เขาและเธอ แต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ 2 ปี ก็ต้องหย่ากัน เพราะเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่สามารถบอกใครได้ และเขากลับมาในครั้งนี้ เขาจะทวงทุกอย่างที่เคยเป็นของเขากลับคืนมา แม้กระทั่งเธอ เขาก็จะทวงคืน
View More“คืนนี้จะไปไหนอีกคะลูกสาวแม่...แต่งตัวสวยเชียว” เสียงหวานนุ่มนวลของผู้เป็นแม่ถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นลูกสาวเพียงคนเดียว แต่งตัวสวย เดินลงมาในเวลา 21 นาฬิกา
ปิ่นลดา อัครโยธินนารัตน์ คุณแม่ในวัย 49 ปี ของลูกสาว
หญิงสาวซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้าน เธอที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทั้งฐานะและชาติกำเนิดของวงศ์ตระกูล ถึงแม้มารดาจะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“หยาจะออกไปหาเพื่อนคะแม่ปิ่น อยู่เฉย ๆ มันทำให้นอนไม่หลับ แถมยังพลอยทำให้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอีก” เธอเอ่ยตอบกลับผู้เป็นแม่ออกไปตามตรง
เพราะตั้งแต่ที่เธอกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เธอก็มักจะหาอะไรทำอยู่ตลอด เธอไม่อยากอยู่นิ่ง เพราะมันทำให้เธอคิดฟุ้งซ่าน และคิดถึงเขาคนนั้น เขาที่ทิ้งใบหย่า และตราบาปไว้ให้เธอ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุว่าเธอทำอะไรผิด เขาถึงจากเธอไปแบบไม่ลากันเลยสักคำแบบนี้
“อย่าดื่มเยอะนักละ แล้วจะค้างที่ไหน” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
ถึงจะทราบดีว่าลูกสาวเก่งและสามารถเอาตัวรอดได้ แต่คนเป็นแม่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เมื่อนึกถึงวันวานแสนเจ็บปวดเมื่อ 3 ปีก่อน
“คงจะไปค้างที่คอนโดไอ้เวย์ หรือไม่ก็จะไปค้างกับปุยนุ่นคะ” เธอตอบคำถามของผู้เป็นแม่ไปตามที่คิดเอาไว้
“น้องเขามีครอบครัวแล้วนะ จะไปรบกวนเขาทำไม เกรงใจสามีเขา” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอก
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หยากลับไม่ได้ หยาเปิดโรงแรมนอนก็ได้ ลูกแม่ปิ่นคนนี้เก่ง สตรองจะตาย” พูดพร้อมกับท่าทีที่มีลูกเล่น เพื่อไม่ให้ผู้เป็นแม่ต้องเป็นห่วงเธอ
ณดารินทร์ อัครโยธินนารัตน์ หรือ ปั้นหยา หญิงสาวในวัย 28 ปี เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ ศาตราจารย์นายแพทย์นฤบดินทร์ และ ปิ่นลดา (จากเรื่องบังเอิญรัก เมียแต่ง)
และมีพี่ชายอายุห่างกัน 4 ปี ที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับทางมารดาของเธอ หรือน้องชายต่างมารดาของแม่เธอนั้นเอง ซึ่งอายุห่างกันกับแม่ของเธอตั้ง 15 ปี และพ่อของเธออุปการะเลี้ยงดูในฐานะบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ที่พ่อและแม่เธอใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ซึ่งตอนนี้ก็แยกย้ายออกไปมีครอบครัวแล้ว
ชีวิตที่แสนรันทด หลังจากผ่านการหย่าร้างมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว เธอต้องกลายเป็นหม้ายสามีหย่าในเวลาที่ยากจะทำใจยอมรับ โดยที่เธอไม่ทราบสาเหตุเลย
ทุกวันนี้ กว่าเธอจะข้ามผ่านเวลาอันแสนเศร้าในแต่ละวัน มันไม่ง่ายเลย เธอต้องพบเจอกับอะไรมากมาย ที่เข้ามาถาโถมในชีวิตของเธอ ในเวลาเดียว
เธอไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวเหมือนชีวิตก่อนแต่งงานได้ เพราะหลังจากที่สามีเธอทิ้งใบหย่าไว้ ชีวิตของเธอเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอกลายเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงไปโดยปริยาย หรือซึมเศร้านั่นแหละ เพราะสูญเสียอะไรในหลาย ๆ อย่าง ในคราเดียวกัน เธอต้องพบแพทย์ตลอด และย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ของเธอ
Night Club
“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว...” เสียงทุ้มลึกเอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อประตูถูกเปิดออกพร้อมกับชายร่างสูงหุ่นนายแบบเดินย่างก้าวเข้ามา
เจได หนุ่มไทยขนานแท้ แต่หน้าตาออกไปทางตี๋ ซึ่งเป็นเจ้าของไนต์คลับแห่งนี้ และยังเป็นเพื่อนของชายหนุ่มที่พึ่งจะเดินเข้ามา
“วันเกิดเพื่อน เพื่อนเลี้ยงทั้งที จะพลาดได้ยัง เหล้าฟรีใครจะไม่ชอบวะ” เสียงเข้มตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย ก่อนที่จะนั่งลงตรงที่ว่าง
นพดล อภิวัฒนากุล อดีตนายแพทย์หนุ่มแห่งโรงพยาบาลเอกชนดัง ในเครือของอัครโยธินนารัตน์ ปัจจุบันอายุ 35 ปีแล้ว
“เห็นแก่ของฟรีนักนะมึง” เจไดเอ่ยเยาะขึ้นมา อย่างหยอกล้อ
“...” นพดลกลับไม่เอ่ยตอบโต้ใด ๆ เพียงแค่ยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพรางที่เจไดรินให้กระดกลงคอทีเดียวจนหมดแก้ว
“มึงมากรุงเทพครั้งนี้ ตั้งใจจะอยู่นานแค่ไหน” เจไดจึงถามเขาต่อ เพราะการกลับมาในครั้งนี้ของเขารู้สึกแปลกไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตลอดระยะ 3 ปี ที่ผ่านมา นพดลจะมาที่นี่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่เผยตัวตนออกมาให้ใครเห็น เจไดจะนัดเพื่อนมาหาตลอดเมื่อทราบว่าเพื่อนเข้ากรุงเทพฯ แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธตลอด แต่ครั้งนี้นพดลกลับให้ความสำคัญกับเขา
“อีกสองวันก็กลับแล้ว” เสียงเรียบนิ่งตอบกลับเพื่อน พร้อมกับหน้าตาที่ดูเฉยชา
“มึงไม่คิดจะกลับมาอยู่ที่นี่อีกเลยเหรอวะไอ้หมอ กูว่างานที่นี่เงินก็ดีนะ ทำไมมึงต้องทนอยู่ในเกาะบ้า ๆ อะไรนั่นด้วยวะ มึงไม่คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่อยู่ที่นี่ ที่เคยเป็นของมึงหรือไง” เจได้เปิดประเด็นในสิ่งที่อยากจะถามมาตลอดทันที
“อีกสองเดือน กูหมดสัญญา ปลดหนี้ทุกอย่างกูตะเป็นอิสระแล้ว กูจะกลับมา...” เขายังคงเอ่ยตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเช่นเคย
“เรื่องที่เกิดขึ้น มึงไม่คิดที่จะบอกเมียมึงบ้างเลยเหรอไอ้หมอ ว่าความจริงมันคืออะไร” เจไดได้แต่ต่อว่าเขาออกไป เพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ มันก็สิทธิ์ของเพื่อนอยู่แล้ว
“ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว เขาอยู่สูงมาก กูไม่อยากเอาปัญหาชีวิตครอบครัวกูมาให้เขาลำบากใจ และป่านนี้เขาก็คงจะมีชีวิตที่ดีแล้วมั้ง คนอย่างเขา ใครก็อยากจะจีบทั้งนั้นแหละ” นพดลได้แต่ตัดเพ้อ เมื่อนึกถึงใครบางคคนที่เขาเคยผูกพันธ์มาร่วมกัน 2 ปี
“รวมถึงมึงด้วยว่างั้น” เจไดขัดคอทันที เพราะรู้ดีว่าเพื่อนรู้สึกอย่างไร
“กูจะมีปัญญาที่ไหนกลับไปจีบวะ พูดอย่างเขาจะรอกูอย่างนั่นแหละ” เขาได้แต่ถ่อมตน เมื่อนึกถึงหญิงสาวคนนั้น คนที่อยู่ในใจเขาตลอด
“ถึงมึงกับเขาจะกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้ว แต่ทำไมมึงไม่เคลียร์ทุกอย่างให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันไง” เจไดจึงได้แต่เสนอแนะบอกเขา เพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไปมากกว่านี้
“กูไม่มีหน้า กลับไปเจอหน้าเขาหรอก กูทำไม่ดีกับเขาขนาดนั้น” นพดลพูดอย่างถ่อมตน เพราะรู้ดี ว่าเธอคนนั้นคงไม่มีวันยอมให้อภัยเขาแน่ ๆ
“แล้วมึงยังรักเขาอยู่หรือเปล่า” เจได้จึงถามเขาออกไป เพราะดูแล้วนะดลคงยังไม่ลืมหญิงสาวที่เคยใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้ง 2 ปีแน่
“...” เขากลับไม่กล้าเอ่ยตอบเจไดออกไป เมื่อเพื่อนถามคำนี้ออกมา
เขาไม่มีวันไหนที่เขาไม่เคยหมดรักเธอ ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่คิดถึงเธอ และไม่มีวันที่จะลืมเธอได้ลงเลย การกลับเข้ามาเมืองหลวงทุกครั้ง ทำให้เขาคิดถึงความทรงจำที่ทำกับเธอตลอด
บทส่งท้าย(จบ)สามเดือนต่อมา“มีอีกสักคนดีไหมครับ ลูกจะได้โตทันกัน” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับสวมกอดผู้เป็นภรรยา เมื่อใกล้ถึงเวลากลับบ้าน แต่ผู้เป็นภรรยายังต้องเคลียร์เอกสาร เขาเลยเข้ามานั่งรอ แต่คงจะไม่ใช่แค่นั่งแล้ว เมื่อวาจาส่อแววพิลึกชอบกล“แต่ยาหยีพึ่งได้แค่สามเดือนเองนะคะ...” เธอรีบเอ่ยบอกเขาไปยาหยี คือลูกสาวของเธอและเขา ที่ตอนนี้อายุได้สามเดือนแล้ว ซึ่งอยู่ในการดูแลเลี้ยงดูด้วยแม่ปิ่นของเธอนั่นเอง เพราะเธออยากจะทำงานต่อ ตอนที่อายุยังน้อย และยังมีแรงทำงาน“ทำได้ตั้งแต่สองเดือนแล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยท่าที ที่เจ้าเล่ห์ เพราะความเป็นหมอ ถึงไม่ใช่หมอสูติ แต่เขาก็รู้ว่าเวลาไหนที่ควรมีเพศสัมพันธ์หลังจากที่ฝ่ายหญิงคลอดบุตร“ทำไมพี่หื่นแบบนี้ละคะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ” เธอเอ็ดเขาออกไปทันที เมื่อเขาทำกิริยาหื่นห่ามดั่งหิวโซใส่เธอ“เห็นหุ่นเมียแล้วหื่นครับ อยากกินนม แล้วอีกอย่างไม่มีกฎห้ามผัวเมียเอากันที่โรงพยาบาลด้วย” เขาตอบเธอด้วยท่าทีที่กวน ๆ แล้วลูบไปที่หน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตของเธอ เพราะพึ่งเป็นคุณแม่หลังคลอดมา“แต่” เสียงกระเส่า พร้อมกับท่าที ที่เป็นกังวล“อย่าขัดพี่เลยนะครับ เพราะห
ต้อนรับสมาชิกใหม่ณดารินทร์คุณแม่วัยสาว ในช่วงอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า วันนี้หญิงสาวไม่ได้มาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว เพราะสามีให้อยู่ที่บ้านรอเตรียมตัวเป็นคุณแม่ตั้งแต่อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่แปดแต่วันนี้เขาดันมีเคสผ่าตัดฉุกเฉินด่วน ทั้งที่เขาวางมือจากการผ่าตัดมานานแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นเคสแรกของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาเครียดอยู่ไม่น้อย“ป้านีคะ วันนี้ทำไมบ้านเงียบจัง ทุกคนไปไหนกันหมด” ร่างอุ้ยอ้ายเดินเข้ามาถามสุนีย์ เมื่อเห็นว่าวันนี้บ้านดูเงียบกว่าทุกวัน“พอดีพวกคนสวนออกไปทำธุระให้คุณนพ แล้วรถเกิดมีปัญญา คนที่อยู่เลยต้องเอารถไปเปลี่ยน คุณหนูปั้นหยา มีอะไรหรือเปล่าคะ” สุนีย์ตอบออกไปตามตรง“หยาแค่เหงาค่ะ ไม่มีอะไรให้ทำ แล้วนุชละคะป้าไปไหน”“นางนุชมันก็อยู่มหา'ลัยยังไงละคะ เพราะยังไม่ถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เลย”“จริงสิ วันนี้ก็เป็นวันแรกของสัปดาห์เอง นี่หยาขี้ลืมขนาดนี้เลยหรือคะป้านี”“ไปนั่งพักนะคะ ดูสิแขนขาคุณเริ่มบวมขึ้นมาเยอะแล้ว” สุนีย์จึงเดินเข้าไปหาร่างอุ้ยอ้ายเพื่อช่วยประคองเธอไปนั่ง“หยานอนจนเบื่อแล้ว ป้านีมีอะไรให้หยาช่วยไหมคะ” แต่เธอกลับค้านขึ้น แล้วหันมาถามทางสุนีย์“คุณไม่ต้องท
เริ่มต้นใหม่กับคนเดิมสองเดือนต่อมา“คุณปั้นหยา คุณหมอนพ สวัสดีคะ” เหล่าบรรดาบุคลากรที่โรงพยาบาลต่างกล่าวทักทาย เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาพร้อมกันในเช้านี้“ไม่คิดจะบอกพวกท่านหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกันกับคนทั้งคู่นพดลและณดารินทร์ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ทินกรพูด ว่าพี่ชายหมายถึงเรื่องอะไร“ตัวแสบ หมอนพ ทั้งสองตามมาที่ห้องผมหน่อยครับ” ทินกรเอ่ยบอก เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อถึงชั้นเป้าหมาย และเดินนำหน้าคนทั้งคู่ไปทันที“พี่ทีมมีอะไรหรือคะ...” เธอถามพี่ชายออกไปทันที เมื่อเข้ามาภายในห้องพักส่วนตัวของทินกร“ทำไมท้อง แล้วไม่ยอมบอกกับทุกคนเลย ตัวแสบ!” เสียงทุ้มดุน้องสาวออกมาทันที เพราะความเป็นห่วงรู้ว่าเธอเคยเป็นอะไรมาก่อน“ก็จะบอกอยู่คะ แค่ยังไม่ถึงเวลา หยาอยากเก็บเอาไว้เซอร์ไพรส์คุณพ่อ” ณดารินทร์เอ่ยบอกพี่ชายออกไปอย่างรู้สึกผิด เมื่อโดนพี่ชายดุ เพราะนาน ๆ ครั้ง ที่ทินกรถึงจะกล้าดุเธอคราวนี้คงจะโกรธและเป็นห่วงเธอมากถึงกล้าดุแบบนี้“ต้องรอเวลาไหนอีกปั้นหยา อย่าลืมนะว่าเราเคยเจออะไรมาก่อน ทุกคนเขาเป็นห่วงน่ะ” เสียงเข้มเอ็ดเธออีกครั้ง“หยาขอ
อย่ามาท้าทาย“อื้อออ”มือหนาจับขาทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาเกี่ยวที่เอวของ แล้วอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มแตง โดยที่ไม่ได้ถอดถอนตัวตนที่ยังแช่อยู่ในร่องฉ่ำออกเลย“เสื้อผ้า!” เธอเอ่ยบอกทันที ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาขึ้นบันได“เดี๋ยวค่อยลงมาเก็บ” เสียงทุ้มตอบ พร้อมกับใบหน้าที่เฉยเฉย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่วิทย์เข้ามาเจอ หยาอายนะ” เธอเอ่ยย้ำอีกอีกครั้ง เพราะเธอกลัวว่าคนอื่น ๆ จะเข้ามาเห็นในตอนเช้า แล้วคนที่บ้านนี้จะมองเธอแบบไหนเขาจึงยอมทำตามที่เธอบอก เพราะไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของเธอ รีบย่อตัวลงเก็บเสื้อผ้าของเธอและของเขามากอดเอาไว้ โดยที่ยังอุ้มเธออยู่ในท่าเดิมท้าวยาวก้าวขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ เพราะเกรงว่าจะพาคนที่อุ้มอยู่ตก ถึงแม้ว่าเธอจะตัวเล็กกว่าเขา แต่ก็กลัวตกอยู่ดีปัง!เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมา หลังที่ทั้งคู่เข้ามาถึงยังห้องนอน เขาทิ้งเสื้อผ้าที่หอบเอามาลงอย่างไม่สนใจ แล้วมานั่งลงที่โซฟา โดยที่มีเธอนั่งทับทาบตัวตนของเขาอยู่“เริ่มเลยนะ”เธอเอ่ยบอก พร้อมกับเริ่มขยับเคลื่อนตัวอยู่บนตักของเขา โดยเริ่มจากจังหวะหมุนควงเนิบนาบอย่างเชื่องช้า เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของคนทั้งคู่ ตับ ตับ ตับและเริ่มเพิ่มจั
ร่วมแสดงความยินดีสองสัปดาห์ต่อมางานแต่งของเทวินทร์กับอัยญ์วารินทร์ก็ถูกจัดขึ้นมาอย่างอลังการใหญ่โตสมกับฐานะของฝ่ายชาย ที่เป็นทายาทเพียงคนเดียว โดยภายในงานเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากหน้าหลายตา“เวย์ ไอริน ยินดีด้วยนะ” ณดารินทร์เอ่ยทักทายคนทั้งคู่ เมื่อเธอพึ่งจะเดินทางมาถึง เพราะงานที่ยุ่ง“นึกว่าเธอจะไม่มาเสียแล้วปั้นหยา มองหาตั้งแต่งานเริ่มก็ไม่เห็นเธอเลย” เทวินทร์แซวออกมา เพราะเธอมาถึงก็เกือบจะจบงานแล้ว“พึ่งเริ่มงาน ทุกอย่างยังไม่ลงตัว เลยมาช้า ขอโทษด้วยนะ” เธอรีบเอ่ยขอโทษเพื่อนทั้งสอง อย่างรู้สึกผิด“แค่เธอมาได้ พวกเราก็ดีใจมากแล้ว” อัยญ์วารินทร์พูดขึ้นมา เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิดไปมากกว่านี้คู่บ่าวสาว จึงพาทั้งคู่จะไปนั่งที่โต๊ะ ที่ได้เตรียมไว้ให้แต่ทว่า...“ไอริน ยินดีด้วยน่ะลูกสาวของพ่อ” เสียงทุ้มของชายสูงวัยดังขึ้นมาตามหลัง เมื่ออัยญ์วารินทร์กำลังหันหลังที่จะก้าวเดินอัยญ์วารินทร์ชะงักนิ่ง ก้าวขาไม่ออกทันที เมื่อได้ยินเสียงอบอุ่นที่เคยได้ยินอย่างคุ้นเคย ก่อนที่จะหลังกลับไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะพบหน้ากัน“พ่อ!”เธอเข้าไปสวมกอดพ่อของเธออย่างรวดเร็ว และปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างมิอาจกลั้นไ
มอบสิทธิ์ให้คืนเช้านี้ณดารินทร์ตื่นเช้ากว่าปกติของทุกวัน ตั้งแต่ที่กลีบมานอนที่บ้านของพ่อและแม่ เพราะว่าเมื่อคืนมีคนพิเศษนอนที่นี่ด้วย“พี่มาทำไมแต่เช้าอีกพี่ทีม พี่ไม่มีการมีงานทำหรือยังไง” ณดารินทร์เอ่ยถามออกมาทันที เมื่อเดินลงมาเคียงคู่กันกับนพดล แล้วพบกับพี่ชายนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกกับผู้เป็นพ่ออยู่แล้ว“มี แค่จะแวะมาบอกว่าพรุ่งนี้ ตัวแสบไปเริ่มงานได้เลย” คนถูกถามนั่งยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างสบายใจ พร้อมกับเอ่ยบอกข่าวดีกับเธอ เรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่เธอขอทำงานที่จริงแล้วทินกรไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ เพียงแต่เขาอยากจะมาดูหน้าลูกเขยคนโปรดของพ่อแค่นั้นเองแหละ“เอ่อ...” ณดารินทร์ลำบากใจที่จะตอบรับทันที แล้วหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ“เดี๋ยวให้หมอนพไปทำด้วยเลย” ผู้เป็นพ่อจึงเอ่ยบอกออกไป เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของลูกสาว เพราะเขาตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว ว่าจะให้ลูกเขยคนเดิมเข้าไปช่วยบริหารการกับทางโรงพยาบาลกับลูกชาย เพราะนพดลเองก็เป็นหมออาจจะรู้ลึกกว่าลูกสาวที่ไม่ได้เรียนหมอมา“แต่ผมลาออกจากการเป็นหมอนานแล้วนะครับ จะกลับไปทำงานในโรงพยาบาลได้อย่างไร” นพดลพูดขึ้นมาบ้าง เพราะเขาลาออกตั้
Comments