[อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกล...]
“ชู่วร์!” รินลดาหันไปส่งสัญญาณให้ปรางทิพย์ซึ่งวิ่งตามเธอมาติดๆ ให้ลดเสียงนี้ลง
“เรา แยก กันไปค่ะ”
รินลดากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุด พร้อมกับหันไปดูเหตุการณ์บทรักอันดุเดือดกลางห้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ กลัวว่าชายหนุ่มจะรู้ตัว
“โอเค” ปรางทิพย์วิ่งหนีไปอีกทางตามที่รินลดาบอก ขาของเธอสั่นไปหมดเพราะฤทธิ์ยาที่เธอนั้นถูกบังคับให้ดื่มเช่นกัน
[บนเตียงใหญ่]
“อ๊ะ! อ๊า มีความสุขเหลือเกิน อ๊า!”
อริสากำลังควบม้าศึกอย่างระรัว มือบางทั้งสองข้างจับไหล่กว้างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ร่างของเธอร่วงหล่นเพราะแรงกระแทกจากด้านล่าง
“โอวว์ โมนา เจ้า! รัดข้าแน่นเหลือเกิน โอ๊ะ!”
เอวหนาเด้งดุ้นมังกรกระแทกขึ้นไปจนสุดแรง ฮาซีฟมีความสุขที่สุด อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอคนนี้ทำให้เขาหลุดความเป็นตัวเองทันที
พรั่บ! เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่น
“อ๊ะ! โอย...สะ-เสียวจังค่ะ”
เสียงกรีดร้องของอริสาดังโหยหวนตามหลังหญิงสาวทั้งสามที่วิ่งหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
ร่างบางเร่งขยับสะโพกอย่างเร็วและแรงอย่างไม่ยั้ง อารมณ์ของคนสองคนนั้นกำลังทะยานขึ้นไปจนสุด
การร่วมรักที่ร้อนแรงและดุเดือดเกิดขึ้นกลางห้องใหญ่ภายในฮาเร็ม หนุ่มสาวทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงโดยไม่สนสิ่งรอบกาย ความเร่าร้อนภายในถูกระบายออกสู่ภายนอก ผ่านไปบทแล้วบทเล่าทั้งสองร่างก็ยังไม่ผละจากกัน ยังคงดำเนินบทรักไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านไปนานนับชั่วโมง!
[รินลดา...]
แฮ่ก! แฮ่ก! เสียงหอบหายใจของรินลดาดังขึ้น ภายใต้หัวใจที่เต้นระรัวราวกลองเพล
ร่างระหงหยุดอยู่ตรงมุมห้องๆ หนึ่ง เธอเหลียวมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง รินลดาไม่แน่ใจว่านี่คือช่วงเช้า สาย หรือบ่ายเย็นยังไง เพราะปราสาทแห่งนี้เธอมองไม่ออกเลย ข้าทาสบ่าวรับใช้เดินไปมาค่อนข้างบางตา พวกการ์ดร่างใหญ่ที่กำลังเดินตรวจการไปมาเพียงไม่กี่คน
‘นับดาว’ รินลดาไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอวิ่งไปส่วนไหนของปราสาทแห่งนี้ ซึ่งความใหญ่โตกว้างขวางและมีห้องหลายห้องสลับซับซ้อนกันไปมา ทำให้รินลดาไม่มีเวลาที่จะมองหาเพื่อนของเธอ ‘ถ้าคนใดคนหนึ่งรอดไปแล้ว ให้กลับมาช่วยทุกคนนะ’ รินลดากับธาริกาได้ตกลงกันไว้แบบนี้ ซึ่งตอนนี้ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะรอดออกไปได้หรือเปล่า
“!@##$&*($#$!&$” เสียงบทสนทนาของสาวใช้ผ่านมา ทำให้รินลดาต้องรีบหลบไปอีกทาง
เท้าบางเดินย่องเข้าไปอย่างระมัดระวัง รินลดาพยายามทำตัวลีบและใช้มุมของจุดอับของช่องระหว่างห้องแต่ละห้อง เป็นที่กำบังสายตาของผู้คนที่จะผ่านมาพบเจอเธอได้
ดวงตากลมโตจ้องไปยังห้องใหญ่ตรงหน้าของเธอ ประตูบานใหญ่ถูกเปิดแง้มไว้ สาวใช้สองคนกำลังเดินออกมาโดยนางทั้งสองลืมปิดประตูนั้น สายตาของรินลดาพุ่งไปยังเป้าหมายทันที เธออยู่ด้านนอกนี้นานๆ ไม่ได้แน่นอน เธอต้องหาที่หลบสักพัก อย่างน้อยขอให้ร่างกายของเธอนั้นปกติเสียก่อน
แอ๊ด…เสียงประตูค่อยๆ เปิดออกร่างบางรีบหลุบเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว มองซ้ายขวาเพื่อสำรวจภายในห้องใหญ่ว่ามีใครอยู่ตรงนั้นหรือไม่
“เฮ้อ...” เสียงผ่อนลมหายใจของรินลดาดังขึ้น เมื่อเธอนั้นสามารถเข้ามาหลบอยู่ในที่ปลอดภัยนี้ได้เรียบร้อยแล้ว ร่างบางทิ้งตัวลงลงกับพื้นพรมของห้องใหญ่อย่างหมดแรง สายตาของเธอนั้นสอดส่องไปทั่วห้องตลอดเวลา ‘ห้องนี้น่าจะเป็นห้องนอนของใครสักคนแน่นอน’
“ทำไมกว้างขนาดนี้นะ...อุ้ย!”
ความร้อนในร่างกายของรินลดาเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับสิ่งนี้อย่างไรดี นอกจากเตียงนอนขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งด้วยเครื่องนอนสวยหรูสีทองอร่ามนี้แล้ว รินลดายังพบว่าห้องใหญ่นี้มีห้องทำงานอยู่ด้วย และมีสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน เธอสามารถซ่อนตัวอยู่ในนี้ได้อย่างสบาย เพราะห้องนี้มีโซฟาตัวใหญ่ถึงสามตัว ผ้าม่านสีทองผืนใหญ่สูงราวสิบฟุตที่ปักด้วยลวดลายบรรจงประณีตงดงาม รินลดาสามารถเอาตัวเองเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังได้โดยไม่มีใครรู้ ถ้าไม่ตรวจตราอย่างละเอียด
“อย่างน้อยก็พอจะโชคดีบ้าง”
รินลดาพูดกับตัวเองเบาๆ เธอไม่รู้ว่าธาริกาจะเป็นอย่างไร จะหนีรอดไปได้หรือไม่ เมื่อคิดถึงตอนนี้ น้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทันที ความหวาดกลัว ความตื่นเต้น และตื่นตะหนก ทุกๆ อย่างกระแทกมาที่กลางใจของเธออย่างแรง รินลดาจะทำอย่างไรดีกับโชคชะตาอันน่าเวทนาของเธอตอนนี้ ความร้อนภายในร่างกายของเธอก็ยังไม่แผ่วลงเลย
‘แม่จ๋า ข้าวคิดถึงแม่เหลือเกิน’ จิตสำนึกของเธอยังทำงานอยู่ ถึงแม้ว่าร่างกายของรินลดานั้นจะอ่อนแรง ความร้อนรุ่มภายในเรือนกายของเธอยังคงปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
รินลดาพยายามประคองตัวเองขึ้น เธอกำลังมองหาอะไรบางอย่างที่พอจะช่วยให้ร่างกายของเธอหายจากสิ่งนี้ ‘ยาแก้ปวด’ สายตาของเธอสอดส่องไปตามโต๊ะที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม บ่งบอกฐานะของเจ้าของเป็นอย่างดี เธอเปิดลิ้นชักที่อยู่บนหัวเตียงใหญ่ เพื่อมองหาสิ่งที่เธอต้องการ มือบางสั่นระริก เธอพยายามอดทนกับความปวดหนึบ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ‘เธอปวดเหลือเกิน’ เหงื่อผุดเต็มดวงหน้าและเรือนร่างของเธอ ทั้งที่บรรยากาศในห้องนั้นไม่ได้ร้อนสักนิด...
[สถานที่แห่งหนึ่ง...ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่]
“ข้าวจะเป็นอย่างไรบ้างนะ”
เสียงอันแผ่วเบาของธาริกากำลังพูดกับตัวเอง หลังจากที่เธอวิ่งหนีออกมาได้สักพัก และตอนนี้ธาริกากำลังหลบซ่อนอยู่ในห้องๆ หนึ่งซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นห้องของใคร นอกจากเตียงนอนขนาดใหญ่นี่แล้ว ห้องกว้างยังมีภาพวาดโบราณตั้งไว้เต็มไปหมด ธาริกาพยายามสอดสายตามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เธอไม่รู้ว่าทางออกของคฤหาสน์อยู่ส่วนไหน เพราะอาณาบริเวณมันกว้างเหลือเกิน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือ ‘หลบซ่อนตัวเพื่อวางแผนหาทางหนีอีกครั้ง’
‘ตอนนี้ขอเธอตั้งหลักเสียก่อน’ ธาริกาไม่คิดเลยว่าชีวิตการเป็นดารานางแบบครั้งแรกของเธอนั้นจะรันทดขนาดนี้ ความฝันของเธอที่จะเปิดร้านกาแฟนั้นเริ่มเลือนราง เธอจะเอาชีวิตรอดได้หรือเปล่า เธอยังไม่รู้เลย
แกร๊ก!!! เสียงประตูถูกเปิด!
“อุ้ย!” ธาริกาตกใจสุดขีด เธอรีบกระโดดเข้าไปหลบหลังผ้าม่านผืนใหญ่ทันที และค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ และนั่งลงได้ในที่สุด สายตาของเธอพยายามจับจ้องผ่านผ้าม่านหนาทึบที่มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของบุคคลที่เข้ามา ธาริกาเลยได้แต่นิ่งฟังบทสนทนาและจับใจความของเสียงนั้น อย่างน้อยเธอก็ได้รู้แล้วว่าบุคคลที่เข้านั้นเป็นคู่ชายหญิง
ริมฝีปากบางถูกประกบ ลิ้นหนาชอนไซเข้าไปในโพรงปากเกี่ยวกวัดลิ้นเล็ก ดวงตากลมโตเบิกตากว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง“อืมมม์”เสียงครางแหบพร่าพึมพำอย่างพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับ ปากร้อนบดขยี้ปากบางอย่างดุเดือด อิลยาสไม่สนท่าทีขัดขืนของคนตัวเล็กแต่อย่างใด บางทีวิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหาผู้หญิงที่ดื้อดึงอย่างเธอได้เนิ่นนานหลายนาทีกว่าชีคหนุ่มจะผละออกจากเรียวปากเล็ก ปากร้อนพรมจูบซับไปที่ซอกคอขาวผ่อง ไม่สนใจกับอาการดิ้นรนของหญิงสาวแต่อย่างใด มือหนาที่ลูบไล้อยู่บนสีข้างเลื่อนมาเกาะกุมเต้าอวบอิ่มล้นมือ ใบหน้าคมกล่ำแดงไปด้วยอารมณ์ปรารถนา มือใหญ่บีบเคล้นอกอวบอย่างรุนแรง ไม่สนสิ่งใดนอกจากอารมณ์ของความปวดหนึบที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกำยำ“ปล่อยนะ กรี๊ดดดดดด!”ธาริกาผงกศีรษะขึ้นจู่โจมด้วยฟันคมซี่เล็กฝังลงบนไหล่กว้างของเขา แต่ก็ไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด เสียงกรีดร้องของเธอดังลั่น แต่ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจ มีแต่เพลิงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมายากจะดับลงปลายลิ้นเขาโลมเลียไปที่ปลายถัน ดูด เม้ม ดุนดันปลายลิ้นรัวละเลงอยู่บนยอดอก ความอัดแน่นอันปวดร้าวทั่วร่างแกร่ง เตรียมพร้อมระเบิด เมื่อมือข้างที
[อีกด้านหนึ่ง(ในเวลาเดียวกัน)] “ห้องนี้คุณยกให้ฉันแล้วนี่คะ”ธาริกามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องใหญ่ “ข้าเข้ามาเพื่อที่จะคุยกับเจ้าเท่านั้น”เอาเข้าจริงๆ เวลาเจอหน้าเธอแล้ว อิลยาสกลับพูดไม่ออก อุตส่าห์วางแผนกับพี่ชายของเขา และเขาจะต้องทำแบบเดียวกับที่พี่ชายเขาบอก “ฉันไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับคุณแล้วค่ะ”ธาริกาไม่เข้าใจในตัวของชายหนุ่มเลย ว่าทำไมเขาถึงยังไม่จบเรื่องนี้ซะที เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่เธอไม่เอาความ และไม่วุ่นวายกับเขาอีก “เจ้านั่งลงเถิด ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”อิลยาสมองร่างบางที่กำลังยืนในท่าเตรียมพร้อมวิ่งอยู่ข้างโซฟาใหญ่ นี่เขาจะเริ่มต้นเจรจากับเธออย่างไรดี “โอเค...ถ้าคุณทำฉันอีกล่ะก็ รอบนี้คุณอาจจะสิ้นชีพแน่นอน...คอยดู”ร่างบางขู่ฟ่อพร้อมกับทิ้งร่างบางลงบนโซฟานุ่ม “แผลเก่าข้ายังไม่หาย ข้าคงไม่คิดที่จะสร้างแผลใหม่หรอกนะ”อิลยาสอดครวญนึกถึงบาดแผลที่เกิดจากฝีมือของเธอ ทั้งกัดและโดนทึ้งทุบจนเป็นรอยไปตามร่างกายและศีรษะบวมปูด “อืม...รู้ไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่กล้าทำอีก มีอะไรว่ามาเลยค่ะ ฉันจะนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่
ชีคหนุ่มเอ่ยคำหวานเว้าวอนหญิงสาว มือเขาปลดชุดยาวบางเบานั้นออกจากร่างอวบอิ่มอย่างเบามือ ไร้การต้านทานจากหญิงสาว ใบหน้าหวานแดงกล่ำ หลบสายตาคมกริบอย่างเอียงอาย “ค่ะ...” เสียงตอบรับปนหายใจหอบแรงระรัว กายสาวเบียดเข้ากับร่างกำยำ แสดงให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอยินยอมพร้อมใจ ยอมศิโรราบแก่เขาแล้ว รินลดาไม่อาจปฏิเสธสิ่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะความปรารถนาที่ก่อขึ้นในกายสาวขดม้วนวนอยู่ตรงช่องท้องของเธอ ผีเสื้อนับล้านตัวบินร่อนไปมา กระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจ... “โอวว์...” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้น ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเจิดจ้าเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักใคร่ อารมณ์ของชีคหนุ่มกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า ร่างเล็กสมส่วนปรากฎแก่สายตาของชายหนุ่ม ผิวของเธอช่างเนียนละเอียดดุจแพรไหม สองเต้าอวบอิ่มขาวโพลนที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อพุ่งชูชันรอรับความร้อนจากริมฝีปากชายหนุ่ม ชีคหนุ่มไม่รอช้าใช้ปากร้อนดูดงับเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อ นั้นไว้ในปากอย่างหิวกระหาย ลิ้นใหญ่ดุนดันดูดเม้ม สลับไปมา มืออีกข้างหนึ่งเคล้นคลึงอกอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง “อ๊ะ!!!” เสียงครางเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง มื
“ข้าไม่อยากบังคับเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ข้าอยากขอให้เจ้าใจเย็นรับฟังข้าก่อน...ข้ารู้ว่ามันเร็วเกินที่เจ้าจะตั้งตัวได้ทัน แต่ข้าก็อยากจะบอกให้เจ้ารู้ไว้...ว่าข้าพร้อมที่จะไปกับเจ้าเพื่อไปหาแม่ของเจ้า...ขอเจ้าแต่งงาน...” “...” รินลดานิ่ง เธอจนมุมกับเรื่องทุกอย่างที่เขาเอ่ยมา สิ่งที่เธอสูญเสียไปมันไม่สามารถที่จะเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว เธอจะเชื่อใจเขาได้หรือเปล่า เขาจะรักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตอย่างที่เขาบอกกับเธอมั้ย...รินลดาจะตัดสินใจอย่างไรดี “เจ้าเงียบ...สำหรับข้ามันคือคำตอบ เอาเป็นว่าเจ้าจะอยู่กับข้าที่นี่ก่อน แล้วเราค่อยกลับประเทศของเจ้าไปด้วยกัน”คาริสยืนขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับเดินไปยังห้องอาบน้ำทันที โดยไม่รอคำตอบจากหญิงสาว ปล่อยเวลาให้เธอทบทวนสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง คาริสพูดไปหมดทุกอย่าง เขาพยายามใจเย็น และไม่อยากที่จะบังคับเธอเลย แต่ถ้าเธอเองยังคงดื้อดึงต่อ คาริสก็คงจะต้องใช้วิธีอื่นต่อไป “...” รินลดามองร่างสูงเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ สิ่งที่เขาพูดมานั้นมีเหตุและผลทุกอย่าง รินลดาจะลองเสี่ยงกับเรื่องนี้ดูไหม? ถ้าเขาคิดที่จะจริงจังอย่างที่เขาพูดจริงๆ รินลดาก็พ
“แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรขอรับ”อิลยาสไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกที่นั่งเดียวกับพี่ชายของเขาเลยตอนนี้ “พี่ชอบนาง...ถูกใจนางตั้งแต่พี่เจอครั้งแรกแล้ว...”คาริสอดรำพึงนึกถึงวันที่เธอนั้นเดินอยู่บนเวที ความงดงามเย้ายวนของ เธอมีเสน่ห์ตรึงใจเขาเหลือเกิน ‘คาริสจะทำอย่างไร...ที่จะได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจ’ “นางเองก็ไม่ได้สนใจท่านพี่นี่ขอรับ...ตอนนี้เพื่อนของนางมาแล้ว...นางทั้งสองคงจะกลับไปพร้อมกับเพื่อนของนางนะขอรับ...แต่จะมีเพื่อนของนางอีกคน ที่จะอยู่กับท่านพี่ฮาซีฟ นางผู้นั้นช่างแปลกนะขอรับ ทำไมนางไม่คิดที่จะกลับไปประเทศของนาง” “เห็นว่าท่านพี่ฮาซีฟจะแต่งงานกับนาง...ท่านพี่คงคิดที่จะจริงจังกับนางแล้ว...” “และเรื่องของท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ...” “%#@!&*$##@” คาริสกระซิบข้างหูน้องชาย “จริงหรือขอรับ!!!” “อืม...ถ้าเจ้าไม่ทำคืนนี้...พรุ่งนี้เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป...อิลยาสน้องพี่”คาริสนึกถึงแผนการบางอย่างที่เขาบอกน้องชายเขา ‘เธอจะหนีไปจากเขาได้อย่างไรกัน...เมื่อเขายังไม่อนุญาต!!’ “เอ่อ...ท่านพี่แน่ใจนะขอร
“ปรางยังดวงดีอยู่ค่ะเจ้ อีกอย่างปรางรักเมืองไทยค่ะ” “ข้าวกับนับดาวเราคุยกันแล้วค่ะ ว่าพวกเราจะกลับพร้อมกับเจ้เลยค่ะ”รินลดายังคงยืนยันคำเดิม และไม่สนใจว่าเขาจะคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ “อืม...ไหนๆ ก็พูดมาแล้ว เจ้ก็อยากจะคุยกับข้าวและ นับดาวสักหน่อย ถึงเรื่องของหล่อนสองคน” “เจ้เปิดพอดี ปรางก็อยากจะคุยกับน้องอยู่เหมือนกันค่ะ” “อย่าบอกนะว่าพี่ปรางจะไม่ให้นับดาวกับข้าวกลับด้วย” “ใจเย็นๆ ก่อนนะนับดาว ข้าวฟ่าง ฟังเจ้ให้ดีๆ และคิดตามด้วยเหตุและผลนะ...เจ้แนะนำให้หนูสองคนลองพิจารณาตัวเองให้รอบคอบนะ และอยากให้หนูให้โอกาสคุณคาริสและคุณอิลยาส เจ้ว่าเขาสองคนเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวเลยนะ ที่รับผิดชอบเราสองคน” “แต่ข้าวไม่ต้องการค่ะเจ้ ข้าวอยากกลับบ้าน ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้าว...อาหารการกิน วัฒนธรรม ภาษาไม่เหมือนกับที่บ้านของเรานะคะเจ้” “ใช่ค่ะเจ้...นับดาวก็เหมือนกัน ไหนจะพ่อกับแม่ที่ห่วงพวกเราอีกนะคะ สิ่งที่เราสองคนเสียไป เราถือว่ามันคืออุบัติเหตุค่ะ ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรแล้ว พอเรากลับไปพวกเขาก็ลืม และเราก็จะลืมเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ”