แชร์

บทนำ ฝันร้าย 2

ผู้เขียน: LIttlelion
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-07 21:44:43

“เจ้าค่ะคุณหนู!” สาวใช้รับคำทันที แล้วหมุนกายวิ่งออกจากสวนใหญ่

สาวใช้หายไปหนึ่งเค่อเดินกลับมาพร้อมถาดไม้ที่ใส่ถ้วยข้าวต้มและถ้วยปลาป่นเอาไว้ด้านใน ก่อนจะวางลงตรงหน้าคุณหนูรองที่นั่งโบกพัดในมือเชิดหน้าขึ้นมองดอกไม้ในสวนยามนี้

“ยกสำรับเก่ากลับไปด้วย วางตรงนี้เกะกะสายตา” ข้าเอ่ยพร้อมกับปรายตามองโต๊ะ

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบเดินเข้ามายกสำรับนำกลับไปเก็บ

พลันสาวใช้ผู้นั้นเดินพ้นสายตาข้าถึงจะยกถ้วยข้าวต้ม พร้อมกับตักปลาป่นขึ้นมากิน พอช้อนยกขึ้นมาจ่อปาก กลิ่นเค็มๆ ของปลาที่ชวนสะอิดสะเอียนก็ปะทะเข้าจมูก กลิ่นของมันราวกับของเสียเหม็นชวนอาเจียนออกมา

อุบ! อึก! ข้ากระอักกระอ่วนในปาก อาหารเย็นของเมื่อวานกำลังตีขึ้นมาที่คอ จากที่คอไหลทะลักออกมาทางปาก

“อ้วกกกกกกกกกกกกก โฮกกกกกกกก” ข้าอาเจียนพุ่งออกมาด้านนอก สำไส้ด้านในบีบตัวรัด ดันอาหารทั้งหมดออกมา ดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ปริ่มออกมายามอ้าปากอาเจียน ขมับทั้งสองเต้นตุบๆ เวียนหัวขึ้นมาเสียดื้อๆ

“คุณหนูรอง เป็นอันใดรึ” เยี่ยเปาเดินตามเสียงอาเจียนมาถึงเรือนไม้ขนาดย่อม หรือศาลาขนาดเล็กข้างบ่อน้ำที่เอาไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจในสวน มองเห็นไป๋ซิงหนี่ว์กำลังโก่งคออาเจียนออกมาไม่หยุด

“ข้าแค่อาหารมิถูกปากเท่านั้น...อ้วกกกกกกก” ข้ากล่าวตอบ รีบก้มหน้าลงกระโถนไปอาเจียนต่อ

“ข้าจะไปบอกบ่าวให้ตามหมอมาให้ดีหรือไม่” เยี่ยเปากล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง อย่างไรเสียน้องภรรยาก็เปรียบเสมือนน้องตนเอง เขาควรสอดส่องดูแลนางเสียหน่อยยามที่ภรรยาไม่อยู่ในคฤหาสน์

“รบกวนท่านด้วย” ข้าก้มหัวขอบใจพี่เขยเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงกระโถนต่อ

เมื่ออาเจียนจนหมดแรงจึงเงยหน้าขึ้นมานั่งเอนหลังหายใจหอบ ไม่รู้ว่าพี่เขยไปตอนไหน เมื่อครู่นี้หลับหูหลับตาอาเจียนออกมาอย่างเดียว ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยสักนิด

ข้ายกมือขึ้นกุมหน้าอกตนเองเอาไว้ กะพริบตามองภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจน เพราะยามนี้ทั้งหูทั้งตาเบลอไปหมด หากลุกขึ้นยืนเดินกลับเรือนมีหวังต้องหน้ามืดเป็นลมลงไปเป็นแน่

เรือนเหมย

ข้าเดินกลับเรือนมาอย่างทุลักทุเล ทิ้งตัวนั่งลงบนตั่งในห้องโถง ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ซึมไหลออกมาตรงหน้า แล้วรับน้ำชาจากสาวใช้คนเดิมที่รีบร้อนนำเข้ามาให้

“มิสบายหรือเจ้าคะ ดื่มชาสักหน่อย” สาวใช้เอ่ยถามคุณหนูด้วยความเป็นห่วง

“แค่เพียงเวียนหัวมวนท้อง เจ้าไปทำงานอื่นต่อเถิด นั่งพักประเดี๋ยวก็ดีขึ้น” ข้าไล่นางออกไป เพราะอยากอยู่ผู้เดียว คร้านจะมานั่งสนทนาตอบคำถามอีก แค่นั่งเฉยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยมากพอแล้ว

“ประเดี๋ยวก่อน เจ้าไปหยิบกระโถนมาวางให้ข้า!” ข้าตะโกนสั่งก่อนที่นางจะเดินจากไป ยามนี้มีอาการพะอืดพะอมในคอคล้ายกับว่าจะอาเจียนออกมาอีกรอบ

“ข้าจะรีบนำมาให้เจ้าค่ะ” สาวใช้ก้มหน้าลงเล็กน้อย ครุ่นคิดถึงอาการของคุณหนูตนเองด้วยความสงสัยในใจ

ข้านั่งพะอืดพะอมดมยาหอม ล้างปากด้วยน้ำชา นั่งเอนหลังพักให้หายเวียนหัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เคยมีสุขภาพดี นอนหลับสนิทอย่างเป็นสุขทุกคืน ต้องมาสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอย่างผวา เพราะไม่อาจหยุดคิดถึงเรื่องเลวร้ายนั้นลงได้เลยสักนิดเดียว แม้กระทั่งตอนหลับ

มันบั่นทอนสภาพจิตใจทำให้ข้าหวาดระแวง หากมีใครล่วงรู้เข้า มิพ้นต้องเอาไปนินทาให้อับอายเสียเกียรติ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีบุรุษใดจะเข้ามาขอ ไม่มีทางที่พวกเขาจะแต่งสตรีที่มีมลทินเข้าไปเป็นฮูหยินได้นอกจากอนุภรรยาเท่านั้น หมดสิ้นแล้วอนาคตที่วาดฝันไว้

เรื่องนี้ต้องเก็บเอาไว้ลึกสุดใจ ไม่กล่าวแพร่งพรายให้ผู้ใดฟัง ความผิดพลาดครั้งนี้จะมีข้าเพียงผู้เดียวที่รับรู้ และไม่หวังให้บุรุษเช่นคุณชายจิ้นมารับผิดชอบใดๆ ในชีวิต

อุบ อึก! นั่งพักไปได้เพียงครู่เดียวพลันก็คลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาอีกรอบ ข้ารีบยกกระโถนที่สาวใช้นำมาวางไว้ให้ขึ้นมาจ่อปากแล้วอาเจียนออกมาเป็นน้ำ

ส่วนไป๋มี่อิงที่เดินทางไปรับไป๋จิวเซียน ฮูหยินรองของนางที่เมืองกุ้ยฉิน ก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลไป๋ และยังรับรู้เรื่องโหดร้ายที่สหายคนสนิทของนางได้ทำการล่วงเกินน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เลี้ยงดูมาอย่างดี

นางให้หูทิพย์ตาทิพย์สวรรค์ที่อยู่ใต้คำบัญชาของผู้นำหอหลิวลี้เช่นนางไปตามสืบความมาจนกระจ่าง หอหลิวลี้นี้เป็นหออันดับหนึ่งในยุทธภพ ขายข่าวให้ผู้คนที่อยากทราบสิ่งที่ตนเองมิอาจทราบได้นั่นเอง จึงเป็นเรื่องง่ายอย่างมากที่จะตามสืบหาคนร้ายที่แอบเข้ามาในเรือนเหมยคืนแต่งงานของนาง และข่มเหงไป๋ซิงหนี่ว์

ไป๋มี่อิงเดินเข้ามาในเรือนเหมย สิ่งแรกที่นางพบเห็นนั่นคือ ไป๋ซิงหนี่ว์กำลังยกกระโถนขึ้นมาอาเจียนเสียงดัง ดวงหน้างามที่เคยอมชมพูสุขภาพดี มีเลือดฝาด มีรอยยิ้ม และนัยน์ตาสดใส บัดนี้กลับซีดขาวลงราวกับผ้าฝ้ายสีขาว ดวงตาหม่นหมองไร้ความสุข

“เม่ยเหม่ยมิสบายรึ...เจ้าให้บ่าวไปตามท่านหมอมาหรือยัง” ไป๋มี่อิงกล่าวพลางเดินไปนั่งบนตั่งตัวเดียวกับไป๋ซิงหนี่ว์ พลางลูบหลังมือน้องสาวอย่างเบามือ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 2

    รอดในเมืองหลวง คอยส่งข่าวให้พวกที่หนีรอดไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการที่อาจจะบรรลุผลได้เช่นกัน“สั่งงานเช่นนี้หมายความว่าวันพรุ่งท่านจะไม่เข้าวังหลวงหรือขอรับ” ผู้ช่วยเขาเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้นฝานปรายตาไปมองผู้ช่วยของเขาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วกล่าวออกไปเสียงเนือยๆ“เข้าไปยามบ่าย แต่ก็จัดการตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อน คัดคนของเราที่พอจะคล้ายพวกมันมา”ตอนเช้าเขาต้องไปดูความคืบหน้าของเรื่องโรคระบาด ที่คฤหาสน์อวี้เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับกลุ่มคนที่เขาจัดขึ้นโดยเฉพาะ จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องเข้าไปดูงานในวังหลวงต่อนับว่าเป็นปีที่เขาเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ดีหน่อยพอกลับเรือนซือซือ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปหมดสิ้น ที่นั่นคล้ายกับยาชูกำลังอย่างไรอย่างนั้น“ได้เลยขอรับ” ผู้ช่วยเขากล่าว และเข้าไปจัดการงานเบื้องหน้าต่อ ต้องเก็บกวาดสถานที่นี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นจิ้นฝานมองรถม้าที่เขานั่งมาตอนเย็น สภาพดูไม่จืด ล้อหลุดออกหนึ่งข้าง ด้านข้างมีรอยดาบฟันเข้าไปลึกอยู่มาก ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ยามนี้ไม่เป็นเขาก็เป็นคุณหนูรองที่ได้รับบาดเจ็บแทน ดีที่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 1

    ๑๕แผนการของคนซื่อม้าสีดำตัวใหญ่ก้าวเดินเป็นจังหวะไม่ช้า และไม่เร็วเกินไป เดินผ่านม่านหมอกเย็นๆ ไปตามเส้นทางของถนนที่ทอดยาว สายลมที่พัดทำให้หมอกลอยคลุ้งกระจาย คนทั้งสองไม่อาจคาดเดาว่าเป็นหมอกที่เกิดจากอะไรอาจจะเกิดจากอากาศที่เย็นลง หรือไอร้อนระเหยของพื้นถนน มันอาจจะลอยมาจากการเผาฝืนแก้หนาวของชาวบ้านก็ได้ คนทั้งสองจมูกเย็นเกินกว่าจะได้กลิ่นควันเหล่านี้ อากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ นั่งกอดกันบนหลังม้าคงจะอุ่นกายอุ่นใจไม่น้อยช่วงเวลาแห่งการสร้างสายใยความสัมพันธ์นี้ที่ได้ถักทอขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลจิ้นจิ้นฝานลงจากหลังม้า และไม่ลืมที่จะยื่นแขนขึ้นไปรับฮูหยินของเขาลงมาด้านล่าง จัดแจงจับเสื้อคลุมที่บิดเบี้ยวไปด้านข้างของนางให้เข้าที่เรียบร้อย“จมูกไม่หายแดงเสียที” เขากล่าวบ่นขึ้น หลุบตามองปลายจมูกของนาง “ก็อากาศมันหนาวนี่เจ้าคะ” ข้าเบี่ยงตาไปมองทางอื่น บอกตามตรงทำตัวไม่ถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งถูกขโมยจูบ ตลอดทางพวกเราทั้งสองก็นั่งเงียบมาตลอดไม่มีการสนทนาใดๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นอีกทั้งข้ายังใจง่ายยอมให้เขากอดเช่นนั้นโดยไม่บ่น โดยไม่ว่าเลยสักคำเดียว น่าโมโหตัวข้าเองยิ่งนั

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 13

    “มีอันใดรึเจ้าคะ”“มี ลองแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน” จิ้นฝามก้มหน้าลงตอบนาง“แหงนหน้าหรือ” ข้าเอ่ย แล้วทำตามที่เขาบอกมองภาพด้านบนนี้ มีริ้วสีขาวพร่างพราวลงมา ท่ามกลางพระจันทร์สีนวล นับว่าแปลกนัก วันใดที่หิมะตกไม่มีทางที่จะมองเห็นพระจันทร์ได้ มันช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งเงาดำเริ่มคืบคลานบดบังสายตาของข้า แทนที่ด้วยใบหน้าคุณชายจิ้น ไออุ่นสีขาวที่พ่นออกมาทางจมูก รดลงมาที่หน้าของข้า ความรู้สึกนี้เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงแค่พวกเราทั้งสองคนเท่านั้น ที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเมื่อหายใจเข้ารอบที่สามในขณะที่เราทั้งสองสบตากันนั้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาอย่างนุ่มนวล และแผ่วเบามันรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ตรงริมฝีปากข้าเอง หนวดที่ขึ้นตอสีเขียวถูลงที่คาง และมือของเขาประคองที่หัวข้าเอาไว้เป็นการจูบที่แตะลงมาเท่านั้น และนิ่งค้าง พอๆ กับความรู้สึกที่ตกใจ และตกตะลึงกับสัมผัสนี้จิ้นฝานวางปากประทับลงอยู่นานหนึ่งอึดใจ แล้วดึงหน้ากลับมาเลียริมฝีปากด้วยเอง พลางขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย“ทำไมปากท่านถึงหวาน”“ข้า... ข้าดื่มข้าวหมักนํ้าผึ้งมา” ข้าตอบพลางหายใจหอบ แต่ทว่ามือของคุณชายจิ้นยังประคองเอาไว้ที

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 12

    อี๋เสี่ยวควนคั่วได้ยินล่ามแปลประโยคที่จิ้นฝานกล่าวก็ยิ่งขบขันเข้าไปใหญ่ แบบนี้ในเผ่าของเขาเรียกว่ากลัวภรรยา แต่ถ้าเสนาบดีจิ้นเอ่ยออกมาเช่นนี้เขาก็จะเชื่อว่าแค่เกรงใจนางเท่านั้นเมื่อคิดเช่นนั้นก็หันไปมองโต้วตู่จื่อที่นั่งอยู่ เห็นตัวเล็กบอบบางคงจะร้ายไม่น้อยตอนอยู่ที่บ้าน ถึงกับทำให้บุรุษที่ขึ้นชื่อเป็นพยัคฆ์คู่ฝ่ายขวาของแคว้นซิ่นหมอบลงได้งานเลี้ยงดำเนินไปจนจบลง จิ้นฝานสั่งการลูกน้องตัวเองสองสามประโยค จากนั้นถึงจะเดินไปรับฮูหยินน้อยที่ยืนรํ่าลาเหล่าฮูหยินทั้งสามคน ก่อนจะหมุนกายกลับมาหาเขาสีหน้าของนางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏให้เห็นมีเพียงคิ้วได้รูปที่กดตํ่าลงเหมือนไม่ชอบใจอะไรในตัวเขาขณะนี้“ฮูหยินน้อยมานี่มา” จิ้นฝานเอ่ยเรียกนาง ยื่นมือออกไปด้านหน้ารอให้นางจับ“…….” ข้ามองหน้าคุณชายจิ้น เหตุใดต้องให้สาวงามใช้ซาลาเปาคู่มานั่งถูไถได้หน้าตาเฉย เขามียางอายบ้างหรือไม่!ดูท่าโต้วตู่จื่อนี้จะดื้อเอาเรื่อง จิ้นฝานมองไป๋ซิงหนี่ว์อย่างอ่อนใจ และเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่ว“ขากลับจะควบม้ากลับกัน แต่ว่าข้าขอเสื้อคลุมของท่านได้หรือไม่ เอาไว้จะหาซื้อตัวใหม่มาคืนให้”“ข้าไม่เข้าใจ..

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 11

    “นํ้าข้าวหมักนํ้าผึ้งนี้ ได้ยินขันทีกล่าวว่าเผ่าอิงคาขนมา” ฮูหยินหลันกล่าว พลางยกขึ้นจิบรสชาติหวานปลายลิ้นของมันในแก้ว“รสชาติเป็นเช่นไรบ้างฮูหยินหลัน” ฮูหยินที่นั่งด้านทางขวาเอ่ยถาม“รสชาติดี กินง่ายเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันเอ่ยตอบ“นํ้าข้าวหมักนี้กินแล้วเมาหรือไม่” ถึงตาข้าเอ่ยถามบ้าง อยากจะลองกิน แต่กลัวจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว“ไม่เมาเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันหันไปตอบอย่างมั่นใจข้ามองสีหน้าของฮูหยินหลันอย่างชั่งใจอยู่มาก อะไรหมักๆ ไม่อยากกินเข้าปากเลย แต่กลิ่นมันหอมข้าวอ่อนๆ จะไม่ลองก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอาได้ มิใช่ว่าจะหาดื่มของแปลกต่างถิ่นได้เช่นนี้ ว่าแล้วก็ค่อยๆ จิบตามที่คุณชายจิ้นบอกเอาไว้ละกันเสียงกลองแผ่วลง พวกนางรำของเผ่าอิงคาก็เข้าไปนั่งลงตามโต๊ะขุนนาง และบุรุษในงานเลี้ยง ข้ามองตามสะโพกงอนงาม ตามจังหวะการก้าวเท้าเดินไปด้วยของพวกนางแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามหนึ่งในนั้นดวงหน้าคมเข้ม เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณชายจิ้นจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบจอกสุราขนาดใหญ่รินลงไปให้เขา แล้วยื่นขึ้นไปป้อนถึงปาก ข้าหรี่ตาลงมองให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อจิ้นฝานหลุบตาลงมองจอกสุราส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 10

    “ฟางซายจือ เหลียงเหลง หวู่ต้าตั๋ว ดานตรง ซีจงจึ่ย ฮ่างซี” อี๋เสี่ยวควนคั่วตอบออกไป พร้อมกับชูจอกสุราสีทองให้จิ้นฝาน“ท่านอี๋เสี่ยวกล่าวว่า ดีมาก แต่ขาดการระบำ และสาวงาม แต่สุรานี้อร่อยถูกปากเขานัก” ล่ามภาษาได้แปลออกมาให้ท่านเสนาบดีจิ้นฟัง“บอกเขาว่าไม่นานเกินรอ” จิ้นฝานเอ่ยขึ้นต่อ“จางไจ่ บู่ลู่” ล่ามหันไปแปลให้อี๋เสี่ยวควนคั่วฟังอย่างรวดเร็วอี๋เสี่ยวควนคั่วที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตบหน้าตักตัวเองไปหนึ่งที แล้วกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของแผ่นดินหยวนโปวที่เขาพอจะรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เก่งจนสนทนากันได้อย่างเข้าใจ และฉะฉาน“เยี่ยม เยี่ยม!”จิ้นฝานพยักหน้ารับอี๋เสี่ยวควนคั่ว หันไปมองกลุ่มคนพิเศษ ที่เขาจัดขึ้นมาเพื่อหาวิธียุติโรคระบาดชายแดน หนึ่งในนั้นก็มีเจิ้งหรินอี้ด้วยเช่นกัน กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองฮูหยินน้อยของเขาว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหนเขามองเห็นสาวงามเด่นสะดุดตา เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ฟูฟ่อง กำลังยืนสนทนากับสตรีนางอื่นอีกสี่คน แล้วยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะน้อยๆ ออกมา“ยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ที่ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งที่แล้วข้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status