การเจรจายามบ่ายจบลงด้วยการรักษาสายสัมพันธ์หลานย่า แม้ยังมิใช่เวลาเปิดเผยแต่ก็มิอาจเพิกเฉยได้ ซึ่งซานซานมาได้ถูกทาง เพราะลู่หลิ่งได้รับของล้ำค่ามากมาย ได้ห้องพักที่ใหญ่กว่าเดิม มีบ่าวรับใช้เพิ่มขึ้น กินอิ่มนอนอุ่น เรียนเล่นสุขสบาย ได้รับความจริงใจในการดูแลจากสตรีสูงศักดิ์อย่างแท้จริงเพื่อบุตรสาวแล้ว ซานซานไม่จำเป็นต้องเลือกวิธีการ โกหกบ้าง ใช้เล่ห์เหลี่ยมบ้าง หรือต่อให้ต้องหลอกลวงเบื้องสูง ไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้นการรีดไถคนรวยล่อลวงเชื้อพระวงศ์ให้ลุ่มหลงตกบ่วงจนต้องจ่ายค่าตอบแทนแบบขูดเลือดขูดเนื้อยิ่งไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้นบ่อเงินบ่อทองอยู่ที่นี่นางมารซานซานต้องไปที่อื่นหรือไร นางอยากได้อะไรย่อมต้องได้ทุกสิ่งแม้แต่สวรรค์บนดินผุพังหลังจากส่งลู่หลิ่งเข้านอน ซานซานก็เดินกลับเข้าห้องพัก ปิดประตูมิดชิด ดับเทียน ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกแล้วปีนขึ้นเตียงไม่ผิดดังที่คาด บนเตียงมีร่างสง่าของใครบางคนนอนอยู่ก่อนแล้วในห้องมืดสลัวไร้แสงเทียน มีเพียงแสงสีนวลของดวงจันทราที่สาดส่องลอดช่องลมลงมาภายใต้แสงแค่นั้น ซานซานยังมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวเหว่ยชัดเจนทั้งเครียดขรึมแข็งกระด้างปานศิลา เรือนกายห
เรื่องบางเรื่องไม่เด็ดให้ขาด ไม่ตัดให้สิ้น ย่อมเป็นหนามทิ่มแทงใจไปตลอดกาล น้ำเสียงราบเรียบของซานซานจึงเอ่ยเนิบนาบโดยไม่เงยหน้า“ทูลพระสนม หม่อมฉันหาได้ต้องการทวงบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตไม่ ทว่าหม่อมฉันกลับมีฐานะเป็นถึงผู้มีพระคุณโดยไม่อาจปฏิเสธได้ การที่พระสนมทรงทะนุถนอมหลิ่งเอ๋อร์ย่อมเป็นเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้ว อย่าได้ชักนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อบีบบังคับหม่อมฉันให้ไปกับรัชทายาท ยิ่งไม่ควรใช้บุตรเป็นตัวประกันเพื่อชักใยมารดา”ทั้งเฉยเมยและเย็นชาหาใดเปรียบ หลี่กุ้ยเฟยทอดมองซานซานอย่างคาดไม่ถึงในขณะที่ใบหน้าสุขุมของจ้าวเหว่ยยังคงเรียบนิ่ง หากแต่ใครจักรู้ได้ว่าหัวใจในอกแกร่งกำลังเต้นแรงปานใดถึงแม้ว่าซานซานจักโง่งมไปบ้างในเรื่องเหย่หนิว ทว่ากับเรื่องของลู่หลิ่งนางไม่เคยพลาด นางเงยหน้าสาดสายตา น้ำเสียงดุจธาราเย็นเยียบยังคงดังเนิบช้า“หม่อมฉันปรารถนาอนาคตที่ดีและความสุขสบายให้บุตรสาวนั้นไม่ผิด แต่หากนางต้องกลายเป็นหลักประกันเพื่อใช้บังคับคนอย่างหม่อมฉันนั่นคือผิดมหันต์ ตำแหน่งในตำหนักบูรพาหม่อมฉันไม่เคยต้องการเลยสักนิด ขอพระสนมอย่าได้เป็นกังวลเรื่องนี้ และหากหลิ่งเอ๋อร์ไม่ได้รับการดูแลที่ดีเฉก
เรือนพักของซานซานก่อนกลับเข้าเรือนของตน หญิงสาวยังไม่ลืมลอบเข้าไปในตำหนักบูรพา ตามทิศทางที่อู๋เจี๋ยบอกเล่า ว่าเขาผู้เป็นสามี เก็บสิ่งของแทนใจไว้ที่ใดและแล้วนางจึงได้เห็น ทั้งปิ่นไม้ดาราเร้นจันทร์ปีนเกลียวที่หักกลางสองท่อน และร่มกระดาษสีแดงที่แหลกเหลวไม่เหลือดีด้วยฝีมือนาง จ้าวเหว่ยยังเก็บทุกสิ่งไว้อย่างดีในตู้ตรงหัวเตียงเมื่อกลับเข้าห้องส่วนตัว ซานซานก็ห่อตัวเองในผ้าห่ม มองไม่เห็นแม้ปลายผม กลายร่างเป็นดักแด้ตัวใหญ่บนเตียงนอน รู้สึกผิดเหลือเกิน“ท่านแม่” เสียงน่ารักดังขึ้นที่หน้าห้องก่อนเดินเข้ามาจนถึงหน้าเตียง “ท่านกำลังทำสิ่งใดเจ้าคะ ฝึกวิชามารรึ?”บุตรสาวถามมารดาเช่นทุกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่วงท่าประหลาด บางคราก็กลับหัวนอนบนต้นไม้เหมือนค้างคาว บางครั้งยังดำน้ำเนิ่นนานไม่ยอมขึ้นมา บางทียังแบกลู่หลิ่งขึ้นแผ่นหลังแล้วปีนป่ายหน้าผาสูงชันทั่วหุบเขาซานซานคลายตัวเองออกจากผ้าห่ม ลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าจนเรียบร้อย แล้วอุ้มบุตรสาวแนบอก “แม่แค่ฝึกวิชาทำใจ”ลู่หลิ่งมองอย่างสงสัย “ใจ? ทำได้ด้วยหรือเจ้าคะ?”ซูเหยาได้ยินเช่นนั้นก็ทำความเข้าใจไปเองว่า ซานซานกำลังทำใจมิได้เรื่องอู๋เจี๋ยเป็นแน่
ไม่รอให้กาลเวลาเลื่อนผ่านเนิ่นนาน จ้าวเหว่ยจึงเอ่ยถาม“เสด็จแม่ทรงโปรดปรานหลิ่งเอ๋อร์จริงหรือ?”ผู้ถูกถามคลี่ยิ้มงาม ประกายตาอ่อนโยน“เด็กคนนี้เก่งกาจปราดเปรื่อง ทั้งห้าวหาญไม่ธรรมดา หากแม่มิได้นาง เกรงว่าคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว เหตุการณ์วันนั้นหลิ่งเอ๋อร์เข้ามาปกป้องแม่ไม่คิดถึงแม้แต่ชีวิตตัวเอง ถูกตีจนบาดเจ็บก็ยังยื้อเวลาให้ทุกคนรอดมาได้ อาซานยิ่งไม่ธรรมดา ดาบเดียวปลิดชีพนับสิบ”ถ้วยชาถูกบุรุษยกขึ้นจิบเพื่อปกปิดรอยยิ้มมุมปากจ้าวเหว่ยเอ่ยถามอีกว่า “พูดถึงนาง เสด็จแม่ทรงลงโทษนางเรื่องเมื่อคืนหรือ?”หลี่กุ้ยเฟยส่ายหน้า “อันที่จริงแม่อยากให้รางวัลนางมากกว่า อาซานมิใช่สตรีที่มักใหญ่ใฝ่สูง หากเป็นสตรีอื่นคงรีบปีนเตียงเจ้า เพื่อยกฐานะเพียงชั่วข้ามคืนแล้ว”จ้าวเหว่ยรับฟังด้วยท่าทางเรียบเฉย เขาลองหยั่งเชิง “เสด็จแม่มั่นใจในตัวนางปานนั้น ไม่คิดหรือว่าอาจดูนางผิดไป”เรียวคิ้วงามขมวดเล็กน้อย หลี่กุ้ยเฟยครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงนุ่ม “ไม่ผิดแน่ ครั้งแรกที่อาซินชวนนางเข้าวัง เคยเอ่ยถึงตำแหน่งข้างกายเจ้า แต่นางกลับปฏิเสธเสียงแข็งกระด้าง ไม่สนใจสักนิด”เรียวคิ้วคมพลันขมวดวูบ นึกขัดใจไม่เบา
ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่หลี่กุ้ยเฟยได้เจอลู่หลิ่งก็มักจะแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี ดวงตาหงส์ทอประกายอ่อนโยนอย่างยิ่ง รู้สึกเอ็นดูเด็กหญิงเป็นที่สุด อย่างไม่อาจอธิบายได้“มาแล้วหรือ หลิ่งเอ๋อร์ มาๆ วันนี้มีอะไรมาอวดบ้าง”น้ำเสียงเปี่ยมเมตตาเอ่ยถามแฝงแววเอื้ออาทรเต็มเปี่ยม พลางกวักมือเรียกเบาๆฝีเท้าเล็กกระชั้นถี่ขยับเดินไม่เร็วเกินงามแต่ก็ไม่ช้าเกินไป หอบเอาผลงานของวันมาส่งถึงมือเรียวสวย“วันนี้หลิ่งเอ๋อร์ฝึกปลายพู่กัน เขียนกลอนหนึ่งบทและวาดภาพลงไปด้วยเพคะ”เสียงเล็กน่ารักตอบกังวาน นำความสดใสโอบล้อมผู้คนหลี่กุ้ยเฟยรับกระดาษจากมือน้อยๆ มาถือเอาไว้พร้อมรอยยิ้มเอื้อเอ็นดูเจือความสนิทสนมชัดเจนระหว่างนั้นพลันมีเสียงทุ้มนุ่มของบุรุษเอ่ยขึ้นทางเบื้องหลัง “อายุเท่านี้ เขียนกลอนได้แล้วหรือ ทั้งยังวาดภาพด้วย”เสียงนั้นทำทุกสายตาหันมองพร้อมเพรียง“องค์รัชทายาท...”ลู่หลิ่งเงยหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เบิ่งตากลมโตมองอย่างน่ารักก่อนย่อกายทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์ที่วันนี้อยู่ชุดครามพยับเมฆา ช่างหล่อเหลาแสบตานัก“ถวายพระพรเพคะ”แม่นางน้อยทักทายได้งดงามเป็นธรรมชาติ รู้ธรรมเนียมปฏิบัติดีเยี่ยม ทำเอารอ
ยามเซินสองเค่อ[1]ทุกครั้งที่ซานซานไม่ว่าง หน้าที่เดินทางไปรับลู่หลิ่งยังสำนักศึกษาจึงเป็นของซูเหยา ซึ่งเป็นแม่นมตั้งแต่วันแรกที่เด็กน้อยเข้าวังมาทั้งซานซาน ซูเหยา และลู่หลิ่ง พวกนางสนิทสนมกันมาก“หลิ่งเอ๋อร์หิวหรือไม่?”ซูเหยาจูงมือเล็กพลางถามอย่างเอื้อเอ็นดูไม่แปรเปลี่ยน ถึงอย่างไรเรื่องของผู้ใหญ่ย่อมไม่เกี่ยวกับเด็กน้อยผู้นี้ ไม่ว่าอู๋เจี๋ยจะเลวร้ายปานใด แต่บุตรสาวของเขาก็ยังน่ารักเท่าเดิม“หากน้าเหยาหิว หลิ่งเอ๋อร์ก็หิว แต่หากน้าเหยาไม่หิว หลิ่งเอ๋อร์ย่อมทนได้เจ้าค่ะ เรากินด้วยกันนะ”เสียงเล็กสดใสตอบกลับมา เจ้าก้อนแป้งน้อยพูดจาได้ปราดเปรื่องน่าฟังนัก นึกห่วงใยผู้อื่นตลอด ยามที่หลี่กุ้ยเฟยประทานขนมมาให้ พวกนางสองคนจึงมักจะกินด้วยกันเสมอ“น้าเหยาหิวแล้วล่ะ หลิ่งเอ๋อร์ไม่ต้องทน เรารีบไปกัน”ซูเหยากระชับมือเล็กนุ่มนิ่มแล้วจูงเดินกลับเข้าเรือนพัก เพื่อกินขนมจิบชา เช็ดเนื้อตัวและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปเข้าเฝ้าหลี่กุ้ยเฟยตามลำดับพระสนมมีรับสั่งให้ลู่หลิ่งนำผลงานหลังเลิกเรียนกลับมาให้ตรวจทานทุกวันซึ่งการกระทำอันแสดงถึงน้ำหนักในใจของหลี่กุ้ยเฟยนี้ ส่งผลต่อการปฏิบัติตนของคนทั้งวังและค
จื้อหย่วนพลันสะอึก ร้อนวูบจนใบหน้าชาหนึบครึ่งซีก แต่กระนั้นกลับทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ ชั่วครู่ให้หลังเสียงหัวเราะเยาะหยันถูกขับออกมาจากลำคอแกร่ง“แม่นางชิงหลินช่างเถรตรง มากปฏิภาณไหวพริบยิ่งนัก ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงปักใจต่อเจ้าปานนั้น แม้แยกจากแต่ไม่ลืมเลือน ยอมเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่ยอมปล่อยวาง ยอมลำบากบนอาชาจอมทัพ แต่ไม่ยอมรับสตรีอื่นใดเข้าวัง”ยามนิ่งฟัง หัวใจของซานซานยิ่งเต้นระส่ำรุนแรง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าบุรุษดุดัน น้ำเสียงเครียดขรึม “เจ้าไม่ควรแคลงใจ ในตัวรัชทายาท”ซานซานกะพริบตา เม้มปาก ไม่กล่าวต่อจื้อหย่วนถอนหายใจหนึ่งครา สีหน้าเคร่งครัด มีสายตาขออภัยยามเอ่ย“องค์รัชทายาททรงเพียบพร้อมด้วยรูปโฉมฐานันดร ชื่อเสียงเกรียงไกรเปี่ยมคุณธรรมมากบารมีความสามารถไม่ด้อยสร้างคุณประโยชน์ต่อแคว้นไม่น้อย เป็นมหาบุรุษผู้ค้ำจุนต้าถัง เพียงองค์ชายผู้นี้ที่คู่ควรตำแหน่งราชัน ทว่าพระองค์กลับมีสตรีในดวงใจหนึ่งเดียวเป็นชิงหลินสกุลหาน ตระกูลพ่อค้าในถิ่นกันดาร ทั้งต่ำต้อยด้อยค่าปานนั้น เป็นตัวถ่วงที่ควรกำจัดเสมอมา”ยามรับฟังถ้อยวาจา
ซานซานเงยหน้ามองจื้อหย่วนตาละห้อย “เจ้ามีเวลาเสวนาในนี้นานเท่าใด”เสียงของบุรุษวัยกลางคนถามขึ้น พลางย่อตัวลงในระดับเดียวกับสตรีที่ยามนี้นั่งกอดกรงขังเอาไว้แน่น“หนึ่งชั่วยามจากนี้ ทหารพวกนั้นจะกลับมามีสติแจ่มชัด ระหว่างนี้ที่พวกเขากลายร่างเป็นหุ่นไม้ เสวนาได้ไม่ยั้ง”ซานซานตอบเสียงเนือยคิดอยากเอาหน้ามุดดินเดี๋ยวนี้จื้อหย่วนเห็นท่าทางนางไม่สู้ดีจึงเอื้อมมือแตะไหล่เบาๆ หมายประคองอีกฝ่ายไปนั่งอีกฝั่งของห้องขัง ซึ่งมีฟางแห้งปูเอาไว้ซานซานย่อมเข้าใจจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งอย่างสงบเสงี่ยมด้วยตนเอง หมดความห้าวหาญเช่นยามแรกที่เข้ามา สายตาลอบพิจารณาชายสูงวัยตรงหน้าอย่างระวังคนผู้นี้อายุประมาณสี่สิบกว่า ท่าทางทรงภูมิไม่ธรรมดา เคราแพะที่ปรกริมฝีปากด้านบนและด้านล่างยาวจากปลายคางลงมาบ่งบอกถึงประสบการณ์ชีวิตอันยาวนาน ฐานะคงไม่ต่ำต้อย บางทีอาจเป็นถึงอาจารย์ของคนชั้นสูงไม่รอให้ถูกถาม จื้อหย่วนแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเปี่ยมเมตตา “ข้าคือหัวหน้าองค์รักษ์เจี้ยน นามจื้อหย่วน”ซานซานกลอกตาพลางนึกถึงคำพูดของยี่ซินที่คอยแนะนำบุคคลสำคัญในราชวังให้ฟัง“ที่แท้ท่านก็คืออาจารย์ด้านวรยุทธ์ขององค์รัชทาย
ซานซานยืดตัวหลังตรงยกมือกอดอก ม่านตาดำยิ่งนานยิ่งหรี่แคบ นางกล่าวต่อด้วยสุ้มเสียงเย็นเยียบไปทางอู๋เจี๋ย“วันนี้ที่มา ข้ามิได้มาเยี่ยมเจ้าเฉยๆ หรอกนะ แต่ข้ามาเพื่อบอกกล่าวข่าวดีแก่เจ้า”บุรุษทั้งสองตั้งใจฟังยิ่ง คนหนึ่งยืนอีกมุม คนหนึ่งยืนกลางห้องขัง ตัวเกร็งไปหมดซานซานกวาดตามองเยือกเย็น จับสังเกตทุกกิริยาร่างระหงสืบเท้าเนิบนาบดุจวิญญาณร้ายเข้ามาเดินเล่นวนเวียนรอบกายเหม็นสาบเพราะมิได้อาบน้ำของอู๋เจี๋ย“ข้ามีสามีใหม่แล้ว”“หา!”น้ำเสียงแว่วหวานดังเรียบเรื่อยเท่านั้น ทว่ากลับคล้ายมีฟ้าถล่มผาทลายลงตรงหน้า อู๋เจี๋ยอุทานดังลั่น ดวงตายิ่งเบิกโตจนแทบถลนออกมานอกเบ้า“เจ้าว่าอะไรนะ?”ซานซานขยับยิ้มกว้าง “สามีใหม่ของข้า เขาทั้งหล่อเหลาและมีเสน่ห์ยิ่งนัก บทรักของเขาก็ร้อนแรงเหลือเกิน แล้วยัง...”“หยุด!”อู๋เจี๋ยคำรามก้องจนสะท้อนห้องขัง แต่ทหารยามไม่มีใครได้ยินสักคน องครักษ์หนุ่มสืบเท้าเข้าหาซานซานทันที“เจ้า...”หญิงสาวเลิกคิ้วสูง แววตาท้าทาย ได้ยินชายหนุ่มตะคอกใส่หน้าอย่างขาดสติว่า“เจ้ากล้ามีสามีใหม่รึ ได้อย่างไร บังอาจยิ่ง ผิดมหันต์นัก ข้า...ข้าจะทูลรัชทายาทให้จัดการเจ้า”ซานซานแค่นเสียงเฮอะ