งานเฉลิมฉลองจัดขึ้นหลายวันผ่านไปราษฎรล้วนมีสุขถ้วนหน้าเจี้ยนหยาเก็บ กระจาดปลาที่ขายจนหมด ก่อนจะแวะไปที่ร้านขายไก่
“ป้าเจี้ยน วันนี้ที่หน้าประตูวังเวลาเย็นมีการแจกจ่ายอาหารที่อร่อยระดับเดียวกับเครื่องเสวย แล้วยังมีการโปรยเหรียญทองกับเหรียญเงินอย่างละแสนตำลึง ข้าเห็นว่าป้าเจี้ยน เป็นคนกันเองนะถึงบอก ข้านี้จะรีบขายรีบปิดร้านไปกันทั้งบ้าน”
“งานอะไรหรือเถ้าแก่ตง”
“ฝ่าบาท กลับมานั่งบัลลังก์หลังจากที่ถูกพวกกบฏ ลอบสังหารบัดนี้ ทวงบัลลังก์คืนได้แล้วอีกอย่างว่ากันว่าเป็นข่าวดีที่สุดฮองเฮาทรงพระครรภ์ ฝ่าบาทจึงดีใจจัดงานเฉลิมฉลอง แล้วยังงดภาษีอีกตั้งสามปีงานนี้เพราะพระบารมีจริงๆ เดิมถูกทำการกบฏมีเสียงร่ำลือว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์มาครั้งนี้นับว่าเป็นข่าวดีถึงสามต่อ555อย่าลืมไปนะป้าเจี้ยน” เจี้ยนหยาพยักหน้าน้อยๆ คิดถึงซูเหยาที่ไม่ได้กินของดีดีนานแล้วหากได้ลิ้มรสอาหารดีดีเทียบเท่าเครื่องเสวยคงดีไม่น้อยอยู่บนเรือนแพกินแต่ปลาเช้าข้าวต้มปลาเย็นก็ปลาแห้ง จ่ายเงินซื้อไก่แล้วรีบไปที่เรือที่จอดไว้ตั้งใจไปรับซูเหยา ให้มางานเฉลิมฉลองเพื่อซูเหยาจะได้มีรอยยิ้มบ้างหลายวันมานี้ซูบผอมจนน่าใจหายแม้จะซื้อยาบำรุงครรภ์ไปซูเหยาก็ยังคงกินมื้อเว้นมื้อ
“ซูเหยาวันนี้มี การแจกจ่ายอาหารที่หน้าประตูวัง แม่ตั้งใจชวนเจ้าไป” ซูเหยายิ้มเศร้าๆ
“ท่านแม่ อยากให้ซูเหยาไปใช่ไหม”
“เจ้าหลายวันมานี้ เปลี่ยนไปอีกทั้ง ยังไม่ร่าเริงเหมือนเดิม เจ้าข้าวต้มปลาจากไปสักวันจะต้องกลับมาตามคำสัญญาตอนนี้สิ่งที่ทำได้คืออย่าเศร้าหมองเกินไปจะทำให้ลูกในท้องของเจ้าไม่แข็งแรง”
“ลูกจะจำไว้ท่านแม่รักซูเหยาเช่นไรซูเหยาก็จะรักและดูแลลูกในท้องเช่นนั้นไม่สนใจว่าจะมีพ่อคอยช่วยดูแลเขาหรือไม่” ยิ้ม ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เมื่อคิดว่าในท้องมีอีกหนึ่งชีวิตในนั้น
“รอเจ้าข้าวต้มปลากลับมา ระหว่างนี้ดูแลตัวเองกับลูกให้ดี อย่าทำให้ตัวเองจมอยู่กับความเศร้าหมอง หากเจ้าเป็นทุกข์ลูกของเจ้าจะไม่แข็งแรงถึงไม่มีเจ้าข้าวต้มปลาก็ยังมีแม่และลูกของเจ้าข้าวต้มปลาในท้องของเจ้า” ยิ้มกว้าง
“เช่นนั้นเราไปกันเถอะนานๆ จึงจะได้ออกจากเรือนแพเสียที”
เจี้ยนหยาดึงมือซูเหยาลงไปในเรือ พายเรือกลับเข้าฝั่ง ซูเหยาเอามือละพื้นน้ำปล่อยน้ำเย็น แทรกซึมเข้าสู่ผิวกายปล่อยวางความทุกข์ทั้งหมดเสีย คิดถึงซีซวน และอ้อมกอดอบอุ่นอ่อนหวานสักวันต้องได้พบกันอีกแน่นอน แค่คิดว่าต้องได้พบกันไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหนเป็นวันเป็นเดือนหรือเป็นปี หากซีซวนกลับมาแล้วพบว่าซูเหยามีเจ้าตัวน้อยที่เป็นลูกของซีซวนเขาจะทำหน้าแบบไหน ลูกน้อยจะมีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนพ่อไหม ซูเหยายิ้มเมื่อคิดว่าซีซวนจะต้องทำสีหน้าประหลาดใจ
วังหลวงซีซวนประคอง อิงฝานให้นั่งลงบนแท่นนอนอย่างทะนุถนอม
“ค่อยๆ เดินจะกระทบไปถึงลูกของข้า”
“ฝ่าบาทอิงฝานยังไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามีบางอย่างในครรภ์”
“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องยิ่งบำรุงให้เขาเติบโตออกมาพบหน้าข้าโดยเร็ว” อิงฝานยิ้ม
“การคัดตัวสนมคนใหม่ในปีนี้”
“อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องนั้นตอนนี้ข้ายังอยากอยู่กับเจ้า”
“ฝ่าบาทแต่เดิมก็ เลือกป้ายในทุกค่ำคืน ไม่ต้องห่วงอิงฝาน หากฝ่าบาทมีทายาทเยอะหน่อยจึงดี”
“ข้าไม่ให้เจ้าลำบาก หากข้าต้องการพวกนางเมื่อไหร่จึงค่อยเรียกพวกนางเข้าพบ” ซีซวนรู้สึกว่าพักหลังทำไมเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับเหล่าสนมนางใน เป็นเพราะเหตุใดกัน ความรู้สึกเขาเหมือนกับรักมั่น เพียงคนคนเดียวซึ่งเขาคิดไปเองว่าเป็นอิงฝานที่รอคอยเขากลับมา
“ค่ำนี้จะต้องโปรยเหรียญเงินและเหรียญทอง ฮองเฮาจะต้องเคียงข้างข้าบนระเบียงสูง เพื่อให้ราษฎรได้แสดงความยินดีกับองค์ชายน้อยที่กำลังจะเกิดมานับว่าเป็นเรื่องมงคลที่สุดการกลับมาของข้าครั้งนี้ทำให้องค์ชายน้อยถือกำเนิด” ประคองกอดอิงฝานไว้แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่รู้สึกพอใจอย่างที่ควรจะเป็น
บนหน้ามุขสูงใหญ่ของป้อมปราการประตูวังหลวง ซีซวนยืนเด่นเป็นสง่าในเสื้อคลุมมังกร สีทองระยับ มือใหญ่เกาะกุมมืออิงฝานไว้ ด้านซ้ายเป็นองครักษ์ตงฟางชิง
“ราษฎรยิ้มแย้มสุขสมล้วนแซ่ซ้องสรรเสริญพระบารมีครั้งนี้ ต่างกล่าวขวัญว่าฝ่าบาททรงเป็น โอรสสวรรค์ที่เหนือกว่าโอรสทั้งหลาย” ใต้เท้าเว่ย ประสานมือบอกเล่าเรื่องราวที่พบเห็นและได้ยินมา
“ดีแล้วต่อจากนี้ แคว้นหานของเราจึงจะสงบปราศจากเรื่องราวขัดแย้งทั้งภายในและภายนอก”
“ด้วยพระบารมีของฝ่าบาทที่ทรงแผ่ไพศาลราษฎรที่มารับแจกจ่ายอาหารล้วน มีความสุข” ซีซวนมองลงไปยังโรงทาน ผู้คนมากมายล้วนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับ รับเอาอาหารรสเลิศ ซูเหยากับเจี้ยนหยายืนต่อแถวยาว
“เหรียญทอง ถูกนำมาเตรียมไว้แล้ว จะมีการจุดพลุไฟเสียก่อนจึงจะมีการโปรยเหรียญทองและเงิน ฝ่าบาทกับฮองเฮา จะต้องโปรยเหรียญให้ราษฎรกับมือองค์เอง”
“ตูม ตูมๆๆๆ ” ผู้คนต่างวิ่งมาออกที่หน้ามุขเพื่อรอรับเหรียญทองและเงินที่ฮ่องเต้กำลังจะโปรย
เสียงพลุแสงสีดังสนั่นสวยสดใส ซูเหยาแหงนหน้ามองไปบนฟากฟ้ากับแสงสีสวยสด แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าหาใช่เพียงสีสวยเท่านั้น ซีซวนในเสื้อคลุมมังกร บนมุขสูงมือใหญ่เกาะกุมมือของอิงฝานไว้แน่น เจี้ยนหยา เงยหน้ามองตามสายตาของซูเหยาที่จับจ้องอยู่ตรงมุขนั่น ร่างบอบบางยืนโอนเอนก่อนจะล้มลงทั้งยืนเจี้ยนหยาคว้าซูเหยาไม่ให้ลงไปกองกับพื้นก่อนจะพยุงออกจากตรงนั้น ผู้คนเริ่มยื้อแย่งเหรียญทองและเหรียญเงินกันวุ่นวาย ซีซวนไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำไปว่าซูเหยา กับมารดาอยู่ตรงนั้น
เจี้ยนหยาพยุงร่างไร้สติของซูเหยากลับไปที่ท่าน้ำจอดเรือ
“ท่านแม่ใช่เขาหรือไม่ท่านเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่” เจี้ยนหยา ยิ้มเศร้าๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของซูเหยาเบาๆ
“เราสองคนอาจตาฝาดไป แสงสว่างจากพลุไฟทำเอาตาพร่ามัว” ซูเหยาซบหน้าลงบนอกอุ่นของมารดา
“จริงอย่างท่านแม่บอก เราคงตาฝาดไป” หลับตาไล่หยาดน้ำตา
“หรืออาจเป็นเพราะ เขารอเวลาที่จะมารับเจ้ารอให้ทุกอย่างเรียบร้อยหรืออาจเป็นเพราะความทรงจำของเขาฟื้นคืนความทรงจำในส่วนที่มีเจ้าจึงถูกเก็บงำ”
“เขาลืมข้าใช่ไหม” หยาดน้ำตาถูกกลืนลงไปในอก
"เขาลืมข้าไปแล้ว"เจี้ยนหยากลืนน้ำลายลงคอยากเย็นน้ำปริ่มขอบตาสงสารซูเหยาจับใจ
“อย่าร้องไห้ซูเหยาแม่จะช่วยเจ้าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”“ท่านแม่เขาลืมข้าแล้วใช่ไหม” ถามซ้ำๆ ดวงตาเหม่อลอยเศร้าหมอง“หากเขารักเจ้าจริง จะต้องจำเจ้าได้อย่างแน่นอน” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ไม่รู้สึกมั่นใจในคำพูดของตัวเองหลายวันต่อมา“ใต้เท้า เว่ย” เจี้ยนหยาประสานมือตรงหน้า“อ่า ท่านหมอเจี้ยนหยาท่านนั่นเองไม่ได้พบกันเสียนานลมอะไรถึงหอบเอาท่านหมอเทวดามาถึงนี่”“ใต้เท้า หากไม่มีเรื่องรบกวนท่านคงไม่อาจพบหน้าข้าเดิม ข้าตั้งใจเร้นกายห่างหายจากวังหลวง แต่มาวันนี้มีบางเรื่องรบกวนท่าน”“คราวนั้นหากไม่ได้ ท่านหมอเจี้ยนหยา บุตรชายของข้าเป่ยเปยคง ไม่อาจมีชีวิตรอด คราวนี้ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟขอให้ท่านหมอเอ่ยปากเว่ยกงฉียินดีแบ่งเบา” เจี้ยนหยายิ้มบางๆเจี้ยนหยาจากไป พร้อมกับความสมหวังใต้เท้าเว่ยรับปากมั่นเหมาะ“ท่านพ่อรับน้องบุญธรรมเช่นนั้นหรือ ข้าไม่เห็นว่าจะจำเป็น” เว่ยเป่ยเปยก้าวออกมาจากด้านหลังของห้องแอบฟังสิ่งที่เจี้ยนหยากับบิดาพูดคุยกันได้ยินในตอนท้ายของความประสงค์“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากคนไม่เอาไหนเช่นเจ้าเป่ยเปย”“เช่นนั้นข้าก็ไม่รับนางในเมื่อข้าไม่เห็นด้วย”“ต้องดีต่อนางในเมื่อน
งานเฉลิมฉลองจัดขึ้นหลายวันผ่านไปราษฎรล้วนมีสุขถ้วนหน้าเจี้ยนหยาเก็บ กระจาดปลาที่ขายจนหมด ก่อนจะแวะไปที่ร้านขายไก่“ป้าเจี้ยน วันนี้ที่หน้าประตูวังเวลาเย็นมีการแจกจ่ายอาหารที่อร่อยระดับเดียวกับเครื่องเสวย แล้วยังมีการโปรยเหรียญทองกับเหรียญเงินอย่างละแสนตำลึง ข้าเห็นว่าป้าเจี้ยน เป็นคนกันเองนะถึงบอก ข้านี้จะรีบขายรีบปิดร้านไปกันทั้งบ้าน”“งานอะไรหรือเถ้าแก่ตง”“ฝ่าบาท กลับมานั่งบัลลังก์หลังจากที่ถูกพวกกบฏ ลอบสังหารบัดนี้ ทวงบัลลังก์คืนได้แล้วอีกอย่างว่ากันว่าเป็นข่าวดีที่สุดฮองเฮาทรงพระครรภ์ ฝ่าบาทจึงดีใจจัดงานเฉลิมฉลอง แล้วยังงดภาษีอีกตั้งสามปีงานนี้เพราะพระบารมีจริงๆ เดิมถูกทำการกบฏมีเสียงร่ำลือว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์มาครั้งนี้นับว่าเป็นข่าวดีถึงสามต่อ555อย่าลืมไปนะป้าเจี้ยน” เจี้ยนหยาพยักหน้าน้อยๆ คิดถึงซูเหยาที่ไม่ได้กินของดีดีนานแล้วหากได้ลิ้มรสอาหารดีดีเทียบเท่าเครื่องเสวยคงดีไม่น้อยอยู่บนเรือนแพกินแต่ปลาเช้าข้าวต้มปลาเย็นก็ปลาแห้ง จ่ายเงินซื้อไก่แล้วรีบไปที่เรือที่จอดไว้ตั้งใจไปรับซูเหยา ให้มางานเฉลิมฉลองเพื่อซูเหยาจะได้มีรอยยิ้มบ้างหลายวันมานี้ซูบผอมจนน่าใจหายแม้จะซื้อยาบำรุงครรภ์ไ
ซูเหยาขยับกายลุกขึ้นจากแท่นนอนยากเย็นเจ็บระบมไปทั่วตัวโดยเฉพาะจุดนั้น รอยหยดเลือดยังเปรอะอยู่ที่แท่นนอนไม้ไผ่ อมยิ้ม เมื่อคิดถึงบทรักหวานละมุนเมื่อคืน เขินอายกับเสียงกรีดร้องของตัวเองยามที่ซีซวนเร่งจังหวะกระแทกกระทั้น สวมใส่อาภรณ์เดินออกจากห้อง ไม่พบแม้เงาของซีซวน“ท่านแม่ ท่านพี่ข้าวต้มปลา”“เขาไปแล้ว”“ไม่จริง ไม่จริงเขาไม่มทางทิ้งข้าไป”ซูเหยาวิ่งเข้าไปในห้อง มองสำรวจจนไปทั่ว สิ่งที่พบคือป้ายหยก ลวดลายสวยงามที่เคยเห็นซีซวนแขวนไว้ข้างเอวเก็บมันขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาไหลรินสะอื้นไห้อย่างหนักเจี้ยนหยา เขามาสวมกอดลูกสาว“ท่านแม่เขาทิ้งข้าไปแล้ว”"ร้องออกมาเสียให้พอซูเหยาต่อไปจะได้ไม่ต้องร้องอีก”“ท่านแม่ซูเหยา...ซูเหยา เป็นของเขาแล้ว”มือใหญ่ลูบหัวให้เบาๆ“สักวันเขาจะกลับมา เจ้ารักเขามิใช่หรือก็ถูกแล้วที่จะเป็นของเขา”ซูเหยาซบหน้าลงบนอกมารดาสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวดในหัวใจวังหลวงอิงฝานในอาภรณ์บางเบา นั่งอยู่บนตักของซีซวน ที่กอดรัดไม่ห่าง“คิดถึงเจ้าที่สุด….”อิงฝานยิ้ม“ฝ่าบาท กลับมาครั้งนี้ได้เวลาคัดตัวนางในพอดีปีนี้อิงฝานตั้งใจคัดนางในที่งดงาม ไว้คอยปรนนิบัติฝ่าบาทเยอะหน่อย”กดร่า
เสียงปลาน้อยกระโดดเล่นน้ำจ๋อมแจ๋ม ซีซวนดึงอ้อมแขนออกช้าๆจุมพิตที่แก้วเนียน แผ่วเบา เหลือบตามองหยดเลือดที่เปรอะเปื้อนบนแท่นนอนไม้ไผ่ เผลอยิ้ม“แล้วข้าจะกลับมาซูเหยา”ลุกขึ้นแต่งกายอย่างเร่งรีบ ไม่อยากจากไปยามที่ซูเหยาตื่นลืมตาเขาคงไม่อาจ จากซูเหยาได้ในเมื่อตอนนี้ใจเขาอยู่ที่นางเสียหมดแล้ว จากลาไม่ต้องเอ่ยคำลา เพราะสัญญาว่าจะกลับมาอีกหน ปลดป้ายหยกที่ห้อยข้างเอวลงวางในมือของซูเหยา ก้มลงจุมพิตหน้าผากอีกครั้ง“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาละเมอแผ่วเบา หันหลังจากไปไม่หันหลังกลับมามองพาเรือล่องลอยออกจากเรือนแพไป ฟ้าเริ่มสางเมื่อเรือมาถึงฝั่งพอดี ผูกเรือไว้ที่เคยผูกไว้กับซูเหยา“พี่ชายข้าวต้มปลา”เสียงซูเหยาลอยมาตามลมซีซวนยิ้มเศร้าๆ แค่เพียงห่างกันไม่ถึงชั่วยามเขายังคิดถึงซูเหยาเพียงนี้ก้าวเท้าขึ้นไปบนฝั่ง ตงฟางชิง ก้มลงประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาท”ซีซวนเบิกตากว้าง ใบหน้าคุ้นเคยของตงฟางชิง“เจ้าเป็นใคร”“ฝ่าบาท ตงฟางชิง องครักษ์เสื้อแพร”“เจ้าเรียกข้าว่าฝ่าบาท”"ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาทไม่มีทางเป็นอื่น”ซีซวนเงยหน้าขึ้นช้าๆ อาการปวดหัวรุมเร้าทว่าภาพความทรงจำในหัวแล่นเข้ามาเป็นสาย“ซินอ๋อง สมควรตายอย่างยิ่
“ข้าส่งข่าวบอกท่านพ่อตงฟางชิงท่านเองก็ระวังตัวด้วย”“ฮองเฮาโปรดวางพระทัยข้าน้อยเร้นกายในค่ำคืนนี้ตั้งใจพบฝ่าบาทโดยเร็ว”ประสานมือจากไปเรือนแพ ซูเหยานั่งเหม่อมองจันทราที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าซีซวนทรุดกายลงข้างๆ“พี่ชายข้าวต้มปลา ท่านคิดว่าข้าจะคิดถึงท่านไหมหากท่านจากไป”“ข้าไม่อาจรู้ใจเจ้า รอให้อาวุโสกลับมาข้าจึงจะลองขออาวุโสให้เจ้าตามไปด้วย จะดีไหม”คิดถึงท่าทีดีใจของซูเหยาเมื่อรู้ว่าเขารอเพียงคำอนุญาตจากเจี้ยนหยา“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว อยากอยู่กับท่านแม่ท่านแม่ชรามากแล้วหากจากไปเกรงว่าท่านแม่คงลำบากไม่น้อย ข้ามมีท่านแม่เพียงคนเดียวหากข้าไป ท่านแม่ไปขายปลาที่ตลาดกลับมืดค่ำใครกันจะทำกับข้าวไว้รอ”ซีซวนยิ้มบางๆ“เจ้าคงคิดถึงข้าแค่เพียงไม่นานแล้วก็ลืมเลือนไป”“แล้วท่านจะคิดถึงข้าไหม”“ข้าคิดถึงข้าวต้มปลาของเจ้าแต่เดิมข้าไม่เคยลิ้มรส... เนื้อปลา”“ท่านก็แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเราข้ากับท่านแม่ยินดีต้อนรับเสมอ”“เจ้าไม่อยากไปจากที่นี่แล้วหรือ”“อยากไปแต่ ข้าคิดว่าคงทำให้ท่านพี่ข้าวต้มปลาอึดอัดใจในเมื่อท่านไม่อยากให้ข้าไปด้วย”จะบอกได้อย่างไรว่าเขา ไม่เคยรังเกียจซูเหยาแต่เพราะเขาคิดว่า เขาไม่อาจทำร้ายซูเหยา
“คุณชาย ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายอีกทั้งยังไปมาลำบาก หากคนที่ตามหาท่าน ต้องการตามตัวเห็นทีจะหาไม่พบ เหมาะแก่การเร้นกายรอให้พวกที่ไล่ล่า เลิกสนใจเสียก่อนจึงดีไม่น้อย”“อาวุโสไม่กลัวว่าข้าเป็นคนไม่ดีหรือไร”“ดีหรือไม่ข้าเจี้ยนหยาหาสนใจไม่ทุกวันนี้เราสองคนแม่ลูกก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครโลกภายนอกวุ่นวายวกวน ผู้คนล้วนสวมหน้ากากเข้าหากัน หากว่าท่าน ในตอนนี้ แม้แต่ชื่อตัวยังจำไม่ได้ มิสู้เร้นกายให้หายดีแล้วค่อยจากไป”“ข้า ไม่อยากรบกวนอาวุโสกับซูเหยาการกินอยู่ที่นี่ลำบากท่านทั้งสองยังต้องคอย ทำเผื่อข้า”เจี้ยนหยายิ้ม“ซูเหยาตั้งแต่เกิดก็อยู่ในเรือนแพตลอดมา แทบจะไม่เคยข้องแวะกลับใครนางจึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนข้างนอก”“อาวุโส ข้าตั้งจว่าหากบาดแผลหายดีจะกลับไปบนฝั่งเพื่อไปรื้อฟื้นความจำของตัวเอง”“ข้ากับซุเหยาคงเหงาไม่น้อย คุณชายอยู่ที่นี่เรือนแพจึงมีชีวิตชีวา”ซีซวนรู้สึกใจหายไม่น้อยแต่หากอยู่ที่นี่นานไปเกรงว่า เขาอาจเผลอทำลายซูเหยาโดยไม่รู้ตัว สาวน้อยสดใสเช่นซูเหยา มีบางอย่างที่ซีซวนแม้จะไร้ความทรงจำแต่เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะกับเด็กสาวผู้บริสุทธิ์คนนี้แม้แต่น้อย แต่จะเป็นด้วยอะไรซีซวนไม่อาจทราบได้
ร่างสูงสะดุ้งตื่นในตอนบ่ายคล้อยหันมองรอบกายข้าวต้มเย็นชืดบนโต๊ะไม้ไผ่ ร่างเล็กของซูเหยาฟุบหน้าลงข้างๆ“อ๋อ พี่ชายท่านฟื้นแล้ว”“เจ้า”“ซูเหยาไปอุ่นข้าวต้มให้ใหม่กินเสียหน่อยคงหิวแย่แล้ว” สายตาหวาดระแวงยังไม่หายไปเพียงครู่เดียวข้าวต้มควันฉุยก็ถูกยกเข้ามา“ข้าวต้มปลา ข้าตกปลาข้างๆ แพเมื่อตอนเช้า แล่แล้วต้มข้าวต้มที่นี่ปลาอุดมสมบูรณ์ขาดแต่ฟืนที่ต้องพายเรือขึ้นบกไปเก็บมาเหมือนที่เมื่อวานข้าเจอพี่ชายตอนกำลังเก็บฟืน”ซีซวนจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มขยับขึ้นลง ใบหน้าของใครบางคนซ้อนทับ ริมฝีปากสีแดงสด ร่างอ้อนแอ้นท่าทีอ่อนหวานริมฝีปากสีแดงถูกเขาบดเบียด“อิงฝาน”เปล่งเสียงเบาๆ ซูเหยายิ้ม“ข้าซูเหยา อ๋อท่านแม่บอกว่าความทรงจำของท่านจะหายไปชั่วขณะแต่อีกไม่นานจะดีขึ้นแค่หมั่นกินยาที่ท่านแม่เจียดให้ไม่นานท่านแม่ของข้าเก่งที่สุดแต่เดิมเคยเป็นหมอหญิงในวังหลวงเชียวนะ แต่ตอนนี้ท่านแม่ปลดระวางพาข้าเร้นกายในเรือนแพ แสนสงบ”ซูเหยาเจื้อยแจ้วไม่สนใจว่าซีซวนจะฟังหรือไม่ตักข้าวตัมปลาขึ้นเป่าไปด้วยพูดไปด้วยคนไปด้วยจนข้าวต้มอุ่นๆ ก็ตักจ่อที่ริมฝีปากให้ซีซวน“รสชาติดีที่สุด”ซีซวนได้กลิ่นปลาที่เขาไ่เคยกินมาก่อนด้
ร่างสูงของใครบางคนทรุดกายลงเบื้องหน้าหวังซูเหยา อาภรณ์สีดำเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดไหลนอง ซูเหยาถลาเข้าจับชีพจร วางฟืนในมือลงข้างลำตัวทั้งลากทั้งดึงร่างใหญ่ให้ไปที่ร่มไม้ เสียงฝีเท้าม้าควบวิ่งวนวุ่นวายไปหมด“ค้นให้ทั่ว”เสียงคำรามจากร่างใหญ่ของบางคนตะโกนก้อง ทหารหายนายต่างแยกย้ายกันค้นหาซูเหยาลากร่างสูงเข้าไปหลบในร่มไม้ยกศีรษะให้นอนหนุนตัก รอจนกระทั่งหทารเสื้อเกราะพวกนั้นกลับไป จึงเดินออกไปตัดไม้มาทำแพไม้เพื่อจะลาก คนเจ็บ เพราะร่างเล็กของซุเหยาคงไม่อาจแบกเขาขึ้นบ่าได้ ลากร่างใหญ่อย่างทุลักทุเล ไปยังแม่น้ำกว้างใหญ่ ดึงอาภรณ์บริเวณ ไหล่หนาทั้งสองข้างให้ขึ้นไปบนเรือหยิบฟื้นวางในลำเรือก่อนจะใช้ไม้ค้ำถ่อดันเรือด้วยความชำนาญกลับไปยังเรือนแพกลางน้ำร่างสูงนอนเหยียดยาวซูเหยาพิศมองบหน้าหล่อเหลา คนผู้นี้เป็นใครกันเหตุใด ทหารต้องตามล่าเขาด้วย ใบหน้าหล่อกระสับกระส่ายไปมาด้วยพิษบาดแผล ซูเหยาเร่งมือให้ถึงเรือนแพโดยเร็ว“ท่านแม่”หวังเจี้ยนหยา โผล่หน้าออกมาจากเรือนแพกลางน้ำ ชะโงกมองเมื่อเห็นว่าซูเหยานำคนผู้หนึ่งมาด้วยในสภาพไร้สติก็รีบรุดไปช่วยดึงเรือมาผูกไว้กับเรือนแพ“คนผู้นี้เป็นใครกัน”ซูเหยาส่ายหน้าไป