ลู่ผิงถิงเดินกลับเรือนท้ายจวนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี นางล้างมลทินความผิดของมารดาได้แล้ว นางเอาคนผิดที่ใส่ร้ายมารดามาลงโทษได้แล้ว
เหลือก็แต่คนผิดที่ทำร้ายพี่ชาย น้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้ม มือเล็กผสานฝ่ามือใหญ่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว สัมผัสละมุนอบอุ่นหัวใจ “ขอบคุณท่านอ๋อง ที่ช่วยให้หม่อมฉันล้างมนทินให้ท่านแม่ได้”
มู่เซียวเซ่อใช้นิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานออก “เช่นนั้นคืนนี้ ควรตอบแทนข้าอย่างไรดี” น้ำเสียงแฝงความหยอกล้อ นัยน์ตาทอประกายลึกล้ำ
ลู่ผิงถิงใช้มืออีกข้างทุบอกเขาเบา ๆ “วัน ๆ ท่านเอาแต่หมกมุ่นเรื่องพวกนี้
มู่เซียวเซ่อกลั้วหัวเราะ และจับมือเล็กที่ทุบตีเขาด้วยแรงที่ไม่สะทกสะท้านผิวมากุมไว้ จากนั้นเขาก็ก้มลงจุมพิตหลังมือเรียบเนียนนั้น “หมกมุ่นเพียงกับเจ้าเท่านั้น”
ลู่ผิงถิงหลุบตาลงอย่างเขินอาย เขาช่างมีสารพัดวิธีมาทำให้ใจนางสั่นไหว “หม่อมฉันไปหาท่านแม่ดีกว่า”
พอเขินอายทุกครั้งนางก็จะวิ่งหนี มู่เซียวเซ่อรู้ทันจึงคว้าเอวนางดึงเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ”
“ไม่ปล่อย” สายตาอ่อนโยนก้มมองคนตัวเล็กที่สูงเพียงอก
ลู่หงเวินอึ้งไปพักใหญ่ เขาผิดสัญญาต่อนาง สมควรแล้วที่นางเอ่ยคำนี้ที่ผ่านมาหน้ามืดตามัว แล้วตอนนี้มีสิทธิ์อะไรเรียกร้อง ให้นางอภัยให้ นางอยากได้อิสระ เขาก็จะมอบให้ลู่หงเวินพยักหน้ายอมรับอย่างเจ็บปวด “ได้” ตาของเขาพร่าเลือนเพราะมีน้ำใส ๆ นัยน์หน่วยตา“กระดาษและหมึกอยู่ที่โต๊ะนั่น” เวินหลินชี้ไปที่โต๊ะริมหน้าต่างลู่หงเวินลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอย่างไร้ชีวิตจิตใจ เขาทำทุกอย่างพังด้วยมือตัวเองยามจับพู่กันมือเขาสั่นสะท้านร้าวรานไปถึงใจ จับพู่กันนิ่งค้างอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน กว่าจะจรดปลายพู่กันลงบนกระดาษร่างหนังสือหย่า น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้มช้า ๆกระดาษแผ่นนั้นหนักมาก หนักจนเขาวางไว้บนโต๊ะไม่หยิบยื่นให้นาง เขียนเสร็จเขาลุกขึ้นยืนและสาวเท้าไปที่ประตู“ลู่หงเวิน...หงจื่อคือบุตรชายของท่าน ท่านจะปล่อยให้เขาตายอย่างอยุติธรรมแบบนี้ต่อไปหรือ”ฝีเท้าลู่หงเวินหยุดชงักไปเพียงครู่ ก้าวออกจากห้องปิดประตูด้วยจิตใจหนักอึ้งเมื่อออกมาจากห้องของเวินหลินแล้ว ก็เห็นบุตรสาวยืนมองด้วยสายตาผิดหวัง“ท่านพ่อมีหลักฐานการตายของพี่ใหญ่ใช่ไหมเจ้าค่
ลู่ผิงถิงเดินกลับเรือนท้ายจวนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี นางล้างมลทินความผิดของมารดาได้แล้ว นางเอาคนผิดที่ใส่ร้ายมารดามาลงโทษได้แล้วเหลือก็แต่คนผิดที่ทำร้ายพี่ชาย น้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้ม มือเล็กผสานฝ่ามือใหญ่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว สัมผัสละมุนอบอุ่นหัวใจ “ขอบคุณท่านอ๋อง ที่ช่วยให้หม่อมฉันล้างมนทินให้ท่านแม่ได้”มู่เซียวเซ่อใช้นิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานออก “เช่นนั้นคืนนี้ ควรตอบแทนข้าอย่างไรดี” น้ำเสียงแฝงความหยอกล้อ นัยน์ตาทอประกายลึกล้ำลู่ผิงถิงใช้มืออีกข้างทุบอกเขาเบา ๆ “วัน ๆ ท่านเอาแต่หมกมุ่นเรื่องพวกนี้มู่เซียวเซ่อกลั้วหัวเราะ และจับมือเล็กที่ทุบตีเขาด้วยแรงที่ไม่สะทกสะท้านผิวมากุมไว้ จากนั้นเขาก็ก้มลงจุมพิตหลังมือเรียบเนียนนั้น “หมกมุ่นเพียงกับเจ้าเท่านั้น”ลู่ผิงถิงหลุบตาลงอย่างเขินอาย เขาช่างมีสารพัดวิธีมาทำให้ใจนางสั่นไหว “หม่อมฉันไปหาท่านแม่ดีกว่า”พอเขินอายทุกครั้งนางก็จะวิ่งหนี มู่เซียวเซ่อรู้ทันจึงคว้าเอวนางดึงเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน“ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ”“ไม่ปล่อย” สายตาอ่อนโยนก้มมองคนตัวเล็กที่สูงเพียงอก
มือที่บีบคางสตรีตรงหน้าคายออก ใจสั่นไหวไปกลับคำพูดของนางตอนนั้นเพราะความยากจน เขาวางแผนให้นางร่วมหลับนอนกับลู่หงเวิน ส่งนางเข้าจวนลู่ที่ร่ำรวย เพื่อให้นางปอกลอกเงินทองมาให้เขาใช่ ทุกอย่างเป็นเพราะเขาเอง วันนั้นไม่คิดให้รอบคอบ อยากได้อยากมีจนหน้ามืดตาตามัว วันนี้รับผลกรรมสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียลูก สูญเสียเมีย มีเงินใช้ไม่ขาดมือแต่ไม่เคยมีความสุข เขาทำผิดไปแล้ว มาคิดได้ตอนนี้มันสายเกินไปเสียแล้วเกาเซวียนเข่าทรุด ร่างสูงใหญ่นั่งลงพื้นเย็นเฉียบโดยไร้ความรู้สึกลู่หงเวินยืนแข็งทื่ออยู่หน้าประตู เขาก้าวขาไม่ออกเมื่อได้ยินเรื่องราวที่คนในห้องพูดคุยกัน เขาลงโทษภรรยาเอกทั้งที่นางไร้ความผิด อุ้มชูเลี้ยงดูภรรยารองที่สวมเขาให้เขา โง่ดักดานเกินทน บุตรที่คิดว่าเป็นของตัวเองกลับเป็นบุตรของผู้อื่นลู่ผิงถิงจับแขนบิดาบีบเบา ๆ และส่งสายตาห่วงใยไปให้ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ทุบซ้ำ ๆ ให้ใจเขาแตกละเอียด น้ำตาลูกผู้ชายคลอเต็มเบ้า หนึ่งปีมานี้เขาแทบจะลืมเลือนการมีอยู่ของบุตรสาวและภรรยาเอกทิ้งทุกอย่างให้ฮูหยินรองดูแลจัดการ ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ สุดท้า
“พี่รองท่านจะไปวังหลวงรึ น้องฝากสิ่งนี้ให้ฝ่าบาทด้วย” ลู่ไป๋อิงมาดักรอผู้เป็นพี่ชายอยู่หน้าประตูจวน เพราะรู้ว่าพี่ชายต้องเข้าวังทันที หลังสืบเรื่องราชครูเฟยหลงได้ลู่หงปินรับแผ่นกระดาษมาแล้วคลี่ยิ้ม “นัดฝ่าบาทไปเที่ยวเล่นอีกแล้วรึ เจ้านี่จริง ๆ เลย ฝ่าบาทราชกิจรัดตัว นิสัยเอาแต่ใจของเจ้าก็พลาง ๆ ลงบ้าง”“รู้แล้วเจ้าค่ะ ข้าแค่คิดถึงฝ่าบาทเท่านั้น อีกอย่างข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับฝ่าบาทด้วย”ลู่หงปินลูบศีรษะน้องหญิงรองอย่างเอ็นดู “เช่นนั้นพี่ไปก่อน”“เจ้าค่ะ อย่าลืมส่งให้ถึงมือฝ่าบาทด้วยนะเจ้าคะ”ลู่หงปินหันมายิ้มให้น้องสาวแล้วก้าวขาขึ้นรถม้าเพื่อเข้าวังฮูหยินรองเดินเหม่อลอยเข้าห้องด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นางไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะฟื้นขึ้นมาในยามนี้ เพราะนางมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดแก้พิษนี้ได้จึงชะล่าใจ หากรู้เช่นนี้นางสังหารฮูหยินใหญ่ไปตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องมาพะว้าพะวังอย่างเช่นวันนี้ทางแม่นมเหมยไม่รู้มือสังหารจัดการได้หรือยัง ฮูหยิน รองกำลังหวาดกลัว กลัวว่าเรื่องทุกอย่างที่นางทำในอดีตจะถูกขุดคุ้ย
ลู่ผิงถิงยิ้มเล็กน้อยให้กับความหน้าด้านของสามี แล้วมองไปยังบิดา “ท่านแม่รู้สึกตัวแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพ่อกับพี่รองที่ทูลขอฝ่าบาท หมอหลวงมารักษาท่านแม่แล้ว และตอนนี้ท่านแม่ได้สติแล้วเจ้าค่ะ”กลางคืนนางสูญเสียพี่เสี่ยวซีไป เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีหมอหลวงจากในวังมาตามที่พี่ชายรองบอกไว้ลู่ผิงถิงต้อนรับหมอหลวงชราอย่างดี แล้วเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้หมอหลวงผู้นั้นฟังทั้งน้ำตานางขอร้องให้หมอหลวงบอกฝ่าบาทไปตามจริงว่า แม่ของนางมีพิษเหมันต์หลับใหลอยู่ในร่างกายทว่านางไม่ให้หมอหลวงชราตรวจร่างกายของมารดา เพราะยังไม่เชื่อใจจึงบอกปัดไปว่ามารดากินยาต้านพิษทุกวัน“ร่างกายของท่านแม่ดีขึ้นแปดส่วนแล้ว กินยาอีกเล็กน้อยก็จะหายเป็นปกติ เป็นท่านพ่อและพี่รองคิดมากไปเอง ขอบคุณท่านหมอที่ลำบากเดินทางมานะเจ้าคะ” ลู่ผิงถิงหยิบถุงเงินใส่มือหมอหลวงชรา “ท่านกลับไปรายงานว่าได้ตรวจและจ่ายยาให้ท่านแม่แล้วก็พอ” แหละนี่คือเหตุการณ์วันนั้นลู่ผิงถิงยิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปที่ฮูหยินรอง “ขอบคุณท่านแม่เล็กและน้องหญิงรองด้วย ที่ดูแลท่านแม่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาด้วยเจ้าค่ะ” ลู่ผิงถิงชำเลืองม
เมื่อมาถึงวัดเก้าหลินคนทั้งสองก็ไปไหว้พระขอพร จากนั้นลู่ผิงถิงก็เดินเล่นชื่นชมดอกไม้นานาพันธุ์ เดินชมนกชมไม้ไปทางเรือนพักของแม่ชีฮุ่ยหมิงอย่างแนบเนียนซึ่งแม่ชีฮุ่ยหมิงก็คือแม่นมเหมยเมื่อครายังไม่เข้าไปในร่มพระธรรมนั่นเองแม่ชีฮุ่ยหมิงกวาดใบไม้ที่หน้าเรือนนอนของตนอยู่ ลู่ผิงถิงเข้าไปยอบกายคำนับ “คารวะท่านภิกษุณี”“ประสก มาแล้วหรือ” แม่ชีฮุ่ยหมิงหรือแม่นมเหมย จำคุณหนูใหญ่แห่งจวนลู่ได้ นางเดินนำไปเรือนพักแล้ว ต้มชาผู่เอ๋อร์มาต้อนรับบุคคลทั้งสอง“รบกวนท่านภิกษุณีแล้ว” ลู่ผิงถิงเอ่ย“ล้วนเป็นชะตากรรมทั้งสิ้น การพบ การจาก ทุกอย่างมีโชคชะตากำหนด วันนี้คุณหนูใหญ่มาเพราะเรื่องสำคัญไม่ใช่หรือ”“ท่านรู้ว่าข้ามาด้วยเรื่องใดหรือ”แม่ชีฮุ่ยหมิงยิ้มเล็กน้อย “ถึงเวลาเสียที ถึงเวลาที่ข้าจะปล่อยวางได้แล้ว” แม่ชีฮุ่ยหมิงเอ่ยจากนั้นก็ลุกขึ้นไปหยิบม้วนกระดาษ สองม้วนยื่นให้ลู่ผิงถิงลู่ผิงถิงรับไว้แล้วเก็บใส่อกเสื้ออย่างรวดเร็ว“ขนมวันนั้นฮูหยินรองเป็นคนลงมือทำเองกับมือ...” พูดไม่ทันจบแม่ชีฮุ่ยหลินก็ตาเบิกกว้างใบหน้าเขียวคล้ำแล้ว ล้มลงพื้นหม