LOGINสองเดือนต่อมา
“ปั้นหยา...นั่นลูกจะไปไหนแต่เช้า” เสียงของผู้เป็นแม่ถามขึ้น เมื่อเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวเดินลงมาจากบันไดด้วยท่าที ที่วันนี้ร่าเริงกว่าทุกวัน แถมยังตื่นเช้ากว่าทุกวันด้วย
“ไปหาพี่ทีมกับพิพิมคะแม่ปิ่น คิดถึงพี่เธอร์ อยากไปเยี่ยมเจ้าแฝดด้วยไม่ได้เจอกันนานแล้ว” เธอเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ออกไปตามตรง
“ไม่รอไปตอนเย็น พร้อมกันกับคุณพ่อละคะ” ปิ่นลดาถามลูกสาวออกไป
เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของสัปดาห์ ผู้เป็นพ่อตะกลับมาช้าก็ว่าทุกวัน เพราะต้องเคลียร์งาน ทั้งทางมหาลัยที่รับสอนและกับทางโรงพยาบาลที่เป็นผู้บริหารด้วย
ส่วนลูกชาย(หมอทีม)คุณพ่อลูกสามที่ต้องรับตำแหน่งผู้บริหารต่อ ตอนนี้ก็เข้าศึกษาต่อทางด้านงานบริหารด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปดูงานที่โรงพยาบาลสักเท่าไหร่ นอกจากจะมีเคสด่วนจริง ๆ เพราะผู้เป็นพ่อวางมีดมานานแล้ว ตั้งแต่ที่หลานชายคนแรกเข้าโรงพยาบาล เมื่อหลายปีก่อน
“ตอนเย็นหยาไม่ว่างคะ...วันนี้เป็นวันเกิดเวย์” หญิงสาวเอ่ยตอบแม่ออกมา
“ถ้าอย่างนั้น แม่ฝากขนมไปให้หลาน ๆ ด้วยนะ” ปิ่นลดาจึงเดินไปหยิบคุกกี้ที่ทำพึ่งเสร็จ ส่งให้แก่ลูกสาวเพื่อที่จะนำไปฝากหลาน ๆ ด้วย
บ้านเธียรวิชญ์🏠
ณดารินทร์ขับรถเข้าจอดที่บ้านหลังใหญ่ของพี่ชายเธอในช่วงเวลาเย็นแล้ว เพราะเธอมัวแต่แวะซื้อของฝากด้วย บ้านของพี่ชายเธอซึ่งแยกออกมาอีกซอยหนึ่ง ไปไกลจากบ้านของพ่อและแม่มากนัก
“หยา...จะมาทำไมไม่บอกพิมก่อนละ แล้วนี่เอาอะไรมาตั้งเยอะแยะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นณดารินทร์เดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับของเต็มมือไปหมด
พิพิม อัครโยธินนารัตน์ หญิงสาวที่เป็นเพื่อนกันกับเธอมาตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะพ่อเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ตอนนี้กลายมาเป็นพี่สะใภ้ของเธออย่างเต็มตัว
หญิงสาวที่แบกท้องลูกของพี่ชายเธอ หนีไปศึกษาต่อที่ต่างจังหวัด แต่สามารถจบมาด้วยเกียรตินิยม พร้อมกับปริญญา 2 ใบ แต่พี่ชายเธอกลับให้มต้องมาอยู่บ้าน ทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่
“ขนมฝากเด็ก ๆ แม่ปิ่นทำมาฝาก เดี๋ยวเย็น ๆ พวกท่านจะมาหาหลาน” ณดารินทร์เอ่ยตอบ พร้อมกับวางของลงที่โต๊ะ
“พิมฝากขอบคุณแม่ปิ่นด้วยนะ”
“แล้วเด็ก ๆ ละ ยังไม่กลับจากโรงเรียนอีกเหรอ” เธอจึงถามพิพิมออกมา เมื่อบ้านยังคงเงียบ
“สงสัยพี่ทีมคงพาแวะเข้าร้านสะดวกซื้ออีกตามเคย...” พิพิมตอบออกไป เพราะน่าจะเป็นเหมือนทุกครั้ง ที่สุดสัปดาห์หลังเลิกเรียนพ่อ-ลูกมักจะแวะร้านสะดวกซื้อตลอด เพราะเจ้าแฝดชอบอ้อน
“นินทาอะไรพี่อยู่เหรอครับ...” เสียงของคนที่ถูกเอ่ยถึงดังขึ้นมา เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับเข้ามาสวมกอดผู้ภรรยาเหมือนเช่นทุกวันที่กลับมาถึงบ้าน
นายแพทย์ทินกร อัครโยธินนารัตน์ หรือ หมอทีม พี่ชายของเธอนั้นเอง แต่ไม่ค่อยเอ็นดูเธอสักเท่าไหร่ เพราะพี่ชายเธอมักจะเอ็นดูพิพิมมากกว่าเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“ปั้นหยา! ลมอะไรพัดมา ถึงมาที่นี่ได้” เสียงอุทานดังขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าภรรยาไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว
“พี่ทีม! พี่เธอร์ หยาหยาคิดถึงพี่เธอร์ที่สุดเลยครับ มาให้หยาหยากอดหน่อยสิ” หญิงสาวตวาดสายตาค้อนใส่พี่ชาย เเล้วหันมาเอ่ยเสียงอ้อนเมื่อเห็นหลานชายสุดหล่อเดินตามมาพร้อมกับน้อง ๆ เด็กแฝด
“ไม่ได้ครับ พ่อจ๋าบอกไม่ให้กอดผู้หญิงคนไหนถ้าไม่ใช่แม่และน้องพัชร์ แล้วก็คนที่เป็นแฟนกันเท่านั้นครับ” เด็กชายรีบปฏิเสธพร้อมกับถอยออกห่างเธอทันที
อาเธอร์ เธียรวิชญ์ อัครโยธินนารัตน์ เด็กชายวัย 9 ขวบ เดิมทีใช้นามสกุลเดิมของแม่ เพราะตอนที่เกิด จนอายุถึง 4 ขวบ พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
และหลังจากที่พ่อและแม่กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว พึ่งจะมาเปลี่ยนตอนนั้นเอง
เพราะทินกรเอง ก็พึ่งจะมาเปลี่ยนใช้นามสกุลพ่อ ตอนที่พ่อกับแม่แต่งงานกัน และรับเขาเป็นลูกบุญธรรม แล้วเขาก็มาเรียนหมอตามรอยพ่อผู้เลี้ยงดูมานี้เอง
และบ้านหลังนี้ ผู้เป็นพ่อจึงตั้งเป็นชื่อของลูกชาย เพราะเขาให้เหตุผลว่า เขาไม่ได้ดูแลลูกชายเขาเลยตั้งแต่อยู่ในท้อง ตลอดจน 4 ปี เขาจึงมอบบ้านหลังนี้ ให้เป็นของขวัญแทน เพื่อชดเชยให้ในเรื่องราวของอดีต ที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว
“หยาหยาไปกอดเจ้าแฝดก็ได้ โกรธพี่เธอร์แล้ว” ณดารินทร์ทำหน้างอใส่เด็กชาย ก่อนที่จะหันไปหาทางเด็กแฝด
“หยาหยา” เสียงเล็กของเด็กแฝดดังขึ้นมาพร้อมกันทันที เมื่อเห็นว่าใครมาหา
“น้องพีช น้องพัชร์ หยาหยาคิดถึงจังเลย...” หญิงสาวรีบย่อตัวลง แล้วสวมกอดเด็กแฝดทันที
พีช ธัชนันท์ - พัชร์ ธัญวรินทร์ อัครโยธินนารัตน์ เจ้าแฝดชายหญิงในวัย 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของหมอทีม และพิพิม(จากเรื่องบ่วงรักทินกร)
“พี่หมอคะ อายเด็ก ๆ กับปั้นหยาบ้างสิคะ” พิพิมรีบปราม เมื่อสามีเอาแต่คลอเคลียเธอ
“อายทำไม ใครไม่อยากดูก็ปิดตาเอาไว้สิ” แต่คนตัวโตกลับได้สนใจไม่ แถมเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีที่ประชดประชันอีก
“พี่หมอ!” พิพิมจึงดุขึ้นมาอีก แถมไม่ใช่แค่ดุอย่างเดียว ยังบิดเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง
“โอ้ยยย พิม พี่เจ็บนะ” เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นมาทันที ทามกลางทุกสายตาทำที่มอง
“เจ็บแหละ จะได้รู้เสียบ้าง เล่นอะไร สงสารปั้นหยาบ้างสิคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพิม หยายอมรับความจริงและทำใจได้นานแล้ว”
“แต่ถึงอย่างไร พี่หมอก็ไม่คนควรทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าลูกอยู่ดี อย่าลืมนะคะ ว่าเด็กช่วงนี้ คือวัยแห่งการจดจำ และปฏิบัติตาม ถ้าเกิดลูกจำแล้วเอาไปทำกับคนอื่นละคะ” พิพิมเอ่ยขึ้นมาอย่างมีเหตุผล
“...” ทินกรทำหน้าหงอยเมื่อโดนภรรยาดุ แล้วเงียบไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก
“สมน้ำหน้า!” ณดารินทร์ได้แต่ล้อพี่ชาย เมื่อโดนภรรยาดุเอา
“ยัยปั้นหยา!”
“ห้ามเอ่ยคำที่ไม่สุภาพต่อหน้าตาลูก ๆ แล้วก็ที่อื่น ๆ ด้วยคะ” พิพิมตวาดสายตามองทินกรอย่างคาดโทษ
“ขอโทษครับเมียจ๋า” เสียงนุ่มพร้อมกับใบหน้าที่สลดลง เอ่ยขอโทษภรรยาทันที
“คิก...” ณดารินทร์อดที่จะขำพี่ชายไม่ได้ เมื่อโดนภรรยาดุ
บทส่งท้าย(จบ)สามเดือนต่อมา“มีอีกสักคนดีไหมครับ ลูกจะได้โตทันกัน” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับสวมกอดผู้เป็นภรรยา เมื่อใกล้ถึงเวลากลับบ้าน แต่ผู้เป็นภรรยายังต้องเคลียร์เอกสาร เขาเลยเข้ามานั่งรอ แต่คงจะไม่ใช่แค่นั่งแล้ว เมื่อวาจาส่อแววพิลึกชอบกล“แต่ยาหยีพึ่งได้แค่สามเดือนเองนะคะ...” เธอรีบเอ่ยบอกเขาไปยาหยี คือลูกสาวของเธอและเขา ที่ตอนนี้อายุได้สามเดือนแล้ว ซึ่งอยู่ในการดูแลเลี้ยงดูด้วยแม่ปิ่นของเธอนั่นเอง เพราะเธออยากจะทำงานต่อ ตอนที่อายุยังน้อย และยังมีแรงทำงาน“ทำได้ตั้งแต่สองเดือนแล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยท่าที ที่เจ้าเล่ห์ เพราะความเป็นหมอ ถึงไม่ใช่หมอสูติ แต่เขาก็รู้ว่าเวลาไหนที่ควรมีเพศสัมพันธ์หลังจากที่ฝ่ายหญิงคลอดบุตร“ทำไมพี่หื่นแบบนี้ละคะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ” เธอเอ็ดเขาออกไปทันที เมื่อเขาทำกิริยาหื่นห่ามดั่งหิวโซใส่เธอ“เห็นหุ่นเมียแล้วหื่นครับ อยากกินนม แล้วอีกอย่างไม่มีกฎห้ามผัวเมียเอากันที่โรงพยาบาลด้วย” เขาตอบเธอด้วยท่าทีที่กวน ๆ แล้วลูบไปที่หน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตของเธอ เพราะพึ่งเป็นคุณแม่หลังคลอดมา“แต่” เสียงกระเส่า พร้อมกับท่าที ที่เป็นกังวล“อย่าขัดพี่เลยนะครับ เพราะห
ต้อนรับสมาชิกใหม่ณดารินทร์คุณแม่วัยสาว ในช่วงอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า วันนี้หญิงสาวไม่ได้มาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว เพราะสามีให้อยู่ที่บ้านรอเตรียมตัวเป็นคุณแม่ตั้งแต่อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่แปดแต่วันนี้เขาดันมีเคสผ่าตัดฉุกเฉินด่วน ทั้งที่เขาวางมือจากการผ่าตัดมานานแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นเคสแรกของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาเครียดอยู่ไม่น้อย“ป้านีคะ วันนี้ทำไมบ้านเงียบจัง ทุกคนไปไหนกันหมด” ร่างอุ้ยอ้ายเดินเข้ามาถามสุนีย์ เมื่อเห็นว่าวันนี้บ้านดูเงียบกว่าทุกวัน“พอดีพวกคนสวนออกไปทำธุระให้คุณนพ แล้วรถเกิดมีปัญญา คนที่อยู่เลยต้องเอารถไปเปลี่ยน คุณหนูปั้นหยา มีอะไรหรือเปล่าคะ” สุนีย์ตอบออกไปตามตรง“หยาแค่เหงาค่ะ ไม่มีอะไรให้ทำ แล้วนุชละคะป้าไปไหน”“นางนุชมันก็อยู่มหา'ลัยยังไงละคะ เพราะยังไม่ถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เลย”“จริงสิ วันนี้ก็เป็นวันแรกของสัปดาห์เอง นี่หยาขี้ลืมขนาดนี้เลยหรือคะป้านี”“ไปนั่งพักนะคะ ดูสิแขนขาคุณเริ่มบวมขึ้นมาเยอะแล้ว” สุนีย์จึงเดินเข้าไปหาร่างอุ้ยอ้ายเพื่อช่วยประคองเธอไปนั่ง“หยานอนจนเบื่อแล้ว ป้านีมีอะไรให้หยาช่วยไหมคะ” แต่เธอกลับค้านขึ้น แล้วหันมาถามทางสุนีย์“คุณไม่ต้องท
เริ่มต้นใหม่กับคนเดิมสองเดือนต่อมา“คุณปั้นหยา คุณหมอนพ สวัสดีคะ” เหล่าบรรดาบุคลากรที่โรงพยาบาลต่างกล่าวทักทาย เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาพร้อมกันในเช้านี้“ไม่คิดจะบอกพวกท่านหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกันกับคนทั้งคู่นพดลและณดารินทร์ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ทินกรพูด ว่าพี่ชายหมายถึงเรื่องอะไร“ตัวแสบ หมอนพ ทั้งสองตามมาที่ห้องผมหน่อยครับ” ทินกรเอ่ยบอก เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อถึงชั้นเป้าหมาย และเดินนำหน้าคนทั้งคู่ไปทันที“พี่ทีมมีอะไรหรือคะ...” เธอถามพี่ชายออกไปทันที เมื่อเข้ามาภายในห้องพักส่วนตัวของทินกร“ทำไมท้อง แล้วไม่ยอมบอกกับทุกคนเลย ตัวแสบ!” เสียงทุ้มดุน้องสาวออกมาทันที เพราะความเป็นห่วงรู้ว่าเธอเคยเป็นอะไรมาก่อน“ก็จะบอกอยู่คะ แค่ยังไม่ถึงเวลา หยาอยากเก็บเอาไว้เซอร์ไพรส์คุณพ่อ” ณดารินทร์เอ่ยบอกพี่ชายออกไปอย่างรู้สึกผิด เมื่อโดนพี่ชายดุ เพราะนาน ๆ ครั้ง ที่ทินกรถึงจะกล้าดุเธอคราวนี้คงจะโกรธและเป็นห่วงเธอมากถึงกล้าดุแบบนี้“ต้องรอเวลาไหนอีกปั้นหยา อย่าลืมนะว่าเราเคยเจออะไรมาก่อน ทุกคนเขาเป็นห่วงน่ะ” เสียงเข้มเอ็ดเธออีกครั้ง“หยาขอ
อย่ามาท้าทาย“อื้อออ”มือหนาจับขาทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาเกี่ยวที่เอวของ แล้วอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มแตง โดยที่ไม่ได้ถอดถอนตัวตนที่ยังแช่อยู่ในร่องฉ่ำออกเลย“เสื้อผ้า!” เธอเอ่ยบอกทันที ก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาขึ้นบันได“เดี๋ยวค่อยลงมาเก็บ” เสียงทุ้มตอบ พร้อมกับใบหน้าที่เฉยเฉย“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่วิทย์เข้ามาเจอ หยาอายนะ” เธอเอ่ยย้ำอีกอีกครั้ง เพราะเธอกลัวว่าคนอื่น ๆ จะเข้ามาเห็นในตอนเช้า แล้วคนที่บ้านนี้จะมองเธอแบบไหนเขาจึงยอมทำตามที่เธอบอก เพราะไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของเธอ รีบย่อตัวลงเก็บเสื้อผ้าของเธอและของเขามากอดเอาไว้ โดยที่ยังอุ้มเธออยู่ในท่าเดิมท้าวยาวก้าวขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ เพราะเกรงว่าจะพาคนที่อุ้มอยู่ตก ถึงแม้ว่าเธอจะตัวเล็กกว่าเขา แต่ก็กลัวตกอยู่ดีปัง!เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมา หลังที่ทั้งคู่เข้ามาถึงยังห้องนอน เขาทิ้งเสื้อผ้าที่หอบเอามาลงอย่างไม่สนใจ แล้วมานั่งลงที่โซฟา โดยที่มีเธอนั่งทับทาบตัวตนของเขาอยู่“เริ่มเลยนะ”เธอเอ่ยบอก พร้อมกับเริ่มขยับเคลื่อนตัวอยู่บนตักของเขา โดยเริ่มจากจังหวะหมุนควงเนิบนาบอย่างเชื่องช้า เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของคนทั้งคู่ ตับ ตับ ตับและเริ่มเพิ่มจั
ร่วมแสดงความยินดีสองสัปดาห์ต่อมางานแต่งของเทวินทร์กับอัยญ์วารินทร์ก็ถูกจัดขึ้นมาอย่างอลังการใหญ่โตสมกับฐานะของฝ่ายชาย ที่เป็นทายาทเพียงคนเดียว โดยภายในงานเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากหน้าหลายตา“เวย์ ไอริน ยินดีด้วยนะ” ณดารินทร์เอ่ยทักทายคนทั้งคู่ เมื่อเธอพึ่งจะเดินทางมาถึง เพราะงานที่ยุ่ง“นึกว่าเธอจะไม่มาเสียแล้วปั้นหยา มองหาตั้งแต่งานเริ่มก็ไม่เห็นเธอเลย” เทวินทร์แซวออกมา เพราะเธอมาถึงก็เกือบจะจบงานแล้ว“พึ่งเริ่มงาน ทุกอย่างยังไม่ลงตัว เลยมาช้า ขอโทษด้วยนะ” เธอรีบเอ่ยขอโทษเพื่อนทั้งสอง อย่างรู้สึกผิด“แค่เธอมาได้ พวกเราก็ดีใจมากแล้ว” อัยญ์วารินทร์พูดขึ้นมา เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิดไปมากกว่านี้คู่บ่าวสาว จึงพาทั้งคู่จะไปนั่งที่โต๊ะ ที่ได้เตรียมไว้ให้แต่ทว่า...“ไอริน ยินดีด้วยน่ะลูกสาวของพ่อ” เสียงทุ้มของชายสูงวัยดังขึ้นมาตามหลัง เมื่ออัยญ์วารินทร์กำลังหันหลังที่จะก้าวเดินอัยญ์วารินทร์ชะงักนิ่ง ก้าวขาไม่ออกทันที เมื่อได้ยินเสียงอบอุ่นที่เคยได้ยินอย่างคุ้นเคย ก่อนที่จะหลังกลับไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะพบหน้ากัน“พ่อ!”เธอเข้าไปสวมกอดพ่อของเธออย่างรวดเร็ว และปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างมิอาจกลั้นไ
มอบสิทธิ์ให้คืนเช้านี้ณดารินทร์ตื่นเช้ากว่าปกติของทุกวัน ตั้งแต่ที่กลีบมานอนที่บ้านของพ่อและแม่ เพราะว่าเมื่อคืนมีคนพิเศษนอนที่นี่ด้วย“พี่มาทำไมแต่เช้าอีกพี่ทีม พี่ไม่มีการมีงานทำหรือยังไง” ณดารินทร์เอ่ยถามออกมาทันที เมื่อเดินลงมาเคียงคู่กันกับนพดล แล้วพบกับพี่ชายนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกกับผู้เป็นพ่ออยู่แล้ว“มี แค่จะแวะมาบอกว่าพรุ่งนี้ ตัวแสบไปเริ่มงานได้เลย” คนถูกถามนั่งยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างสบายใจ พร้อมกับเอ่ยบอกข่าวดีกับเธอ เรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่เธอขอทำงานที่จริงแล้วทินกรไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ เพียงแต่เขาอยากจะมาดูหน้าลูกเขยคนโปรดของพ่อแค่นั้นเองแหละ“เอ่อ...” ณดารินทร์ลำบากใจที่จะตอบรับทันที แล้วหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ“เดี๋ยวให้หมอนพไปทำด้วยเลย” ผู้เป็นพ่อจึงเอ่ยบอกออกไป เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของลูกสาว เพราะเขาตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว ว่าจะให้ลูกเขยคนเดิมเข้าไปช่วยบริหารการกับทางโรงพยาบาลกับลูกชาย เพราะนพดลเองก็เป็นหมออาจจะรู้ลึกกว่าลูกสาวที่ไม่ได้เรียนหมอมา“แต่ผมลาออกจากการเป็นหมอนานแล้วนะครับ จะกลับไปทำงานในโรงพยาบาลได้อย่างไร” นพดลพูดขึ้นมาบ้าง เพราะเขาลาออกตั้







