ตอนที่ 4
หลังจากที่ออกจากป่า เฉาเฟิงก็มาอยู่บ้านของชีเหนียง เฉาเฟิงยังปรับตัวไม่ได้ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่เฉาเฟิงก็ค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวบ้าง และหาวิธีที่จะทำให้พลังเขากลับมาด้วย "เฉาเฟิง คุณลองใส่ชุดนี้ดูสิ ฉันว่ามันดูเข้ากับคุณมากกว่าชุดเดิมที่คุณใส่อยู่นะ ใส่เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนมองว่าคุณเป็นตัวประหลาด และผมคุณด้วยมันยาวมากเลยนะ ให้ลุงเกาตัดให้เลยดีกว่า" ชีเหนียงพูดพร้อมลากแขนเฉาเฟิงไปนั้งให้ลุงเกาตัดผมให้ "เจ้า.... หยุดนะ... จะทำอะไร" เฉาเฟิงทำท่าขัดขืนเล็กหน่อย แต่ก็ยอมให้ลุงเกาตัดผมให้เพราะอยากที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่นานนัก ราชาปีศาจเฉาเฟิงก็ปราฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยชุดใหม่ที่ชีเหนียงหามาให้ซึ่งมันดูเข้ากับเขามากและผมสั้นทรงใหม่ที่เสริมให้ใบหน้าเขาดูหล่อเหลามากขึ้น " เฉาเฟิง คุณดูดีมากเลยนะ" ชีเหนียงยังคงมองเฉาเฟิงอย่างกับโดนมนต์สระกด ยามที่เขากระพริบตา แววตาที่ดูแสนจะเย็บชาของเขามันช่างดูลึลับเหมือนถูกสระกดให้หยุดมอง "พี่มองเขาตาค้างเลยนะ น้ำลายจะยืดออกมาแล้วนั้น" อาเฟยพูดแกมหยอกชีเหนียง "หุปปากไปเลยอาเฟย มันไม่ขนาดนั้นสักหน่อย" ชีเหนียงหันไปมองค้อนอาเฟย สร้างความขบขันให้ลุงเกา ที่กำลังยืนมองพวกเขาเถียงกัน "แต่คุณผอมไปหน่อยนะ ต้องกินข้าวเยอะ ๆ หน่อย ป่ะ เราไปกินข้าวกัน" "ข้าไม่จำเป็นต้องกินอาหารของพวกเจ้า ข้าอยู่ได้ด้วยตบะของข้า" "แต่คุณเป็นคนนะ คนเรานะต้องกินให้อิ่มท้องเราถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้" "นี้ข้าบอกเจ้าไปหลายรอบแล้วนะ เจ้าข้ารับใช้ ข้าคือราชาปีศาจ" "ราชาปีศาจ ฉันก็เห็นคุณร่างกายเป็นคนอยู่ตรงหน้าฉันอยู่ตอนนี้ ไหนลองกลายร่างเป็นปีศาจให้ดูหน่อย" "เจ้า........ ข้าแค่ยังให้พลังไม่ได้" "งั้นคุณก็กินข้าวก่อนสิ" อาฉี อาเฟย และลุงเกานั้งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าว พร้อมด้วยอาหารมากมายหน้าตาหน้ากิน อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ชีเหนียงจูงเฉาเฟิง มาที่โต๊ะกินข้าว "ข้าไม่กิน....." โครก --- คราก ---- "เสียงอะไร" ชีเหนียงพูดแล้วมองไปที่ท้องของเฉาเฟิง โครก --- คราก ----- "แล้วบอกว่าไม่กิน ท้องร้องดังขนาดนี้ นั้งลง" เฉงเฟิงนั้งลงตามแรงดึงของชีเหนียง เขาเอามือจับที่ท้องของตนเอง (ข้าเป็นอะไร ข้าไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันคือความรู้สึกหิวซินะ ) เฉงเฟิงมองอาหารตรงหน้าและกลืนน้ำลายลงคอ (ข้าคงต้องกินสินะ ) "กินเลย ๆ ไม่ต้องอาย อ่ะ ลองกินนี้ดู ปีกไก่ชุปแป้งทอด กรอบๆ" เฉาเฟิงหยิบปีกไก่ชุปแป้งทอดเข้าปากกินอย่างเก้ง ๆ กัง ๆ "อื้มมมมมม" (มันรสชาติแบบนี้เองสินะ ) "อื้มมมมมม" "แหมม..... อร่อยจนพูดไม่ออกเลยหรอ" "ข้าไม่เคยกินอะไรรสชาติแปลกๆ แบบนี้มาก่อน" "อ่ะ กินเยอะ ๆ เลยนะ" ชีเหนียงหยิบอาหารต่างให้เฉาเฟิงได้ลองกินอีก (นี้เขาไปอยู่ไหนมาแค่ไก่ทอดธรรมดายังไม่เคยกิน แปลกจัง ) "อาฉีดูพี่ฉีเหนียงสิ เห็นผู้หล่อหน่อยไม่ได้เลย" "ไม่ใช้หรอกอาเฟย พี่ชีเหนียงแค่อยากได้กระบี่กับของโบราณที่ตัวเขามากว่า" "นี้นายสองคนซุบซิบอะไรกัน" "เปล่าครับ" เจ้าแฝดทั้งสองคนรีบปฎิเสธเสียงแข็ง ค่ำวันนั้น เฉาเฟิงที่กำลังยืนอยู่บริเวณสวนด้านหลังบ้าน เขาครุ่นคิดหาทางให้ได้พลังกับคืน (หน้าจะมีปีศาจสักตัวให้ข้าเจอบ้าง ข้าจะได้ถามไถ่ถึงเผ่าปีศาจ) "เฉาเฟิง คุณมายืนทำอะไรตรงนี้" ชีเหนียงที่อยู่ๆ ก็โผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง "เจ้ามีอะไร" "กระบี่เล่มนั้น ของคุณเหรอ" "ใช่" "คือ ฉันขอดูหน่อยได้ไหม คุณเจอมาจากในถ้ำนั้นเหรอ" "ทำไมข้าต้องให้เจ้าดู" (สตรีขี้งกนี้คิดว่าข้าดูไม่ออกหรือว่าเจ้าอยากได้กระบี่ของข้า ) "ฉันแค่อยากเห็น บ้านฉันเป็นนักสะสมของเก่า ฉันก็แค่อยากศึกษาดูว่าเป็นของยุคไหน สมัยไหน" "ไม่" "เอ๊ะ นี้ขี้งกจังเลย" ชีเหนียงทำเสียงจิ๊งปากอย่างไม่สบอารมณ์ (ใจแข็งชะมัดเลย ถ้าจะยากซะแล้ว) ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น มีสายตาสีแดงกร่ำคู่หนึ่ง กำลังจองมองมาที่ทั้งสองคน อย่างหิวกระหาย ฉาเฟิงรับรู้ได้ทันที "กลิ่นไอปีศาจ มีปีศาจอยู่แถวนี้" เฉงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีอาการตื่นกลัวแต่ะอย่างใด "อะไร ปีศาจอะไรอีก" " ระวัง!!" สิ้นเสียงคำพูดของเฉาเฟิงกลุ่มควันสีแดงก็พุ่งเข้ามาใส่ทั่งสองที่ยืนอยู่ เฉาเฟิงดึงชีเหนียงออก และใช้ฝ่ามือของตนสกัดกันปีศาจตัวนั้นไว้ เปลวไฟโลกันต์ปรากฏขึ้นแผ่ขยายเป็นวงล้อมรอบเฉงเฟิงและชีเหนียงไว้ เฉงเฟิงยืนมือขึ้นไปที่ควันสีแดงกลุ่มนั้น ควันปีศาจนั้นก็ค่อยๆ จางหายกลายเป็นเด็กหนุ่มน้อยมีหางสีแดงอยู่ด้านหลัง มือข้างนั้นของเฉาเฟิงบีบที่คอด็กคนนั้นอยู่ เด็กคนนั้นได้แต่ดิ้นทุรนทุราย เมื่อเห็นว่าเป็นแค่ปีศาจเด็ก เฉาเฟิงจึงปล่อยมือออก ปีศาจเด็กตนนั้นจึงร่วงหล่นไปกองอยู่กับพื้น "เจ้าจิ้งจอกน้อย คิดจะทำอะไร" "ผมผิดไปแล้วครับ ผมแค่หลงทางมาแถวนี้ เกิดหิวเลยทำเช่นนี้ครับ" "แล้วพ่อแม่เจ้าล่ะ" "พวกเราอาศัยอยู่ในป่าถัดจากเขาลูกนั้นไปอีกสามลูกครับ" "แล้วพวกเจ้าทำร้ายมนุษย์เช่นนี้หรือ" "ไม่ใช่ครับเป็นเพราะกระผมคึกคะนองเอง" "ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่อย่าทำเช่นนี้อีก เจ้าไปตามพ่อแม่เจ้ามาหาข้าให้ได้" "ได้ครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับท่าน ..... " "ข้าคือราชาปีศาจ เฉาเฟิง รีบไปซะ ข้าจะรออยู่ที่นี้" จิ้งจอกน้อยพอได้ยินว่าเฉาเฟิงคือราชาปีศาจ แม้ตนเองอายุน้อยไม่กี่พันปีแต่ก็เคยได้ฟังพ่อกับแม่พูดถึงอยู่บ้าง ก็รีบก้มหัวคำนับอย่างลนลาน และตกปากรับคำก่อนจะกลายร่างเป็นจิ้งจอกวิ่งหายไปในความมืด ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาชีเหนียงทั้หมด ชีเหนียงที่กำลังตะลึงอึ้งมองค้างอย่างไม่กระพริบตา "นี้ นี้ มันคืออะไร" เฉาเฟิงหันกับไปมองชีเหนียงด้านหลัง "นั้นคือปีศาจจิ้งจอก" "แล้ว...คุณ.... คือ" "ข้า ราชาของเผ่าปีศาจ" เปลือกตาของชีเหนียงค่อยๆ หลุบลงช้าๆ กับร่างกายที่หยุดการเคลื่อนไหวค่อยล้มลง เฉาเฟิงจึงรีบเข้าไปประคองไว้ได้ทันก่อนที่ชีเหนียงจะร่วงลงไปกระแทกกับพื้น "เห็นปีศาจน้อยแค่นี้ถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลยหรือไง อ่อนแอจริงๆ แต่ทำไมนางถึงไม่รู้เรื่องตราสัญลักษณ์ข้ารับใช้นะ เกิดอะไรกับครอบครัวนี้กันแน่" เฉงเฟิงอุ้มชีเหนียงขึ้นมาเดินตรงไปที่ห้องนอน ค่อยๆ วางนางลงอย่างเบามือ ยืนมองดูร่างบางตรงหน้าที่เป็นลมไม่ได้สติ ผ่านไปสองชั่วยาม เฉาเฟิงนั้งรอจนชีเหนียงตื่นขึ้นมา คร่าแรกเฉงเฟิงคิดว่าเมื่อชีเหนียวตื่นขึ้นมาแล้วจะหวาดกลัวโวยวาย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ นางกับนอนลืมตานิ่งครุ่นคิดและลุกขึ้นมาถามเฉาเฟิงว่า ที่เห็นมันคืออะไร ทำไมมีปีศาจอยู่บนโลกนี้ เฉาเฟิงจึงเล่าความเป็นมาให้นางฟัง "ไม่อยากจะเชื่อเลยยุคสมัยนี้ยังมีปีศาจอีกหรอ แล้วทำตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นเลยล่ะ " "ไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มี แค่คนที่เห็นส่วนมากมักจะไม่มีใครรอดชีวิตไปบอกต่อยังไงล่ะ" "แล้วทำไมคุณถึงไว้ชีวิตฉัน" "เจ้าคือข้ารับใช้ของข้าในเผ่ามนุษย์ บรรพบุรุษของเจ้าทำสัญญาคำสาปกับเผ่าปีศาจไว้ การเป็นข้ารับใช้ ในช่วงอายุขัยมนุษย์นั้นพวกเจ้าสามารถขออะไรก็ได้หนึ่งข้อเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และตอนนี้สัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวก็อยู่ที่คอเจ้า" "แต่ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย บรรพบุรุษคนไหนทำสัญญาก็เรื่องของเขาสิ แล้วทำไมฉันต้องยอมรับด้วย คุณละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากไปแล้วนะ" " เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร มันเป็นคำสาปผูกพันกับสัญญาด้วย" "แล้วถ้าฉันไม่ทำตามคำสั่งคุณล่ะ หมายถึงยกเลิกสัญญานี้ได้ไหม" "ก็ได้นะ เจ้าก็แค่ตาย ครอบครัวเจ้าพบกับความวิบัติ เพราะคำสาป" "คุณมันราชาปีศาจชั่วร้าย" "หุบปาก" (นางคนนี้ช่างดื้อด้านยิ่งนัก) เฉาเฟิงใช้มือบีบคางของชีเหนียงอย่างแรง จนนางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด มือสองข้างของชีเหนียงกำแขนและมือของเฉงเฟิงไว้พยายามจะแงะมือของเขาออกจากตนเอง แต่ไม่เป็นผล ชีเหนียงมองหน้าเฉาเฟิงดวงตาแดงกร่ำน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวด เฉงเฟิงเห็นดังนั้น หัวใจปีศาจของเขากระตุกไหววูบ ปล่อยมือออกทันที ชีเหนียงขาอ่อนร่วงลงไปกองนั่งกับพื้น "ถ้าไม่ยากตายก็ทำตามคำสั่งข้า หุบปากของเจ้าไว้ให้ดี" เฉงเฟิงเดินออกมาจากห้องชีเหนียงทันที ระหว่างทางนั้นเขาได้ยินเสียงจิ้งจอก น่าจะเป็นพ่อแม่ของจิ้งจอกน้อยตัวนั้น เขาจึงออกตามเสียงนั้นไปตอนพิเศษ สี่ปีผ่านไปทั้งสามเผ่าต่างอยู่กันอย่างสงบสุข แต่จะมีอยู่สถานที่หนึ่ง "ท่านอา" "ท่านอาหลิงเฮ่อต้องให้ข้าก่อน" "ท่านอา ให้นางไปก่อนก็ได้ขอรับข้าเป็นผู้ชาย ที่แข็งแกร่งย่อมต้องเสียสละให้สตรีก่อน" เสียงเจือยแจ้วขององค์ชายปีศาจน้อยวัยสามขวบกว่านามว่า " ลู่เฟย" "ใช่เจ้าค่ะท่านอา ต้องให้ข้าก่อนสิเจ้าค่ะ" เสียงองค์หญิงปีศาจน้อย "ลู่เอิน" จอมเอาแต่ใจ ปีศาจน้อยฝาแฝดชายหญิง วัยสามขวบกว่า ๆ ตัวอ้วนกลมแก้วยุ้ย น่ารักน่าชังตามติดหลิงเฮ่อที่มีศักดิ์เป็นอา ตลอดเพราะหลิงเฮ่อเลี้ยงมาตั้งเเต่เล็กค่อยตามใจและชอบหาของเล่นแปลก ๆ มาให้เจ้าปีศาจน้อยทั้งสอง "พอแล้วไม่ต้องแยกกัน อามีสองอัน นี้!! เห็นไหม" "เย้ เย้" เย้ เย้" เสียงปีศาจน้อยทั้งสองร้องอย่างดีใจ และเล่นอย่างสนุกสนาน หลิงเฮ่อใช้มือบีบแก้มเด็กทั้งสองเบา ๆ อย่างเอ็นดู "เจ้าก้อนแป้งของอา อาให้เล่นอีกหนึ่งชั่วยาม เสร็จเเล้วเราจะมาฝึกวิชาต่อจากเมื่อวาน ถ้าวันนี้ฝึกก้าวหน้าอาจะพาไปเที่ยวเผ่ามนุษย์" "เย้ เย้ ข้าอยากไปขอรับ" ลู่เฟยกระโดดร่างที่ตุ้ยนุ้ยดีใจ "อยากไปเดี๋ยวเจ้าต้องตั้งใจฝึกนะ" "ขอรับ" "ลู่เอิน เจ้าไม่อยาก
ตอนที่ 38 เฉาเฟิงกลับมาถึงเผ่าปีศาจ ไป่รุ่ยจึงจัดการทำแผลให้เจ้านาย ที่เอาแต่นิ่งเงียบใบหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่ออกมาจากเผ่าเทพแล้ว "นายท่านบาดแผลไม่ลึกมากขอรับ" "ข้ารู้แล้วเจ้าออกไปเถอะ" "ขอรับ" ชายหนุ่มตอบองค์รักษ์ด้วยน้ำเสียงเงียบเฉยที่คนฟังแล้วก็ดูออกว่า เขากำลังโศกเศร้าอยู่ ไป่รุ่ยจึงปล่อยให้เฉาเฟิงได้อยู่คนเดียวก่อน ทว่าขณะที่ออกมาจากห้องบรรทม ก็พบกับครอบครัวของชีเหนียงที่มาไถ่ถามถึงชีเหนียงด้วยความเป็นห่วง ไป่รุ่ยได้แต่อึกอักไม่กล้าที่จะตอบ จึงเกิดเสียงเอะอะขึ้น ราชาปีศาจได้ยินดังนั้น เขาก็เปิดประตูออกมา "นางปลอดภัยดี เดี๋ยวข้าจะพาไปพบนาง" (พาครอบครัวนางไปนางอาจจะจำอะไรได้) เฉาเฟิงคิดในใจ เหตุการณ์เอะอะเมื่อครู่นี้จึงสงบลง เฉาเฟิงเลยเดินไปหาหลิงเฮ่อต่อ ก็เจอกับเฟยอวี่พอดี "นายท่านหลิงเฮ่อ ฟื้นแล้วขอรับ" เฟยอวี่แจ้งเฉาเฟิงด้วยความดีใจ เฉาเฟิงได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินให้เร็วขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้าไป เฉาเฟิงก็เห็นคนที่พึ่งจะฟื้นยืนอยู่ จึงรีบเดินไปประคองส่งกับไปยังเตียงนอน "ท่านพี่ข้าหายแล้ว" "หายแล้วก็อย่าขยับมากเดี๋ยวแผลจะปริออกได้" "ขอรับ ข้ารู้แล
ตอนที่ 37 เผ่าเทพซีฮ่าวกลับถึงเผ่าเทพ รีบไปรายงานต่อองค์เง็กเซียนทันที ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไป เทพสงครามเยวหมีนางก็เดินสวนออกมา "ท่านเทพสงครามเยว่หมี" ซีฮ่าวเอ่ยเรียกสตรีที่ดูท่าทางองอาจเบื้องหน้า นอกจากรูปร่างหน้าตา ก็คือบุคลิกที่สามารถดูออกได้ว่านางคือคนละคนกัน "เจ้าคือเทพสองครามซีฮ่าว ข้าจะไปพักที่ตำหนักเจ้า ขอตัวก่อน" นางพูดจบก็เดินกลับไปทันที ซีฮ่าวได้รายงานเรื่องราวต่าง ๆ แก่องค์เง็กเซียนทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน รวมถึงเรื่องที่หญิงมนุษย์คนนั้นก็คือเทพสงครามเย่วหมี "นางเล่าให้ข้าฟังทุกอย่างแล้ว นางจำทุกอย่างได้แม้ตอนที่เป็นเศษเสี้ยวดวงจิต" "ขอรับ แต่หญิงคนนั้น นางคือคนรักของราชาปีศาจเฉาเฟิงขอรับ" "......" องค์เง็กเซียนไม่ได้กล่าวอันใดออกมา ได้แต่เอามือลูบเครายาวๆ และยิ้มออกมา ซีฮ่าวกลับมายังตำหนัก ได้พบกับเทพสงครามเยว่หมี จึงได้พูดคุยกัน เยว่หมีจึงได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายรวมถึงหลิงเฮ่อ น้องชายของราชาปีศาจที่ตามหาดวงจิตนางเพื่อปลดผนึก "แล้วตอนนี้ชีเหนียงนางตายแล้วหรือขอรับ" "นางก็อยู่นี้ไง" เยว่หมี่ใช้นิ้วชี้จิ้มมาที่ตนเอง ใบหน้าซีฮ่าวบงบอกถึงความงุน
ตอนที่ 35 "ข้ารักเจ้า" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เเล้วทุกอย่างก็มืดสนิท ชีเหนียงรู้สึกว่าตัวนางเองยืนอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันว่างเปล่าไปหมด "นี้ข้าตายแล้วใช่ไหม" นางพูดคนเดียวแล้วทรุดเข่านั่งลงกับพื้น น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา ไหล่บางสั่นไหวสะอื้นไห้ นึกภาพดวงตาที่แดงกร่ำของเฉาเฟิงเมื่อครู่นี้ได้ดี ท่ามกลางความเงียบในที่มืดแห่งนั้นนอกจากเสียงร่ำไห้ กับมีเสียงฝีเท้าคนเดินใกล้เข้ามา จนมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง ชีเหนียงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง "ท่าน…" "รอข้า" สิ้นคำพูดนางทุกอย่างสว่างจ้า ร่างโชกเลือดของชีเหนียงจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมปราณพลังหมุนอยู่รอบกาย บาดเเผลที่โดนแทงนั้นเริ่มจางหายไป เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนใหม่กลายเป็นชุดประจำตัวของนาง "เทพสงครามเย่วหมี" นางชูกระบี่ขึ้นฟ้าฉับพลันเกิดสายฟ้าวิ่งไปมาอยู่ที่ปลายดาบ นางฟาดกระบี่ใส่มารทั้งสอง จนเกิดแสงสว่างวาบไปทั่ว เมื่อเเสงสว่างนั้นดับลง มารทั้งสองเจ็บปวดราวถูกทัณฑ์อัคนีสักร้อยสาย นางหันใบหน้ามาทางราชาปีศาจ "ใช้ พลังไฟโกันต์ของเจ้าเเผดเผามันให้สิ้นซาก" เฉาเฟิงไม่รอช้าปล่อยพลังไฟโลกันต์ทำลายล้างไอมารและแผดเผาจื่อหยา
ตอนที่ 36 ฮวนชินค่อยๆ ลุกเขารวบรวมพลังทั้งหมดยกกระบี่ขึ้น อาศัยจังหวะที่เฉาเฟิงกำลังต่อสู่อยู่ไม่ทันได้สังเกต พุ่งกระบี่เข้าหาเฉาเฟิงทันที "ระวัง !!" เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีฮ่าว เห็นฮวนชินพุ่งกระบี่ไปด้วยความเร็ว เขาจึงตระโกนอย่างสุดเสียง แต่จากจุดที่ซีฮ่าวอยู่ไกลจากตรงนั้นมากนักจึงไปขวางฮวนชินไม่ทัน หลิงเฮ่อเห็นเข้าพอดีจึงรีบเอาตัวเข้ามารับกระบี่แทน กระบี่ของฮวนชินแทงทะลุอกของหลิงเฮ่อทันที เฉาเฟิงเห็นหลิงเฮ่อถูกแทงต่อหน้าต่อตา เขาตกใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปรับตัวหลิงเฮ่อเอาไว้แล้วใช้ไฟโลกันต์ฟาดใส่ฮวนชินเต็ม ๆ ซีฮ่าวจึงรีบมาต่อสู่ขัดขวางมารจื่อหยางต่อ "หลิงเฮ่อ !! หลิงเฮ่อ " เฉาเฟิงประคองเรียกน้องชายไม่หยุดปาก เลือดสดๆ เริ่มไหลทะลักออกจากบาดแผล พร้อมกับสติที่ใกล้จะเลือนลาง "ท่านพี่ข้าไม่เป็นไร" น้ำเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดผ่านริมฝีปากที่ปนเลือดออกมา รอยยิ้มที่อ่อนแรงลง ส่งให้พี่ชายที่ตนรักและเคารพ "เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่ " เฉาเฟิงปลอบใจหลิงเฮ่อ ขณะที่เฟยอวี่องค์รักษ์ของหลิงเฮ่อมาถึงพอดี "ดูแลน้องข้าให้ดี" เฉาเฟิงออกคำสั่งต่อเฟยอวี่ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปสู่ต่อ
ตอนที่ 34 รุ่งเช้าวันใหม่ชีเหนียง ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบไปทั่วร่างกายพร้อมร่องรอยรักสีกุหลาบที่ชายหนุ่มทิ้งไว้บนเนินอกอิ่มทั้งสองข้าง นางหันมองหาคนที่นอนข้าง ๆ แต่พบกับความว่างเปล่า "เขาหายไปไหนนะ นี้ยังเช้าอยู่เลย" นางลุกจากเตียงนอนชำระร่างกายจนสะอาดเลือกสวมอารมณ์ชุดใหม่สีหวานขับผิวเนียนแลดูงดงาม ชีเหนียงออกจากห้องเดินตามหาเฉาเฟิงจนมาถึงโถงว่าการ "ไปไหนนะ ไหนบอกให้ข้าอยู่ในสายตา แต่ตัวเองดันหายไป" นางเดินเข้ามาในโถงว่าการกับพบแต่ความว่างเปล่า มีทหารปีศาจเฝ้าอยู่แค่สองคน นางกำลังจะเอ่ยถาม แต่แล้วกับได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา นางจึงหันไปทางต้นเสียงนั้น "พี่ชีเหนียง" เสียงเจ้าแฝดอาฉี อาเฟย ที่กำลังเดินเข้ามาหานาง โดยด้านหลังของทั้งสองยังมีลุงเกาที่กำลังเดินมาอีกคน "ลุงเกา อาฉี อาเฟย มาได้ยังไง"ชีเหนียงเอ่ยเรียกทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขแฝงไปด้วยความคิดถึง ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าหากันจนถึงตัวก็กอดกันกลมและถามสารทุกข์สุขดิบตามปกติเหมือนที่เคยทำ"นี้มากันได้ยังไง""ก็สัตว์ปีศาจของพี่เฉาเฟิงไง" ชีเหนียงมองตามมือที่อาเฟยชี้ไปที่ทหารปีศาจคนหนึ่งที่พึงเดินตามหลั