บานประตูเรือนชุยจูถูกฉีอ๋องผลักเล็กน้อย ก็เปิดกว้างอย่างง่ายดาย เมื่อลองกวาดสายตาเพียงครั้งเดียวก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีผู้ใดอยู่ในเรือน มีเพียงผ้าปูเตียงที่ยับยู่ยี่ บ่งบอกว่า เคยมีคนนอนบนนี้มาก่อน
ก่อนที่ฉีอ๋องและคนอื่น ๆ จะได้ก้าวเข้าไปตรวจสอบภายในเรือน
ตงไฮ่ องครักษ์คนสนิทของเฟิงอ๋องก็เดินออกมาจากทางด้านข้างเรือน ยืนทำความเคารพอยู่ที่หน้าประตู
“กระหม่อมขอคารวะฉีอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้าว ตงไฮ่นี่เอง แล้วเสด็จพี่เล่า?” ฉีอ๋องเลิกคิ้วถาม
“เฟิงอ๋องพักที่นี่อยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกดีขึ้น จึงเสด็จกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตงไฮ่หันไปทำความเคารพซ่านเต๋อโหวพลางเอ่ย “ท่านอ๋องฝากขอบคุณท่านโหวที่ให้ยืมเรือนพักผ่อน และจะเข้ามาขอบคุณด้วยตนเองในโอกาสหน้าขอรับ”
“อ่อ ไม่เป็นไร ๆ แค่ท่านอ๋องมาแสดงความยินดีในวันเกิดของข้า ข้าก็ยินดีมากแล้ว” ซ่านเต๋อโหวยิ้มแย้ม ก่อนจะเอ่ยชวนทุกคนให้กลับไปร่ำสุราที่งานเลี้ยงกันต่อ “เชิญฉีอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีอ๋องยกยิ้มเล็กน้อย “เชิญท่านโหว” ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วเรือนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่า ภายในเรือนไม่สามารถซุกซ่อนผู้ใดได้ จึงถอนสายตากลับมา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินกลับไป
เมื่อเห็นว่า ทุกคนต่างหันหลังเดินกลับไปที่โถงหน้าแล้ว ตงไฮ่และชุนเถาลอบถอนหายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก ก่อนจะแยกย้ายไปหาเจ้านายของตนเอง
.....
“เรือนของหม่อมฉันอยู่ตรงนั้น”
ร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์บางเบาสีขาวพิสุทธิ์แตะปลายเท้าลงยอดกิ่งไม้ทะยานไปตามทางที่ฉินเจียวเยี่ยนชี้ ชายผ้าอาภรณ์สองสีขาวดำสะบัดพลิ้วไหวล้อลมไปด้วยกัน
ปัง!!
“ท่านจะเปิดประตูเรือนให้รู้ไปถึงโถงหน้าของจวนเลยหรือไม่?” ฉินเจียวเยี่ยนเอ่ยประชด ในขณะที่ถูกเซียวชิงเฟิงอุ้มเดินเข้ามาในเรือนเหมยฮวาของตนเอง
ชุนหลิ่วที่กำลังพัดหม้อยาอยู่กลางเรือน รีบเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือนในทันทีด้วยความระแวงว่า จะมีผู้ใดมาพบเข้า
“คุณหนู!!”
สาเหตุที่นางไม่กล้าไปต้มยาห้ามครรภ์ที่โรงครัว เป็นเพราะเกรงว่าจะมีคนล่วงรู้ความลับของคุณหนูเข้า จึงได้แต่แอบมาต้มยาที่เรือนเหมยฮวาของคุณหนูแทน
“!!!” ชุนหลิ่วเบิกตากว้างตกตะลึงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า จนพัดในมือหล่นลงบนพื้น เมื่อเห็นสองร่างที่ก้าวเข้ามาใกล้
คุณหนูของตนที่ถูกห่อตัวมิดชิดด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิท ยิ่งขับให้ผิวกายที่โผล่พ้นออกมาโดดเด่น สะดุดตา ดูบอบบาง น่าทะนุถนอม กอปรกับอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของเซียวชิงเฟิง ที่มีใบหน้าคมคาย หล่อเหลา แผ่กลิ่นกายบุรุษเพศเข้มข้นด้วยเรือนร่างกำยำสูงใหญ่ในชุดสีขาวราวกับเทพบุตรในแดนสรวง
เพียงแต่ชุดสีขาวที่เขาสวมใส่นั้น มีขนาดเล็กและบางเบาเกินไปเล็กน้อย...
ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก...
แต่เอ๊ะ... ชุดที่ท่านอ๋องสวมใส่ ดูคลับคล้ายคลับคลากับชุดของคุณหนูเลย?
“อะแฮ่ม” ฉินเจียวเยี่ยนกระแอมในลำคอ เพื่อทำลายบรรยากาศการจินตนาการเรื่อยเปื่อยของสาวใช้ “เจ้าเอายาไปต้มที่เรือนปีกข้างเถอะ แล้วไม่ต้องให้ผู้ใดเข้ามา จนกว่าข้าจะเรียก”
ชุนหลิ่วยังคงนั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง “...”
ดูเหมือนภาพที่เห็นเบื้องหน้าจะมีอานุภาพทำลายล้างสูงเกินไป ชุนหลิ่วจึงยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ
เซียวชิงเฟิงจึงต้องเอ่ยเรียกตัวช่วยพิเศษ “หยางเซิง”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสียงตอบรับดังขึ้น พร้อมปรากฏร่างองครักษ์คนสนิทอีกคนที่รีบเดินเข้ามายกทั้งหม้อและเตาออกไปหนึ่งรอบ แล้วกลับเข้ามาอุ้มชุนหลิ่วออกไปอีกหนึ่งรอบ จากนั้น จึงปิดประตูเรือนลงอย่างเบามือ
ในเรือนเหมยฮวาจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เซียวชิงเฟิงอุ้มฉินเจียวเยี่ยนก้าวเท้าผ่านฉากกั้นลม ตรงไปยังเตียงกว้างที่อยู่ด้านใน ทันที
ฉินเจียวเยี่ยนก็ฉวยโอกาสโยนห่อผ้าในมือทิ้งลงบนพื้นในระหว่างที่เดินผ่าน
เซียวชิงเฟิงวางร่างเล็กในอ้อมแขนลงบนเตียง เมื่อแผ่นหลังเรียบเนียนสัมผัสกับฟูกนุ่ม สองแขนเรียวจึงโอบรั้งใบหน้าคมคายลงต่ำ ราวกับจงใจไม่ปล่อยให้เขาหนีไปไหน
“จะครบหนึ่งเค่อแล้ว”
“หนึ่งเค่อ?” เซียวชิงเฟิงหรี่ตาอย่างไม่เข้าใจ
ฉินเจียวเยี่ยนยกยิ้มอธิบายอย่างใจเย็น “หากท่านไม่ลงมือภายในหนึ่งเค่อ ของลับของท่านก็จะไม่สามารถใช้การได้อีกแล้ว”
นางรั้งใบหน้าของเซียวชิงเฟิงลงมาประกบริมฝีปากอีกครั้ง เตรียมจะเริ่มต้นกระบวนการถอนยาใหม่
หากแต่คราวนี้ เซียวชิงเฟิงกลับให้ความร่วมมือกับนางเป็นอย่างดีจนน่าแปลกใจ...
*เค่อ หมายถึง 15 นาที
“ไหนจะสามีอีก การที่ได้ไท่จื่อหรือกู้ซื่อจื่อมาเป็นคู่ครองก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกเจ้าที่หลายคนอิจฉาแล้ว ข้าไม่คิดว่า ตนเองจะโชคดีอย่างพวกเจ้าหรอก” หลี่ชิงหงผงกศีรษะไปทางประตู “ในสมัยโบราณเช่นนี้ บุรุษที่ดีมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มิเช่นนั้น ลูกค้าของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอจะมากมายป่านนี้รึ?”“ข้ามีโอกาสได้นั่งคุยกับฮูหยินหลายคน มีไม่น้อยที่สามีหลงอนุจนละเลยภรรยา รับอนุเข้ามาจนเต็มจวน ไปแอบมีอนุที่นอกเรือน ซ้ำร้าย หากภรรยาและอนุทะเลาะกัน เขายังเข้าข้างอนุ ตบตีภรรยาเอกเสียด้วยซ้ำ”“หากสามีไม่หลงอนุก็ตั้งใจทำงานจนละเลยภรรยา มองภรรยาเป็นเพียงไม้ประดับเรือนที่ต้องมีไว้ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของจวน หากแต่ลับหลังแล้ว พวกนางจะเป็นอยู่อย่างไรก็ไม่สนใจ”“ยิ่งบรรดาฮูหยินที่ไม่อาจมีบุตรชายให้แก่จวนของสามีได้อีก กลายเป็นแม่ไก่ที่ไม่สามารถออกไข่ได้ ก็เป็นที่รังเกียจของตระกูลสามีอีก โอ๊ย! สารพัดปัญหาหากคิดจะแต่งงานมีคู่ครอง”ฉินเจียวเยี่ยน “...”ข้าถามเจ้าเพียงประโยคเดียว ไยเจ้าจึงสรุปปัญหาชีวิตคู่ของคนทั้งเมืองมาให้ข้าฟังเล่า?“เช่นนั้น เจ้าจึงเลือกที่จะสนุกกับ
“...” ฉินเจียวเยี่ยนขมวดคิ้ว “เจ้าเพิ่มชาบูเข้าไปเช่นนั้น ลูกค้าจะไม่มึนงงสับสนหรือ?”หลี่ชิงหงเลิกคิ้วแปลกใจ “มึนงงสิ่งใด? ข้าว่า ดีมิดี ลูกค้าบางส่วนก็ตั้งใจมากินชาบูเสียด้วยซ้ำ”ฉินเจียวเยี่ยนถามอย่างสงสัย ในขณะที่คีบเห็ดขึ้นมาจากหม้อทองแดง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“เฮ้อ... ข้าเป็นเจ้าของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอนะ” หลี่ชิงหงเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ข้าดูแลที่นี่มาตั้งแต่ยามตั้งไข่ แรกเริ่มเดิมทีมีลูกค้าเสียที่ใด น้ำชาเจ้ารสเลิศมากหรือ? ขนมที่เจ้าขายแปลกประหลาดจนมีแต่ที่นี่ที่เดียวหรือ?”เมื่อเห็นฉินเจียวเยี่ยนส่ายหน้าปฏิเสธ นางจึงเอ่ยต่อ “เพราะที่นี่ไม่ได้มีสิ่งใดที่พิเศษกว่าที่อื่นเลยอย่างไรเล่า? ข้าจึงต้องมองหาจุดขายอย่างอื่นมากเพิ่มเติม”“เจ้าจึงเลือกชาบู?” ฉินเจียวเยี่ยนเลิกคิ้วบางถาม ในขณะที่แอบคีบเนื้อแพะที่หลี่ชิงหงเป็นผู้คีบลงไปต้ม“ก็ใช่น่ะสิ” หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงักกับความคิดของตน “โชคดีว่าได้อาลี่คอยช่วยเหลือด้วย นับว่านางเป็นลูกค้าคนแรกของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอก็ว่าได้ นางชวนกู้ฮูหยินให้มาลิ้มลองชาบูที่นี่ก่อนเป็นรายแรก”
นับวัน กิจการของร้านเยว่หรงก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เครื่องประทินโฉมนานาชนิดขายดิบขายดี จนฉินเจียวเยี่ยนและหลี่ชิงหงตัดสินใจซื้ออาคารเพิ่มอีกหลายหลัง เพื่อทำการขยายสาขา ไม่ต้องให้ลูกค้าที่ตั้งใจมาซื้อของแออัดอยู่ที่สาขาหลักเพียงสาขาเดียวนอกจากนี้ ยังได้เพิ่มแรงงานจ้างชาวบ้านมาช่วยงานภายในร้านเยว่หรงมากขึ้น จัดสรรสวัสดิการจนชาวบ้านหลายคนแห่กันมาสมัครเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลี่ชิงหงก็รับคนจำนวนตามอัตราที่ขาดแคลนและจัดหางานให้ตามความเหมาะสมกับความสามารถที่แต่ละคนมีร้านเยว่หรงสาขาหลักและสาขาย่อยอีกสองแห่งได้มีการจ้างผู้จัดการมาดูแลร้านเรียบร้อย หลี่ชิงหงเพียงแต่ควบคุมการผลิตและตรวจบัญชีให้ถูกต้องเพียงเท่านั้นส่วนเวลาว่างที่เหลือ หลี่ชิงหงได้ย้ายตัวเองมาประจำการอยู่ที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอที่เพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นานโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอ หากมองจากภายนอกก็เป็นโรงน้ำชาธรรมดา แต่มีการจัดตกแต่งเรียบหรู เชิญชวนให้บรรดาฮูหยินและคุณหนูทั้งหลายมานั่งสนทนา จิบน้ำชา กินขนมว่าง แลกเปลี่ยนข่าวสารกันและกันสำคัญที่เสี่ยวเอ้อร์ทุกคนจะต้องเป็นหนุ่มน้อยวัยละอ่อนที่ม
เซียวชิงเฟิงพลิกกายลงจากเตียง ช้อนวงแขนอุ้มร่างไท่จื่อเฟยขึ้นมาในอ้อมกอด ฉินเจียวเยี่ยนเห็นทีว่าไม่น่าจะห้ามสวามีได้ จึงเอื้อมมือปลดม่านมุ้งลงครอบรอบเตียง‘อย่างน้อย ถ้าเจ๋อเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา จะได้ไม่เห็นภาพไม่ดีไม่งามเข้า...’เซียวชิงเฟิงยิ้มกว้าง ในขณะที่ตรงดิ่งไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่บริเวณมุมห้อง เขาทรุดตัวลงนั่ง บังคับให้ร่างแน่งน้อยนั่งคร่อมอยู่ด้านบน สองมือเริ่มเปลื้องผ้าของนางอย่างคุ้นเคย จนฉินเจียวเยี่ยนนึกฉุนแบบขำ ๆ“หม่อมฉันรู้นะเพคะ ว่าท่านพี่ชอบแกล้งเจ๋อเอ๋อร์”“หื้ม?” เซียวชิงเฟิงลากเสียงสงสัยราวกับถูกปรักปรำ แต่เมื่อสบตาแวววาวของฮูหยินที่จ้องมองมาอย่างรู้ทัน เขาจึงเลิกตีหน้าใสซื่อแล้วฟ้องอย่างตรงไปตรงมา “ก็เขามาแย่งเวลาของเจ้าไปจากข้า”ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจ ยกสองแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่าย “เจ๋อเอ๋อร์ใช้เวลาคลุกคลีใกล้ชิดอยู่กับเราไม่นานหรอกเพคะ เพียงไม่กี่ปี เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาก็จะติดสหาย ติดอาจารย์ แล้วก็จะห่างจากเราไปเรื่อย ๆ เองเพคะ”“...” เซียวชิงเฟิงนิ่งเงียบ “เช่นนั้น เมื่อเขาโตขึ้น ข้าจะพาเขาไปหอนางโลม”เพียะ!!
นับตั้งแต่วันที่เขาได้ค้นพบความสามารถที่ได้ยินเสียงของบุตรชาย เซียวชิงเฟิงก็สนุกกับการเย้าแหย่เซียวชิงเจ๋อเป็นอย่างมากชายหนุ่มมิได้คิดแปลกใจอันใดให้มากความกับความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลของบุตรชายแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรเสียก็ยังเป็นเพียงความคิดความรู้สึกที่เรียบง่าย ไม่ว่าจะโกรธ โมโห หิว แค้นเคือง หวงแหน หรือดีใจ ซึ่งเซียวชิงเจ๋อยังไม่มีความคิดเชิงซับซ้อนที่สามารถวางแผนร้ายกับเขาได้เซียวชิงเฟิงจึงยังคงชวนฉินเจียวเยี่ยนร่วมอภิรมย์ทุกค่ำคืน ยึดครองเวลายามราตรีของนาง จนทำให้นางตื่นสายขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เซียวชิงเจ๋อได้เห็นหน้ามารดาของเขาน้อยลงทุกวันแต่สิ่งที่ทำให้เซียวชิงเจ๋อโมโหเซียวชิงเฟิงมากขึ้นไปอีกคือทุกเช้าบิดาของเขาจะไม่เหลือน้ำนมให้เด็กน้อยเลยสักหยดเดียว!!‘พ่อยิสัยไม่ดี!!’แม้ว่า ฉินเจียวเยี่ยนจะพยายามห้ามปรามพระสวามีเพียงใดก็ตาม แต่สุดท้ายก็กลายเป็นภาวะจำยอมให้เซียวชิงเฟิงทำตามใจไปเสียทุกคืนแต่ยังโชคดีที่ช่วงเวลากลางวัน ฉินเจียวเยี่ยนกลับมามีน้ำนมให้เซียวชิงเจ๋อได้ดื่มกิน ช่วยให้เด็กน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากมารดาอย่
ประกายแสงสีทองทอดผ่านบานหน้าต่างทะลุเข้ามาในห้องนอนของเรือนอี้หง เสื้อผ้าอาภรณ์ของบุรุษและสตรีกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ร่างเล็กที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของสวามีค่อย ๆ บิดตัวอย่างเมื่อยล้าเปลือกตาขยับถี่ขึ้น ก่อนจะเห็นเพดานเรือนที่คุ้นตา ฉินเจียวเยี่ยนตื่นขึ้นมาตามเวลาของร่างกาย แม้ว่านางจะยังคงรู้สึกเมื่อยล้าจากกิจกรรมโลดโผนในยามค่ำคืนราวกับถูกฉีกทึ้งไปทั่วร่างมิรู้ว่าสวามีของนางอดอยาก กล้ำกลืนอดทนมานานเพียงใด ครั้นได้รับอนุญาตให้กิน เขาจึงได้ตะกละตะกลาม กลืนกินนางจนไม่เหลือกระดูก ช่วยนางร่วมชมลมวสันต์จนรุ่งเช้าเสียงเคาะประตูเรือนอี้หงดังขึ้นแผ่วเบา เมื่อฉินเจียวเยี่ยนรู้ดีว่า นี่เป็นเวลาที่นางจะต้องให้นมบุตรแล้ว แม้ว่า ตำหนักบูรพาจะได้เตรียมแม่นมไว้มากมาย แต่ฉินเจียวเยี่ยนก็ยังคงอยากจะให้นมบุตรด้วยตนเองมากกว่า“เข้ามาเถิด...” เสียงหวานแหบพร่า ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของใครอีกคนที่นอนเบียดซุกซบอยู่กับเอวของนาง สองแขนของเขาโอบกอดนางไว้หลวม ๆสงสัยท่านพี่คงจะเหนื่อย มิเช่นนั้น ป่านนี้คงจะลุกขึ้นแล้ว…ฉินเจียวเยี่ยนร