ได้"
****
นิยายจีนโบราณแนวสมมติ
เน้นรักโรแมนติกเก็บข่มเพื่อปลดปล่อย
****
จากใจนักเขียน
เจอกันอีกแล้วกับนิยายรักโรแมนติกเน้นอ่านสบายสไตล์หลี่หง ไม่เน้นปมซับซ้อนเคร่งเครียด และก็เป็นเช่นเดิมที่หลี่หงยังคงชื่นชอบการสรรสร้างผลงานสู่สายตานักอ่านให้มากที่สุด ถึงแม้หลี่หงจะเป็นนักเขียนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่อย่าลืมเลือนกันนะเจ้าคะ
อีกเช่นเคยค่ะ กับนิยายแนวจีนโบราณ(ยุคสมัยสมมติ) เรื่องนี้ จอมใจจอมมาร เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่เจ้าแห่งยุทธภพ มีวรยุทธ์สูงส่งเหนือหมู่มวล เป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมและเย็นชา ฆ่าคนไม่กะพริบตา ทั้งยังเลือดเย็นไม่ธรรมดา เขาเป็นผู้ครองสำนักอันยิ่งใหญ่เหนือใครในโลกันต์ มีสมุนเดนตายและดิบเถื่อนในอาณัตินับหมื่นพันและอยู่เหนือสำนักใดๆ ในใต้หล้า หากแต่ยามเมื่อฝึกวิชาลับสุดยอดที่ชื่อว่า ฝ่ามือหมื่นโลกันต์ ซึ่งเป็นวิชาที่ผู้ฝึกจนสำเร็จเป็นเอกบุรุษไร้ผู้ใดเทียมทานได้นั้น จะต้องแลกมาด้วยความจำเลอะเลือน ไม่รู้จักกระทั่งตนเอง ว่าเป็นใคร ยิ่งใหญ่ปานใด
และแล้วเรื่องราวความรักจึงบังเกิด ท่ามกลางการลืมเลือนตัวตนของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่กับองค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวานผู้ลี้ภัย สตรีที่มีเพียงรอยยิ้มหวานล้ำและหยดน้ำตาพร่างพราว...
ก่อนอื่นหลี่หงต้องขอบอกก่อนว่าเรื่องนี้มิได้มีใครที่ดีสุดขั้ว และมิได้ชั่วสุดขีด ทว่าด้วยความที่ตัวละครเป็นเพียงมนุษย์ที่มีกิเลส ความปรารถนาต่อเพศตรงข้ามตามธรรมชาติย่อมต้องมี ความเห็นแก่ตัวก็มีเป็นเรื่องปกติ เมื่อรู้สึกว่ารัก แล้วเกิดความต้องการที่จะครอบครอง ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับทุกตัวละครของหลี่หงนะคะ
ขอขอบคุณจากใจ
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง
ไม่เน้นความรุนแรงหรือการแก้แค้น
ไม่เกี่ยวข้องกับผู้คน สถานที่ หรือยุคประวัติศาสตร์ชาติสมัยใดทั้งนั้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ขอให้ทุกท่านมีความสุข
บทนำ
ตามกฎของยุทธภพ น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองฉันใด บุคคลของยุทธภพย่อมไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับบุคคลของราชสำนักฉันนั้น แต่พวกเขาพร้อมฉีกกฎ!
ในยุทธภพล้วนมีคนที่ต้องการเป็นหนึ่งในใต้หล้า หากแต่มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในใต้หล้าอยู่แล้ว แต่เขากลับมิรู้ตัวเลยว่าตนเองมีดีเหนือใคร ยิ่งใหญ่เพียงไหน เพราะเขาจำสิ่งใดมิได้เลย
หงซือกวน ชายหนุ่มรูปงาม ฝีมือกล้าแกร่ง เจ้าแห่งสำนักหมื่นโลกันต์ ที่ฝึกฝนวิชาร้ายกาจเหนือใครในยุทธภพได้สำเร็จ แต่กลับต้องแลกมาด้วยความทรงจำที่เลือนหาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ยิ่งใหญ่ปานใด แต่ที่แน่ใจ เขานั้นไร้ซึ่งความปรานี…
จะเป็นอย่างไร เมื่อเจ้าแห่งผู้นำเหนือกลุ่มฝ่ายอิทธิพลมืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เก่งกาจที่สุด โหดเหี้ยมที่สุด ผู้ซึ่งฆ่าคนอย่างเลือดเย็น กลับผันตัวเองมา เป็นเพียงบ่าวรับใช้ให้องค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวาน
นางซึ่งมีอาวุธเพียงรอยยิ้มและน้ำตา...
ทางอีกฝั่งหนึ่งของป่ารกทึบ“เจ้าควรตอบข้า” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามเสียงห้วนไปทางสตรีที่กำลังเดินหาสมุนไพรบางชนิดอยู่ตรงเนินดิน“ข้าก็บอกท่านแล้วว่า ไก่ป่าตัวนี้ควรยัดสมุนไพรเข้าไปด้วย เมื่อย่างสุกแล้วจะน่ากินมากขึ้น” ฟางหลันตอบคำพลางเดินหาสมุนไพรที่ต้องการต่อไปอย่างใจเย็น นางมีฝีมือการทำอาหารที่เลิศล้ำ ไก่ป่าย่างจะธรรมดาได้เยี่ยงไรหยวนจงหักคอไก่จนหักเสียงดังกร๊อบก่อนเอ่ยเสียงกดต่ำ “ข้ามิได้ถามเรื่องนั้น”ฟางหลันกลอกตาไปมาแล้วเอ่ย “เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอันใดจะตอบ” นางสังเกตได้ว่าท่านประมุขต้องการปิดบังตัวตน อีกทั้งองค์หญิงยังกำชับว่าเรื่องของท่านประมุขมิให้เปิดเผยและมิให้เอ่ยถึง นางย่อมเชื่อฟัง เพราะในภายภาคหน้ามีบ้านหลังใหญ่กับอาภรณ์เลอค่าและเครื่องประดับมากมายรอนางอยู่!“เจ้าแค่บอกนามมา” เสียงห้าวยังคงเค้นถาม สายตาคู่คมจ้องมองอย่างกดดัน“ท่านก็เรียกว่า...อืม” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดไม่สะทกสะท้านท่าทางข่มขวัญนั่นเลยสักนิด นางยืนเอียงหน้าเอานิ้วเคาะปลายคางมน “อืม...หัวหน้าหง! ดีหรือไม่?” นางกล่าวพร้อมตบมือชอบใจคลี่ยิ้มงดงามหยวนจงนึกระอานางตรงหน้าเหลือเกิน “ข้ามิได้ถามว่าควรเรียกชายผู้นั้นว่าอ
“พี่หง!” เหม่ยหลินทำได้แค่เบิกตาโตมองคนที่ทำให้นางตกใจ เขาช่างว่องไวผิดกับท่าทางสุขุมเยือกเย็นหนักหนาหงซือกวนจับอุ้มเหม่ยหลินขึ้นมาบนต้นไม้ เพื่อให้นางได้ชมทิวทิศน์ยามอาทิตย์อัสดงที่กำลังตกลงไปที่ขอบฟ้า เพื่อมิให้นางคิดการณ์อันใดอีกต่อไปทุกเรื่องราวใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจนาง แต่เป็นนางต่างหากที่ไม่เข้าใจอันใด“เจ้าบอกมิให้ข้าคิดอะไร แต่เจ้ากลับคิดมากเกินไป” เสียงทุ้มเอ่ยออกมากับนางตรงแผงอกเหม่ยหลินที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นบนตักแข็งแกร่งก็ให้รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด วงแขนที่โอบรัดร่างนางสร้างความรู้สึกหวามไหวไปทั่วทั้งใจ จึงกล่าวคำใดไม่ออกทั้งนั้นไม่แม้แต่จะเถียงเขากลับไป นางทำได้แค่มองหน้าเขาใกล้ๆ กะพริบตาเบาๆหงซือกวนก้มหน้ามองนางในระยะประชิด รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นหอมรินรด ความรู้สึกปรารถนาแนบชิดเอ่อล้น ทว่ายังต้องรอเวลาที่เหมาะสมเขาไม่อาจหยามเกียรตินาง และไม่อาจลดเกียรติของตนเองสายตาคมดำที่ลึกล้ำเกินจะหยั่งพยายามละออกจากวงหน้าสะคราญแล้วมองออกไปยังทัศนียภาพเบื้องหน้า ที่ความงดงามจับตาไม่สามารถสู้นางตรงหน้าได้เลยเหมยหลินเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคมคายตาไม่กะพริบ เห็นเขาละความสนใจจากนางไป
ฟางหลันที่ความรู้สึกไวมากจึงรับรู้ได้ไม่ยาก นางละสายตาออกจากวงหน้าหล่อเหลาของใครบางคน แล้วทำท่าจะเดินไปหาอาหาร เสียงแว่วหวานพลันดังออกมา “ท่านแม่ทัพ ไปช่วยฟางหลันเถิด”เหม่ยหลินเอ่ยอย่างใจดี เนื่องจากนางต้องการอยู่กับพี่หงเพียงสองต่อสองจึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าฟางหลันกับหยวนจงก็คงต้องการอยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นกัน หญิงสาวโปรยยิ้มหวานเช่นสตรีน้ำใจงามส่งให้หยวนจงแม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วมองอย่างประหลาดใจและไม่เข้าใจสายตาของเหม่ยหลินเลยสักนิด หากแต่รอยยิ้มหวานล้ำนั้นของนางกลับใช้ได้ผลกับเขาชายหนุ่มถึงกับต้องหลับตาลงแผ่วเบา รู้สึกอึดอัดในโพรงอกเป็นอย่างมากที่ต้องเก็บกดความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ ที่ผ่านมามิใช่ว่าเขาจะไม่เคยแสดงท่าทีอันใด หากแต่นางเป็นถึงองค์หญิง ทั้งยังวางตัวดีมาโดยตลอด ไม่เย่อหยิ่งแต่กลับมองแล้วให้ความรู้สึกสูงส่ง ไม่ถือตัวแต่กลับมีท่าทางน่าเคารพนางมองเขาเป็นสหายวัยเยาว์มาโดยตลอด ไม่เคยวางท่าทีว่าอยู่เหนือเขาทั้งยังไม่เคยแสดงออกถึงความห่างเหิน แต่นางมักจะเว้นระยะห่างได้อย่างเหมาะสม จนเขาไม่กล้าล้ำเส้นเลยสักครั้งที่ทำได้ก็มีเพียงร่วมรักกับสตรีอื่นเพื่อเติมเต็มก็เท่านั้น ยิ่งเขาได้เ
ทั้งหมดออกเดินทางเรื่อยๆ เป้าหมายคือกลับเข้าเมืองหลวงของต้าโจวทั้งสี่คนไร้รถม้าให้อาศัย เนื่องจากอาณาเขตรอบด้านล้วนเป็นป่าใหญ่ ซึ่งเชื่อมต่อกับหมู่บ้านเร้นลับ ที่บัดนี้กลายหมู่บ้านสุสาน อันไร้ผู้คนสัญจรดั่งเก่าก่อนเหม่ยหลินนั้นเป็นเพียงสตรีในห้องหอไร้ซึ่งวรยุทธ์อันใด ทั้งพลังลมปราณก็ไม่มีทั้งนั้น นางจึงเหน็ดเหนื่อยง่ายดายมากกว่าอีกสามคน หงซือกวนย่อมรู้ดี เพราะว่าเขาร่วมเดินทางมากับนางก่อนหน้าแล้วหลายวัน เขาจึงหยุดพักมาตลอดทางโดยที่เหม่ยหลินมิต้องร้องขอ“พักอีกแล้วหรือ?” ฟางหลันถามขึ้นอย่างงุนงง เมื่อครู่ราวสองเค่อก็พักไปแล้ว ยังเดินไปได้ไม่ไกลเลยก็พักอีกจะพักอะไรกันหนักกันหนา ถ้าจะพักบ่อยเยี่ยงนี้ มิสู้อาศัยอยู่ที่บ้านของนางไปเลยหงซือกวนมิได้สนใจใคร เขาสนใจเพียงเหม่ยหลิน สายตาคมเฉี่ยวมองปราดเดียวไปทางนกประหลาดตัวใหญ่แวบหนึ่งเจ้านกเฟยเฟยเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อหยุดพักเมื่อใด มันจะรีบบินไปคาบกิ่งไม้ที่มีใบหนามาให้เหม่ยหลินนั่งพักทันทีเหม่ยหลินอมยิ้มจนแก้มแดงชำเลืองมองชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมที่รู้ใจนางเป็นที่สุดหงซือกวนเพียงเลิกคิ้วมองนางมิได้เอื้อนเอ่ยแม้ครึ่งคำ หากแต่สายตาคมปลาบที่ส่ง
หยวนจงมองตามสายตาของฟางหลันจึงได้เห็นเช่นกันเสียงต่อสู้ประมือหลังพุ่มไม้พลันชะงักหยุดลง ทั้งสองคนรีบพุ่งกายทะยานตามเจ้าเฟยเฟยไปอย่างใจตรงกัน แต่นกประหลาดตัวใหญ่หาใช่นกสามัญ ไม่มีใครตามมันทันทั้งนั้นหยวนจงและฟางหลันได้แต่ยืนมองเจ้านกเฟยเฟยอย่างเงียบงันทั้งสองหันหน้ามองกันคล้ายมีเปลวไฟลุกโชนในดวงตา“เพราะเจ้า!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงลอดไรฟันใส่หน้าหญิงสาวฟางหลันมีหรือจะยอมรับผิด “ถ้าท่านไม่พุ่งตัวมา ข้าก็ไม่ตกใจกลัว และหากข้าไม่เขวี้ยงมันออกไป ข้าอาจจะเผลอแทงท่านก็เป็นได้ ท่านก็น่าจะดูออก ไม่น่าโง่!” นางกระแทกเสียงใส่“อ้อ” หยวนจงส่งเสียงในลำคอ “เป็นความผิดของข้าอย่างนั้นหรือ?” จบคำก็บดกรามจนได้ยินเสียงฟันขบกันหญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นสูงเอ่ยเสียงแหลม “ใช่!” นางเชิดหน้างดงามใส่ใบหน้าหล่อเหลา “เพราะท่านทั้งหมด!”หยวนจงก้มหน้ามองฟางหลันด้วยดวงตาวาวโรจน์จนปลายจมูกโด่งสันชนกับปลายจมูกเชิดรั้นของนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงฮึในลำคออย่างระอา แล้วผลักไหล่บางของนางออกให้พ้นทางไปฟางหลันเสียหลักเล็กน้อยแล้วก็กลับมากอดอกยืดตัวตรงปรายหางตามองหยวนจงพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์เย้ยหยัน นางแค่นเสียงเล็กในลำค
คล้อยหลังของหงซือกวนและเหม่ยหลินเสียงทุ้มต่ำของหยวนจงพลันดังขึ้น “เจ้าคือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”ตามด้วยเสียงของฟางหลัน “ท่านคือแม่ทัพชั่วช้า!”“ข้าย่อมชั่วช้ากับสตรีเจ้ามารยาอย่างเจ้า” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยคำรุนแรงในแบบที่ไม่เคยเป็นพลางเดินไปตามทาง เสื้อผ้ายังคงของเขาเปียกชื้นไปหมด ฝ่ามือกำแน่นด้วยไร้กระบี่ที่ตามหาหญิงสาวไม่คิดยินยอม นางเอ่ยคำรุนแรงไม่ต่างกัน “ข้าย่อมมารยากับบุรุษมากเล่ห์อย่างท่าน”“ออกไปให้ห่างข้า” หยวนจงเอ่ยเสียงกร้าว เขาไม่ชอบสตรีนางนี้จริงๆ หากเป็นสตรีนางอื่นเพียงเขายิ้มให้แล้วหลอกล่อเพียงสองประโยคพวกนางก็พร้อมจะเชื่อฟัง แต่สตรีนางนี้ ให้ตาย เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาคุยดีๆ สักประโยค กระทั่งยิ้มยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง“ใครอยากใกล้ชิดท่านกัน คิดว่าตนเองเป็นยอดบุรุษหรือ? หลงตัวเองเกินไปแล้ว” ฟางหลันเอ่ยเย้ยหยันพลางเดินห่างออกจากเขาไปหลายก้าวพร้อมควงกระบี่ของหยวนจงเล่นยามเดินมาตามทางเหตุที่ทั้งสองทะเลาะกันอย่างนี้ก็เพราะหยวนจงสังเกตเห็นองค์หญิงเหม่ยหลินกับเจ้าองครักษ์ของนางมีสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะนำเรื่องนี้ไปทูลต่อฮ่องเต้ เพราะว่าถึงแม้จะเอาผิดเจ้าองครักษ์มักให
Commentaires