Home / วาย / ดาบสังหาร (Sword of Annihilation) / เอ้า! นี่กระบี่ของเจ้า!

Share

เอ้า! นี่กระบี่ของเจ้า!

last update Last Updated: 2025-09-24 18:52:55

....ยามเช้าในตลาดคึกคักด้วยเสียงเรียกขายของของพ่อค้าแม่ค้า กลิ่นหอมของเกี๊ยวนึ่งร้อนและชาใหม่ลอยคลุ้งปะปนกับกลิ่นควันถ่าน ผู้คนพลุกพล่านขวักไขว่ ทั้งเด็กวิ่งเล่น ทั้งชาวบ้านหาบหามของ มอบชีวิตชีวาให้แก่เมืองแห่งนี้

ณ หน้าร้านตีเหล็กเลี่ยวหยาง  ไป๋เยว่หลิงยืนนิ่งรอร้านเปิด มือขวาถือปิ่นโตข้างในมีชามโจ๊กใส่เนื้อและผลไม้อยู่ ข้างเอวมีฝักกระบี่เปล่าห้อยเหน็บอยู่

แต่ยืนรออยู่หลายชั่วยามร้านตีเหล็กก็ไม่เปิด จนป้าขายหมูร้านข้างๆหันมาบอกว่า

"พ่อหนุ่ม ข้าว่าเจ้าเลี่ยหยางมันเมาไม่สร่างแน่ๆเลย มันก็ยังงี้แหละชอบออกไปกินเหล้ากับกลุ่มเพื่อนดึกๆดื่นๆ เดี๋ยวถ้ามันเปิดร้านแล้วข้าจะบอกให้ ท่านมาวันหลังเถอะนะ"

ไป๋เยว่หลิงรับฟัง จึงนำปิ่นโตให้ท่านป้า "ท่านป้าข้าฝากให้เขาด้วย" แล้วเขาก็เดินจากไป...

จริงๆเลี่ยงหยางแอบมองจากด้านในร้านผ่านช่องเล็กๆ 

"ไอ้หน้าหล่อนี่ ตื้อข้าจริง!"

"เอายังไงดีหัวหน้า เมื่อคืนก็ต้องยกเลิกเพราะมัน" ลูกน้องข้าง ๆ พูดกับเลี่ยหยาง

"เราล้างสกุลมัน ตอนนี้มันล่วงรู้เงามือของเรา ไม่ควรปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป..."

เลี่ยหยางพูดขัด "รอก่อน ข้าอยากดูมันอีกสักพัก"

ลูกน้องคนสนิทไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากขัดใจผู้เป็นนายจึงได้แต่นิ่งไป

เลี่ยหยางมองลอดรูไม้ดูไป๋เยว่หลิงค่อยๆเดินหายไปโดยไม่กระพริบตา

......ไป๋เยว่หลิงก้าวเท้าเข้าประตูใหญ่ของตระกูลไป๋ บ้านหลังใหญ่เงียบสงัดผิดกับภาพในอดีตที่เคยคึกคัก เสียงก้าวเท้าเขาดังก้องไปตามทางเดินไม้ยาว มุมมืดของบ้านยังมี ผ้าขาว แขวนตามเสาและขอบประตู ดำเนินพิธีไว้ทุกข์ให้คนภายนอกเห็นได้ชัดเจน

ในห้องโถงกลาง บ้านยังตั้งโต๊ะบูชาและป้ายวิญญาณของสมาชิกทุกคนที่ตายไปอยู่ตรงกลาง แผ่นไม้แกะสลักชื่อเรียงรายอย่างเรียบร้อย แม้ศพจะถูกฝังไปแล้ว แต่ตะเกียงวิญญาณยังถูกจุดไว้ไม่ให้ดับ เปลวไฟสั่นไหวราวกับมีลมหายใจลึกลับคอยพัดผ่าน

ไป๋เยว่หลิงมองไปที่โต๊ะบูชา มีผู้เฒ่าท่านหนึ่งกำลังอยู่ที่นั่น กลิ่นน้ำมันตะเกียง เสียงลมกระทบผ้าไว้ทุกข์ และแสงไฟที่ส่องบนป้ายวิญญาณ ทำให้เห็นใบหน้าชายผู้นี้ชัดเจน เป็นชายชราผมขาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะบูชา ผิวพรรณเหี่ยวย่นแต่แววตายังเต็มไปด้วยความสง่าและความเคารพ เขาคือผู้แทนจากสกุลไป๋ตระกูลหลักที่เมืองหลวง กำลังคุกเข่าลงคำนับและตั้งจิตอธิษฐานต่อป้ายวิญญาณของตระกูลที่นี่

ไป๋เยว่หลิงเห็นดังนั้นก็ก้มคุกเข่าลงคำนับตามมารยาท แสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุที่เป็นผู้แทนตระกูลหลัก จิตใจเคร่งขรึมและอ่อนโยน รู้สึกถึงความสำคัญของพิธีกรรมจีนโบราณและสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลย่อยกับตระกูลหลัก

“พ่อ แม่ พี่สาว น้องชาย…ร่างของเขายังมิทันเน่าเปื่อย เจ้ากลับไปเที่ยวหาความเพลิดเพลิน ณ สถานบันเทิง!"

"ช่างสมแล้วที่เป็นลูกชายของไอ้อัปยศนั่น! แค่มันตายไปก็ยังไม่เพียงพอที่มันทำให้สกุลไป่เสื่อมเสีย!”

แววตาเยว่หลิงเริ่มจมดิ่งลงสู่ความมืดและกดดัน 

"นังโสเภณีร่านราคะนั่น! แม่เจ้า! มันทิ้งบิดาเจ้า หนีไปผูกมัดตนกับบุรุษอื่น เจ้าก็สืบกมลนิสัยมักมากกามราคะจากนาง!!”

มือของเยว่หลิงกำหมัดจนสั่น ขบที่มุมปาก

"พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง เจ้าอุตส่าห์เมตตารับเลี้ยงเจ้า แทนที่จะอยู่แสดงความกตัญญูด้วยการนั่งจดบันทึกคุณความดีของพ่อแม่เลี้ยงเจ้าเพื่อให้ลูกหลานต่อ ๆ ไปรู้จัก"

ชายชราเดินมาถีบหน้าเยว่หลิงเต็มแรงจนเขาล้มลงกับพื้น

"ไอ้อกตัญญู!"

เยว่หลิงค่อยลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าต่อหน้าชายชราเช่นเดิมและก้มหน้า

ชายชรายังไม่หายโมโห เขาถอดรองเท้ามาตบหน้าหลายฉาดอย่างรุนแรง จนเยว่หลิงเลือดออกจากมุมปาก

เขายังคงนิ่ง ดวงตาราวกับไร้ชีวิต หยดเลือดสีแดงลงเปื้อนเสื้อสีขาวของเขา

ชายชราหมดแรง จึงเอ่ยปากว่า "ข้าได้ข่าวว่าเจ้าคือนักกระบี่อัจฉริยะ ถ้าเจ้าแสดงฝีมือให้ข้าเห็น ข้าจะยังไม่ตัดเจ้าออกจากสกุลไป๋"

แล้วชายชราก็เรียกบริวารเข้ามา เป็นชายกำยำถือกระบี่จริง 5 คนท่าทางดูเป็นนักกระบี่ที่มีฝีมือช่ำชอง

พวกมันล้อมหลินเซียนไว้รอบลานหินกลางบ้าน เยว่หลิงลุกขึ้นยืนในสภาพไร้ไฟชีวิต ชายชรากลับไปนั่งดูที่เก้าอี้

"เริ่มได้" ชายชราตะโกน

...ไป๋เยว่หลิงยืนอยู่กลางลาน ฝักกระบี่เปล่าในมือเหมือนไร้พลัง แต่แววตาของเขาเยือกเย็นราวน้ำแข็งในฤดูหนาว ชายถือกระบี่ทั้ง 5 คนรุมเข้ามาไป๋เยว่หลิงตาเลื่อนลอย เขาพลิกฝักกระบี่ในมืออย่างลื่นไหล ราวกับมันคือกระบี่จริง เสียงลมฟาดดังฉับพลันเมื่อฝักกระบี่เหินตัดอากาศ ชายคนแรกฟาดกระบี่เข้าที่หน้าอก เขาเพียงสะบัดฝักกระบี่ บังคับแรงลมให้กระบี่คู่ต่อสู้ กระเด็นตกพื้น

ชายคนที่ 2 พุ่งเข้าประชิด ฟันกระบี่ราวกับจะแทงทะลุหน้า เขาใช้ฝักกระบี่หมุนตัว ปลายฝักฟาดเข้าที่แขนคู่ต่อสู้ กระเด็นไปชนเพดานกำแพง จนกระบี่ร่วง

อีก 3 คนพยายามล้อม ทั้งโจมตีแบบซิกแซก แต่ฝักกระบี่เปล่าของเขา ทุกจังหวะก้าวเหยียบจังหวะหายใจของศัตรู พลิกตัว หมุนข้อมือ ทุกฝักกระบี่ที่ฟาดออกไปเหมือน สายน้ำตัดหิน

คนแรกลุกขึ้นมายืนรอจังหวะแล้วฟันเข้าแรงจนไป๋เยว่หลิงต้องถอย แต่เพียงเสี้ยววินาที เขาใช้ฝักกระบี่ ดันแรงลมย้อนกลับ ส่งชายคนนั้นล้มกระเด็นออกไปจนกระบี่หลุดมืออีกครั้ง

อีก 2 คนเข้าฟันกระชั้นติดกัน ฝักกระบี่ของเขาพลิ้วเหมือนเงา สอดประสาน จังหวะเดียวปลายฝักกระบี่แตะกระบี่ทั้งสองจนกระเด็นตกพื้นพร้อมเสียงโลหะกระทบ

เสียงลมและเสียงโลหะดังก้องกลางลาน เสียงหัวใจชายถือกระบี่เต้นแรงขึ้นทุกวินาที ฝักกระบี่เปล่าของไป๋เยว่หลิงเคลื่อนตัวเหมือน กระบี่จริงหนึ่งเล่มฟาดฟันพร้อมกันหลายทิศ

ในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ชายถือกระบี่ทั้ง 5  ล้มกระเด็นไปตามมุมลาน กระบี่ร่วงกองกับพื้น ฝักกระบี่เปล่าในมือเขากลับอยู่ในมือโดยไม่สั่นแม้แต่น้อย

ชายชรานั่งดูที่เก้าอี้ด้วยคนตะลึง เด็กคนนี้คืออัจฉริยะผู้ถือกระบี่ในรอบ 100 ปีจริงๆ

“แม้มือว่างเปล่า หากใจเฉียบคมก็สามารถตัดฟ้าได้...”

ชายชราพยักหน้าบอกรหัสลับลูกน้องทั้ง 5 พวกมันหยิบถุงบางอย่างออกมาจากเอวแล้วเขวี้ยงใส่แยว่หลิงจากทุกทิศ 

เยว่หลิงใช้ฝักกระบี่ปัด ปรากฎว่ามันคือฝุ่นควันสมุนไพรบางอย่างที่ฟุ้งจนเยว่หลิยแสบจมูกแสบตามากจนน้ำตาไหลไม่หยุด หูอื้อ

ชายคนหนึ่งสบโอกาสฟาดกระบี่เข้าพร้อมกัน

....ทันใดนั้น! กระดูกหมูชิ้นใหญ่ถูกเขวี้ยงมาชนมือจนกระบี่หลุด

อีก 4 คนหันไปเจอกระดูกหมูขว้างใส่เต็มหน้า

"รีบๆกินซะ! ไอ้พวกสุนัข! กระดูกหมูเจ๊สี่นี่อร่อยที่สุดแล้ว!"

"ใคร???" ชายชรามองไปที่ประตูและตระโกนเสียงดัง

คนผู้นั้นเป็นชายวัย 17 ปี หน้าหล่อ อกใหญ่ กล้ามแขนกล้ามขาแน่น แต่งตัวด้วยชุดชาวบ้านโทรม ๆ มีผ้าโพกศรีษะสีแดง มือข้างหนึ่งถือผลไม้ใส่ปากกินอยู่

เยว่หลิงมองเลือนลาง แต่เขาจำผลไม้ที่เขาซื้อได้(เพราะเขาเลือกอยู่นาน) เขายิ้มที่มุมปาก นี่เป็นรอยยิ้มแรกของเยว่หลิงในหลายวันนี้

มืออีกข้างถือกระบี่ที่ไม่มีฝักพาดไหล่อยู่ ตัวคมกระบี่มันวาวดูแหลมคมยิ่งนัก

"ข้าซ่อมเสร็จแล้ว เอ้า!" เลี่ยหยางโยนกระบี่เข้าไปกลางวง 

ทันทีที่เยว่หลิงจับกระบี่ได้ เขาสูดลมหายใจ หลับตา ยืนนิ่ง รวบรวมลมปราณ

"พวกเจ้ารออะไรอยู่ รีบจัดการให้เด็ดขาด!" ชายชราตะโกนเสียงดัง

ชายถือกระบี่ทั้ง 5 คนรีบตั้งท่า พร้อมจะใช้ท่าไม้ตายของแต่ละคน และพุ่งเข้าหาไป๋เยว่หลิงพร้อม ๆ กัน

ไป๋เยว่หลิงจับฝักกระบี่ในมือขวาแน่น แววตาเยือกเย็นเหมือนกระจกสะท้อนความมืดในใจ เขาปล่อยพลังปราณออกมา เศษลมราวกับหมุนวนรอบตัวเอง เสียงซู่ดังขึ้นราวฟ้าผ่า กระบี่ถูกแรงปราณดันลอยขึ้น หมุนเวียนเป็นวงกลมจากด้านหลังร่าง กลับมาถือกระบี่ในมือซ้าย

แรงเหวี่ยงนั้นสะบัดตัดกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหักขาดทั้งหมด ศัตรูทั้งหลายถอยกระเด็นไปตามแรงลม จนล้มกระแทกพื้นและกระอักเลือด

ราวกับจังหวะสัญชาตญาณจากสวรรค์ กระบี่หมุนวนจากมือขวาอ้อมลงสู่มือซ้ายของเขาอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ แสงลมสะท้อนบนกระบี่ราวกับวงพระจันทร์

กลางวงแหวนกระบี่มีไป๋เยว่หลิงยีนอยู่นั้นราวกับเป็นเทพกระบี่จากสวรรค์ลงมาจุติบนโลก

นี่คือ "กระบี่จันทรา" ที่ไป๋เยว่หลิงคิดค้นขึ้นเอง

"งดงาม!" เลี่ยหยางถึงกับอ้าปากค้างจนผลไม้หล่นตกลงพื้น

ชายชราอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก เดินมาเตะลูกน้องทั้ง 5 คนโมโห แล้วรีบจ้ำเดินออกจากบ้านไปพร้อมลูกน้อง เขาเดินสวนกับเลี่ยหยางที่ยิ้มกวนๆให้ ชายชราด้วยความไม่พอใจจึงเอามือปิดจมูกและสถบออกมา "เหม็นสาปพวกชั้นต่ำ" แล้วเดินออกไป

....เมื่อเหลือกันอยู่แค่ 2 คนแล้ว เลี่ยหยางก็โบกมือ และหันหลังจะกลับ

"ช้าก่อน!" เยว่หลิงเรียก

"มีอะไรรึ?" เลี่ยหยางหันข้างมาถาม

"ป....เปล่า....ข...ข้า...." เยว่หลิงมีอาการเหนื่อย ไม่ใช่จากการต่อสู้ แต่เพราะฤทธิ์ผงสมุนไพรพิษเมื่อกี้ยังมีผลอยู่

"งั้นข้าไปล่ะ ขอบคุณ ๆ คุณชายมากนะขอรับที่ใช้บริการ"

แล้วเลี่ยงหยางก็เดินออกจากประตูไป ทิ้งไป่เยว่หลิงให้มองตามแผ่นหลังเขาจนบานประตูปิดลง....

.

.

.

.

ป.ล. จริงๆเยว่หลิงจะถามเลี่ยหยางว่าผลไม้ที่ข้าเลือกซื้อให้ เจ้าไม่ชอบเหรอ? ถึงกินไม่หมด...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   กระบี่เซียนแห่งฮั่วซาน

    ....วันรุ่งขึ้น เมฆหนาทึบปกคลุมยอดเขาฮั่วซาน ลมแรงหอบเสียงกระพือของผืนธงในลานพิธี ศิษย์สำนักเกือบร้อยคนยืนเรียงแถวเป็นสองฝั่ง ทุกคนถือดาบในมือเยว่หลิงและเลี่ยหยางถูกศิษย์จับมัดตรึงกับเสาไม้สูงกลางลานคนละต้น แขนแผ่กางออกร่างแน่นหนาด้วยเชือกหยาบเลี่ยหยางหันคอไปมองเยว่หลิงที่ถูกผูกข้าง ใบหน้าของคุณชายชุดขาวยังคงสงบนิ่ง ราวกับไม่ใช่ผู้ต้องสังเวย แต่เป็นเพียงผู้ชม“หลิงหลิง…ท่าทางเจ้าน่าจะชอบนะ ถูกผูกไว้เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร” เลี่ยหยางยิ้มเจื่อๆ เอียงหัวทำตาหวานใส่เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา ตึง! อาจารย์อา ก้าวเข้ามาพร้อมศิษย์ 4 คน เสื้อคลุมขาวพลิ้วไหว ใบหน้างดงามแต่เย็นยะเยือก รังสีอำมหิตฉายแสงออกมาจากดวงตา“วันนี้ เราจะเริ่มพิธี สังเวยวิญญาณกระบี่ เพื่อความรุ่งโรจน์นิรันดร์ของสำนักฮั่วซาน!”เสียงศิษย์ทุกคนชูดาบขึ้นพร้อมกัน ก้องสะท้อนหุบเขา“สังเวย! สังเวย!”ดาบนับร้อยแสงวาบเป็นประกายเยือกเย็น แสงคมกระบี่สะท้อนเข้าตาของเลี่ยหยาง เขาหัวเราะหึๆ“พิธีสังเวยวิญญาณกระบี่? มันเป็นแค่เหล็กจะมีผีในนั้นได้ยังไง พวกเจ้าบ้ากันไปแล้ว”อาจารย์อาหันขวับ แววตาแหลมคมเหมือนเพลิงไฟที่พร้อมจะแผดเผา“ปากของเจ้ามัน

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   โศกนาฏกรรมความรัก

    ....คุกใต้สำนักฮั่วซานนั้นอยู่ลึกและเย็นชื้น กำแพงหินหนาทึบแผ่ไอความชื้นออกมา เยว่หลิงนั่งพิงผนังหิน ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ราวกับรูปสลักน้ำแข็ง เขามิได้ดิ้นรน มิได้เอ่ยคำถาม เพียงทอดสายตามองเลี่ยหยางเลี่ยหยางตรงกันข้าม เขายิ้มแสยะยิ้มเดินวนไปวนมา แล้วก็หันกลับมามองคุณชายเย็นชา“หลิงหลิง… นั่งนิ่งทั้งวันไม่เมื่อยบ้างรึ? ให้ข้ากดนวดบ่าให้มั้ย?”เยว่หลิงพยักหน้า เลี่ยหยางจึงมานั่งข้างๆแล้วยกมือขึ้นลูบต้นแขนเยว่หลิงอย่างเอาใจ“สบายไหมขอรับคุณชาย ข้าทำหน้าที่ภรรยา ส่วนท่านก็แค่นั่งหล่อไปเรื่อยๆ” เยว่หลิงหลับด้วยความฟิน"หลิงหลิง…” เสียงเขาแผ่วลง แต่แฝงความจริงจัง “ข้าสงสัยว่า ผู้หญิงที่ข้าเห็นใต้บ่อน้ำร้าง อาจเป็นเหตุผลที่พวกมันยังไม่ฆ่าเราทันที”เยว่หลิงหันตามสายตาเลี่ยหยางช้า ๆ ไม่มีคำพูด มีเพียงการรับฟังเหมือนโลกนี้ไม่เหลือสิ่งอื่นสำคัญนอกจากคนตรงหน้า“คนในนั้นมันกินศพมนุษย์!”แววตาของเยว่หลิงสั่นไหววูบหนึ่ง ริมฝีปากชมพูอ่อนโค้งขึ้นน้อยจนแทบไม่เห็น แสดงว่าเขารับทราบแล้วทันใดนั้น เสียงกรงเหล็กดัง อาจารย์อาก้าวเข้ามาในเงามืด อยู่หน้าห้องขังพร้อมศิษย์อีก 2 คน กลิ่นหอมดอกเหมยอวลอบอวล แต่ส

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   ฮั่วซาน

    ...เพียงปลายเท้าแตะดินก็นิ่งมากตัวไม่ไหวเลย บ่งถึงทักษะวิชาตัวเบาชั้นสูง นางเป็นหญิงวัย 50 กว่าปีร่างท้วมนิดๆ ดวงตาเรียวคมเหมือนดาบปลายพู่ ผมสีขาวประปรายยาวประบ่า เกล้าผูกเรียบง่ายด้วยผ้าไหมครามเข้ม ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นจากกาลเวลากลับแฝงความสง่างามอย่างธรรมชาติ เลี่ยหยางสายตาสอดส่ายสำรวจพบว่าเธอใช้มือซ้ายจับกระบี่ เขาคิดในใจว่าช่างหายากนักคนที่ถนัดกระบี่มือซ้ายแบบป้าคนนี้อาจารย์อายิ้มบางๆให้เลี่ยหยางและเยว่หลิง "ต้องขออภัยจอมยุทธทั้งสองที่ศิษย์ของข้าล่วงเกินพวกท่าน""นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว ระยะทางไปโรงแรมก็ยังอีกไกล ให้ข้าไถ่โทษด้วยการเชิญพวกท่านพักค้างแรมในสำนักดีหรือไม่?"เลี่ยหยางไม่เคยขึ้นไปข้างบนดูในสำนักฮั่วซานเลย เขาเลยตอบตกลง ส่วนเยว่หลิงก็ทำหน้านิ่งๆเช่นเคย แนวว่าเจ้าเอาไงข้าก็เอาอย่างงั้นแหละแต่พอมีเห็นบันไดทางขึ้นเขา เลี่ยหยางก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัดสินใจผิด คือมันแทบจะเป็นแนวตั้ง เพราะภูเขามีลักษณะสูงชัน หน้าผาแทบจะตั้งฉากกับพื้นดิน แค่บันไดทางขึ้นก็เรียกได้ว่าอันตราย สมแล้วที่เขาเล่าลือว่ามีเทพเซียนอยู่บนยอดเขาศิษย์ทั้ง 10 ของสำนักฮั่วซานขึ้นบันไดกันอย่างคล่องแคล่ว และหันม

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   ออกเดินทาง

    ......เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก้าวย่างเดินออกจากประตูเมืองทางตะวันออก พอพ้นมาได้นิดเดียวเยว่หลิงก็หันหน้ามามองเลี่ยหยาง "กว่างโจวไปทางไหน?"เลี่ยหยางเกาหัวแกร่กๆ "ก็ต้องลงใต้ ถ้าจะเดินทางบนบกจากตรงนี้ก็ต้องไปลั่วหยางก่อน แล้วผ่านลงไปเรื่อยๆถึงเมืองฉางซา เลยไปอีกก็ถึงกว่างโจวละ""แต่...ถ้าเจ้าอยากไปทางน้ำเราอาจต้องอ้อมหน่อยไปทางตะวันออกเพื่อขึ้นเรือที่ท่าเรือหางโจวแล้วจึงลงใต้"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชา เลี่ยหยางคิดในใจ "ให้ตรูตัดสินใจแทนอีกแล้วชิมิ""ถ้าเจ้าอยากกินซุปน้ำแกงและอาหารดอกโบตั๋น (ใช้ดอกไม้ในอาหาร) รวมถึงงานเลี้ยงรื่นเริงที่เสิร์ฟอาหารเยอะๆ 10-20 อย่าง ก็ลั่วหยาง""แต่...ถ้าเจ้าอยากกินปลามังกรน้ำใสตุ๋น, เนื้อหมูตงพอ และชาหลงจิ่ง และเจอพวกนักกลอนกวีเยอะๆ ก็ต้องหางโจว"เลี่ยอยางเอามือแตะที่ท้องบางๆของเยว่หลิง "ถามทาเถี่ย(สัตว์ในตำนานยุคโบราณ)ในท้องเจ้าดูว่ามันอยากกินอะไร?"เยว่หลิงมองหน้าอย่างเฉยชาเช่นเดิม เลี่ยหยางถอนหายใจแรง"งั้นก็ไปลั่วหยาง! เฮฮาดี ข้าเกลียดพวกกวีตุ๊งติ้ง" ว่าแล้วเลี่ยหยางก็เดินนำเลย โดยมีเยว่หลิงเดินตามหลังต้อยๆ.....เดินทางมาสักพักทั้งคู่ก็มาถึงที่ราบกว้า

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) ค่ำคืนสุดท้ายที่ฉางอัน...

    ...คืนนี้เรือนพักเงียบสงบ มีเพียงแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องวูบวาบไหวบนโต๊ะไม้ แสงนั้นทอดลงบนหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยาง เขาร้อนมากจึงถอดเสื้อออก เปลือยเปล่าท่อนบน กล้ามเนื้อไหล่และเแผ่นอกตึงแน่นมองเห็นได้ชัดเจน มีเหงื่อบางๆไหลซึมตามผิวอก และกล้ามท้องซิกแพ็คแน่น ๆ ของเขาเยว่หลิงอดไม่ได้ที่จะแอบดูรูปร่างอันเซ็กซี่นั้น จนเลี่ยหยางสังเกตุเห็น"อากาศว่าร้อนแล้ว แต่สายนั้นของเจ้าร้อนยิ่งกว่าอีกนะ หลิงหลิง"เลี่ยหยางยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเยว่หลิง ใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจประสานกัน ริมฝีปากแทบจะแตะต้องกัน เยว่หลิงถอยไปจนพิงขอบประตู"หลิงหลิงเจ้าก็ถอดบ้างสิ ร้อนซะขนาดนี้"เลี่ยหยางใช้มือขวาแกะเสื้อเยว่หลิงออก จนเสื้อแหวกออกทำให้เห็นหน้าอกแล้วซิกแพ็คลีนๆของเยว่หลิง ผิวที่ขาวเนี่ยนละเอียดนั่นพอต้องแสงตะเกียงแล้วมันช่างสว่างในที่มืดเสียจริง ราวกับปุยนุ่น เลี่ยหยางกลืนน้ำลายดังอึ่ก เขาอดใจไม่ได้ที่จะใชเปลายนิ้วสัมผัสผิวขาวออร่านั้น เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัสค่อยๆไล่จากหน้าอกลงมาถึงใต้สะดือนิดหน่อย"ผิวเจ้านี่นุ่มดีจัง มีกลิ่นหอมนิดๆด้วย" เขาเผลอพูดออกไป เยว่หลิงเอามือจับหน้าอกแน่นๆของเลี่ยหยางคืน "อกเจ้าก็ชุ

  • ดาบสังหาร (Sword of Annihilation)   (ภาคฉางอัน) คำอธิษฐานแห่งดวงดาว

    .....เช้าวันนี้เลี่ยหยางชวนเยว่หลิงไปไหว้ศาลเจ้าเทพแห่งดาวดาวซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของนครฉางอัน ศาลแห่งนี้สูงสง่า ประตูไม้ทาสีดำสนิท สลักลายกลุ่มดาวนับพัน เสมือนจักรวาลทั้งปวงถูกรวมไว้ในบานประตูเดียว ภายในศาลเจ้า เงียบสงัด มีเพียงกลิ่นธูปลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า บนเพดานมีการวาดดาวฤกษ์เป็นจุดแสงทองคำ เมื่อจุดตะเกียงน้ำมันยามค่ำคืน จะระยิบระยับราวกับท้องฟ้าแท้จริงผู้คนเชื่อว่า หากมากราบไหว้จะได้รับการปกปักคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งดวงดาว ให้เดินทางปลอดภัย และชะตาชีวิตรุ่งเรืองทั้งสองประนมมือไหว้ แล้วเดินชมรอบ ๆ เลี่ยหยางชวยเยว่หลิงเขียนป้ายคำอธิษฐานแขวนไว้ในศาลเจ้า(ฉีหย่วนไผ๋)เหมือนคนอื่น ๆ ที่เขียนหอยแขวนไว้มากมายหลายพันชิ้น เยว่หลิงไม่ได้สนใจแต่ไม่อยากขัดเลี่ยอยางจึงนำแผ่นไม้หอมมาเขียนคำอธิษฐานโดยเลี่ยหยางไปเชื่อนักพรตในศาลเจ้าจ่ายเงินซื้อหยดหมึกผสมน้ำฟ้า(หมึกพิเศษผสมแร่เงิน) ซึ่งจะทำให้แสงจันทร์สะท้อนเป็นประกายเงิน คล้ายป้ายเรืองแสงยามราตรีได้ เสร็จแล้วทั้งคู่ก็นำไปแขวนไว้ที่เสาศิลาแกะสลักรูปดาว"เราใช้หมึกพิเศษ พอตกกลางคืนเมื่อแสงตะเกียงและแสงดาวตกกระทบ ป้ายพวกเราจะสะท้อนแสงวิบวับราวกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status