ใต้เท้าเว่ยพาเจี้ยนหยากับซูเหยายังที่พักของหมอหญิง เป่ยเปยยังตามมาติดๆ
ตงฟางชิง มองอยู่จากมุมหนึ่ง เขาจำได้ติดตาว่าซูเหยาคือหญิงที่เคียงข้างซีซวนในป่าวันนั้น ก้าวเท้ายาวๆ ประสานมือตรงหน้าใต้เท่าเว่ย
“ใต้เท้า สองท่านนี้คือผู้ใดกัน”
“อ๋อท่านองครักษ์ตง สองท่านนี้เป็นหมอหญิงคนใหม่และผู้ช่วยหมอหญิงที่ข้าตั้งใจ ให้เข้ามาช่วยเหลืองานในตำแหน่งหมอหญิง”
“หมอหญิงคนเก่าเล่า”
“หมอหญิงคนเก่า อย่างที่ท่านองครักษ์รู้ว่าฮองเฮาไม่ทรงโปรดปรานหมอหญิงคนเก่าฝ่าบาทจึงบัญชาให้ข้าหาหมอหญิงคนใหม่มาคอย ดูแลฮองเฮาต่อจากนี้”
“ใต้เท้าเว่ยทำอะไรรัดกุมฝ่าบาทจึงวางใจ แม่นางผู้นี้ข้าเห็นว่าไม่ควรให้เข้าไปดูแลฮองเฮาพักนี้ฮองเฮาหงุดหงิดง่ายด้วยกำลังทรงพระครรภ์หากเข้าไปเกรงว่าอาจไม่ได้อยู่ทำงานวังหลวงเป็นแน่” ใต้เท้าเว่ยยิ้ม
“ฮองเฮา ทรงรักฝ่าบาทแต่เดิมฝ่าบาทก็มีสนมนางในมากมายเรื่องนี้น่าจะเข้าใจ เปิดใจให้กว้าง หากเป็นเช่นนี้ จึงตั้งใจจะผูกมัดฝ่าบาทไว้คนเดียว การสืบสันตติวงศ์ ล้วนต้องอาศัย วงศ์วานหว่านเครือ หากยังทรงเป็นเช่นนี้ เกรงว่าฝ่าบาทจะมีไม่อาจมีองค์ชายองค์หญิงมากนัก จะต้องคอยรอให้มีกับฮองเฮาเพียงคนเดียว” พูดตามหลักความเป็นจริงแต่ทว่ากับทำให้ตงฟางชิงหวาดระแวงในตัวของซูเหยา
“ใต้เท้าพูดไปก็ถูกแต่อาจเป็นแค่ช่วงนี้ก่อนหน้านั้นเรื่องคัดตัวนางในคัดเลือกสนมล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการ ขอให้เรื่องนี้จบลงที่นี่ เหมือนกับว่าใต้เท้าเว่ยไม่เคยกล่าวมันออกมา” เว่ยกงฉียิ้ม
“บางครั้ง ข้าก็พูดตรงไปหน่อยท่านองครักษ์คงไม่นำเรื่องนี้ไปขยายต่อ” ประสานมือ พยักหน้าให้เจี้ยนหยาซูเหยาและ เป่ยเปยตามไป
ห้องพัก ในเขตวังหลวง ที่ไม่ได้กว้างขวางนักมีห้องแยกออกจากกันสองห้อง มีห้องครัวแยกออกไปห้องอาบน้ำและห้องเก็บสมุนไพร ด้านหน้าเป็นที่ตากสมุนไพรหลายชนิด มีดอกไม้เบ่งบาน แสดงว่าเจ้าของเดิม อารมณ์สุนทรีย์ไม่น้อย ห้องหับสะอาดสะอ้านแม้ห้องจะเล็กไปหน่อย แต่ด้านนอกกลับมีลานกว้างมีเก้าอี้ไม้วางไว้ ให้ได้นั่งหย่อนใจ เป่ยเปยเดินสำรวจรอบๆ
“ห้องพักคับแคบไปหน่อยหวังว่าท่านหมอจะไม่ถือสา”
“ใต้เท้าเกรงใจไปแล้ว ห้องแม้จะเล็กแต่ทว่า อบอุ่นอีกทั้งสะอาดสะอ้าน ด้านนอกร่มรื่นกว้างขวาง ซูเหยาเจ้าชอบหรือไม่”
หันไปหาซูหยาที่ได้แต่ยิ้ม อยู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นเหียนเมื่อกลิ่นสมุนไพรชนิดหนึ่งลอยมาตามลม ใต้เท้าเว่ยถอนหายใจเพราะรู้เรื่องจากปากของเจี้ยนหยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไร
เจี้ยนหยาส่งชะเอมใส่ในปากให้ซูเหยาอมแก้คลื่นเหียน เพียงครู่เดียวก็ดีขึ้น
“ท่านพ่อน้องสาวบุญธรรมข้านางเป็นอะไรจึงมีอาการคลื่นเหียน” เป่ยเปยถามเมื่อ เดินอยู่บนทางเดินทอดยาว ในเขตวังหลวงไปยังตำหนักใหญ่ของฮ่องเต้
“เจ้าคิดว่านางเป็นอะไรกันเล่า”
“นางตั้งครรภ์ใช่หรือไม่”
“รู้ได้อย่างไรเจ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือ”
“ท่านพ่อเห็นข้าโง่อย่างนี้ข้าก็ฉลาด เช่นกัน”
“แล้วเจ้าว่าอย่างไรหากนางตั้งครรภ์”
“ข้าก็รู้สึกโกรธพ่อของลูกในท้องนางที่ปล่อยให้ หญิงงามน่ารักน่าเอ็นดูอย่างซูเหยาต้องอุ้มท้องเพียงลำพัง”
ใต้เท้าเว่ยยิ้ม ด้วยเนื้อแท้ของเป่ยเปยเป็นคนดีไม่น้อยแม้เขาจะชอบเที่ยวเล่นสนุกสนานเกินไปหน่อย
“เช่นนั้น เจ้าก็ต้องดูแลนางอย่างดี เหมือนกับนางเป็นน้องของเจ้าเพราะนางน่าสงสารที่สุดในความคิดของข้าตอนนี้”
“แน่นอน ท่านพ่อข้ากับนางได้เป็นพี่น้องกันถือว่าเป็นวาสนา ว่าแต่ว่าองครักษ์ผู้นั้นเหมือนจะไม่ค่อยชอบนางเท่าที่ควร และข้าเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าเขา”
“ตงฟางชิงผู้นั้นภักดีเป็นที่ตั้ง ไม่ต่างจากข้าเพียงแต่ข้ากับเขาล้วนมีเรื่องต้องรับผิดชอบคนละอย่างกันสิ่งที่เขาทำก็คงเป็นหน้าที่เช่นกัน เจ้าเองต่อไปเชื่อฟังเขาให้มากยกเว้นเรื่องเดียวที่ ไม่สมควรจะเชื่อเขา”
“เรื่องอะไรกัน ท่านพ่อ”
“เรื่องน้องบุญธรรมของเจ้า”
“ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับน้องบุญธรรมของข้าที่เขาจะมาคอยสั่งข้า”
“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เองแต่จำคำข้าไว้เจี้ยนหยามีบุญคุณต่อเจ้าไม่น้อย จงดูแลซูเหยาที่เปรียบเหมือนของมีค่าชิ้นเดียวของเจี้ยนหยาให้ดีนั่นล่ะ ถึงจะเรียกว่าตอบแทนบุญคุณ"
“ฝ่าบาท ใต้เท้าเว่ย นำท่านหมอหญิงคนใหม่มาที่วังหลวงแล้ว” ซีซวนเงยหน้าขึ้นจาก กระดานหมากล้อมที่กำลังใช้ความคิด”
“ฮองเฮาจะไปลองทดสอบพูดคุยกับหมอหญิงหรือไม่ บางทีอาจถูกใจเจ้า” อิงฝาน ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีแววตาห่วงใย แต่ไร้ซึ่งควารักใคร่ในนั้น
“ความจริงจะเป็นใครก็ได้ฝานฝานไม่ได้เกี่ยงงอนแต่อย่างใด หากฝ่าบาทตกลงปลงใจว่าคนผู้นั้นเหมาะฝานฝานจึงไม่อาจขัด”
“เช่นนั้น หมากตานี้จบลง ตงฟางชิงเชิญท่านหมอหญิงที่ ศาลาเหมยฮวา”
“น้อมบัญชาฝ่าบาท” ตงฟางชิง ก้าวขายาวๆ ออกจากห้องไปยัง ที่พำนักของหมอหญิง ที่นั่น ซูเหยากำลังเกิดอาการคลื่นเหียนจนน่าสงสาร เจี้ยนยา ไปทีjหองเครื่อง ปล่อยให้ซูเหยาส่งเสียง อาเจียนดังไปทั่วบริเวณ ตงฟางชิง ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน
“แม่นาง” รินน้ำใส่ถ้วยส่งให้ ใบหน้างดงามซีดเซียวจนน่าสงสาร
“ขอบคุณท่านองครักษ์” มือใหญ่เผลอสัมผัสมือบางที่เย็นฉืด ซูเหยายกน้ำในถ้วยขึ้นดื่ม
“ดีขึ้นหรือยัง”
“รออีกสักพักก็จะเป็นปกติ”
“มารดาของเจ้า ข้าหมายถึงท่านหมอหญิง”
“ท่านแม่ไปที่ห้องเครื่องตั้งแต่เช้าเราสองคนแม่ลูกยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ท่านแม่ไปหาเนื้อปลา ข้าต้มข้าวต้มรอไว้”
“ข้าจะกำชับให้เขายก อาหารมาที่นี่ในทุกมื้อ”
“ท่านองครักษ์ไม่ต้องกังวลเราสองคนแม่ลูกกินอยู่ง่าย”
“อาการป่วยของเจ้ามารดาไม่มียารักษาหรือไร” ซูเหยายิ้มในความไม่รู้ของตงฟางชิงที่เผลอมองรอยยิ้มงดงามนั้น
“ท่านแม่เจียดยาให้ข้าประจำขอบคุณท่านองครักษ์ที่ห่วงใย ตัดบทเสียดื้อๆ ตงฟางชิงยังไม่แน่ใจในอาการของซูเหยา ด้วยอาการลักษณะนี้ไม่พ้นเป็นอาการของคนที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ
“หากท่านหมอหญิงกลับมาเจ้าช่วยบอกท่านหมอด้วยว่าฝ่าบาทเชิญท่านหมอหญิงที่ศาลาเหมยฮวา ในทันที”
ซูเหยาตัวชารู้สึกว่าโลกทั้งโลกหมุน ก่อนจะเป็นลมล้มลงไป ตงฟางชิงรวบร่างบางก่อนจะลงไปกองกับพื้น
ตงฟางชิงอุ้มซูเหยาเข้าไปข้างในห้องพักวางร่างไร้สติลงบนแท่นนอน เจี้ยนหยาถลาเข้ามา ปัดมือตงฟางชิงออกจากตัวของซูเหยา
“ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินนาง แต่นางหมดสติ ข้าเพียงแค่นำบัญชาฝ่าบาทมาบอกกับท่านหมอฝ่าบาทมีบัญชาให้ท่านพบฝ่าบาทที่ตำหนักเหมยฮวา”
“ข้ารู้แล้วท่านไปเสีย” พยุงซูเหยาขึ้นก่อนจะหย่อนยาเม็ดลงไปในปาก ตงฟางชิงถอยห่างออกมา
“เหตุใดหมอหญิงจึงยังไม่มา”
“ฝ่าบาทเมื่อครู่บุตรสาวของนางอยู่ๆ ก็เป็นลม ท่านหมอคงกำลังดูแลกันอยู่” ไม่เป็นไรข้าไปที่นั่นเองก็ไม่น่าเกลียดในเมื่อนางมาไม่ได้ จึงเป็นข้าที่ต้องพบนาง อาศัยให้นางดูแลลูกของข้าและฮองเฮาจะต้องเอาใจนางให้มากหน่อย”
ลุกขึ้นก้าวเดินไปยังที่พำนักท่านหมอหญิง ตงฟางชิงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านั้นหากเป็นซีซวนคนเดิม จะต้องโมโหสั่งให้ลงทัณฑ์ ทันทีเขาเองเสียอีกสงสารซูเหยากับมารดาคิดหาคำพูดแก้ต่างให้ทั้งสองกลัวว่าซีซวนจะลงทัณฑ์
เจี้ยนหยาบีบนวดซูเหยาที่กำลังนั่ง พิงต้นไม้ใหญ่ด้านนอก
“ดีขึ้นหรือยัง”
“ขอบคุณท่านแม่”
ยกชามข้าวต้มปลาตรงหน้าซูเหยากลิ่นหอมตลบอบอวลลอยไปไกล ซีซวนได้กลิ่นที่คุ้นจมูกบางอย่างบอกเขาว่ามันคือข้าวต้มปลา
“ใครกัน ปรุงอาหารยามนี้” ก้าวเท้ายังที่พำนักของซูเหยา
กลิ่นข้าวต้มปลายังอบอวล เจี้ยนหยา คนข้าวต้มปลาก่อนจะเป่าลมจากปากไล่ลมร้อนในชามข้าวต้ม“กินเสียหน่อย”ซีซวนตะลึงมองซูเหยา ใบหน้างดงาม ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที“ข้าไม่กินปลา กลิ่นคาวปลาที่นี่ทำให้คลื่นเหียน”เจี้ยนหยา มองซีซวนก่อนจะยิ้มมุมปาก“ข้าน้อยหวังเจี้ยนหยาเป็นหมอหญิงที่เพิ่งมาทำหน้าที่ส่วนนี่บุตรสาวข้าน้อยหวังซูเหยา”ซีซวนจ้องมองซูเหยานิ่ง ทำไมพบหน้าซูเหยาแล้วเขาถึงรู้สึกเศร้าและหดหู่กลิ่นข้าวต้มปลายังหอม ยั่วน้ำลาย“บุตรสาวข้านางเป็นคนทำข้าวต้มปลาเองกับมือ”ซีซวนขมวดคิ้วหันหลังออกเดินจากมาเกรงว่าหากอยู่ที่นั่นนานไปเข้าจะยิ่งหัวเสียซีซวนไปแล้ว น้ำตาที่ถูกสะกดกลั้นไว้ ไหลรินเป็นสาย เจี้ยนหยากอดซูเหยาลูบศีรษะให้ด้วยความสงสาร“ ความทรงจำเขาหายไปจริงๆ เขาไม่ได้ตั้งใจลืมเจ้า”“ช่างเขาต่อแต่นี้ถือว่าข้ากับเขาจบกันเพียงเท่านี้ เราสองคนไม่ใช่คนรักกันอีกต่อไปแล้ว” คำพูดเด็ดเดี่ยวมั่นคงจนเจี้ยนหยาอดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ตงฟางชิงคิดหาเหตุผลว่าทำไม ซีซวนถึงจำซูเหยาไม่ได้แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกแต่หากซูเหยาตั้งครรภ์จริงๆ ก็เป็นไปได้มากที่จะตั้งครรภ์กับซีซวนอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเมื่อซีซวน
ใต้เท้าเว่ยพาเจี้ยนหยากับซูเหยายังที่พักของหมอหญิง เป่ยเปยยังตามมาติดๆ ตงฟางชิง มองอยู่จากมุมหนึ่ง เขาจำได้ติดตาว่าซูเหยาคือหญิงที่เคียงข้างซีซวนในป่าวันนั้น ก้าวเท้ายาวๆ ประสานมือตรงหน้าใต้เท่าเว่ย“ใต้เท้า สองท่านนี้คือผู้ใดกัน”“อ๋อท่านองครักษ์ตง สองท่านนี้เป็นหมอหญิงคนใหม่และผู้ช่วยหมอหญิงที่ข้าตั้งใจ ให้เข้ามาช่วยเหลืองานในตำแหน่งหมอหญิง”“หมอหญิงคนเก่าเล่า”“หมอหญิงคนเก่า อย่างที่ท่านองครักษ์รู้ว่าฮองเฮาไม่ทรงโปรดปรานหมอหญิงคนเก่าฝ่าบาทจึงบัญชาให้ข้าหาหมอหญิงคนใหม่มาคอย ดูแลฮองเฮาต่อจากนี้”“ใต้เท้าเว่ยทำอะไรรัดกุมฝ่าบาทจึงวางใจ แม่นางผู้นี้ข้าเห็นว่าไม่ควรให้เข้าไปดูแลฮองเฮาพักนี้ฮองเฮาหงุดหงิดง่ายด้วยกำลังทรงพระครรภ์หากเข้าไปเกรงว่าอาจไม่ได้อยู่ทำงานวังหลวงเป็นแน่” ใต้เท้าเว่ยยิ้ม“ฮองเฮา ทรงรักฝ่าบาทแต่เดิมฝ่าบาทก็มีสนมนางในมากมายเรื่องนี้น่าจะเข้าใจ เปิดใจให้กว้าง หากเป็นเช่นนี้ จึงตั้งใจจะผูกมัดฝ่าบาทไว้คนเดียว การสืบสันตติวงศ์ ล้วนต้องอาศัย วงศ์วานหว่านเครือ หากยังทรงเป็นเช่นนี้ เกรงว่าฝ่าบาทจะมีไม่อาจมีองค์ชายองค์หญิงมากนัก จะต้องคอยรอให้มีกับฮองเฮาเพียงคนเดียว” พูดตามหล
“อย่าร้องไห้ซูเหยาแม่จะช่วยเจ้าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”“ท่านแม่เขาลืมข้าแล้วใช่ไหม” ถามซ้ำๆ ดวงตาเหม่อลอยเศร้าหมอง“หากเขารักเจ้าจริง จะต้องจำเจ้าได้อย่างแน่นอน” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ไม่รู้สึกมั่นใจในคำพูดของตัวเองหลายวันต่อมา“ใต้เท้า เว่ย” เจี้ยนหยาประสานมือตรงหน้า“อ่า ท่านหมอเจี้ยนหยาท่านนั่นเองไม่ได้พบกันเสียนานลมอะไรถึงหอบเอาท่านหมอเทวดามาถึงนี่”“ใต้เท้า หากไม่มีเรื่องรบกวนท่านคงไม่อาจพบหน้าข้าเดิม ข้าตั้งใจเร้นกายห่างหายจากวังหลวง แต่มาวันนี้มีบางเรื่องรบกวนท่าน”“คราวนั้นหากไม่ได้ ท่านหมอเจี้ยนหยา บุตรชายของข้าเป่ยเปยคง ไม่อาจมีชีวิตรอด คราวนี้ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟขอให้ท่านหมอเอ่ยปากเว่ยกงฉียินดีแบ่งเบา” เจี้ยนหยายิ้มบางๆเจี้ยนหยาจากไป พร้อมกับความสมหวังใต้เท้าเว่ยรับปากมั่นเหมาะ“ท่านพ่อรับน้องบุญธรรมเช่นนั้นหรือ ข้าไม่เห็นว่าจะจำเป็น” เว่ยเป่ยเปยก้าวออกมาจากด้านหลังของห้องแอบฟังสิ่งที่เจี้ยนหยากับบิดาพูดคุยกันได้ยินในตอนท้ายของความประสงค์“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากคนไม่เอาไหนเช่นเจ้าเป่ยเปย”“เช่นนั้นข้าก็ไม่รับนางในเมื่อข้าไม่เห็นด้วย”“ต้องดีต่อนางในเมื่อน
งานเฉลิมฉลองจัดขึ้นหลายวันผ่านไปราษฎรล้วนมีสุขถ้วนหน้าเจี้ยนหยาเก็บ กระจาดปลาที่ขายจนหมด ก่อนจะแวะไปที่ร้านขายไก่“ป้าเจี้ยน วันนี้ที่หน้าประตูวังเวลาเย็นมีการแจกจ่ายอาหารที่อร่อยระดับเดียวกับเครื่องเสวย แล้วยังมีการโปรยเหรียญทองกับเหรียญเงินอย่างละแสนตำลึง ข้าเห็นว่าป้าเจี้ยน เป็นคนกันเองนะถึงบอก ข้านี้จะรีบขายรีบปิดร้านไปกันทั้งบ้าน”“งานอะไรหรือเถ้าแก่ตง”“ฝ่าบาท กลับมานั่งบัลลังก์หลังจากที่ถูกพวกกบฏ ลอบสังหารบัดนี้ ทวงบัลลังก์คืนได้แล้วอีกอย่างว่ากันว่าเป็นข่าวดีที่สุดฮองเฮาทรงพระครรภ์ ฝ่าบาทจึงดีใจจัดงานเฉลิมฉลอง แล้วยังงดภาษีอีกตั้งสามปีงานนี้เพราะพระบารมีจริงๆ เดิมถูกทำการกบฏมีเสียงร่ำลือว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์มาครั้งนี้นับว่าเป็นข่าวดีถึงสามต่อ555อย่าลืมไปนะป้าเจี้ยน” เจี้ยนหยาพยักหน้าน้อยๆ คิดถึงซูเหยาที่ไม่ได้กินของดีดีนานแล้วหากได้ลิ้มรสอาหารดีดีเทียบเท่าเครื่องเสวยคงดีไม่น้อยอยู่บนเรือนแพกินแต่ปลาเช้าข้าวต้มปลาเย็นก็ปลาแห้ง จ่ายเงินซื้อไก่แล้วรีบไปที่เรือที่จอดไว้ตั้งใจไปรับซูเหยา ให้มางานเฉลิมฉลองเพื่อซูเหยาจะได้มีรอยยิ้มบ้างหลายวันมานี้ซูบผอมจนน่าใจหายแม้จะซื้อยาบำรุงครรภ์ไ
ซูเหยาขยับกายลุกขึ้นจากแท่นนอนยากเย็นเจ็บระบมไปทั่วตัวโดยเฉพาะจุดนั้น รอยหยดเลือดยังเปรอะอยู่ที่แท่นนอนไม้ไผ่ อมยิ้ม เมื่อคิดถึงบทรักหวานละมุนเมื่อคืน เขินอายกับเสียงกรีดร้องของตัวเองยามที่ซีซวนเร่งจังหวะกระแทกกระทั้น สวมใส่อาภรณ์เดินออกจากห้อง ไม่พบแม้เงาของซีซวน“ท่านแม่ ท่านพี่ข้าวต้มปลา”“เขาไปแล้ว”“ไม่จริง ไม่จริงเขาไม่มทางทิ้งข้าไป”ซูเหยาวิ่งเข้าไปในห้อง มองสำรวจจนไปทั่ว สิ่งที่พบคือป้ายหยก ลวดลายสวยงามที่เคยเห็นซีซวนแขวนไว้ข้างเอวเก็บมันขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาไหลรินสะอื้นไห้อย่างหนักเจี้ยนหยา เขามาสวมกอดลูกสาว“ท่านแม่เขาทิ้งข้าไปแล้ว”"ร้องออกมาเสียให้พอซูเหยาต่อไปจะได้ไม่ต้องร้องอีก”“ท่านแม่ซูเหยา...ซูเหยา เป็นของเขาแล้ว”มือใหญ่ลูบหัวให้เบาๆ“สักวันเขาจะกลับมา เจ้ารักเขามิใช่หรือก็ถูกแล้วที่จะเป็นของเขา”ซูเหยาซบหน้าลงบนอกมารดาสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดในหัวใจวังหลวงอิงฝานในอาภรณ์บางเบา นั่งอยู่บนตักของซีซวน ที่กอดรัดไม่ห่าง“คิดถึงเจ้าที่สุด….”อิงฝานยิ้ม“ฝ่าบาท กลับมาครั้งนี้ได้เวลาคัดตัวนางในพอดีปีนี้อิงฝานตั้งใจคัดนางในที่งดงาม ไว้คอยปรนนิบัติฝ่าบาทเยอะหน่อย”กดร่าง
เสียงปลาน้อยกระโดดเล่นน้ำจ๋อมแจ๋ม ซีซวนดึงอ้อมแขนออกช้าๆจุมพิตที่แก้วเนียน แผ่วเบา เหลือบตามองหยดเลือดที่เปรอะเปื้อนบนแท่นนอนไม้ไผ่ เผลอยิ้ม“แล้วข้าจะกลับมาซูเหยา”ลุกขึ้นแต่งกายอย่างเร่งรีบ ไม่อยากจากไปยามที่ซูเหยาตื่นลืมตาเขาคงไม่อาจ จากซูเหยาได้ในเมื่อตอนนี้ใจเขาอยู่ที่นางเสียหมดแล้ว จากลาไม่ต้องเอ่ยคำลา เพราะสัญญาว่าจะกลับมาอีกหน ปลดป้ายหยกที่ห้อยข้างเอวลงวางในมือของซูเหยา ก้มลงจุมพิตหน้าผากอีกครั้ง“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาละเมอแผ่วเบา หันหลังจากไปไม่หันหลังกลับมามองพาเรือล่องลอยออกจากเรือนแพไป ฟ้าเริ่มสางเมื่อเรือมาถึงฝั่งพอดี ผูกเรือไว้ที่เคยผูกไว้กับซูเหยา“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาลอยมาตามลมซีซวนยิ้มเศร้าๆ แค่เพียงห่างกันไม่ถึงชั่วยามเขายังคิดถึงซูเหยาเพียงนี้ก้าวเท้าขึ้นไปบนฝั่ง ตงฟางชิง ก้มลงประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาท”ซีซวนเบิกตากว้าง ใบหน้าคุ้นเคยของตงฟางชิง“เจ้าเป็นใคร”“ฝ่าบาท ตงฟางชิง องครักษ์เสื้อแพร”“เจ้าเรียกข้าว่าฝ่าบาท”"ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาทไม่มีทางเป็นอื่น”ซีซวนเงยหน้าขึ้นช้าๆ อาการปวดหัวรุมเร้าทว่าภาพความทรงจำในหัวแล่นเข้ามาเป็นสาย“ซินอ๋อง สมควรตายอย่างยิ่
“ข้าส่งข่าวบอกท่านพ่อตงฟางชิงท่านเองก็ระวังตัวด้วย”“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยข้าน้อยเร้นกายในค่ำคืนนี้ตั้งใจพบฝ่าบาทโดยเร็ว”ประสานมือจากไปเรือนแพ ซูเหยานั่งเหม่อมองจันทราที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าซีซวนทรุดกายลงข้างๆ“พี่ชายข้าวต้มปลา ท่านคิดว่าข้าจะคิดถึงท่านไหมหากท่านจากไป”“ข้าไม่อาจรู้ใจเจ้า รอให้อาวุโสกลับมาข้าจึงจะลองขออาวุโสให้เจ้าตามไปด้วย จะดีไหม”คิดถึงท่าทีดีใจของซูเหยาเมื่อรู้ว่าเขารอเพียงคำอนุญาตจากเจี้ยนหยา“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว อยากอยู่กับท่านแม่ท่านแม่ชรามากแล้วหากจากไปเกรงว่าท่านแม่คงลำบากไม่น้อย ข้ามมีท่านแม่เพียงคนเดียวหากข้าไป ท่านแม่ไปขายปลาที่ตลาดกลับมืดค่ำใครกันจะทำกับข้าวไว้รอ”ซีซวนยิ้มบางๆ“เจ้าคงคิดถึงข้าแค่เพียงไม่นานแล้วก็ลืมเลือนไป”“แล้วท่านจะคิดถึงข้าไหม”“ข้าคิดถึงข้าวต้มปลาของเจ้าแต่เดิมข้าไม่เคยลิ้มรส... เนื้อปลา”“ท่านก็แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเราข้ากับท่านแม่ยินดีต้อนรับเสมอ”“เจ้าไม่อยากไปจากที่นี่แล้วหรือ”“อยากไปแต่ ข้าคิดว่าคงทำให้ท่านพี่ข้าวต้มปลาอึดอัดใจในเมื่อท่านไม่อยากให้ข้าไปด้วย”จะบอกได้อย่างไรว่าเขา ไม่เคยรังเกียจซูเหยาแต่เพราะเขาคิดว่า เขาไม่อาจทำร้ายซูเหยา
“คุณชาย ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายอีกทั้งยังไปมาลำบาก หากคนที่ตามหาท่าน ต้องการตามตัวเห็นทีจะหาไม่พบ เหมาะแก่การเร้นกายรอให้พวกที่ไล่ล่า เลิกสนใจเสียก่อนจึงดีไม่น้อย”“อาวุโสไม่กลัวว่าข้าเป็นคนไม่ดีหรือไร”“ดีหรือไม่ข้าเจี้ยนหยาหาสนใจไม่ทุกวันนี้เราสองคนแม่ลูกก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครโลกภายนอกวุ่นวายวกวน ผู้คนล้วนสวมหน้ากากเข้าหากัน หากว่าท่าน ในตอนนี้ แม้แต่ชื่อตัวยังจำไม่ได้ มิสู้เร้นกายให้หายดีแล้วค่อยจากไป”“ข้า ไม่อยากรบกวนอาวุโสกับซูเหยาการกินอยู่ที่นี่ลำบากท่านทั้งสองยังต้องคอย ทำเผื่อข้า”เจี้ยนหยายิ้ม“ซูเหยาตั้งแต่เกิดก็อยู่ในเรือนแพตลอดมา แทบจะไม่เคยข้องแวะกลับใครนางจึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนข้างนอก”“อาวุโส ข้าตั้งจว่าหากบาดแผลหายดีจะกลับไปบนฝั่งเพื่อไปรื้อฟื้นความจำของตัวเอง”“ข้ากับซุเหยาคงเหงาไม่น้อย คุณชายอยู่ที่นี่เรือนแพจึงมีชีวิตชีวา”ซีซวนรู้สึกใจหายไม่น้อยแต่หากอยู่ที่นี่นานไปเกรงว่า เขาอาจเผลอทำลายซูเหยาโดยไม่รู้ตัว สาวน้อยสดใสเช่นซูเหยา มีบางอย่างที่ซีซวนแม้จะไร้ความทรงจำแต่เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะกับเด็กสาวผู้บริสุทธิ์คนนี้แม้แต่น้อย แต่จะเป็นด้วยอะไรซีซวนไม่อาจทราบได้
ร่างสูงสะดุ้งตื่นในตอนบ่ายคล้อยหันมองรอบกายข้าวต้มเย็นชืดบนโต๊ะไม้ไผ่ ร่างเล็กของซูเหยาฟุบหน้าลงข้างๆ“อ๋อ พี่ชายท่านฟื้นแล้ว”“เจ้า”“ซูเหยาไปอุ่นข้าวต้มให้ใหม่กินเสียหน่อยคงหิวแย่แล้ว” สายตาหวาดระแวงยังไม่หายไปเพียงครู่เดียวข้าวต้มควันฉุยก็ถูกยกเข้ามา“ข้าวต้มปลา ข้าตกปลาข้างๆ แพเมื่อตอนเช้า แล่แล้วต้มข้าวต้มที่นี่ปลาอุดมสมบูรณ์ขาดแต่ฟืนที่ต้องพายเรือขึ้นบกไปเก็บมาเหมือนที่เมื่อวานข้าเจอพี่ชายตอนกำลังเก็บฟืน”ซีซวนจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มขยับขึ้นลง ใบหน้าของใครบางคนซ้อนทับ ริมฝีปากสีแดงสด ร่างอ้อนแอ้นท่าทีอ่อนหวานริมฝีปากสีแดงถูกเขาบดเบียด“อิงฝาน”เปล่งเสียงเบาๆ ซูเหยายิ้ม“ข้าซูเหยา อ๋อท่านแม่บอกว่าความทรงจำของท่านจะหายไปชั่วขณะแต่อีกไม่นานจะดีขึ้นแค่หมั่นกินยาที่ท่านแม่เจียดให้ไม่นานท่านแม่ของข้าเก่งที่สุดแต่เดิมเคยเป็นหมอหญิงในวังหลวงเชียวนะ แต่ตอนนี้ท่านแม่ปลดระวางพาข้าเร้นกายในเรือนแพ แสนสงบ”ซูเหยาเจื้อยแจ้วไม่สนใจว่าซีซวนจะฟังหรือไม่ตักข้าวตัมปลาขึ้นเป่าไปด้วยพูดไปด้วยคนไปด้วยจนข้าวต้มอุ่นๆ ก็ตักจ่อที่ริมฝีปากให้ซีซวน“รสชาติดีที่สุด”ซีซวนได้กลิ่นปลาที่เขาไ่เคยกินมาก่อนด้