ตอนที่ 3
ท่ามกลางฝุ่นผงกระจัดกระจายมากมายในโถงถ้ำนั้น ราชาปีศาจเฉาเฟิง ผู้ซึ่งถูกผนึกโดยเทพสงครามเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ได้หลุดพ้นออกสู่โลกนี้อีกครั้งพร้อมเปลวไฟโลกันต์ลุกรายล้อมอยู่รอบตัวเขา “ ในที่สุดข้าก็ได้ออกจากผนึกนี้สักที “ ทันที่ที่จบประโยชน์ราชาปีศาจก็ระเบิดพลังออกไปอย่างสุดแรง แผ่นดินเกิดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งป่าเขา ทั่วฟ้ามืดครึ้มลมพัดแรงดังพายุเข้า ไม่นานนักก็สงบลง เค้ามองไปที่กลุ่มคนตรงด้านหน้า พบหนึ่งคนตรงนั้นมีตราสัญลักษ์รูปจันทร์เสี้ยวที่มีแต่เผ่าปีศาจเท่านั้นที่จะมองเห็น มันคือตราสัญลักษ์ของเผ่ามนุษย์ที่ทำข้อตกลงเป็นข้ารับใช้ให้กับเผ่าปีศาจ และสามารถของอะไรก็ได้หนึ่งครั้งตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน ราชาปีศาจเฉาเฟิงพุ่งตัวเป็นลำแสงสีน้ำเงิน มาหยุดตรงหน้าชีเหนียง สตรีผู้ที่มีตราพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนต้นคอ “ เจ้าช่างภักดียิ่งนัก ข้ารับใช้ของข้า ข้าจะให้รางวัลเจ้า” “คุณ....คุณ เป็นใครทำไม่ถึงออกมาจากหลังก้อนหินนั้น ” “ ข้าคือราชาปีศาจเฉาเฟิง ราชาแห่งเผ่าปีศาจ เจ้าข้ารับใช้เจ้าทำเช่นไรถึงปลดผนึกให้ข้าออกมาได้ ” “ ข้ารับใข้..... อะไร บ้าเปล่านี้ และคุณน่ะมาอยู่ให้ถ้ำได้ยังไง ” (ท่าจะสติไม่ดี ) ชีเหนียงบ่นพึมพำกับตนเอง “ เจ้าพูดอะไร ข้าบอกว่าข้าคือราชาแห่งเผ่าปีศาจ และเจ้าผู้มีตราสัญลักษ์ข้ารับใช้ อยู่บนตัวเจ้า ” ราชาปีศาจเฉาเฟิงกล่าวพร้อมเอื้อมมือลูบต้นคอรหงนั้น ชีเหนียงรีบปัดออก “ นี้จะทำบ้าอะไร ราชาปีศาจ เผ่าปีศาจอะไร นี้มันยุคไหนแล้ว ท่าจะดูละครมากไปมั่ง ” “ เจ้านี้มัน .......” ราชาปีศาจเฉาเฟิงกัดฟันกรอด เขาฝายฝ่ามือออกหมายจะเรียกไฟโลกันต์สั่งสอนสตรีปากมากตรงหน้า แต่... แต่ ไร้ซึ่งไฟโลกันต์ มีแต่ความว่างเปล่า “ นี้มันเกิดอะไรขึ้น ตัวข้าเป็นอะไรไป ทำไม่ถึงใช้พลังไม่ได้ทั้งที่เมื่อครู่ข้ายังระเบิดพลังออกมาได้อยู่ ” ชีเหนียงยืนมองด้วยสายตาสงสัยปน รำคาญ “ พลังอะไรอะไรของคุณ แค่หินมันแตกพื้นดินมันอาจจะเคลื่อนพอดีจึงเกิดแผ่นดินไหวทำให้หินมันแตก ” "ไม่จริงเมื่อครู่ที่ข้ารู้สึกตัว เพราะผนึกมันเริ่มคายออก ทำให้ข้ารวบรวมพลังได้ ระเบิดผนึกนั้นที่กักขังข้าออกมา พวกเจ้าไม่เห็นหรือ ” “ ไม่ เมื่อครู่ฝุ่นเข้าตาฉันอยู่ พวกนายล่ะ อาฉี อาเฟย เห็นอะไรบ้างใหม ” “อาฉี ไม่เห็นครับฝุ่นเข้าตาจนแสบตาไปหมด “ “ ผมก็ไม่เห็นครับชีเหนียง ” (นี้มันเกิดอะไรขึ้นทำไมข้าใช้พลังไม่ได้เรียกไฟโลกันต์ก็ไม่ได้ หรือเป็นเพราะข้าถูกผนึกมานานคงต้องใช้เวลาฝืนฟูพลังก่อน งั้นข้าจะแกล้งทำตามน้ำ สตรีนางนี้ไปก่อนเพราะยังไงนางก็เป็นข้ารับใช้ของเผ่าข้า) เฉาเฟิงครุ่นคิดในใจ จู่ ๆ เพดานถ้ำก็เกิดสั่นไหว ก้อนหินร่วงหล่นทุกคนเริ่มลนลานตื่นตระหนก ยืนไม่ไอยู่เซไปเซมาตามแรงสั่นไหว “ ไม่ได้การแล้ว แล้วพี่ชีเหนียง ถ้ำนี้จะถล่มลงมาแล้ว เรารีบออกจากที่นี้กันก่อนเถอะ ” อาฉีตระโกนฝ่าเสียงแตกร้าวดังก้องที่ออกมาจากพนังและเพดานถ้ำ “ อาฉี อาเฟย สำรวจดูทุกคนปลอยภัยไหมและรีบออกจากถ้ำนี้ให้เร็วที่สุด แล้วคุณล่ะ จะอยู่รอให้หินทับตายหรือไง รีบไปเร็ว ” ชีเหนียงคว้าแขนชายตรงหน้าวิ่งฝ่าฝุ่นและหินที่กำลังหล่นลงมา ใจก็คิดแค่ช่วยให้ออกมาก่อนไม่อย่างนั้นก็ถูกหินทับตายแน่ ราชาปีศาจเฉาเฟิงถูกสตรีตรงหน้าคว้าแขนให้วิ่ง เขาก็วิ่งตามนางมาอย่างงงงวยและสับสน ว่าคนพวกนี้เหตุใดจึงทำให้ผนึกที่เทพสงครามกักขังตนไว้คายออกอย่างง่ายดาย และพลังของเค้าที่เหตุใดถึงไม่สามารถใช้มันได้ ตลอดทางที่หนีออกจากถ้ำแห่งนี้ ก้อนหินขนาดเล็กและใหญ่หล่นไล่ตามพวกของชีเหนียงมาติด ๆ ในที่สุดทุกคนก็ออกมาพ้นปากถ้ำได้สำเร็จ ปากถ้ำก็ถูกปิดตายด้วยหินก้อนใหญ่ที่หล่นทับกันจนมิดปากถ้ำ ทุกคนนั้งพักเหนื่อยด้วยสภาพที่เสื้อผ้าเนื้อตัวผมเผ้าเปื้อนดินและฝุ่น “ จบกันเลย ไม่ได้อะไรติดมือออกมาเลย ” อาเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ “ ใช่ อยู่ดีๆ แผ่นดินเกิดไหวขึ้นมาแบบนี้ได้ไง นี้คุณ คุณอยู่หลังหินก้อนนั้นตั้งแต่เมื่อไร แล้วด้านหลังหินนั้นคุณเจออะไรบ้างไหม ” “ ข้าบอกว่าข้าคือรา...... ” “ โอ้ย พอเลยไม่ต้องพูดแล้วราชงราชา เผ่าปีศาจอะไร ” ชีเหนียงพูดตัดบทเพราะดูแล้วชายคนนี้น่าจะสติไม่ดีแน่ ๆ “ เจ้า ..... ” (สตรีนางนี้น่าแปลกยิ่งนัก อาภรณ์ก็แปลก นิสัยหยาบกระด้าง อยากจะฆ่าให้ตายข้ามือข้ายิ่งนัก ถ้าไม่ใช้เพราะตราสัญลักษ์นั้นนะ แต่ข้าคงต้องพึงนางไปก่อนระหว่างที่ข้ายังใช้พลังไม่ได้) เจาคิดในใจ “ พี่ชีเหนียง ดูที่มือเค้าซิ ” ชีเหนียงมองตามที่อาฉีกระซิบบอก พึงสังเกตว่ามืออีกข้างของเขากำกระบี่เล่มยาวลวดลายดูประณีตแปลกตา ที่จับประดับไปด้วยอัญมณีล้ำค่า น่าจะเป็นของเก่าโบราณ ชีเหนียงจึงเริ่มมองสำรวจชายคนนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ชายคนนี้รูปร่างผอมบาง ตัวสูง ใบหน้าของเขาเรียวแก้มตอบ สีผิวขาวซีด ดวงตาคมเรียว นัยต์ตาสีดำขลับดูเย็นชา หางคิ้วชี้ขึ้น ริมฝีปากบางหยักไว้รูป การแต่งกายแปลกๆเหมือนชุดเก่าสมัยโบราณ เส้นผมยาวๆ ถูกมัดรวมไว้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยและปิ่นที่ปักอยู่ดูแล้วคงมีราคาสูงมาก “ อืม ... ดูรวมๆแล้วชายคนนี้หน้าตาดีไม่น้อยเลยนะ ” “ พี่ พึมพำอะไร ” อาฉีถามด้วยความสงสัย “ เอ้ย ไม่ใชาแค่จะพูดว่า ชายคนนี้ทั้งตัวเขามีแต่ของโบราณและคงมีค่ามากอย่างที่พวกเราตามหา เราต้องพาเขากับไปด้วย” “ เออ คุณชื่ออะไรนะ ” “ เฉาเฟิง " “ ตอนนี้เรากำลังจะกับบ้านแล้ว คุณจะไปไหนต่อมีที่ที่จะไปหรือยัง หรือคุณจะเดินทางไปกับเรามั่ย" “ ไป “ เฉาเฟิงตอบด้วยท่าทีที่เรียบเฉย “ พี่ชีเหนี่ยง จะดีหรอ อาเฟยว่าเขาดูแปลกๆนะ ” “ ไม่เป็นไรหรอก ดูซิตัวคนเดียวไม่มีพิษสงอะไร ทิ้งไว้ที่นี้ก็อาจจะอดตายหรือโดนเสือลากไปกินตายอยู่ที่นี้ก็ได้อาเฟย ” “ พี่นี้ก็ใจดีตลอด ช่วยเหลือคนไปทั่ว ” “ เอาหน้า ทุกคนพักอีกสักหน่อยแล้วเราเดินทางกัน ” หลังจากผนึกถูกปลดออก แผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั่วทั่งปฐพีสี่สมุทร ท้องฟ้ามืดครึ้ม องค์เง็กเซียนเผ่าเทพรับรู้ได้ถึงพลังไฟโลกันต์ของราชาปีศาจ แต่เพียงชั่วครูเท่านั้นพลังนั้นก็หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงให้เทพสงครามซีฮ่าว เทพสงครามองค์ปัจจุบันผู้รับตำแหน่งต่อจาก เทพสงครามเยว่หมี ที่ใช้ดวงจิตผนึกราชาปีศาจเฉาเฟิงจนดวงจิตแตกสลายตายไป ให้เทพสงครามซีฮ่าวลงไปตรวจสอบดูที่เผ่ามนุษย์ไม่นานนักก็มาถึงเขาอู่หลิงหยวน ก็พบว่าผนึกนั้นถูกทำลายไปแล้วและไม่พบร่องรอยของราชาปีศาจ พบเพียงแต่ร่องรอยของมนุษย์ธรรมดากลุ่มหนึ่ง จึงรีบกับไปรายงานให้ องค์เง็กเซียนทราบ องค์เง็กเซียนเกิดความสงสัยเหตุใดผนึกถึงถูกปลดออกทั้งที่ไม่มีผู้ใดสามารถปลดมันได้นอกจากเทพสงครามเยว่หมี ผู้ที่เสียสละดวงจิตตนเองสร้างผนึกนี้ขึ้นมาจนตนเองดวงจิตแตกสลายตายไป และราชาปีศาจเฉงเฟิงเหตุใดถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย องค์เง็กเซียนทรงคาดการณ์ว่าราชาเฉาเฟิงที่พึงหลุดพ้นการผนึกคงบาดเจ็บหรือสูญเสียพลังคงไม่อาจที่จะกระทำการใดได้ในเร็ววันนี้ และกลุ่มมนุษย์กลุ่มนี้น่าสงสัยที่สุดเหตุใดจึงมีร่องรอยอยู่บริเวรผนึกที่กักขังราชาปีศาจ จึงออกคำสั่งให้เทพสงครามไปสืบหาความที่เผ่ามนุษย์อีกครั้ง ไม่เพียงแต่เผ่าเทพที่รับรู้ถึงพลังของราชาปีศาจเฉาเฟิง พวกเผ่าปีศาจเองก็มังผัสได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือไป่รุ่ย องค์รักษ์คนสนิทของราชาปีศาจเฉาเฟิง ไป่รุ่ยจึงรีบออกตามหาทันทีตอนพิเศษ สี่ปีผ่านไปทั้งสามเผ่าต่างอยู่กันอย่างสงบสุข แต่จะมีอยู่สถานที่หนึ่ง "ท่านอา" "ท่านอาหลิงเฮ่อต้องให้ข้าก่อน" "ท่านอา ให้นางไปก่อนก็ได้ขอรับข้าเป็นผู้ชาย ที่แข็งแกร่งย่อมต้องเสียสละให้สตรีก่อน" เสียงเจือยแจ้วขององค์ชายปีศาจน้อยวัยสามขวบกว่านามว่า " ลู่เฟย" "ใช่เจ้าค่ะท่านอา ต้องให้ข้าก่อนสิเจ้าค่ะ" เสียงองค์หญิงปีศาจน้อย "ลู่เอิน" จอมเอาแต่ใจ ปีศาจน้อยฝาแฝดชายหญิง วัยสามขวบกว่า ๆ ตัวอ้วนกลมแก้วยุ้ย น่ารักน่าชังตามติดหลิงเฮ่อที่มีศักดิ์เป็นอา ตลอดเพราะหลิงเฮ่อเลี้ยงมาตั้งเเต่เล็กค่อยตามใจและชอบหาของเล่นแปลก ๆ มาให้เจ้าปีศาจน้อยทั้งสอง "พอแล้วไม่ต้องแยกกัน อามีสองอัน นี้!! เห็นไหม" "เย้ เย้" เย้ เย้" เสียงปีศาจน้อยทั้งสองร้องอย่างดีใจ และเล่นอย่างสนุกสนาน หลิงเฮ่อใช้มือบีบแก้มเด็กทั้งสองเบา ๆ อย่างเอ็นดู "เจ้าก้อนแป้งของอา อาให้เล่นอีกหนึ่งชั่วยาม เสร็จเเล้วเราจะมาฝึกวิชาต่อจากเมื่อวาน ถ้าวันนี้ฝึกก้าวหน้าอาจะพาไปเที่ยวเผ่ามนุษย์" "เย้ เย้ ข้าอยากไปขอรับ" ลู่เฟยกระโดดร่างที่ตุ้ยนุ้ยดีใจ "อยากไปเดี๋ยวเจ้าต้องตั้งใจฝึกนะ" "ขอรับ" "ลู่เอิน เจ้าไม่อยาก
ตอนที่ 38 เฉาเฟิงกลับมาถึงเผ่าปีศาจ ไป่รุ่ยจึงจัดการทำแผลให้เจ้านาย ที่เอาแต่นิ่งเงียบใบหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่ออกมาจากเผ่าเทพแล้ว "นายท่านบาดแผลไม่ลึกมากขอรับ" "ข้ารู้แล้วเจ้าออกไปเถอะ" "ขอรับ" ชายหนุ่มตอบองค์รักษ์ด้วยน้ำเสียงเงียบเฉยที่คนฟังแล้วก็ดูออกว่า เขากำลังโศกเศร้าอยู่ ไป่รุ่ยจึงปล่อยให้เฉาเฟิงได้อยู่คนเดียวก่อน ทว่าขณะที่ออกมาจากห้องบรรทม ก็พบกับครอบครัวของชีเหนียงที่มาไถ่ถามถึงชีเหนียงด้วยความเป็นห่วง ไป่รุ่ยได้แต่อึกอักไม่กล้าที่จะตอบ จึงเกิดเสียงเอะอะขึ้น ราชาปีศาจได้ยินดังนั้น เขาก็เปิดประตูออกมา "นางปลอดภัยดี เดี๋ยวข้าจะพาไปพบนาง" (พาครอบครัวนางไปนางอาจจะจำอะไรได้) เฉาเฟิงคิดในใจ เหตุการณ์เอะอะเมื่อครู่นี้จึงสงบลง เฉาเฟิงเลยเดินไปหาหลิงเฮ่อต่อ ก็เจอกับเฟยอวี่พอดี "นายท่านหลิงเฮ่อ ฟื้นแล้วขอรับ" เฟยอวี่แจ้งเฉาเฟิงด้วยความดีใจ เฉาเฟิงได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินให้เร็วขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้าไป เฉาเฟิงก็เห็นคนที่พึ่งจะฟื้นยืนอยู่ จึงรีบเดินไปประคองส่งกับไปยังเตียงนอน "ท่านพี่ข้าหายแล้ว" "หายแล้วก็อย่าขยับมากเดี๋ยวแผลจะปริออกได้" "ขอรับ ข้ารู้แล
ตอนที่ 37 เผ่าเทพซีฮ่าวกลับถึงเผ่าเทพ รีบไปรายงานต่อองค์เง็กเซียนทันที ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไป เทพสงครามเยวหมีนางก็เดินสวนออกมา "ท่านเทพสงครามเยว่หมี" ซีฮ่าวเอ่ยเรียกสตรีที่ดูท่าทางองอาจเบื้องหน้า นอกจากรูปร่างหน้าตา ก็คือบุคลิกที่สามารถดูออกได้ว่านางคือคนละคนกัน "เจ้าคือเทพสองครามซีฮ่าว ข้าจะไปพักที่ตำหนักเจ้า ขอตัวก่อน" นางพูดจบก็เดินกลับไปทันที ซีฮ่าวได้รายงานเรื่องราวต่าง ๆ แก่องค์เง็กเซียนทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน รวมถึงเรื่องที่หญิงมนุษย์คนนั้นก็คือเทพสงครามเย่วหมี "นางเล่าให้ข้าฟังทุกอย่างแล้ว นางจำทุกอย่างได้แม้ตอนที่เป็นเศษเสี้ยวดวงจิต" "ขอรับ แต่หญิงคนนั้น นางคือคนรักของราชาปีศาจเฉาเฟิงขอรับ" "......" องค์เง็กเซียนไม่ได้กล่าวอันใดออกมา ได้แต่เอามือลูบเครายาวๆ และยิ้มออกมา ซีฮ่าวกลับมายังตำหนัก ได้พบกับเทพสงครามเยว่หมี จึงได้พูดคุยกัน เยว่หมีจึงได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายรวมถึงหลิงเฮ่อ น้องชายของราชาปีศาจที่ตามหาดวงจิตนางเพื่อปลดผนึก "แล้วตอนนี้ชีเหนียงนางตายแล้วหรือขอรับ" "นางก็อยู่นี้ไง" เยว่หมี่ใช้นิ้วชี้จิ้มมาที่ตนเอง ใบหน้าซีฮ่าวบงบอกถึงความงุน
ตอนที่ 35 "ข้ารักเจ้า" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เเล้วทุกอย่างก็มืดสนิท ชีเหนียงรู้สึกว่าตัวนางเองยืนอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันว่างเปล่าไปหมด "นี้ข้าตายแล้วใช่ไหม" นางพูดคนเดียวแล้วทรุดเข่านั่งลงกับพื้น น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา ไหล่บางสั่นไหวสะอื้นไห้ นึกภาพดวงตาที่แดงกร่ำของเฉาเฟิงเมื่อครู่นี้ได้ดี ท่ามกลางความเงียบในที่มืดแห่งนั้นนอกจากเสียงร่ำไห้ กับมีเสียงฝีเท้าคนเดินใกล้เข้ามา จนมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง ชีเหนียงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง "ท่าน…" "รอข้า" สิ้นคำพูดนางทุกอย่างสว่างจ้า ร่างโชกเลือดของชีเหนียงจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมปราณพลังหมุนอยู่รอบกาย บาดเเผลที่โดนแทงนั้นเริ่มจางหายไป เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนใหม่กลายเป็นชุดประจำตัวของนาง "เทพสงครามเย่วหมี" นางชูกระบี่ขึ้นฟ้าฉับพลันเกิดสายฟ้าวิ่งไปมาอยู่ที่ปลายดาบ นางฟาดกระบี่ใส่มารทั้งสอง จนเกิดแสงสว่างวาบไปทั่ว เมื่อเเสงสว่างนั้นดับลง มารทั้งสองเจ็บปวดราวถูกทัณฑ์อัคนีสักร้อยสาย นางหันใบหน้ามาทางราชาปีศาจ "ใช้ พลังไฟโกันต์ของเจ้าเเผดเผามันให้สิ้นซาก" เฉาเฟิงไม่รอช้าปล่อยพลังไฟโลกันต์ทำลายล้างไอมารและแผดเผาจื่อหยา
ตอนที่ 36 ฮวนชินค่อยๆ ลุกเขารวบรวมพลังทั้งหมดยกกระบี่ขึ้น อาศัยจังหวะที่เฉาเฟิงกำลังต่อสู่อยู่ไม่ทันได้สังเกต พุ่งกระบี่เข้าหาเฉาเฟิงทันที "ระวัง !!" เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีฮ่าว เห็นฮวนชินพุ่งกระบี่ไปด้วยความเร็ว เขาจึงตระโกนอย่างสุดเสียง แต่จากจุดที่ซีฮ่าวอยู่ไกลจากตรงนั้นมากนักจึงไปขวางฮวนชินไม่ทัน หลิงเฮ่อเห็นเข้าพอดีจึงรีบเอาตัวเข้ามารับกระบี่แทน กระบี่ของฮวนชินแทงทะลุอกของหลิงเฮ่อทันที เฉาเฟิงเห็นหลิงเฮ่อถูกแทงต่อหน้าต่อตา เขาตกใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปรับตัวหลิงเฮ่อเอาไว้แล้วใช้ไฟโลกันต์ฟาดใส่ฮวนชินเต็ม ๆ ซีฮ่าวจึงรีบมาต่อสู่ขัดขวางมารจื่อหยางต่อ "หลิงเฮ่อ !! หลิงเฮ่อ " เฉาเฟิงประคองเรียกน้องชายไม่หยุดปาก เลือดสดๆ เริ่มไหลทะลักออกจากบาดแผล พร้อมกับสติที่ใกล้จะเลือนลาง "ท่านพี่ข้าไม่เป็นไร" น้ำเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดผ่านริมฝีปากที่ปนเลือดออกมา รอยยิ้มที่อ่อนแรงลง ส่งให้พี่ชายที่ตนรักและเคารพ "เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่ " เฉาเฟิงปลอบใจหลิงเฮ่อ ขณะที่เฟยอวี่องค์รักษ์ของหลิงเฮ่อมาถึงพอดี "ดูแลน้องข้าให้ดี" เฉาเฟิงออกคำสั่งต่อเฟยอวี่ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปสู่ต่อ
ตอนที่ 34 รุ่งเช้าวันใหม่ชีเหนียง ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบไปทั่วร่างกายพร้อมร่องรอยรักสีกุหลาบที่ชายหนุ่มทิ้งไว้บนเนินอกอิ่มทั้งสองข้าง นางหันมองหาคนที่นอนข้าง ๆ แต่พบกับความว่างเปล่า "เขาหายไปไหนนะ นี้ยังเช้าอยู่เลย" นางลุกจากเตียงนอนชำระร่างกายจนสะอาดเลือกสวมอารมณ์ชุดใหม่สีหวานขับผิวเนียนแลดูงดงาม ชีเหนียงออกจากห้องเดินตามหาเฉาเฟิงจนมาถึงโถงว่าการ "ไปไหนนะ ไหนบอกให้ข้าอยู่ในสายตา แต่ตัวเองดันหายไป" นางเดินเข้ามาในโถงว่าการกับพบแต่ความว่างเปล่า มีทหารปีศาจเฝ้าอยู่แค่สองคน นางกำลังจะเอ่ยถาม แต่แล้วกับได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา นางจึงหันไปทางต้นเสียงนั้น "พี่ชีเหนียง" เสียงเจ้าแฝดอาฉี อาเฟย ที่กำลังเดินเข้ามาหานาง โดยด้านหลังของทั้งสองยังมีลุงเกาที่กำลังเดินมาอีกคน "ลุงเกา อาฉี อาเฟย มาได้ยังไง"ชีเหนียงเอ่ยเรียกทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขแฝงไปด้วยความคิดถึง ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าหากันจนถึงตัวก็กอดกันกลมและถามสารทุกข์สุขดิบตามปกติเหมือนที่เคยทำ"นี้มากันได้ยังไง""ก็สัตว์ปีศาจของพี่เฉาเฟิงไง" ชีเหนียงมองตามมือที่อาเฟยชี้ไปที่ทหารปีศาจคนหนึ่งที่พึงเดินตามหลั