แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่นพลางมองอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

ซูมั่วได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เธอกระตุกยิ้มเย้ยหยันบริเวณมุมปาก

เธอเป็นภรรยาของฟู่อี้ชวน กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นคู่สามีภรรยากัน ส่วนตัวเธอเองเป็นมือที่สาม

ฟู่อี้ชวนเดินอยู่ด้านหน้า เย่ซินหย่าเดิมตามอยู่ข้างกายเขา แม้ว่าซูมั่วจะไม่สนใจหญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ ทว่าความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้ว ผู้หญิงที่ทำตัวใส ๆ คนนี้มีแต่ก่อเรื่องต่อ

“มั่วมั่วต้องเจ็บมากแน่เลย ขอโทษนะ ตอนนั้นอี้ชวนนึกถึงชีวิตหน้าที่การงานของฉัน เลยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลก่อน เธออย่าไปโทษเขาเลย” เย่ซินหย่าพูดกับซูมั่ว

ซูมั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ได้ว่าอะไร ถึงยังไงเธอก็สำคัญที่สุดในใจเขาอยู่แล้ว”

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ทว่าฟู่อี้ชวนกลับรู้สึกว่ามันฟังดูเหมือนเหน็บแนมอยู่นิด ๆ เลยเอ่ยปากออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“นี่เธอพูดยังไง ต่อให้ซินหย่าจะถือไม่ดี แต่การที่เธอไม่ได้ปิดฝาให้แน่นมันเป็นความรับผิดชอบของเธอ”

ซูมั่วไม่ได้แก้ต่างอะไรอีก เพราะต่อให้เธอจะอธิบายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ฟู่อี้ชวนก็ไม่เชื่อ เธอจึงได้แต่เงยหน้ามองไปด้วยสายตาราบเรียบไร้ความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนก้มหน้า ส่งสายตาจ้องมองเข้าไปในดวงตาสงบเงียบคู่นั้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าซูมั่วจะเย็นชาแข้งกร้าวขึ้นมานิดหน่อย

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้เจ็บหนักอะไร อี้ชวนอย่าไปโทษว่ามั่วมั่วอีกเลย” เย่ซินหย่าพูดออกมาในเวลาที่เหมาะสมและใจกว้าง

“อีกอย่าง มั่วมั่วเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย อี้ชวน นายอย่าดุกับเธอขนาดนั้นสิ~”

ซูมั่วได้ยินคำพูดนี้ของเย่ซินหย่าแล้วอยากจะอ้วก ทั้งที่เธอเป็นผู้เคราะห์แท้ ๆ สุดท้ายดันถูกทำให้กลายเป็นตัวการเสียอย่างนั้น แถมเธอยังทำเป็นให้อภัย พูดคำพูดนั้นออกมาอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย

“คราวหน้าก็ระวังหน่อย” ฟู่อี้ชวนพูดกับซูมั่ว

คราวหน้า? ซูมั่วยิ้มเยาะอย่างเย็นชา

ไม่มีคราวหน้าแล้วละ

ครั้นเดินมาถึงริมถนน อยู่ ๆ เสียงร้องตกใจพลันดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของทั้งสองคน

ฟู่อี้ชวนรีบหันขวับ เห็นเย่ซินหย่าล้มลงไปกองอยู่กับพื้น มือข้างหนึ่งกุมข้อเท้าไว้ พลางเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

“ซินหย่า!” ฟู่อี้ชวนตะโกนด้วยความร้อนรน

เขาปล่อยมือโดยไม่คิด ซูมั่วถูกวางลงอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ทำให้ล้มลงไปกองที่พื้น จนเธอถึงกับสูดลมหายใจเพราะความเจ็บ

ฟู่อี้ชวนวิ่งไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล เขาอุ้มเธอวิ่งไปทางคลินิก

ทว่าเพิ่งเดินไปได้เพียงสองก้าว อยู่ ๆ ก็หันหน้ากลับไป

ที่ด้านหลัง ซูมั่วกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนย่างยากลำบาก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเย่ซินหย่าดังขึ้นข้างหู

“เจ็บจัง เท้าฉันเหมือนจะเคล็ดเลย ทำยังไงดี วันมะรืนฉันยังต้องไปเดินแบบด้วย”

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะพาเธอไปรักษาเดี๋ยวนี้แหละ” ฟู่อี้ชวนว่า จากนั้นก็รีบดึงสายตากลับ และเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด

คนเดินจากไปแล้ว ซูมั่วออกแรงยืนขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว ความเจ็บปวดทำให้แม้แต่จะยืดเอวให้ตรงก็ยังทำไม่ได้

เธอไม่ได้มองไปทางสองคนนั้น มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ร้อนผะผ่าว ยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่คันหนึ่ง

หลังจากขึ้นรถ เธอก็มองเท้าของตัวเอง ตอนที่ล้มลงเท้าเธอกระแทกถูกกับแผ่นหินที่นูนออกมานิ้วเท้าเลยเลือดออก

ไม่เพียงเท่านั้น ก้นกบของเธอก็เจ็บ ข้อศอกถลอกเป็นวงใหญ่

เธอเช็กคราบสกปรกและคราบเลือดด้วยกระดาษทิชชู ความเจ็บแปลบทำเอาเธอถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ แม้จะกัดฟันแล้วก็ยังกลั้นเสียงร้องไม่อยู่

เดือนสุดท้ายแล้ว ซูมั่วคิดในใจ เหลืออีกเดือนเดียว เธอก็จะเป็นอิสระ

โทรศัพท์ข้างกายพลันสั่นสะเทือน มันปรากฏข้อความหนึ่ง และยังคงเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยเบอร์นั้น

[ขอโทษนะมั่วมั่ว อี้ชวนพาฉันมาตรวจเท้า แถมยังทิ้งเธอไว้อีก เขาอาจจะต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันสักพัก เธอคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม]

ซูมั่วมองเล็กน้อย แล้วเมินไปเสีย

พวกเขาเลิกรากันมาสองปีแล้ว แต่ฟู่อี้ชวนก็ยังรักเย่ซินหย่าขนาดนั้น ขอแค่เย่ซินหย่ายืนอยู่ตรงนั้น ฟู่อี้ชวนก็จะเลือกเธอโดยไม่ลังเล

ซูมั่วสับเปลี่ยนแอปพลิเคชันอื่น เห็นข้อความจากรุ่นพี่โจวจิ่งอันที่ส่งมาหาเธอเมื่อวานนี้ เขาถามเธอว่าจะกลับประเทศเมื่อไร

ใช่แล้ว เธอปิดบังเรื่องการแต่งงานของตัวเอง และบอกอีกฝ่ายไปว่าเธอไปต่างประเทศ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เธอยังคงอยู่ที่เมืองหลวง

เมืองหลวง จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก คนภายนอกรู้เพียงแค่ว่าฟู่อี้ชวนแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นใคร นี่ก็คือความต้องการของเขาในตอนนั้น

ส่วนเธอนั้น ระยะเวลาสองปีมานี้ต้องคอยวนเวียนอยู่รอบตัวฟู่อี้ชวนมาตลอด ไปมาอยู่แค่สองที่เท่านั้น ไม่เคยเปิดเผยหน้าตา

[อีกหนึ่งเดือนก็กลับแล้ว รอฉันจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จก่อนนะ] ซูมั่วตอบอีกฝ่าย

ปิดฉาก จบสิ้นทุกอย่างกับฟู่อี้ชวน

รุ่นพี่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าถึงตอนนี้จะให้เธอไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการที่บริษัทเขา

เธอตอบรับคำเชิญของรุ่นพี่ แต่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ เพราะตั้งแต่เรียนจบเธอก็แต่งงานกับฟู่อี้ชวนเลย แม้จะบอกว่าเป็นคุณนายเต็มตัว ทว่าในความเป็นจริงนั้นเป็นแม่บ้านเต็มตัวเสียมากกว่า

เธอยังคงต้องฟื้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นที่ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นคงจะปรับตัวไม่ได้แม้กระทั่งงานพื้นฐานทั่วไป

[ไม่เอาน่า ให้ตำแหน่งผู้อำนวยการกับเธอยังถือว่าใช้คนไม่เหมาะกับงานด้วยซ้ำ ตอนนั้นในสาขาน่ะ เธอเป็นคนที่ได้รับเงินทุนทุกปีเลยนะ ตอนปีสองก็นำทีมคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้ด้วยตัวเอง เป็นคนเก่งสุด ๆ คนหนึ่งเลย]

ซูมั่วถึงกับตกอยู่ในอยู่ห้วงภวังค์เมื่อได้อ่านข้อความจากอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

คะแนนของเธอโดดเด่นเกินใครมาตลอด นำทีมคว้ารางวัลมาแล้วหลายครั้ง ก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอได้มีวาสนาพบกับคุณปู่ฟู่อยู่สองสามครั้ง

สายตาหยุดอยู่ที่คำว่า “เก่งสุด ๆ ” คำนี้ ความรู้สึกมันเหมือนกับเพิ่งได้ตื่นจากฝันอย่างไรอย่างนั้น

ใช่แล้ว เธอเป็นคนเก่งมาก ๆ

ต่อให้ไม่ได้ช่วยรุ่นพี่สร้างธุรกิจ ตอนนี้ก็คงจะเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในโรงงานใหญ่มีชื่อเสียงสักแห่ง

ทว่าตลอดสองปีที่ผ่านมานี้... เธอทรมานตัวเองจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?

เพื่อความรักแล้ว เอาใจคนอื่นอย่างต้อยต่ำเหมือนฝุ่นผง ละทิ้งตัวเองและศักดิ์ศรี แม้แต่เธอยังรู้สึกแปลกหน้ากับตัวเธอเองที่เป็นแบบนี้ ช่างต่ำต้อยเหลือเกิน

หลังตอบกลับรุ่นพี่ไปแล้ว ซูมั่วก็ปิดโทรศัพท์ที่หล่นจนหน้าจอแตก เอนหลังพิงพนักที่นั่งรถแล้วหลับตาพักผ่อน

เรื่องในตอนนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ

ตอนนั้นรุ่นพี่พาเธอมาสร้างธุรกิจด้วย เธอออกไปเสาะหาเงินทุน จนเจอเข้ากับคุณท่านฟู่

อีกฝ่ายยอมตกลง ทว่าเงื่อนไขก็คือการให้เธอแต่งงานกับฟู่อี้ชวน เพราะไม่อยากให้เย่ซินหย่าเข้ามาอยู่ในตระกูล

กับข้อเสนอนี้ สำหรับเธอในตอนนี้เรียกว่า “ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” มันมึนงงเหมือนกับถูกอะไรฟาดเข้าให้

เพราะเธอแอบรักฟู่อี้ชวนมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แม้ว่าต่อมาเขาจะไปคบกับเย่ซินหย่า แต่ว่าความรักนี้ยังคงถูกฝังกลบอยู่ในส่วนลึกของหัวใจตลอดมา

เธอโลภเกินไป หาเงินทุนมาได้แล้วยังไม่พอ เธอยังโลภไปถึงเรื่องความรัก จนตอบตกลงไป

ทว่าตอนนี้...

เธอนึกเสียใจแล้ว เสียใจอย่างที่สุด

มันไม่ใช่ลาภลอยที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า แต่เป็นน้ำล้างจานค้างปีต่างหาก

ของที่ได้มาฟรี มักมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่าเสมอ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Aom
เหอะ นางเอกแอบรักพระเอกอีกล่ะ
goodnovel comment avatar
Aom
เนื้อเรื่องคล้ายๆกับเรื่องอื่นๆที่อ่านมานะ เปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยนสถานการณ์แค่นั้น
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 460

    แต่เมื่อดูจากผลแพ้ชนะคืนนี้แล้ว ดูเหมือนเธอจะกังวลมากเกินไปนอกจากเพื่อนสนิทจะถูกเอาเปรียบไปบ้าง ก็ถือเป็นว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในงานซูมั่วคุยเป็นเพื่อนเธอ จนกระทั่งเธอกลับถึงบ้าน จึงเพิ่งวางสายหลีโย่วเข้าบ้าน สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวทั้งหมดถูกเก็บไว้ หลังจากตอบแม่แบบส่ง ๆ ก็ขึ้นไปชั้นบนหลีเชินโผล่มาตรงหน้า ถือแก้วน้ำอยู่ แล้วถาม“เป็นยังไงบ้าง? คืนนี้มีแขกผู้ชายที่ถูกใจไหม?”หลีโย่วตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่ พี่รู้ไหมว่าพี่เหมือนอะไร?”หลีเชิน “?”“เหมือนแม่เล้าที่คอยเรียกลูกค้าให้พวกสาว ๆ ในสมัยโบราณมากเลย” หลีโย่วพูดด้วยรอยยิ้มหลีเชิน “...”“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ฉันเป็นห่วงเธอ และคิดถึงอนาคตที่มีความสุขของเธออยู่นะ” หลีเชินพูด“เธอคิดว่าถ้าเธอชอบใครแล้วฉันจะยอมให้เธอแต่งงานเลยเหรอ? ฉันยังต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ผ่านด่านฉันก็ไม่ได้”หลีโย่วเบะปาก ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่กำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินพี่ชายเธอถามอีกครั้ง“คืนนี้เจิ้งเซวียนก็ไปงานเลี้ยงเรือสำราญนั่นด้วย พวกเธอเจอกันไหม?”“เจอกัน” หลีโย่วตอบ“ไม่ได้เจอกันหกปี เลยคุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากฉันกลับมาเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 459

    ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งเขา และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอด้วยคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าทุกการกระทำ และทุกคำพูดของหลีโย่วก็ล้วนไม่ได้มีปัญหาความแปลกใจตอนที่เห็นตนปรากฏตัว ก็เพราะว่าจำเขาได้ จึงเดินตามเขาออกไปทันทีตนยื่นน้ำผลไม้ให้เธอ เธอก็รับไปดื่มอย่างไม่มีความระแวดระวัง เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอบอกว่าไม่ได้คบใคร บอกว่ามีพี่ชายที่เข้มงวด แล้วยังบอกว่าเขาอายุเท่า ๆ กับพี่ชายของเธอ ทุกอย่างก็สอดคล้องกันหมดเจิ้งเซวียน ‘...เพราะงั้นเป็นเขาเองที่มีปัญหา ใครใช้ให้ไม่ถามชื่ออีกฝ่ายก่อนล่ะ? กลับตั้งใจหว่านเสน่ห์แล้วค่อยถามอีกที’ที่ผ่านมาจีบหญิงไม่เคยพลาด ในที่สุดวันนี้ก็พลาด เหมือนคนเดินอยู่ริมน้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง?เจิ้งเซวียนปิดหน้าอย่างหมดแรง สุดท้ายผ่านไปสิบนาทีเต็ม ๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็สตาร์ตรถเตรียมตัวกลับบ้านสิ่งเดียวที่ทำให้เขาสบายใจได้ก็คือหลีโย่วจะไม่บอกพี่ชายของเธอ และเขาก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิทตัวต่อตัวแล้วถูกจัดการขณะเดียวกัน บนถนนที่กว้างขวางรถเฟอร์รารีเปิดประทุนขับเร็วมาก ทับเส้นจำกัดความเร็วเสียงลมหวีดหวิวข้างหู ก็ยังไ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 458

    “ไปให้พ้นเลย เอาแต่พูดเรื่องไม่ดีอยู่ได้” หวังคุนด่าพลางยิ้มเจิ้งเซวียนมองหลีโย่ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายพูด“เสี่ยวโย่วจื่อก็อยู่เล่นที่นี่ต่อเถอะ ฉันไปก่อนนะ วันหลังจะนัดรวมตัวกับพี่ชายเธอด้วย”“ฉันก็จะไปเหมือนกันค่ะ อยู่นานพอสมควรแล้ว ไปรายงานพี่ชายได้แล้วค่ะ” หลีโย่วยิ้มอย่างซุกซนเจิ้งเซวียนเข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร สรุปคือวันนี้หลีเชินบังคับให้เธอมางานนี้นึกถึงตอนที่เธอบอกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่ได้ พี่ชายเธอเข้มงวดมาก ซึ่งก็ตรงกับนิสัยของหลีเชินจริง ๆ เพราะงั้น...ทำไมเขาถึงนึกเชื่อมโยงไม่ได้ตั้งแต่แรกกันนะ?ในใจเจิ้งเซวียนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย รู้สึกว่าวันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูฤกษ์ดูยาม เขาไม่ได้ขายหน้าขนาดนี้มานานแล้วจริง ๆ แถมยังเป็นต่อหน้าน้องสาวอีก...“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ” เจิ้งเซวียนเก็บความคิด และพูดด้วยรอยยิ้มบาง“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมาเอง แต่เราออกไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ” หลีโย่วพูดทั้งสองคนเดินคู่กันออกมาจากงาน ลงจากเรือสำราญ จากนั้นก็ไปที่ลานจอดรถในช่วงเวลานี้ มีแค่เสียงพื้นรองเท้าที่ก้าวเดินของทั้งคู่เท่านั้น

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 457

    เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับ...หลีเชินเขาหันคอที่แข็งทื่อไปช้า ๆ มองใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มหวานจาง ๆ ของหญิงสาวกระแสเวลาที่ยาวนานหกปีเหมือนย่อลงในชั่วขณะนี้ ภาพของหญิงสาวที่สดใสมีเสน่ห์ตรงหน้า ซ้อนทับกับเด็กสาวที่สวมแว่นกรอบดำทั้งยังอวบเล็กน้อยเมื่อสมัยมัธยมปลายเขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกคุ้นตานัก ที่แท้ก็เพราะสาเหตุนี้...“หลี...หลีโย่ว” จ้องมองอย่างนิ่งงันไปหลายวินาที เจิ้งเซวียนจึงเพิ่งพูดอ้ำอึ้งอย่างตกตะลึงเห็นเพียงหญิงสาวพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าที่ยิ่งหวานและจริงใจ กลับทำให้หัวใจของเจิ้งเซวียนกระตุก ต้องฝืนรักษารอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก ไม่ให้กระอักเลือดออกมาการจีบสาวในวันนี้ไม่ใช่แค่ล้มเหลว แต่โคตรจะล้มเหลวเพราะเหตุไม่คาดฝันหลีโย่ว เสี่ยวโย่วจื่อ เด็กสาวคนนั้นที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด ผลคือเขากลับ...หยอดเธอ อยากจีบเธอมาเป็นแฟนจิตสำนึกถูกประณาม เขาถูกตอกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอายทางศีลธรรมแต่เขารู้สึกว่าตนคงไม่ต้องรอให้ถูกจิตสำนึกของตัวเองฆ่าตายหรอก เพราะถ้าหลีเชินรู้ว่าเขาจะจีบน้องสาวของอีกฝ่าย คงฟันตนตายก่อนในมีดเดียวแน่“เสี่ยวโย่วจื่อ...” เจิ้งเซ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 456

    “เธอเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ? รู้จักการเต้นหลายประเภทแถมยังเชี่ยวชาญหมดเลยด้วย เหมือนเป็นนักเต้นมาตั้งแต่เกิดเลย”“ฉันเคยเต้นกับคู่เต้นผู้หญิงคนอื่นนะ แต่ท่วงท่าของพวกเธอไม่คล่องแคล่วเท่าเธอ และยิ่งไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเธอด้วย”“ตอนเพลงเร็วจังหวะเธอก็ดีมาก เข้าถึงอารมณ์เพลงได้เร็ว รอยยิ้มก็สดใสเปล่งประกาย เหมือนสาวน้อยชาวทิเบตที่มีความกระตือรือร้นใต้ภูเขาหิมะเลย”......เขาชม แต่หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับ รู้ว่าอีกฝ่ายอาย เขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดโปงในฐานะนักล่าฝ่ายรุกคนหนึ่ง เมื่อบรรยากาศค่อย ๆ คืบหน้า มือซ้ายของเขาก็ขยับเล็กน้อย แล้วเป็นฝ่ายจับมือที่นุ่มนิ่มของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันมืออีกข้างที่โอบหลังเอวไว้หลวม ๆ ก็วางลงไปอย่างแผ่วเบา พร้อมพาเธอหมุนวงใหญ่รอบหนึ่งเมื่อเพลงวอลซ์จบลง ทั้งสองคนเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ รับลมทะเล และพูดคุยเรื่อยเปื่อย ตอนนี้คืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว“อายุเท่าไรแล้ว?” เจิ้งเซวียนถาม “ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?”“ยี่สิบสี่แล้ว” หญิงสาวตอบเจิ้งเซวียนแปลกใจเล็กน้อย แล้วพูด“ดูไม่ออกเลยจริง ๆ ฉันนึกว่าเธอเพิ่งบรรลุนิติภาวะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่ซะอีก”ประโยคน

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 455

    “ดื่มเถอะ ฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่ใช้วิธีต่ำทรามแบบนั้นหรอก”หญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็จิบสองอึกจนชุ่มคอ จากนั้นก็นั่งลงเงียบ ๆ“เมื่อกี้มองออกว่าเธอเหนื่อยกับการรับมือ ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้นัดแนะกันมาก่อน แต่กลับร่วมมือกันได้ดีทีเดียว” เจิ้งเซวียนพิงราวกั้นพลางมองเธอแล้วพูด“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย เจิ้งเซวียนที่ฟังความผิดปกติไม่ออก ยิ้มบางและพูด“แค่ช่วยเหลือเล็กน้อย ช่วยเธอได้ฉันก็ดีใจ”บทสนทนาดูเหมือนจะจบลงตรงนี้ แต่เจิ้งเซวียนเป็นใคร เขาสร้างหัวข้อสนทนาได้ง่ายเหมือนจับวางอยู่แล้ว“ฉันเห็นการเต้นเพลงแรกของเธอ จังหวะแปดนับที่สาม ถ้าหมุนเพิ่มอีกครึ่งรอบอาจจะสวยกว่านี้นะ” เขาพูดเขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำสวยหรูเพื่อชมเอาใจเธอ และยิ่งไม่ได้บอกว่าท่าเต้นของเธอได้มาตรฐานแค่ไหน และรูปร่างของเธอเย้ายวนแค่ไหนแต่ชี้ให้เห็นถึง ‘ปัญหา’ ราวกับกำลังพูดเรื่องการเต้นรำอย่างบริสุทธิ์ใจเพราะวิธีจีบผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักกับผู้หญิงที่เคยมีความรักนั้นแตกต่างกันมาก การชมอย่างผลีผลามและเจตนาที่ชัดเจนเกินไปมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายตกใจจนหนีไปกลับกันการชี้แนะอย่างจริงใจ และรุกอย่างช้า ๆ จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status