ณ โรงพยาบาล
ห้อง ICU ฉันยืนมองดูร่างที่ไร้สติของคุณคิมหันต์ผ่านกระจกห้อง icu หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดเกือบสองชั่วโมง เขาก็ถูกตัวมาไว้ในนี้ สภาพของเขาที่มีผ้าพันแผลพันเต็มตัว และสายระโยงรยางค์เต็มไปหมด มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมามากเลยล่ะ เขาเป็นแบบนี้เพราะฉัน เขาต้องเจ็บตัวแบบนี้เพราะฉันคนเดียว ถ้าเขาเป็นอะไรไปขึ้นมา ฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ เพราะงั้น… อย่าเป็นอะไรไปเลยนะคะคุณคิมหันต์ “คุณเกวครับ” “ค่ะ คุณธนิน” ฉันรีบใช้แขนเสื้อของตัวเองเช้ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าคุณธนินกำลังเดินเข้ามาใกล้ “ผมรู้ว่าคุณกำลังเสียใจ แต่…ผมมีเรื่องต้องบอกคุณครับ” ฉันขมวดคิ้วให้กับคำพูดของคุณธนิน “เรื่องอะไรเหรอคะ?” “ท่านประธานอยากพบคุณครับ” ท่านประธานงั้นเหรอ? คุณกรพ่อของคุณคิมหันต์สินะ คำพูดที่ทิวเขาทิ้งท้ายไว้กับฉันผุดขึ้นมาในหัวทันทีที่คุณธนินเอ่ยถึงท่านประธาน ดีแล้วล่ะ ได้เจอท่านประธานก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ถามเขาถึงเรื่องอุบัติเหตุของพ่อให้รู้เรื่อง บ้านใหญ่ คุณธนินขับรถพาฉันกลับมาที่บ้านใหญ่ เพื่อมาพบท่านประธานก่อนที่ฉันจะให้เขาจะกลับไป กึก!! วินาทีที่ฉันก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ ความรู้สึกกลัวมันก็ผุดขึ้นมาในใจซะดื้อๆ จู่ๆฉันก็เกิดกลัวความจริงขึ้นมา ฉันกลัวว่า…ถ้าสิ่งที่ได้ยินจากทิวเขาคือความจริง นั่นหมายความว่า…ที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับฆาตกรที่ฆ่าพ่อของตัวเองมาโดยตลอดน่ะสิ “เกวลิน” เสียงทุ้มอันคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานานของท่านประธานดังขึ้นมา ทำให้ฉันที่กำลังเหม่อลอยอยู่ได้สติขึ้นมา “ท่านประธานสวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ท่านประธาน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน” ท่านประธานพูดพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ฉัน รอยยิ้มที่อ่อนโยนจากท่านประธานทำให้ฉันเชื่อในสิ่งที่ทิวเขาพูดไม่ลงเลยจริงๆ คนที่อ่อนโยนและใจดีอย่างท่านประธาน คนที่ฉันนับถือด้วยความจริงใจคนี้น่ะเหรอที่เป็นฆาตกรฆ่าพ่อของฉัน? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ? ถ้าท่านประธานคือคนที่ขับรถชนพ่อของฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันควรจะทำยังไงต่อดีล่ะ? “ท่านประธานคะ ท่านประธาน…เป็นคนขับรถชนพ่อฉันจริงๆเหรอคะ?” ฉันตัดสินใจโพล่งสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจออกไปด้วยความคาดหวัง ว่าท่านประธานจะปฏิเสธมัน “ฉันขอโทษนะเกวลิน” คำตอบจากท่านประธานทำให้ฉันรู้สึกราวกับฟ้าทั้งฟ้าถล่มลงมาทับร่างฉันจนตัวชาไปหมด “หมายความว่ายังไงคะ?” “ใช่แล้วล่ะ คนร้ายตัวจริงที่ขับรถชนพ่อของเธอ…คือฉันเอง ส่วนคนที่ถูกจับไปคือแพะรับบาปที่ฉันหามารับผิดแทนฉัน” “0_0!!” ความจริงที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ ความรู้สึกอย่างเดียวที่ฉันรับรู้ได้ในตอนนี้คือ…ความเจ็บปวด ไม่ใช่ที่กาย แต่เป็นที่ใจต่างหาก ฉันรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจกำลังถูกบีบให้เละเป็นชิ้นๆ ยิ่งมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ คนที่เป็นผู้มีพระคุณที่ฉันเคารพมากที่สุด คนที่ฉันซื่อสัตย์และภักดีด้วยมากที่สุด ฉันก็ยิ่งเจ็บปวดใจมากเกินจะกว่าจะบรรยายได้ “อุบัติเหตุในครั้งนั้นมันเกิดจากความประมาทของฉันเอง แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของฉัน ทำให้ฉันเลือกจะปกปิดความผิดของตัวเอง และเลือกทำในสิ่งที่ผิดด้วยความตั้งใจของตัวเอง ฉันขอโทษเกวลิน ขอโทษจริงๆ” ฉันเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้แล้วล่ะ ฉันสูญเสียพ่อไปในวันเกิดของตัวเอง การสูญเสียพ่อในครั้งนั้น เป็นต้นเหตุทำให้แม่เสียสติ ตอนแรกฉันคิดว่าแม่เสียใจมากที่พ่อจากไปกะทันหัน แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่ามันเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง เพราะแม่เสียใจที่ไม่สามารถเอาผิดคนตัวจริงที่ขับรถชนพ่อได้ นี่เลยเป็นเหตุผลที่แม่เสียใจจนเกือบจะพาฉันไปตายในตอนนั้น พอมานึกดูตอนนี้แล้ว…มันน่าเสียใจจริงๆ ตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ มีแต่แม่คนเดียวที่สู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้พ่อ แต่ฉัน…ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ “การกระทำที่เห็นแก่ตัวของคุณ ฆ่าคนไปถึงสองคนเลยรู้ตัวมั้ยคะ?” ฉันโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง และพร้อมทั้งน้ำตาที่ร่วงหล่นออกมาด้วยความเสียใจอย่างถึงที่สุด แม้ว่าในใจตอนนี้จะโกรธตามแค่ไหนก็ตาม “ฉันรู้เกวลิน ฉันรู้ ฉันเองก็เสียใจมากจริงๆ และเพราะความรู้สึกผิดที่ทำให้เด็กตัวเล็กๆอย่างเธอต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ ฉันเลยรับอุปการะเธอเพื่อชดเชยในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป” “คุณคิดว่ามันจะชดเชยกันได้เหรอคะ?” “ไม่เลย! ฉันไม่ได้คิดว่าการอุปการะเธอมันจะช่วยชดเชยความผิดของฉันเลยสักนิด แต่ฉันคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต ถ้าฉันปล่อยให้เธอต้องใช้ชีวิตลำบากเพราะฉัน” ฉันเสียใจมากจริงๆ แต่ฉันคงจะรู้สึกโกรธมากกว่านี้ ถ้าที่ผ่านมาท่านประธานใจร้ายกับฉันสักนิด แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย แม้ว่าความจริงท่านประธานจะเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าพ่อของฉัน แต่ความจริงอีกข้อที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือเรื่องที่ว่า…เขาคือผู้มีพระคุณของฉัน ที่ผ่านมาท่านดูแลฉันด้วยความจริงใจมาตลอด ท่านเป็นผู้ปกครองคนเดียวที่ฉันมี และฉันก็เคารพท่านเปรียบดังพ่ออีกคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันเสียใจที่เขาปิดบังความจริงที่ฉันควรรู้มาได้นานขนาดนี้ “ทำไมท่านประธานถึงเพิ่งมาบอกความจริงเกวเอาตอนนี้คะ? ทำไมถึงปล่อยให้เด็กคนหนึ่งต้องกลายเป็นคนโง่มานานถึงขนาดนี้ด้วย!?” “ฉันขอโทษเกวลิน ฉันผิดเอง ที่ไม่มีความกล้ามากพอที่จะยอมรับความผิดของตัวเองที่ทำไว้กับเธอและครอบครัว ฉันขอโทษจริงๆเกวลิน” “แปลว่าตอนนี้คุณพร้อมที่จะรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วอย่างงั้นเหรอคะ?” “เฮ้อออ! ใช่! ฉันพร้อมจะรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ทุกอย่าง ความผิดที่ฉันทำไว้กับเธอฉันพร้อมจะชดใช้ทุกอย่าง เพราะฉันไม่อยากให้ผลกรรมมันไปตกที่ลูกของตัวเองอย่างวันนี้” ใบหน้าของคุณคิมหันต์ลอยเข้ามาในหัวไม่เคยหายไปไหน อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้นจากคำสารภาพของท่านประธานคือ…ท่าทีเกลียดชังที่คุณคิมหันต์ปฏิบัติกับฉัน คำพูดวันนั้นที่เขาบอกว่า…เขาชอบฉันไม่ได้ และฉันควรจะรู้สึกเกลียดเขามากกว่ารู้สึกชอบเขา เพราะเขารู้อยู่แล้วสินะ เขารู้อยู่แล้วว่าพ่อของตัวเองเป็นคนฆ่าพ่อฉัน เขาถึงเอาแต่ทำตัวแย่ๆใส่ฉัน เพื่อให้ฉันเกลียดเขาสินะ ทำไมเขาสองคน ทั้งท่านประธาน ทั้งคุณคิมหันต์ถึงใจร้ายกับฉันได้ถึงขนาดนี้? “ใช่ค่ะ! คุณจะต้องได้ชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแน่นอน …แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ” “…” “…จนกว่าคุณคิมหันต์จะฟื้น ถ้าเขาฟื้นเมื่อไร คุณเตรียมตัวชดใช้ความผิดที่ตัวเองทำไว้ได้เลยค่ะ” ความจริงเรื่องอุบัติเหตุของพ่อทำฉันเจ็บปวดมากเลยล่ะ แต่แทนที่ฉันจะรู้สึกโกรธ มันกลับกลายเป็นความรู้สึกทรมานใจไปซะได้ มันคงจะดีกว่าถ้าฉันรู้ความจริงเร็วกว่านี้ คงจะดีกว่าถ้าฉันรู้ความจริงในตอนที่คุณคิมหันต์ยังเป็นคนที่ฉันเกลียด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างงั้นแล้ว เพราะตอนนี้…ฉันรักเขาไปแล้ว ฉันรักคุณคิมหันต์ไปแล้วจริงๆ ห้องคิมหันต์ หลังจากคุยกับท่านประธานเสร็จ ฉันก็กลับมาที่บ้านคุณคิมหันต์ พอถึงบ้านแล้วฉันก็ตรงเข้ามาที่ห้องของคุณคิมหันต์ทันที แอ๊ดดด!! วินาทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องของเขา ภาพของคุณคิมหันต์ก็เด่นชัดขึ้นมาในหัวอีกแล้ว ใบหน้าที่เรียบนิ่งของเขา น้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำเเข็งของเขา แววตาที่ของเขา ฉันจำได้ทุกอย่างเลยล่ะ ฟุ่บ!! ฉันเดินตรงไปนั่งบนเตียงของคุณคิมหันต์ ก่อนจะค่อยฟุบตัวนอนราบลงไปบนเตียงของเขาช้าๆ “ฟืดดด หอมจัง” ฉันสูดดมกลิ่นกายที่ติดเตียงของคุณคิมหันต์ เวลาอยู่ใกล้เขาฉันมักจะได้กลิ่นแบบนี้อยู่ตลอดเลย ฉัน…คิดถึงเขาจัง “ฮึกๆ” น้ำตามันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อจิตสำนึกในใจมันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้คุณคิมหันต์ไม่ได้อยู่ที่นี่กับฉัน ทำยังไงดี? ตอนนี้ฉันสับสนไปหมด ฉันไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้วจริงๆ ฉันคิดถึงคุณคิมหันต์ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเขาความทรมานใจมันก็ผุดขึ้นมาทุกที และฉันก็กลัวเหลือเกิน…กลัวว่าฉันจะเสียเขาไปจริงๆ ฉันรักเขาไปแล้ว และฉันก็ไม่อยากสูญเสียคุณคิมหันต์ไปเลย “ฮึกๆ ฮือออ” ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียงนอนในห้องของคุณคิมหันต์อยู่อย่างนั้นทั้งคืนจบเผลอหลับไปในที่สุด“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า