เมื่อเธอ...คุณหนูสุดยั่ว ถูกจับมาเป็นเลขาของประธานหน้านิ่งผู้คลั่งรักอย่างไร้เหตุผล งานนี้ไม่ได้มีแค่เตียงที่สั่น...แต่เป็นหัวใจที่หวั่นไหวไปพร้อมกัน!
Voir plusเสียงไวโอลินบรรเลงแผ่วเบา แทรกผ่านหมู่เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะในค่ำคืนแห่งเกียรติยศของ ‘งานเลี้ยงรางวัลบริษัทดีเด่นแห่งปี’ — บรรยากาศภายใต้แสงไฟคริสตัลที่ห้อยระย้าเหนือเพดานโถงกว้างของโรงแรม Imperial Crest กลางกรุงเทพมหานคร ดั่งโลกอีกใบที่ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อสรรเสริญผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อำนาจ
แขกผู้มีเกียรติหลากหลายวงการต่างจับกลุ่มสนทนา ถือแก้วแชมเปญหรือไวน์แดงในมืออย่างสง่างาม บทสนทนาเต็มไปด้วยศัพท์แสงธุรกิจ แผนควบรวมกิจการ และตัวเลขที่บ่งบอกถึงศักดิ์ศรี
แม้รอยยิ้มจะดูสุภาพและเป็นมิตร—แต่ทุกสายตาที่เหลือบมองกันกลับเปี่ยมด้วยการประเมินค่า ไม่ต่างจากสนามประลองที่ทุกคำพูดล้วนมีเดิมพัน
ริมขอบฟลอร์กระจกใส แสงไฟวูบไหวสะท้อนเล่นกับเสื้อสูทสีเงินเมทัลลิกของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เขายืนสงบนิ่งท่ามกลางความเคลื่อนไหว ดั่งหมากตัวกลางกระดานที่ไม่จำเป็นต้องขยับ แต่ทรงพลังยิ่งกว่าทุกหมากที่เดินอยู่
ดวงตาสีเทาคมกริบใต้แพขนตาเรียงเส้นทอดมองไปยังเวทีด้วยท่าทีเรียบนิ่ง หากแต่แฝงเร้นความคมลึกบางอย่างที่ยากจะอ่านออก
อลิสแตร์ ราเมียส
หรือที่ใครต่อใครในแวดวงเรียกขานอย่างให้เกียรติว่า ‘คุณอลิส’ ซีอีโอหนุ่มแห่งราเมียสกรุ๊ป (Ramius Group) — กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ระดับยักษ์ที่ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ต้น ๆ ของประเทศในรอบไม่กี่ปี ด้วยกลยุทธ์ลึกล้ำและการเดินเกมที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ที่สำคัญบริษัทของเขาปีนี้เป็นตัวเต็งที่จะชนะรางวัลบริษัทดีเด่นแห่งปี
ใบหน้าคมคายของเขาถูกกล่าวขานว่าเย็นชาเกินจริงจัง แต่ไม่ใช่ด้วยความหยิ่งผยอง หากเป็นเพราะเขาเลือกจะเก็บทุกอารมณ์ไว้เบื้องหลัง และก็ไม่มีใครรู้เลยว่า—เบื้องหลังใบหน้าเรียบนิ่งคู่นั้น แท้จริงคือ เจ้าพ่อแบล็คฟิน (Blackfin) ชื่อในเงามืดของโลกธุรกิจที่หมายถึง ‘ผู้ลากเส้นชะตาให้บริษัทนับสิบ’
ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะพาไปสู่ความรุ่งเรือง...หรือความล่มสลายก็ตาม
“คุณอลิสครับ ทางฝั่งฝรั่งเศสอยากพูดคุยเรื่องดีลใหม่ของลอนดอนครับ”
เสียงนุ่มลึกของเลขาผู้ชายร่างบาง หน้าตาหวานราวตุ๊กตาพอร์ซเลนกระซิบใกล้หู ดวงตาของเขาเยือกเย็น ท่าทางสุขุมราวคนที่คุ้นชินกับการเดินอยู่ข้างมังกร
อลิสเพียงยกมือขึ้นเป็นเชิงรับรู้ ไม่เร่งรีบหรือแสดงความลังเลแม้เพียงวินาที
“บอกให้พวกเขารอที่ห้องรับรองส่วนตัว”
เสียงเขาเรียบ ราบเรียบจนน่ากลัว แต่แฝงแรงกดดันบางอย่างที่แม้แต่ผู้ฟังก็ยังต้องสะอึก
เขาหันกลับไปยิ้มสุภาพให้กับกลุ่มคู่ค้าที่เพิ่งเจรจาจบ พร้อมพยักหน้าอย่างให้เกียรติ
“ขอตัวสักครู่ครับ ผมมีเรื่องต้องไปทักทายเพื่อนเก่า”
คำว่า ‘เพื่อนเก่า’ ในประโยคนั้นฟังดูอบอุ่น ทว่าในแววตาของเขากลับแฝงนัยที่ยากจะตีความ—มันไม่ใช่ความคิดถึง หากเป็นการ ‘เตรียมปิดบัญชี’
เขาก้าวออกจากกลุ่มอย่างมั่นคง จังหวะเดินช้า ๆ พร้อมจิบไวน์จากแก้วทรงสูงในมือ
ดวงตาสีเทาคู่เดิมกวาดมองไปทั่วงาน...หาเป้าหมายที่เขาตั้งใจจะเผชิญหน้าในคืนนี้ แต่ก่อนที่ฝ่าเท้าจะก้าวย่างต่อ—บางสิ่งบางอย่างก็ดึงความสนใจของเขาไป แวบหนึ่ง—สายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับเงาร่างหญิงสาวคนหนึ่ง
ร่างบอบบางในชุดเดรสเกาะอกสีงาช้าง ความยาวเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาได้รูป ผิวขาวเนียนดั่งน้ำนมดูเปล่งประกายยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ใต้แสงไฟหรู
เธอไม่ได้สูงโดดเด่นจนเกินพอดี แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับตรึงสายตาราวกับการแสดงจากเวทีใหญ่ ทรงผมยาวสลวยถูกเซ็ตเป็นลอนคลื่นอ่อน ล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ที่งดงามจนน่าหลงใหล เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองวาวระยับดั่งเส้นไหมต้องแสง ด้านหนึ่งถูกเหน็บทัดหูเผยให้เห็นตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กที่แกว่งเบา ๆ ทุกครั้งที่เธอหันหน้า
นัยน์ตากลมโตสีเฮเซลแวววาวระยิบระยับราวน้ำผึ้งในแก้วคริสตัล จมูกโด่งเล็กเรียว กับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ยกยิ้มเพียงนิด แต่กลับทำให้ใครต่อใครใจเต้นระส่ำ
และหากมองให้ลึกลงไป—เบื้องหลังรอยยิ้มหวานนั้น แววตากลับเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์อย่างเด็กสาวที่รู้ตัวดีว่าตัวเอง "อันตรายและน่ารัก"
“เอ๊ะ นั่นหุ้นของ Suncrest ใช่ไหมคะ? น่าจะขึ้นเพราะข่าวลือ merger กับ Blue Bridge ใช่ไหมคะ?”
เสียงเธอหวานใส ออกเสียงชัดเจนทุกพยางค์ แม้จะเป็นคำพูดเชิงธุรกิจ แต่กลับฟังเหมือนคำหยอกล้อที่แฝงแววขบขัน
เธอพูดขณะเอนตัวเล็กน้อยเหมือนตั้งใจฟัง ท่าทางช่างเจรจาราวกับเจ้าหญิงในวัง แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเชิดรั้นนิด ๆ เหมือนแมวเปอร์เซียตัวหรูที่รู้ว่าตัวเองน่ารัก…และไม่มีใครควบคุมได้
“แต่...คุณลุงเคยบอกหนูนี่คะว่า Blue Bridge ไม่มีทางกล้าซื้อกิจการถ้ายังมีหนี้ก้อนนั้นอยู่”
น้ำเสียงหวานใสฟังดูไร้เดียงสา แต่เนื้อหาที่ออกจากริมฝีปากกลับเฉือนคมเสียจนชายวัยกลางคนในกลุ่มต้องหัวเราะกลบเกลื่อน บ้างก็หลบสายตา บ้างยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเพื่อลบอาการเก้อเขิน
หญิงสาวกลับยังคงยิ้มหวานอย่างไม่รู้ไม่ชี้ จิบไวน์อย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังเล่นเกมที่เธอคุมกติกาอยู่ฝ่ายเดียว
ริมฝีปากของอลิสแตร์ยกยิ้มเหยียดเพียงนิด ดวงตาคมไหววูบวาวคล้ายแฝงความเอ็นดูและขบขันในเวลาเดียวกัน
เขารู้ดี...ว่าเรื่องที่เธอพูดนั่นคือ “ข้อมูลลับเฉพาะ”
และถึงแม้เขาอยากจะฟังเสียงหวาน ๆ นั้นต่อ แต่ตอนนี้…ยังมี ‘ธุระ’ ที่สำคัญกว่า
อลิสถอนสายตาจากหญิงสาว ก่อนหันกายอย่างนุ่มนวล แววตาเปลี่ยนกลับมาเป็นความเย็นเยียบที่ไม่มีร่องรอยอารมณ์
เขาก้าวตรงไปยังโซนรับรองพิเศษ ซึ่งถูกจัดแยกออกจากพื้นที่หลักของงานเลี้ยง ภายในห้องนั้นเงียบสงบ แสงไฟสลัว ผ้าม่านทึบปิดบานกระจกอย่างมิดชิด และที่มุมโซฟาหนังแท้สีดำ—ชายวัยห้าสิบในสูทอิตาเลียนหรูนั่งรออยู่แล้ว
ฌอง บราซัวส์
หุ้นส่วนจากฝรั่งเศส ผู้ร่วมลงทุนโปรเจกต์ใหญ่ในลอนดอนกับเขา และในขณะเดียวกัน...ก็เป็นคนที่กล้าหักหลังเขา
“คุณอลิส! มาถึงแล้ว ดีจริง ๆ ผมกำลัง...”
“นั่งให้เรียบร้อย”
น้ำเสียงของอลิสดังขึ้นเรียบเฉียบจนคู่สนทนาชะงักคำพูด ฌองยิ้มฝืดเล็กน้อย มือที่เคยมั่นใจบีบแน่นกับแก้วไวน์ที่หน้าโต๊ะ
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณเข้าใจผิดอะไร แต่ทางเรา—”
“ผมเข้าใจถูกหมด”
อลิสตัดบททันควัน ดวงตาสีเทาวาววับอย่างน่ากลัว เขาเดินเข้ามาใกล้ทุกย่างก้าวราวกับแรงกดดันของอากาศรอบตัวถูกรูดต่ำลงเรื่อย ๆ
“คุณคิดว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณขายข้อมูลโปรเจกต์ Echelon ให้ฝั่งคู่แข่งในนามบริษัทลูก?”
ฌองหน้าเสีย รอยยิ้มหลุดหายไปในพริบตา
“ผม...ผมแค่...”
“คุณแค่ขายผม แลกเงิน และคิดว่าผมจะปล่อยผ่าน”
น้ำเสียงของเขานิ่งมาก...นิ่งเสียจนเหมือนใบมีดที่เพิ่งลับคมเสร็จ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปโดยไม่หันหลัง
เลขาหนุ่มหน้าหวานที่เดินตามหลังเงียบ ๆ ยื่นซองเอกสารมาให้อย่างรู้หน้าที่ อลิสวางมันลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าอีกฝ่าย
“ภายในสามวัน คุณจะโอนหุ้นของ Bluebridge Holdings ที่คุณถืออยู่ให้บริษัทผมทั้งหมด และจะถอนตัวจากทุกโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ Ramius Group — แบบไม่โต้แย้ง”
เขาเว้นจังหวะ หรี่ตาเล็กน้อย
“หรือจะให้ผมส่งไฟล์นี้ให้รัฐบาลฝรั่งเศส...แล้วปล่อยให้คุณไปนอนนับเพดานคุกหรูที่นีซ?”
ไม่มีเสียงตอบรับ
เพียงแค่เสียงลมหายใจถี่กระชั้นของชายแก่ที่เริ่มเหงื่อตก แม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ
อลิสเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ก่อนหันหลังกลับอย่างไร้เยื่อใย
“หวังว่าคุณจะตัดสินใจได้ภายในคืนนี้นะครับ…คุณฌอง”
เขาหยุดฝีเท้าแค่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมายิ้มนิด ๆ
“ผมยังมีอีก ‘ธุระ’ ที่อยากจัดการให้จบเหมือนกัน”
แล้วบานประตูก็ปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงชายวัยกลางคนที่เริ่มสั่นน้อย ๆ และความรู้สึกเย็นยะเยือกที่เหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้ในห้องทั้งห้อง
☠️ ☠️ ☠️ ☠️ ☠️ ☠️
ตอน: ย้ายบ้านแล้ว แต่ยังย้ายบนเตียงไม่พอหลังจากงานแต่งงานสุดเรียบหรูริมทะเลอลิสแตร์กับลลิลไม่ได้จัดทริปฮันนีมูนอะไรหรูหราให้เวอร์วัง เพราะเขาเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่ง…ที่เธอไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่คอนโดของเรานี่คะ?”ลลิลยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าตึก Penthouse ใจกลางลอนดอน ที่ปิดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับทำเนียบขาวอลิสแตร์แค่ปรายตามองเธอ แล้วพูดนิ่ง ๆ“นี่บ้านเรา”“ย้ายบ้านโดยที่ไม่ได้ถามลินเลยเหรอคะ?”เขาหันมามองเธอช้า ๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู“ก็ในเมื่อ...ฉันอยากย้ายมาใช้ชีวิตกับเมียทุกตารางเมตรจะต้องถามทำไม?”ลลิลหน้าแดงซ่านทันที...และยังไม่ทันตั้งสติได้—เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น!—คืนนั้น ห้องนอนใหม่หรูหราระดับ President Suite ก็ได้กลายเป็นสนามรบรักขนาดย่อมอีกครั้ง“บะ…บอส เดี๋ยวก่อนค่ะ ลินยังไม่ได้จัดของเลย!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัด...ให้หมดทุกท่า”เขายิ้มร้ายก่อนจะกดร่างเธอลงบนเตียงขนาด King Size ที่เพิ่งปูใหม่เอี่ยม เสื้อคลุมไหมของเธอถูกปลดออกในชั่วพริบตา เนื้อตัวเปลือยเปล่าสะท้อนกับไฟในห้องที่หรี่ลงอย่างพอดิ
ณ มหาวิทยาลัย R.C.U. (Royal Commerce University) – คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) ชั้นปีที่ 4แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางของห้องสัมมนาขนาดกลาง โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบสำหรับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่แถวหน้า...และหนึ่งในนั้นคือเขาอลิสแตร์ ราเมียสCEO หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษแห่ง Ramius Group ผู้มาในฐานะกรรมการรับฟังหัวข้อเสนอทุนวิจัยร่วมต่างประเทศเขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูป ปลดกระดุมสูทตัวนอกอย่างเป็นกันเอง ข้างกายมีคิมหันต์ เลขาหนุ่มหน้าหวาน ยืนเงียบขรึมเหมือนเงาตามตัว — ในสายตาอาจดูเหมือนมาเพื่อตรวจงานปกติแต่...ไม่ใช่เลยเขาแค่ ‘เบื่อ’ และบังเอิญผ่านมาที่นี่...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจเขาทันที“ลลิล คหบดีวัฒน์ค่ะ — โปรเจกต์ที่ลินจะเสนอวันนี้ คือ ‘AI Ethics กับความเปราะบางของข้อมูลในโลกทุน’”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งชัดเจน มั่นใจ น้ำเสียงไม่ได้หวานเลี่ยน แต่มีจังหวะราวกับแกรนด์เปียโนที่กลั่นจากสมองดวงตาของเขาเงยขึ้น…แล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะสาวร่างเล็กผิวขาวจัด ผูกผมหางม้าต่ำเรียบร้อย สวมสูทนักศึกษาสีกรมแบบเรียบที่สุด แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นเกินใคร โดยเฉพาะสัดส่วนที่โตเกินร่าง
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการล่มสลายของกลุ่มไฮดราผ่านไปเพียงสองเดือน—ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ลลิลจะตั้งตัวทันเธอแทบจะลืมความระห่ำของคืนวันนั้นไปหมดแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้น—บอสของเธอ—จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วเกินคาดอลิสแตร์พาคุณหญิงทัชชญาไปสู่ขอลลิลถึงเรือนไม้สักของตระกูลคหบดีวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่และนั่นเป็นครั้งแรกที่คุณสุรพงศ์กับคุณหญิงอมรา—บิดามารดาของเธอ ได้พบกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่สามีแห่งชาติ’ ของอังกฤษเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าการหมั้น ก็คือความจริงที่ว่า...คุณหญิงทัชชญา และคุณหญิงอมรา เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายสิบปีก่อน—เรื่องสู่ขอจึงกลายเป็นเพียงการระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างเป็นทางการเท่านั้น“แม่จะถือว่านี่เป็นพรหมลิขิตของพวกหนูสองคนแล้วกันนะลูก”ประโยคนั้นจากแม่ของเธอ ทำให้ลลิลแทบจะหลบสายตาอลิสแตร์ทั้งงานแม้เรื่องหัวใจจะดูอบอุ่นราบรื่นแต่เรื่องโลกในเงามืด...กลับยังคงเป็นไฟที่ยังไม่มอดจากรายงานลับที่คิมหันต์เอามาเล่าให้เธอฟัง—ไวรัสที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปฝังในเซิร์ฟเวอร์หลักของไฮดรา ได้ทำลายทุกเครือข่าย ทุกข้อมูล ทุกเซลล์ของโครงการนั้นอย่า
📍Safehouse ริมทะเล – 00:17 น.คลื่นซัดชายฝั่งอย่างราบเรียบ เสียงกระทบทรายแผ่วเบาเหมือนกล่อมเมืองให้หลับใหล...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารหลังเก่า ทาสีดำด้านซ่อนตัวหลังแนวสนชายหาดในห้องประชุมชั้นล่างที่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงไฟนีออนดวงเดียวส่องลงบนโต๊ะโลหะรูปวงกลม เฮราในชุดรัดรูปสีดำสนิท นั่งไขว่ห้างอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอสะท้อนจอแผนที่ดิจิทัลเบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือ ฮันส์ – มือสังหารเยอรมัน ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนกับรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ข้างแก้มยังเป็นลายเซ็นความตายของเขา“วิลล่าของเขา มีระบบเฉพาะป้องกันทุกทางเข้าออก…” เฮราเอ่ยเสียงเรียบ“แค่ขอให้เขาออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสของเรา”ฮันส์จุดบุหรี่เงียบ ๆ“อลิสแตร์ต้องตายก่อนที่ไฮดรา เฟสสองจะถูกเปิดเผย”เฮราวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ก่อนเลื่อนหน้าจอไปยังภาพของลลิล—หญิงสาวผิวขาวในเดรสยาวบนชายหาดดวงตาเธอเย็นเยียบขึ้นทันที“และเธอคนนี้...คือจุดอ่อนของเขา”ฮันส์กระตุกยิ้ม เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด“งั้นแผน A กำจัดอลิสแตร์ แผน B จับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ...ไม่ว่าแผนไหน เราก็ชนะ”เฮ
📍หาดส่วนตัว – ภูเก็ต เวลา 10:38 น.คลื่นทะเลสาดซัดฝั่งอย่างเนิบช้า แสงแดดอุ่น ๆ ส่องกระทบเม็ดทรายระยิบระยับ เสียงนกทะเลแว่วเบา ๆ คลอไปกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลนักอลิสแตร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมชายหาด สวมแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดัง ใบหน้าเรียบขรึม ในมือถือแก้วน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะ...เพราะสายตาเขา จับจ้องอยู่ที่คน ๆ เดียวลลิลกำลังหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินลุยน้ำทะเลที่ซัดสาดเป็นระลอกเล็ก ๆ รอบข้อเท้าบิกินี่สีแดงสดเข้ารูป โอบแนบผิวขาวผ่องตัดกับแสงแดด และผ้าซีทรูเนื้อบางสีขาวสะอาดที่ผูกไว้ลวก ๆ รอบเอว ถูกลมทะเลพัดปลิวไหวจนทำให้ใจเขาแทบหยุดเต้นไหล่เปลือยระยิบระยับด้วยหยดน้ำ ผิวที่กระทบแสงแดดสว่างขึ้นอีกระดับ จนไม่ว่าใครเดินผ่าน—ก็ต้องเหลียวมอง…และนั่นแหละ ปัญหาเขาขบกรามแน่น ไม่ดื่มแม้แต่น้ำมะพร้าวในมือ เพราะสมองเขามัวแต่คิดว่า—เธอกำลังโดนใครมองอยู่บ้าง?ไอ้ผ้าบาง ๆ นั่น มันกั้นอะไรได้บ้างวะ!!คนที่ควรเห็นเธอในสภาพนี้...ควรมีแค่เขามั้ยวะ?เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวให้บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังศาลาไม้ หยิบเสื้อคลุมชายยาวเนื้อบางติดมืออ
ภายในห้องทำงานไม้เก่าแก่ของคฤหาสน์ริมหน้าผา กลิ่นกระดาษเก่าและควันบุหรี่กลิ่นคลาสสิคลอยแผ่วในอากาศ หน้าต่างเปิดออกสู่ทะเล เสียงคลื่นซัดโขดหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนเสียงลมหายใจของอดีตที่ยังไม่ยอมจางเซอร์ไคล์นั่งลงหลังโต๊ะไม้โอ๊คเก่า อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงข้าม คิมหันต์ยืนพิงผนังเงียบ ๆ รอคอยความจริงที่กำลังจะได้รับรู้“ไม่คิดเลย…ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง”เซอร์ไคล์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบต่ำผ่านลำคอที่กร้านกรำด้วยเวลาอลิสแตร์ไม่ตอบ…เพียงสบตาเขานิ่งเซอร์ไคล์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขาคล้ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…ที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว“พ่อกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน...ไม่สิ มากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”“เราคือ ‘เงา’ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน...ในนาม MI6”เสียงจุดไฟแช็กดังเบา ๆ ก่อนเขาจะจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้า ควันนั้นลอยตัดแสงไฟสีอุ่นในห้องราวกับฉากหนังเก่า“เราสองคนเริ่มจากภารกิจเล็ก ๆ ...ล้วงข้อมูลในเบลเกรด ไล่ล่าหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธในเบอร์ลิน แต่เมื่อ ‘โครงข่ายไร้เงา’ โผล่ขึ้นมา MI6 ก็รู้...ว่าเราไม่ได้เจอแค่ศัตรูธรรมดาอีกต่อไป”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง“ไฮดราโปรเจก
Commentaires