Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่41สนทนาพาที

Share

ตอนที่41สนทนาพาที

last update Last Updated: 2025-09-04 18:33:49

เซิ่งซื่อใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดกดดันที่แผ่คลุมอยู่ภายในห้อง หากแต่นางยังฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าสายตาใครจะจับจ้องมายังนางอย่างไร นางก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธ

หลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในจวนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าสามีเริ่มมีท่าทีที่ผิดแผกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคย นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับอวี้หลัน ทว่าเขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้นางทั้งหวาดระแวงและไม่อาจวางใจได้ ความเงียบของเขากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

นางรู้ดีว่าคนอย่างอวี้จิ้งไม่ใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องใดไปโดยไม่คิดสืบหาความจริง ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกล่อได้ง่ายนัก และยิ่งเงียบก็ยิ่งน่าหวาดกลัว

แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพอจะเบาใจอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดหลานชายของนางก็กลับมาอย่างปลอดภัย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้ถูกสาวมาถึงตัว

ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม นางเพียงต้องระวังตัวให้มากพอ และฉลาดพอที่จะไม่ถามถึงรายละเอียดให้มากความ สิ่งที่ไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่รู้ นางก็เลือกจะซ่อนไว้ลึกสุดใจ ไม่ให้แม้แต่น้ำเสียงหรือแววตาเผลอเผยพิรุธออกมา

"วันนี้เป็นวันมงคลของหลันเอ๋อร์ ข้าเลยให้คนไปซื้อขนมชนิดนี้มาตั้งแต่เช้าเจ้าค่ะ ได้ยินว่าเป็นของหายาก เป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ ถึงกับต้องต่อแถวรอกันเลยทีเดียว"

เซิ่งซื่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน รอยยิ้มบนใบหน้าดูละมุนละไมพอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไปจนดูเสแสร้ง และไม่น้อยเกินไปจนคล้ายเย็นชา ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้บ่าวรับใช้นำขนมหน้าตาน่าทานวางลงบนโต๊ะ

"ว่ากันว่ากินคู่กับน้ำชาเข้ากันดีนัก ทุกคนลองชิมดูสิเจ้าค่ะ"

นางกล่าวพลางรินน้ำชาให้กับทุกคนด้วยท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง

"หลันเอ๋อร์ ลองกินดูว่าชอบหรือไม่"

เสียงหวานเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ น้ำเสียงแฝงความเอ็นดู นางทำทุกอย่างแนบเนียนจนยากจะหยั่งถึงความรู้สึกภายใน

"กำลังพูดคุยเรื่องใดกันอยู่หรือเจ้าคะ ข้ามิได้เข้ามารบกวนหรอกกระมัง"

เซิ่งซื่อเอ่ยถามพลางหัวเราะเบาๆ แล้วหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ว่างด้านข้างอวี้เฉิน สายตากวาดมองผู้คนบนโต๊ะคล้ายมองผ่านๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีแม้เสี้ยวอารมณ์ใดบนใบหน้าของพวกเขาที่รอดพ้นสายตาของนาง

อวี้หลันนั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะ ดวงตาเรียบสงบ ริมฝีปากคลี่รอยยิ้มจางๆ แทบจะไม่สะท้อนความรู้สึกใดออกมา อดไม่ได้ที่จะชื่นชมหญิงผู้นี้ในใจ

ตีสองหน้าได้แนบเนียนถึงเพียงนี้...ช่างหาได้ยากยิ่ง

อวี้จิ้งเหลือบตามองภรรยาของตนแวบหนึ่ง ภายนอกยังคงสงบนิ่ง ราวกับมิได้รับรู้สิ่งใด ทว่าภายในอกกลับคล้ายถูกไฟสุม ลามเลียราวกับจะเผาผลาญหัวใจให้มอดไหม้

ยอมรับว่าเขาไม่อาจมองสตรีข้างกายได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หลายวันมานี้จึงเลือกที่จะหลบเลี่ยงการพบหน้ากับนางโดยตรง

สตรีที่เขาเคยไว้ใจ ผู้ที่เคยนอนร่วมหมอน พูดคุยทุกเช้าเย็น อยู่เคียงข้างกันมาเกือบยี่สิบปี กลับกลายเป็นผู้ลงมือกับบุตรของเขาอย่างเลือดเย็น

และที่เลวร้ายกว่านั้น…นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสตรีที่เขารักที่สุดในชีวิต

เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดเจ็บปวดยิ่งกว่ากัน ระหว่างความจริงอันโหดร้ายที่ได้รับรู้ หรือความจริงที่ว่าตน เป็นคนดึงนางเข้ามาในชีวิต ดึงนางเข้ามาทำลายครอบครัวของตัวเอง

มือของอวี้จิ้งยังคงวางสงบอยู่บนตัก สายตาไม่แม้แต่จะไหววูบให้ใครจับพิรุธได้ ทว่าภายในอกกลับตีบแน่นเสียจนหายใจไม่ออก จุกลึกอยู่ที่กลางทรวง ความคับแค้นแผ่ซ่านไปถึงกระดูกจนเจ็บชา

ได้แต่กดข่มทุกอย่างไว้ในใจ หันเหความสนใจของตัวเอง มิให้เผลอลุกขึ้นมาสังหารนางเสียเดี๋ยวนี้

เขารู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลา และยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการ

อวี้จิ้งเบนสายตาหันมองผู้สูงศักดิ์และบุตรสาว เพียงเท่านั้น…จิตใจที่เต็มไปด้วยความคับแค้น ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นร้อนรน ความรู้สึกบางอย่างในฐานะบิดาพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที คงมีแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่จะดึงความสนใจของเขาเอาไว้ได้

สายพระเนตรขององค์ชายใหญ่ที่ทอดมองบุตรสาวของตน ทำให้อาการหวงบุตรสาวกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

"พวกเรากำลังระลึกถึงอดีตกันอยู่เท่านั้น"

อวี้จิ้งเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่กดทับภายในห้อง เขาหรี่ตามองผู้สูงศักดิ์ ครู่หนึ่งก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"ความสัมพันธ์ขององค์ชายใหญ่กับอาเหยา นับว่าเปรียบเสมือนกับพี่น้อง พระองค์เมตตาเอ็นดูบุตรทั้งสองของนาง ก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง"

ถ้อยคำนั้นดูคล้ายชื่นชม ทว่ากลับซ่อนบางอย่างอยู่ในน้ำเสียง 

รองเสนาบดีใหญ่เอียงศีรษะมองบุตรชาย พร้อมทั้งเอ่ยถามหาแนวร่วมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"อวี้เฉินเองก็เคารพนับถือพระองค์เสมือนบิดาอีกผู้หนึ่ง ใช่หรือไม่ อาเฉิน"

"ขอรับท่านพ่อ"

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน รีบหันมายิ้มแป้นให้บิดาโดยไว สายตาพราวระยับราวจิ้งจอกน้อยที่รู้ทันทุกอย่าง ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ผู้เป็นนายด้วยท่าทางคล้ายจะนอบน้อม แต่หลังจากนั้นก็ต้องหัวเราะแหะๆ ยกมือขึ้นเกาศีรษะ เมื่อผู้เป็นนายหันมาถลึงตามองด้วยสายตาคาดโทษ

หลี่เหวินหลงจิ๊ปาก มองเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ตาวาว

เจ้าเด็กบ้านี่

ช่างตลบตะแลงยิ่งนัก ใครกันเคยเอ่ยว่าเคารพรักเขาดุจพี่ชาย มาวันนี้ยกเขาให้เป็นบิดาเสียแล้ว

อวี้จิ้งกระแอมเบาๆ สีหน้าเรียบเฉย ทว่าหากมองลึกลงไปจะเห็นว่าเขาเกือบกลั้นยิ้มไม่อยู่ จากนั้นก็เบนสายตามองไปยังบุตรสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม แววตานั้นแฝงความคาดหวังไว้อย่างไม่ปิดบัง

"หลันเอ๋อร์เองก็เคารพนับถือพระองค์เช่นกัน ใช่หรือไม่"

อวี้หลันคลี่ยิ้มบางเบา มองสบตากับผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเหลือบมองบุรุษที่เอาแต่จับจ้องมองนาง สายตาคู่นั้นแฝงความหมายที่นางไม่อาจทำเป็นไม่รับรู้  

นางหันมองบิดาทีหนึ่ง มองบุรุษผู้นั้นทีหนึ่ง สีหน้ายังอ่อนโยนเช่นเดิม หากแววตากลับมีความอ่อนอกอ่อนใจบางเบาไว้ สายตาคาดหวังของบิดาทำใจนางอ่อนยวบ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นพ่อที่แย่นัก คงหวังเพียงอยากให้นางมีที่พึ่งที่มั่นใจได้

แล้วกับองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงเล่า นางคิดกับเขาเช่นไร

นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใด และมีความรู้สึกเช่นไรกับนาง แม้นางจะหวั่นไหว ไม่ได้รังเกียจเขา และชื่นชมเขาไม่น้อย

แต่...ชื่นชมก็ส่วนชื่นชม นางยังตั้งมั่นในความคิดเดิมว่าไม่คิดที่จะแต่งงาน ไม่ปรารถนามีครอบครัว

ตอนนี้เขายังรักและสนใจนาง แล้วต่อไปเล่า 

ความรักระหว่างชายหญิงนั้น สำหรับนางคือสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน และนาง…ไม่เคยเชื่อในความรัก

อีกอย่างร่างนี้เพิ่งจะสิบห้าปีเท่านั้น หากเป็นในยุคเดิมของนางก็ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมต้นเท่านั้น เขาโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แน่!

นี่มันเข้าตำรา โคแก่อยากเคี้ยวหญ้าอ่อนชัดๆ

ความคิดนั้นแล่นวาบขึ้นมาก็ชวนให้นางรู้สึกประดักประเดิดอยู่ในอก แม้สัดส่วนร่างกายภายนอกจะเติบโตเต็มวัย จิตวิญญาณที่รวมอยู่ภายในจะไม่ใช่น้อยๆ แล้วก็ตามที

"เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านพ่อ และหากองค์ชายใหญ่ไม่รังเกียจ หม่อมฉันก็อยากจะเรียกพระองค์ว่า ท่านอา เสียด้วยซ้ำ พวกเราจะได้ยิ่งดูสนิทสนมกันมากขึ้น"

ฮ่าฮ่าฮ่า!

เสียงหัวเราะของรองเสนาบดีอวี้ดังขึ้นทันควัน สีหน้าชัดเจนว่าคำตอบนั้นถูกอกถูกใจเป็นอย่างยิ่ง

หลี่เหวินหลงถึงกับสะอึกกับคำตอบของนางในดวงใจ ทว่าเขากลับไม่สลด วาจาเย้าหยอกแฝงความหมาย และแววตากรุ้มกริ่มจึงถูกส่งไปให้โฉมงาม

"ข้ามีคำเรียกขานที่สนิทสนมยิ่งกว่านั้นอีก"

พระสุรเสียงทุ้มนุ่มเปล่งออกมา 

"เจ้าอยากจะเรียกดูหรือไม่...หลันเอ๋อร์"

พรวด! แค่ก! แค่ก! แค่ก!

อวี้เฉินที่กลั้นขำไม่อยู่กับใบหน้าเหวอๆ ของผู้เป็นนาย หลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากพี่สาวของตน เขาจึงยกน้ำชาขึ้นจิบ หวังจะใช้จอกชาปกปิดรอยยิ้มขบขัน เพื่อไว้หน้าผู้เป็นนาย 

ไม่คิดเลยว่าองค์ชายใหญ่ที่เขารู้จักจะหน้าหนาได้ถึงเพียงนี้ คำพูดของอีกฝ่ายทำเขาถึงกับสำลัก น้ำชาที่พึ่งดื่มเข้าไปพุ่งออกมาเป็นสาย และมันยังพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเซิ่งซื่อเต็มๆ 

อวี้เฉินวางจอกชาอย่างลนลาน ลุกพรวดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไล่จากลำคอขึ้นไปถึงใบหู

"อ่า ขออภัยฮูหยิน ข้ากลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ"

เซิ่งซื่อที่ไร้ตัวตนในวงสนทนาอยู่นาน ตอนนี้ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ นางกัดฟันแน่นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา ยิ้มที่ดูเหมือนจะข่มกลั้นเต็มความสามารถ ก่อนจะค่อยๆ ยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำบนใบหน้า

"ไม่เป็นไร" 

นางเอ่ยเสียงอ่อนจนแทบไม่ได้ยิน

"เช่นนั้นข้าขอตัวไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนนะเจ้าคะ จะได้ถือโอกาสเข้าไปดูบ่าวในครัวเสียหน่อย นี่ก็ใกล้เวลาอาหารแล้ว"

เสียงของเซิ่งซื่อที่เอ่ยออกมาฟังดูหวานหูนัก ขณะที่ช้อนสายตามองดูสามี หากแต่น้ำเสียงนั้นสั่นระริกอย่างยากจะปิดบัง แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจแม้เสี้ยวของอาภรณ์ที่เปียกชุ่มของภรรยาอย่างนางเสียด้วยซ้ำ ว่าแล้วเซิ่งซื่อก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที ราวกับเกรงว่าหากอยู่นานกว่านี้นางจะเผลอระเบิดอารมณ์ออกมา

อวี้เฉินยกจอกชาขึ้นจิบอีกคำอย่างเนียนๆ ขณะสายตายังคงมองตามแผ่นหลังของเซิ่งซื่อ มุมปากกระตุกยิ้มเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายลับสายตา เขาก็หันกลับมามองทุกคนในห้อง แล้วก็หยุดอยู่ที่ใบหน้ามืดครึ้มของผู้เป็นบิดา จากนั้นก็ถอนใจออกมาอย่างแผ่วเบา

เห้อ! บิดาของเขา แพ้อีกตามเคย

อวี้จิ้งยังคงไม่สนใจสิ่งอื่นใด สายตาของเขาเอาแต่จ้องเขม็งไปยังบุรุษไร้ยางอายที่ยังนั่งสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า หนวดเหนือริมฝีปากกระตุกถี่จนแทบจะสะบัดออกมา นัยน์ตาคล้ายจะลุกเป็นไฟอยู่รอมร่อ

แต่หลี่เหวินหลงกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขาขยับยิ้มบางเบาอย่างเป็นธรรมชาติ สายตาสบกับดวงตาของว่าที่พ่อตาในอนาคตที่ราวกับจะถลกหนังเขา

อวี้หลันมองบุรุษต่างวัยทั้งสอง ที่กำลังห้ำหั่นกันด้วยสายตา พลางกะพริบตาปริบๆ นางราวกับกลายเป็นคนโง่งมไปชั่วขณะ เหลือบตามองอวี้เฉินที่นั่งอีกฝั่งหนึ่ง เห็นน้องชายตนกำลังอมยิ้มพลางเคาะจอกชากับโต๊ะเบาๆ สีหน้าราวกับกำลังชื่นชมการต่อสู้ก็ไม่รู้ว่าจะขำหรือจะโกรธดี

บุรุษเหล่านี้ไร้สาระจริงๆ

อวี้หลันคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่43ผู้มาเยือน

    "หลันเอ๋อร์ ขอเวลาข้าสักครู่ได้หรือไม่"เสียงทุ้มต่ำขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ทว่าแฝงแววเว้าวอนลึกซึ้ง เขาก้าวขวางเบื้องหน้าในจังหวะที่อวี้หลันหมุนกายจะจากไป หยุดยั้งฝีเท้าเรียวอย่างไม่เปิดโอกาสให้นางหลบเลี่ยงสายตาคมกริบทอดมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้ ความคาดหวัง ความลังเล และความเจ็บปวดสลักทับซ้อนในแววตาคู่นั้นราวกับเพียงคำตอบหนึ่งคำจากนาง จะสามารถปลดปล่อยหรือขังเขาไว้ตลอดกาลอวี้หลัน..หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นในวัยเยาว์ของเขา หญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าจะได้ครอบครองและปกป้องแต่ตอนนี้นางกลับไกลจากเขาออกไปทุกทีข่าวลือที่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งเฉย จนต้องมาปรากฏตัวที่นี่ ยิ่งเมื่อได้เห็น ปิ่นปักผม ที่ปรากฏอยู่บนมวยผมของนาง ดวงตาของเขายิ่งแข็งกร้าวปิ่นนั่นหลี่เหวินหลงผู้เป็นพี่ชายหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมอบให้ใครง่ายๆ นอกจากผู้ที่เขา "หมายปอง" อย่างแท้จริงหลี่จื้อหยวนกำมือแน่น ความรู้สึกในใจร้อนรนแทบระเบิดออกมา แต่กลับไม่เอ่ยอันใด นอกจากสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดกล่องเครื่องประดับในมือออก ยื่นไปตรงหน้าอีก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่42คนว่างงาน

    มาอีกแล้ว คนผู้นี้ว่างงานนักหรืออย่างไรอวี้จิ้งทอดถอนใจยาวตั้งแต่ยังไม่ทันได้จิบชาเช้า ใบหน้านิ่งขรึมเต็มไปด้วยริ้วรอยของความอดกลั้น และกลิ่นอายของความหงุดหงิดปนเวทนาในชะตากรรมของตนรุ่งเช้า ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก คนก็มาเยือนถึงหน้าจวนเสียแล้ว"หากไม่มีงานการทำ เหตุใดถึงไม่กลับแดนเหนือไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"อวี้จิ้งได้เพียงบ่นอยู่ในใจ ฟันกรามกัดแน่นจนขมับเต้นตุบๆ ขณะลุกจากที่นั่ง เดินออกไปต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ แขกที่เหมือนจะกลายเป็นสมาชิกประจำบ้านเข้าไปทุกทีองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ยืนตระหง่านราวขุนเขาเช่นเคย ท่าทีสงบนิ่ง เยือกเย็นประหนึ่งนักปราชญ์ผู้สูงส่ง ทั้งที่ความจริงแล้วก็แค่คนไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทนผู้หนึ่ง ที่ทำเอาเจ้าบ้านอย่างเขาแทบกระอักเลือดตาย เมื่อวานกว่าจะต้อนคนส่งกลับได้ก็เล่นเอาเขาแทบจะหัวหลุดจากบ่าอยู่หลายครั้ง"องค์ชายใหญ่มาตั้งแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"อวี้จิ้งเอ่ย พลางฉีกยิ้มบางๆ ที่คล้ายรอยยิ้มของเสือเฒ่ากำลังข่มอารมณ์ แฝงไว้ด้วยคำว่า ‘เจ้าว่างนักหรือ’ ขณะทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท"ใต้เท้าอวี้ พบหน้าข้าแล้วยินดีถึงเพียงนี้เชียว"หลี่เหวินหลงยิ้มรับสีหน้าระร

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่41สนทนาพาที

    เซิ่งซื่อใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดกดดันที่แผ่คลุมอยู่ภายในห้อง หากแต่นางยังฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าสายตาใครจะจับจ้องมายังนางอย่างไร นางก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธหลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในจวนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าสามีเริ่มมีท่าทีที่ผิดแผกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคย นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับอวี้หลัน ทว่าเขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้นางทั้งหวาดระแวงและไม่อาจวางใจได้ ความเงียบของเขากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งนางรู้ดีว่าคนอย่างอวี้จิ้งไม่ใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องใดไปโดยไม่คิดสืบหาความจริง ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกล่อได้ง่ายนัก และยิ่งเงียบก็ยิ่งน่าหวาดกลัวแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพอจะเบาใจอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดหลานชายของนางก็กลับมาอย่างปลอดภัย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้ถูกสาวมาถึงตัวทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม นางเพียงต้องระวังตัวให้มากพอ และฉลาดพอที่จะไม่ถามถึงรายละเอียดให้มากความ สิ่งที่ไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่รู้ นางก็เลือกจะซ่อนไว้ลึกสุดใจ ไม่ให้แม้แต่น้ำเสียงหรือแววตาเผลอเผยพิรุธออ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่40ศึกชิงนาง

    หลังจากพิธีปักปิ่นอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ตกเย็นก็ควรจะเป็นเวลาของคนในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้วอวี้จิ้งเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำกล่าวที่ว่าเชิญเทพมาง่าย แต่ส่งกลับไปแสนยาก ก็ในวันนี้เองรองเสนาบดีผู้มากบารมี ปลายสายตาเหลือบมองบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดออกมา เพราะแม้จะเงียบ แต่หนวดที่กระตุกอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาวาววับที่ราวกับจะพ่นลูกไฟออกมาได้ทุกเมื่อ ก็ฟ้องหมดทุกอย่างและถึงจะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายกลับยังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ หาได้รู้ถึงความผิดของตัวเอง ประหนึ่งว่าเขาคือเจ้าของเรือน มิหนำซ้ำยังทำตัวกลมกลืนอย่างยิ่งราวกับคนในครอบครัวไม่ขัดเขิน ไม่เกรงใจ ไม่ถ่อมตนกระทำตัวเหมือนเขยของบ้านข้าเข้าไปทุกทีหึ…กล้าดียังไงแน่นอนว่าอวี้จิ้งได้แต่คิดในใจเท่านั้น ไม่มีวันกล้าเอ่ยออกมาเพราะบุรุษตรงหน้านั้น หาใช่ใครอื่นไกล แต่คือ องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาอย่างยิ่ง แต่แม้จะรู้สึกไม่พอใจเพียงใด ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางฮูหยินผู้เฒ่า ซึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่39วันปักปิ่น

    แสงอรุณอ่อนในฤดูใบไม้ผลิส่องพาดแนวหลังคาเรือน บรรยากาศทั่วทั้งจวนรองเสนาบดีเต็มไปด้วยความคึกคัก ภายในเรือนใหญ่ของตระกูลอวี้อบอวลด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์บ่าวไพร่ในจวนสีหน้าสดชื่นแจ่มใส ขะมักเขม้นจัดเตรียมพิธีมงคล ข้าวของเครื่องใช้ล้วนถูกจัดเรียงตามตำราโบราณเรือนหลักของจวนอวี้ในวันนี้ถูกประดับประดาด้วยผ้าแพรไหมสีมงคล ลวดลายดอกเหมยปักดิ้นทองสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ กลิ่นหอมของชาดอกไม้ที่ลอยอบอวลในอากาศ สร้างบรรยากาศละมุนละไมวันนี้คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณหนูรองอวี้ในที่สุดวันปักปิ่นของอวี้หลันก็มาถึง พิธีในวันนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติบุตรีขุนนางฝ่ายพิธีการ เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่หรูหราและงดงามที่สุดในรอบหลายปีของเมืองหลวง อวี้หลันในชุดผ้าไหมเนื้อละเอียดสีชมพูอมทองปักลวดลายดอกโบตั๋นอย่างประณีต เนื้อผ้าไหมพลิ้วไหวรับแสงแดดอ่อนยามเช้า ปลายแขนเสื้อขลิบดิ้นทอง ชุดตัวยาวรัดช่วงเอวด้วยสายผ้าแพรสีแดงสด ด้านข้างห้อยพู่หยกล้ำค่า เงาผ้าพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ต้องลมตามจังหวะก้าวเดิน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสตรีน้อยผู้เป็นบุตรีของรองเสนาบดีหญิงสาวย่างก้าวด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมไ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่38ความจริงเริ่มกระจ่าง

    เซิ่งซื่อนั่งนิ่งอยู่ในเรือนใหญ่ของตนเอง บรรยากาศภายในเรือนที่เคยสงบร่มรื่น บัดนี้กลับอึดอัดและหนักแน่นประหนึ่งมีเงาทึบปกคลุม มือที่ถือพัดเริ่มกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แววตาเคร่งเครียดขณะฟังรายงานจากบ่าวคนสนิท เสียงนั้นเบาราวกระซิบ แต่ทุกคำกลับฟังชัดเจนยิ่งในหูของนาง"คุณหนูรองกลับมาถึงจวนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ มิได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น"คำบอกเล่านั้น ดังก้องในใจจนมือที่กำพัดเริ่มสั่นอวี้หลันกลับมาแล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรเลย"ข่าวว่า...องค์ชายใหญ่เป็นผู้ช่วยชีวิตคุณหนูรองเอาไว้ด้วยพระองค์เองเจ้าค่ะ"เสียงในห้องเงียบงันชั่วอึดใจ"องค์ชายใหญ่"เซิ่งซื่อทวนคำเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ความหวาดหวั่นคละคลุ้งในอกองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง คนผู้นี้อีกแล้วหรือพัดในมือของนางถูกบีบจนแทบจะแหลกคามือ แววตาที่เคยสั่นไหวเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวในฉับพลัน ริมฝีปากที่เคลือบชาดเอาไว้บางๆ เม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรงทั้งที่แผนการถูกวางไว้อย่างดี หลานชายที่เก่งกาจของนางไม่เคยที่จะทำงานผิดพลาด ทุกอย่างที่ควรจะจบลงอย่างเงียบงัน กลับพังครืนเพราะการปรากฏตัวของบุรุษเพียงผู้เดียวและยิ่งแย่กว่านั้น…ข่าวนี้กำลังจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status