ขณะนั้นเหลียนฮวาที่ยกขนมหวานที่นางทำเองมาส่งให้กับท่านอ๋องพอดี เมื่อเขาอนุญาตหลังจากนางเคาะประตูแล้วนางก็เดินเข้าไปพร้อมกับถาดใส่จากขนมหวานที่นางทำเอง อ๋องหนุ่มจ้องมองขนมหวานในจานที่นางยกมาวางตรงหน้าเขา “ ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทำขนมหวานนี้มาถวายท่านอ๋องเพคะ มันเหมาะกับน้ำชายามบ่ายยิ่งนัก พระองค์ลองชิมดูสิเพคะ " นางคะยั้นคะยอให้เขาชิมขนมหวานที่นางลงมือทำเองเพื่อเอาใจเขา
อ๋องหนุ่มหยิบขนมหวานที่เหลียนฮวาหลานสาวแม่นมทำขึ้นชิม เขารู้ว่านี่ก็เป็นสตรีอีกนางที่หลงรักเขา และเทียวมาเอาอกเอาใจเขาดังเช่นคุณหนูซ่ง แต่เหลียนฮวานั้นพำนักอยู่ในจวนของเขา จึงทำให้ได้พบปะกับเขามากกว่าสตรีนางอื่น แต่เขาก็ไม่ได้พึงใจนาง แม้จะนึกชอบใบหน้าหวานและรูปร่างที่อวบอิ่มขาวผ่องของนางก็ตาม แต่ก็เป็นตามวิสัยของบุรุษหนุ่มวัยฉกรรภ์ แต่ก็ไม่ได้คิดไปถึงว่าจะรับนางเข้าเรือนหลังของเขา ไม่ว่าในตำแหน่งใดเขาก็ไม่เคยคิดทั้งสิ้น
เขายอมชิมขนมหวานก็เพื่อให้นางยอมออกไปดังเช่นที่เขาทำกับคุณหนูซ่ง เพราะเขาก็รำคาญที่สตรีหลายๆนางพยายามเข้าหาเขาในทุกรูปแบบ บุรุษที่เคร่งขรึมและเอาการเอางานเช่นเขา มิได้ชอบสตรีที่ทอดสะพานให้ชายดังเช่นเหล่าสตรีทั้งหลายที่เพียรมาทอดสะพานให้กับเขา
แต่หากจำเป็นต้องเลือก เขาอาจจะเลือกซ่งม่านอี้เป็นชายาเพราะนางมีฐานะที่เหมาะสมกับเขา และเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจนาง คงจะพอรับนางมาเป็นชายาเสียก็เป็นได้ หากวัยของเขามากไปกว่านี้แล้วยังไม่พบสตรีใดที่พึงใจสักคน
เมื่ออ๋องหนุ่มกัดกินขนมหวานของเหลียนฮวาก็พบว่ามันอร่อยมาก เขาจึงได้หยิบกินไปอีกสองสามชิ้น แต่ระหว่างนี้เขาก็ก้มลงอ่านหนังสือตรงหน้าไปด้วย
แต่เมื่ออ่านไปได้เพียงครู่ก็รู้สึกร้อนรุ่มในกาย และอยู่ๆ ก็เกิดกำหนัดอย่างรุนแรง จนอยากจะเสพสมกับสตรียิ่งนัก อยู่ๆมันก็เกิดกำหนัดที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนเกินจะห้ามได้ เจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่ตอนนี้มันผงาดง้ำเกินจะห้ามปราม
ขณะนั้นเหลียนฮวาที่เมื่อเห็นท่านอ๋องทำเป็นไม่สนใจนางดังเช่นเคย นางจึงจะช่วยยกโถน้ำแกงไปวางที่ชั้นวางด้านริมผนัง แล้วก็จะกลับออกไปจากห้องนี้เงียบๆ แต่เมื่อนางหันกลับมาอีกครั้งเพื่อบอกลาเขา
นางก็ตกใจที่ใบหน้าของท่านอ๋องหนุ่มที่เห็นได้ชัดว่าเห่อแดงอย่างผิดปกติ นางสบกับดวงตาคู่คมของอ๋องหนุ่มที่บัดนี้เต็มไปด้วยไฟราคะที่กำลังลุกโพลงเกินจะระงับได้ของเขา แล้วก็ตกใจมาก ท่านอ๋องเป็นอะไรกัน
“ ท่านอ๋องเพคะ ท่านไม่สบายหรือไม่ จะให้หม่อมฉันไปตามพ่อบ้านมาดูอาการท่านดีหรือไม่เพคะ ” นางเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเพราะอยู่ๆ ทั้งใบหน้าและลำคอของท่านอ๋องก็กลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด แถมเหงื่อของเขายังไหลอาบใบหน้าอย่างมากมายอีกด้วย
ส่วนดวงตาคู่คมที่ปกติมักจะมองนางด้วยความเฉยชา ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อนางทั้งสิ้น จนเหลียนฮวาชักจะเริ่มท้อใจแล้ว ว่านางคงจะไม่มีวันที่จะได้เป็นอะไรทั้งนั้นในชีวิตของท่านอ๋องหรู่หยาง กลับกลายเป็นว่านางมองเห็นความปรารถนาอย่างมากมายอยู่ในนั้น
อ๋องหนุ่มที่จับจ้องสตรีตรงหน้าอย่างหมายมั่น เขากำลังเกิดกำหนัดอย่างมากมาย มากจนจะต้องได้รับการปลดปล่อยมันในตอนนี้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้แล้ว
เขาจึงเริ่มถอดอาภรณ์ตัวนอกออกแล้วโยนทิ้งไป แม้จะพยายามตั้งสติเอาไว้และพยายามจะอดทนอย่างถึงที่สุด แต่ตัวเขาเองก็แทบจะทนอาการที่มันเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วต่อไปไม่ได้
จนเมื่อเขาเงยหน้ามองไปอีกครั้งก็เกิดภาพหลอนเห็นเหลียนฮวาเดินเยื้องย่างมาหาเขาช้าๆ ร่างอวบอัดขาวผ่องของนางเปลือยเปล่า นางยกมือลูบไล้ร่างกายของตนเอง
แล้วมองสบตาของเขาอย่างหญิงที่ร่านร้อน เหมือนนางยั่วเมืองไม่มีผิด ถ้าเจ้าเสนอตัวให้ข้าถึงขนาดนี้ ข้าก็จะตอบสนองสิ่งที่เจ้าต้องการ
อ๋องหนุ่มสติขาดผึ่งลงในทันที เขากระโจนเข้าหานางแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่ม ในภาพหลอนที่ท่านอ๋องหนุ่มหนุ่มมองเห็น เป็นภาพของเหลียนฮวาอ้าปากรับลิ้นสากของท่านอ๋องหนุ่มอย่างเต็มใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้วเหลียนฮวาดิ้นรนอย่างมากมายให้พ้นจากอ้อมกอดแข็งปานเหล็กกล้าของท่านอ๋องที่จับนางเอาไว้มั่น และบีบแก้มนางอย่างแรงทำให้จำต้องอ้าปากออกและลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของท่านอ๋องหนุ่มก็สอดเข้าไปควานชิมความหวานในปากของนางในทันที
ท่านอ๋องหนุ่มประกบจูบนางอย่างดูดดื่ม ในมโนสำนึกของเขาคิดว่าสตรีใต้ร่างที่เขากดนางลงนอนราบกับพื้นห้องนั้นยั่วยวนเขา เขาจึงจูบนางอย่างดูดดื่มและเหมือนเขาหิวโหยนางอย่างมาก ยิ่งจูบก็ยิ่งติดใจ จนเมื่อจูบเหลียนฮวาสตรีเจ้ามารยาที่ดิ้นรนอยากจะเป็นชายาของเขาจนกระทั่งพอใจแล้ว
เขาจึงได้ผลักร่างที่อ่อนระทวยเนื่องจากถูกเขาจูบอย่างดูดดื่มจนกระทั่งนางเองก็เผลอไผลโอนอ่อนตามบุรุษที่นางเองก็มีใจให้กับเขา และหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบหน้าแล้ว
อ๋องหนุ่มดันร่างอวบของเหลียนฮวานอนราบลงกับพื้นพรมหนานุ่มที่ปูบนพื้นในห้องหนังสือนั้น เพราะเขาทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เจ้าลูกชายของเขามันผงาดง้ำจนเกินจะทน ดิ้นรนอยากจะสอดประสานกันนางเต็มทีแล้ว
ท่านอ๋องหนุ่มสอดลำกายแกร่งของเขาเข้าไปในร่องอวบของหญิงร่านตรงหน้า ที่บัดนี้อาภรณ์หลุดลุ่ยเพราะมือหนาที่ทั้งดึงทั้งทึ้งอาภรณ์ของนางออกอย่างไม่ปราณี จนอาภรณ์ที่ทำจากเนื้อผ้าบางเบาฉีกขาดเป็นทางยาว อ๋องหนุ่มไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น
เขาคิดไปว่านางทำตัวเอง ดิ้นรนอยากจะเป็นชายาของเขา จนถึงกับวางยาปลุกกำหนัดในขนมหวานที่นางทำมาให้กับเขา สตรีแพศยาร่านชาย อยากจะได้บุรุษจนตัวสั่น ขนาดเขาไม่มีท่าทีชอบพอนางเลย แค่เพียงไม่อยากจะหักหาญน้ำใจนางเวลาที่เทียวมาเอาอกเอาใจเขา เพราะเห็นแก่แม่นมของเขา จึงได้โอภาปราศัยกับนางโดยดี แม้จะนึกรำคาญดวงตาฉ่ำหวานที่นางมักจะมองสบกับเขาในบางครั้ง และทำสะเทิ้นอายหลบตาเขา เหมือนนางแอบมีใจให้กับเขา
อ๋องหนุ่มเองก็พอจะมองออก แต่เขาไม่ได้คิดกับนางเป็นอื่นเลย แค่เพียงเห็นว่าเป็นคนในบ้าน ฐานะดีกว่าสาวใช้นิดหน่อย เพราะเป็นหลานสาวของแม่นมของเขา แต่ก็ไม่ได้ถือว่านางอยู่ในฐานะเดียวกัน
แม้บัดนี้เขาจะเหลือสติเพียงเล็กน้อยที่พยายามจะฝืนตนเอง แต่ยาปลุกกำหนัดนั้นเป็นชนิดร้ายแรงยิ่งนัก มันทำให้เขาขาดสติไปทันที เขาสอดเจ้าลูกชายเข้าไปในร่องอวบของหญิงตรงหน้าแล้วเร่งกระแทกนางอย่างรุนแรงและเพิ่มเป็นเร่าร้อนอย่างรวดเร็ว
เหลียนฮวากรีดร้องเสียงดัง “ โอ้ย !! ท่านอ๋องหยุดเถอะเพคะ ได้โปรด หม่อมฉันเจ็บ เจ็บเหลือเกิน ” นางกรีดร้องและพร่ำอ้อนวอนท่านอ๋องหนุ่มที่ตอนนี้ผสานกายอวบใหญ่แข็งแกร่งของเขากับร่องอวบของหล่อนจนแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกันแล้ว
อ๋องหยุ่มยกยิ้มเหยาะหยัน แพศยานัก รนหาที่เอง วางแผนชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมาเอง แล้วตอนนี้จะมาทำดีดดิ้นไม่ยินยอมขึ้นมา สายไปแล้ว เพราะเจ้าทำตัวเอง จึงได้มาเป็นเช่นนี้ อ๋องหนุ่มคำราม และก็ค่อยๆขยับลำกายอวบใหญ่ที่แข็งขึงเข้าออกในร่องสวาทที่แม้จะมีน้ำรักหล่อเลี้ยงเอาไว้บ้าง แต่มันก็คับแน่นมาก
คับจนเขาเองเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็ฝืนทนเอาไว้นางไม่เคยชาย แต่ก็ยังกล้าที่จะวางยาปลุกกำหนัดบุรุษเสียได้ คงจะอยากได้เขาเป็นสามีจนตัวสั่น และตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้สมใจที่เจ้าต้องการ
ในห้องหอที่มีการจัดกำยานชนิดพิเศษสำหรับค่ำคืนในการเข้าหอและมีการเตรียมสุราและอาหารมงคลเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงเจ้าบ่าวที่กำลังรับการดื่มอวยพรจากเหล่าคนสนิท และสหายสามสี่คนที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสที่รีบด่วนนี้ แม่นมเหลียนที่ยินดีนักที่ในที่สุดท่านอ๋องก็ยอมแต่งงานรับเหลียนฮวาเป็นพระชายาเอกของเขาเสียที เพราะทั้งสองมีหนังสือสมรสด้วยกันแล้ว แถมท่านอ๋องยังเป็นผู้ที่บังคับให้เหลียนฮวาลงนามด้วยตนเอง เป็นอันว่าเป็นนี้หลานสาวของนางกลายเป็นพระชายาอย่างถูกต้องของท่านอ๋องหรู่หยางที่กว่าจะรู้หัวใจตนเองก็เกือบจะสาย เมียรักเกือบจะหนีไปแต่งงานกับชายอื่นที่เห็นคุณค่าของนางกว่าเขา ( ตามแผนของพระสนมหยูนั่นเอง แต่ที่จริงไม่มีเจ้าบ่าวที่ไหนทั้งนั้น ) เมื่อเจ้าบ่าวเดินย่างกรายเข้ามาในห้องหอ เหลียนฮวาก็เบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่นอย่างแสนงอน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านางคงจะหนีเขาไปไม่พ้นแล้ว “ ฮวาเอ๋อ ในที่สุดเจ้าก็หนีเปิ่นหวางไม่พ้น เจ้าเป็นเมียของเปิ่นหวาง คิดจะหนีไปแต่งงานกับชายอื่น มันไม่มีทางเป็นไปได้ เปิ่นหวางไม่มีทางปล่อยเจ้าไป ต่อให้ต้องลากเจ้ากลับมา เปิ่นหวางก็จะทำ ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสีย
ท่านอ๋องหรู่หยางกำลังคิดหาทางจะทำเช่นไร ที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนกับทุกฝ่าย และเขาเองก็จะไม่ต้องเสียเหลียนฮวาไป เขาตัดสินใจยอมให้เหลียนฮวาได้พักผ่อนอยู่ที่ตำหนักของพระมารดาไปก่อน ส่วนเขายอมกลับไปที่จวนเพื่อแก้ปัญหาเสียก่อนถึงจะไปรับนางกลับมาด้านพระสนมหยูเรียกแม่นมเหลียนเข้ามาปรึกษากันเรื่องบุตรชายที่ปากแข็งนัก ทำให้แม่นมเหลียยจำต้องเล่าความจริงทุกอย่างให้พระสนมฟัง พระสนมหยูถอนหายใจออกมา แต่แล้วก็ตัดสินใจเอ่ยว่า “ เจ้าลูกคนนี้ปากก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ก็ขัดขวางเขาเสียทุกทีที่เขาจะออกเรือนไป มันยังไงกันแน่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เรามาวางแผนให้เจ้าคนปากแข็งยอมตัดสินใจเสียที ว่าตกลงจะเลือกใคร บอกว่าเลือกคุณหนูเมิ่ง แต่ก็มาวอแวเหลียนฮวาไม่หยุดหย่อน ถึงกับตามนางเข้ามานอนในตำหนักของข้าทั้งที่ร้อยวันพันปี ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มก็ไม่คิดจะกลับเข้ามานอนในตำหนักแม่ ที่จริงตามสตรีมานี่เอง เอาละข้านึกออกแล้ว ให้เจ้าไปทำตามนี้ก็แล้วกัน ” แล้วพระสนมหยูก็ค่อยๆแจกแจงแฝนการพิสูจน์ใจของบุตรชายว่าเป็นเช่นใดกันแน่ ให้แม่นมเหลียนฟัง “ ดูสิว่าเจ้าลูกปากแข็งมันจะทำอย่างไร ส่วนข้าไม่รั
หลังจากวันนั้นก็วางแผนให้เหลียนฮวาเก็บข้าวของ แล้วก็เดินทางเข้าวังหลวงไปขอพักอาศัยกับพระสนมหยูแต่ก็ไม่ได้บอกว่าพระสนมว่าให้เหลียนฮวาเข้าวังไปเพื่อหนีท่านอ๋อง เพราะพระสนมไม่รู้มาก่อนว่าเหลียนฮวาตกเป็นอนุลับๆของท่านอ๋องแล้ว ด้้านเหลียนฮวาเข้ามาพักอาศัยในตำหนักของพระสนม โดยพระสนมให้นางพักที่เรือนหลังเล็กที่อยู่แยกไปทางด้านหลังติดกับสวนดอกไม้หลังเรือนใหญ่ของพระสนม โดยหมายใจว่าจะให้เหลียนฮวาเรียนการเรือนและเย็บปักถักร้อย และศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีเพิ่มเติมเพื่อที่นางจะได้มีคุณสมบัติของสตรีที่ครบถ้วนพระสนมหมายเอาไว้ในใจว่าจะให้เหลียนฮวาแต่งเป็นชายารองขององค์ชายองค์ใดองค์หนึ่ง หรือไม่ก็ฮูหยินของขุนนางสักจวนหนึ่ง ระหว่างนี้ก็คิดว่าจะมองหาบุรุษผู้นั้นให้กับนางไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบคนที่เหมาะสม เพราะพระสนมนั้นก็เอ็นดูเหลียนฮวาไม่น้อยส่วนท่านอ๋องเมื่อกลับมาจากราชการในวังหลวง ก็ถามถึงเหลียนฮวา พ่อบ้านซื่อบอกว่าแม่นมเหลียนส่งเหลียนฮวาเข้าไปพักอยู่กับพระสนมหยู ท่านอ๋องอึ้งงันไป เขารู้สึกเหมือนกับว่าแม่นมพยายามจะแยกเหลียนฮวาให้ห่างไปจากเขา แต่คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะหนีเขาไปได้อย่างนั้นหรือท่านอ๋
ท่านหมอมาตรวจอาการสตรีทั้งสองนางแล้วก็จัดยาเอาไว้ให้แล้วก็ขอตัวกลับไป โดยมีพ่อบ้านซื่อให้คนตามไปส่งเขาถึงที่จวน เมื่อท่านอ๋องยืนดูสาวใช้ของเมิ่งลี่หลินได้ให้ยานางดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตัดสินจะพานางกลับไปที่จวนพร้อมกับยาที่ท่านหมอจัดเอาไว้ นางกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกัน นางไม่ควรจะนอนค้างคืนในตำหนักของเขา แม้นางจะป่วย แต่ก็พอจะเดินทางกลับจวนของพี่ชายของนางได้อยู่อ๋องหนุ่มจึงได้ตัดสินใจอุ้มเมิ่งลี่หลินที่ตอนแรกนางเหมือนไม่ยินยอมกลับไป อ้างว่านางรู้สึกปวดศีรษะแต่เมื่อท่านหมอยืนยันว่านางกับเหลียนฮวามิได้เป็นอะไรมาก แค่เพียงเหลียนฮวามีแผลฟกช้ำที่ขาของนางฟาดกับสะพานในขณะที่นางกำลังร่วงหล่นลงมาเพียงเท่านั้น ส่วนเมิ่งลี่หลินมิได้มีบาดแผลใด แค่เพียงอาการสำลักน้ำ“ เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าควรกลับไปนอนพักผ่อนที่จวนของเจ้าจะดีกว่า กินยาที่ท่านหมอจัดให้แล้วก็นอนพักยาวๆ ให้หายดีแล้ว แล้วเปิ่นหวางจะไปเยี่ยมเจ้าที่จวนของพี่ชายเจ้าจะเหมาะสมกว่า ”แล้วเขาก็ช้อนอุ้มตัวของเมิ่งลี่หลินอย่่างไม่ได้สนใจความไม่พอใจของนาง แล้วก็อุ้มพางนางไปขึ้นรถม้าของเขาแล้วก็พานางกลับไปยังจวน โดยให้สาวใช้ของนางเข้า
ท่านอ๋องหรู่หยางเมื่อเห็นเมิ่งลี่หลินและเหลียนฮวาต่างก็พยายามตะเกียกตะกายอยู่กลางลำธารกันทั้งคู่ เขาก็โดดพุ่งลงไปในน้ำทันทีแล้วรีบว่ายตรงไปที่สตรีทั้งสอง แต่เขาไปถึงตัวของเมิ่งลี่หลินก่อน ส่วนนางเมื่อเห็นเขาก็รีบร้องเรียกและสำลักน้ำไปทันที อ๋องหนุ่มจึงได้รีบว่ายเข้าไปหานางแล้วรีบพาตัวนางขึ้นจากน้ำไปก่อน ส่วนเหลียนฮวาเขาคิดว่าองครักษ์ของเขาที่โดดน้ำตามหลังมาก็คงจะเข้าไปช่วยนางได้ทันและก็เป็นเช่นนั้น องครักษ์หลีกังที่เขาเองแอบมีใจให้กับเหลียนฮวาตั้งแต่ที่ได้พบหน้านางเมื่อเข้ามาอยู่ในจวนนี้ใหม่แล้วและพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับนาง ยิ่งนางกลับกลายมาเป็นสตรีของท่านอ๋องเขาจึงยิ่งพยายามหักใจไม่ให้คิดกับนางมากไปกว่านายหญิงคนหนึ่ง และยิ่งสงสารและเห็นใจที่ท่านอ๋องมีสตรีอื่นอีกนาง และก็กลับกลายเป็นความรักที่มิอาจจะเปิดเผยได้ เขาร้อนอกร้อนใจมาก ที่เห็นนางตะเกียกตะกายอยู่กลางลำธาร เขารีบว่ายน้ำตรงไปหาเหลียนฮวาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบคว้าตัวของนางเอาไว้ แล้วก็ลากเข้าฝั่งอีกด้านหนึ่งไปทันทีเมื่อเหลียนฮวาถูกองครักษ์หลีกังพาตัวขึ้นริมฝั่งน้ำไปอย่างทุลักทุเลแล้ว นางนั่งลงที่ริมฝั
สามวันต่อมา คุณหนูเมิ่งมาเยี่ยมเยียนท่านอ๋องหรู่หยางที่จวนของเขา แต่พ่อบ้านซื่อที่ออกมาต้อนรับกล่าวว่า“ ท่านคงจะเป็นคุณหนูเมิ่งใช่หรือไม่ ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ขอรับ แต่ท่านอ๋องสั่งเอาไว้แล้ว หากคุณหนูเมิ่งมาพบให้เชิญไปรอในเรือนหลักก่อน ท่านอ๋องเข้าวังหลวงคงจะกลับมาในอีกไม่นานนี้แล้ว หรือไม่คุณหนูจะไปนั่งเล่นที่ศาลากลางบึงบัวก็ได้ขอรับ ข้าจะให้สาวใช้นำน้ำชากับขนมไปรับรอง ” พ่อบ้านซื่อแนะนำ ส่วนเมิ่งลี่หลินรับคำพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน “ ข้าจะไปนั่งเล่นที่ศาลาดีกว่า ลมคงจะเย็นสบายดีกว่าในเรือน ” แล้วนางกับสาวใช้ก็เดินกันไปตามเส้นทางที่พ่อบ้านชี้มือบอก ส่วนพ่อบ้านซื่อก็แยกไปสั่งการให้สาวใช้นำน้ำชาและขนมหวานไปรับรองว่าที่พระชายาที่อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ส่วนเมิ่งลี่หลินเมื่อนั่งเล่นอยู่ในศาลาไดัครู่หนึ่ง นางก็เห็นสตรีนางหนึ่งที่แต่งกายหรูหราด้วยอาภรณ์ราคาแพงกำลังเดินเล่นอยู่ที่ในสวนท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่ขึ้นไปพุ่มเบ่งบานอยู่เต็มไปหมด สตรีนางนั้นมองไปแล้วแม้แต่สตรีด้วยกันเองยังรู้สึกว่านางงดงามบาดตายิ่งนัก ความระแวงพลันเกิดขึ้นในใจของเมิ่งลี่หลินทันท