“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย” นงรักมองหญิงสาวตัวเล็กที่ขี่จักรยานเข้ามาในบ้าน หลายวันมานี้นาราไม่ขึ้นมาบนบ้านใหญ่เลย จึงแปลกใจที่อยู่ๆวันนี้ขี่รถเข้ามา
“ของมาทำอาหารน่ะค่ะ หนูขอใช้ครัวได้มั้ยคะ” นาราถือถุงมากมายเดินมา นงรักรีบเข้าไปช่วย
“ได้สิคะ ไม่มีใครขึ้นมาบนบ้านเลยป้าเหงาเหง๊าๆ นี่ว่าแต่ติดต่อคุณสิงได้มั้ยคะ”
นาราส่ายหัว “ไม่ได้ค่ะ” ไม่ใช่ว่าติดต่อไม่ได้ แต่เธอไม่ได้โทรไปหาเขาต่างหาก ทั้งไลน์หรือช่องทางอื่นๆที่สามารถติดต่อสิงหราชได้นาราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะกลัว กลัวว่าถ้าทักเขาไปก่อน เขาจะไม่ตอบกลับมา
“เฮ้อ ไปไหนก็ไม่รู้ไม่บอกใครเลย ป้าโทรไปก็ไม่รับ พรุ่งนี้ป้ากะว่าถ้าคุณสิงยังไม่มาจะส่งไอ้น้อยไปตามหาแล้ว เล่นทิ้งไร่ไปแบบนี้ ไม่ดีเลยค่ะ”
ขาดผู้ปกครองที่ทุกคนเกรงขามแล้ว พวกจิ๊บจ๊อยมันจะเกรงกลัวได้ยังไง เธอละหนักใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายหัวของไร่กันแน่
นารายืนฟังนิ่ง ไม่อยากคิดว่าที่สิงหราชหายไปเป็นเพราะเธอ ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมาสนใจกับเรื่องแค่นี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกผิด แต่ในสายตาเธอสิงหราชดูแข็งแกร่งเกินไป เขาจะมาน้อยใจแค่เรื่องเธอตบหน้าเหรอ ถึงจะคิดอย่างนั้นทว่านารากลับกระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด
“เดี๋ยวเขาก็คงกลับมาเองละค่ะ” เฝ้าบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร นงรักถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนทั้งสองจะขึ้นไปบนบ้าน
นาราหั่นผักด้วยใจที่กำลังคิดมาก เพราะป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่านายหัวของไร่จะโผล่มาเลย
“แย่แล้ว แย่แล้ว ป้านง คุณนาค อยู่ไหน!” เสียงโหวกเหวกโวยวายของใครบางคนดังขึ้นมาถึงในบ้าน นงรักกับนาราหันมองกัน ก่อนที่ทั้งสองจะรามือจากวัตถุดิบทำกับข้าว เดินออกมาดูว่าเกิดอะไร
เดินมาถึงชานบ้าน มองบันไดลงไปจึงเห็นว่าเป็นคนงานคนหนึ่ง ซึ่งคนนี้นงรักรู้จักด้วย
“อะไรไอ้ม่อน อะไรของเอ็ง” เสียงดังทำไม หนวกหูหมด นงรักอดคิดไม่ได้ แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเด็กในไร่เอ่ยว่า
“นายหัวถูกตำรวจจับจ้ะ เขาบอกว่านายหัวซุกยาบ้าไว้ที่ไร่!”“อะไรนะ!”
นาราและนงรักต่างตกตะลึง ทั้งสองไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กระทั่งม่อนย้ำ
“จริงๆจ้ะ เมื่อกี้ตำรวจมาค้นไร่แล้วเขาบอกว่าจับนายหัวได้ที่บ้านดอมใกล้ๆจะถึงไร่นี่เอง นายหัวขับรถมาจากเมืองคนเดียวจ้ะ แล้วตำรวจก็จับไปเลย”
ดวงตางามเบิกขยายสั่นระริกไหวไปทั่วแพขนตา ใจกระหน่ำเต้นระรัวราวกับว่าจะทะลุออกจากอก ไม่จริงใช่มั้ย
ที่เธอได้ยินไม่จริงใช่มั้ย
นาราตามนงรักมาที่สถานีตำรวจ ก่อนมานงรักโทรบอกพี่น้องของสิงหราชแล้ว ทั้งหมดตกใจมาก บอกว่าจะเดินทางมาให้เร็วที่สุด ป้าแม่บ้านผู้อาวุโสของไร่ที่อยู่ธรภูมิมาอย่างยาวนาน เตรียมเอกสารต่างๆมาเพื่อยื่นขอประกันตัวนายหัว และหญิงสูงวัยแทบร้องออกมาเมื่อเห็นมิตรสหายของนายหัวสิงหราช
“คุณไกร!”
“ป้านง”
ไกรพบเดินเข้ามาหานงรักในชุดสีขาวที่บัดนี้ขอบตาแดงก่ำ ก่อนมองไปที่ร่างบางข้างๆด้วย ใครกัน คนที่ไร่มีคนสวยขนาดนี้ด้วยเหรอ ทำไมไกรพบไม่เคยเห็นเลย ให้ความสนใจกับหญิงสาวตัวเล็กได้ไม่นานก็ต้องเครียดใหม่ เรื่องของสิงหราช
ตอนค่ำเขาและสิงหราชแยกกัน ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงก็มีการประกาศลับภายในหมู่ตำรวจว่าจะออกหมายจับนายหัวของธรภูมิในข้อหาครอบครองสารเสพติด เขาตกใจมาก ไม่คิดว่าเพื่อนของตนจะถูกจับ
แปลกเกินไป แปลกมากจริงๆ
ตั้งแต่รู้จักกันมาสิงหราชไม่เคยค้าธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่เรื่องความอิทธิพลเขายอมรับว่าเพื่อนของตนมีมาก ตำรวจไม่กล้ายุ่ง ด้วยความเก่งกาจและไม่ยอมใคร คนจึงเกรงกลัวและยำเกรงเสมอ ทว่าวันนี้กลับมีคำสั่งออกมา หนำซ้ำยังเป็นการจับกุมที่ไม่มีมูลอะไรเลย
ถึงจะค้นพบของกลางที่ไร่ก็จริง แต่มันแปลกเกินไป
ใช่ เนื่องจากตอนกลางวันสิงหราชมาหา เขาจึงต้องได้รับการสอบปากคำไปด้วย ตอนนี้เขากำลังทำเรื่องประกันตัวให้เพื่อนอยู่เพื่อต่อสู้คดี เพราะไม่เชื่อว่าสิงหราชเป็นคนทำ
“คุณสิงเป็นยังไงบ้างคะ” นงรักจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“โดนจับตัวไปแล้วครับ ตอนนี้ผมกำลังหาทางช่วยอยู่”
หญิงสูงวัยส่ายหัว “นายสิงไม่มีวันทำแบบนั้น ช่วยนายสิงด้วยนะคะ ช่วยนายสิงด้วยนะ” นงรักร้องไห้กับผู้กำกับหนุ่ม ในใจปวดหนึบไปหมด กลัว กลัวไปหมดเลย ถ้าธรภูมิไม่มีนายหัวสิงแล้วจะอยู่ได้ยังไง
นาราได้แต่มองทั้งสองคนกอดกัน นึกย้อนไปในอดีตที่ได้ใกล้ชิดกับนายหัวของไร่ ในความรู้สึกของเธอ ไม่มีวันเชื่อว่าสิงหราชทำแบบนั้น ต้องเป็นการกลั่นแกล้งจากใครแน่นอน
ทันใดนั้นเองภาพของนกที่กำลังแตกกระเจิงกันออกจากกรงผุดเข้ามาในหัว ทั้งยังภาพที่ญาติผู้พี่มาที่บ้านพักในไร่ของเธอ นาราประติประต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน วินาทีนั้นที่เธอตัดสินใจเอ่ยกับชายแปลกหน้าในชุดกากี
“ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีสิ่งไม่ชอบมาพากลแน่ๆเลยค่ะ คุณพอมีเวลาฟังฉันอธิบายมั้ยคะ”
สารวัตรหนุ่มหันมามองคนตัวเล็ก เห็นแววตาแน่วแน่ในตาของหญิงสาว ไม่คิดว่าจะมีคนใจตรงกับเขา
“ครับ”
ทั้งสองเดินไปด้วยกัน...
นารากลับมาที่ไร่ หลังจากที่ทุกคนรู้เรื่องนายหัวของไร่ถูกจับกุมตัวไป คนงานก็เหมือนอยู่ไม่สุข ทุกร้อนไปทั่วผืนดิน ทั้งหมดมาหารือกัน รวมกันเข้ามาถามนาราถึงที่บ้าน
“แล้วอย่างนี้จะเอายังไง นายหัวถูกจับแบบนี้ก็ไม่มีใครจ่ายเงินเดือนให้เราน่ะสิ เฮ้ย! หรือพวกเราก็จะโดนรากแห่ไปด้วย ไม่เอานะโว๊ย ใครจะรับผิดชอบ”
“นายหัวถูกจับไปแล้ว อย่างนี้จะเอายังไงล่ะ ใครจะปกครองพวกเรา พี่น้องคนอื่นๆก็อยู่ที่อื่นหมด ไม่มีใครรู้งานในไร่ได้เท่านายหัวเลยสักคน ใครจะดูแลไร่นี้ล่ะ เงินเดือนเราก็ยังไม่ได้ ใครจะมาจ่าย ใช่มั้ยพวกเรา”
“ใช่! ใช่! ใช่!”“รับผิดชอบเลย รับผิดชอบเลย”
คนงานราวสิบคนกำลังส่งเสียงกัน หน้าดำคล้ำเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างกลัวว่าถ้าสิงหราชโดนจับไปแล้ว ไร่จะทำยังไง พี่น้องคนอื่นๆก็มีกิจการกันหมด ไม่มีใครทำได้ดีเท่านายหัวสิงสักคน อีกส่วนก็โกรธ โกรธที่นายหัวทำแบบนี้ รวมถึงเริ่มเชื่อว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ธรภูมิได้รับต่อปี เกิดมาจากของผิดกฎหมายพวกนั้น
“ทำแบบนี้ พวกเราไม่ยอมนะ ไม่ยอม ใช่มั้ยพวกเราไม่ยอม!”
“จ่ายเงินพวกเรามาเลย จ่ายมา จ่ายมา!”
ทั้งหมดตะโกนแข่งกัน นาราได้แต่มองภาพพวกนั้น นงรักหันมองเธอทำหน้าหนักใจ เวลานี้ธรภูมิขาดเสาหลัก ไม่มีสิงหราชทุกคนก็ไม่เกรงกลัว อย่างที่เขาเคยสอนเธอ ถ้าไม่มีความเด็ดขาด คนก็จะมาเอาผลประโยชน์จากเราได้ เพราะอย่างนั้นต้องมีพระเดชกับพระคุณ“หยุด!”
เสียงที่กำลังดังผสานกันไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใครหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจตรงหน้า เวลานี้เสียงของผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่บนบ้านมีน้ำหนักเท่ากับของนายหัวสิงเลยทีเดียว มันทำให้ทุกคนต่างเงียบ หันไปมองทางเธออย่างรวดเร็ว ดวงตาสวยงามที่เคยฉายแววขี้เล่นน่ารักบัดนี้กลายเป็นดุดันราวกับเนตรของราชสีห์ คนงานต่างขนลุกเกรียวไปตามๆกัน
“กลับไปทำงานที่ไร่เหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องเงินเดือนฉันจะจัดการให้ ถ้าใครไม่พอใจ ก็ลาออกไปได้เลย!”
นาราไม่ได้ขู่ เธอพูดจริง เพราะที่ผ่านมาสิงหราชบอกให้เธอดูแลตรงส่วนเงินเดือน ซึ่งเธอรู้ดีว่าควรจัดการตรงไหน เธอรู้ทุกอย่างที่ครอบคลุมของที่นี่รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ปกครองไร่แห่งนี้ แต่อย่างน้อยจะประคองมันไว้ก่อนจนกว่าพี่น้องและสิงหราจะกลับมา และเธอมั่นใจว่าเจ้าของไร่จะกลับมาแน่ เพราะเธอเชื่อว่าเขาไม่มีวันทำแบบนั้นจริงๆ
หลังจากได้ยินคำสั่งจากคนที่อยู่บนบ้าน คนงานทั้งหมดก็หารือกัน ที่ผ่านมานายหัวให้ผู้หญิงนี้เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้พวกเขามาโดยตลอด รวมถึงทำหน้าที่อื่นๆด้วย เพราะแบบนั้นทุกคนจึงเชื่อมั่นในตัวนาราว่าจะสามารถจัดการเรื่องในไร่ได้ อีกทั้งยังกลัวถูกไล่ออก เพราะเป็นเรื่องจริงที่นาราเคยไล่คนงานออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นอยู่ในการรับรู้ของสิงหราชมาโดยตลอด
ทั้งหมดจึงยอมจากไป และกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ส่วนคนตัวเล็กที่อยู่บนบ้านได้แต่ถอนหายใจ ลักษณะท่าทางที่เคยแข็งแกร่ง บัดนี้ห่อเหี่ยวลงถนัดตา ในใจได้แต่ภาวนาว่า กลับมาสักทีเถอะ เธอจะไม่ไหวอยู่แล้ว
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง