พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 7
ช่วงเที่ยงของวัน....@สนามแข่งรถ
ผู้คนที่มีใจรักในการแข่งรถต่างพากันเข้ามาในสนามเพื่อชมการแข่งขันในวันนี้ ทุกคนรู้ดีว่าวันนี้คาลอสกับจัสตินลงแข่ง และจะเปลี่ยนจากสนามแข่งรถธรรมดาให้เป็นสนามแข่งที่อาจนองไปด้วยเลือด เพราะความดุเดือดของทั้งคู่ในรอบที่แล้วยังสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เข้าชมไม่น้อย การแข่งขันวันนี้ไม่ได้รับการเผยแพร่ออกอากาศแต่อย่างใด เพราะความอันตรายในสนามไม่สามารถให้เยาวชนดูได้ แต่ในโซเชียลก็แตกตื่นกันตั้งแต่รู้ว่าคู่เดือดวันนี้เป็นใครทำให้ผู้คนแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก
จัสตินที่อยู่ในชุดนักแข่งกำลังเช็กสภาพรถเป็นครั้งสุดท้าย ก็ทำเอาสาวเล็กสาวใหญ่ที่อยู่แถวนั้นมองชายหนุ่มตาเป็นมัน รอยสักกร้าวใจทำเอาสาวๆอ่อนระทวย ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกตามแบบฉบับแบดบอยต่างเป็นที่ต้องการของเหล่าพริตตี้สาว แต่ทุกคนต้องรีบหันหนีเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของพริตตี้สาวที่มีข่าวว่ากำลังขั้วอยู่กับจัสติน
"ทำไมคุณไม่บอกคาร่าคะว่าวันนี้มีนัดลงสนามสำคัญ"
"ฉันอยากใช้สมาธิ" จัสตินบอกปัดไปด้วยความรำคาญ ถึงเขาจะเคยร่วมหลับนอนกับเธอแต่ก็ไม่ชอบผู้หญิงวุ่นวายตามติดชีวิตเขาทุกฝีก้าว
"ทำไมละคะ หลายวันมานี่เราไม่เจอกันทำให้คุณหงุดหงิดใช่ไหมคะ เอาไว้แข่งเสร็จแล้วเราไปฉลองที่ห้องคาร่าเหมือนเดิมไหมคะ" คาร่าก้มลงพอที่จะให้ชายหนุ่มได้เห็นหน้าอกคัพดีที่เนรมิตด้วยมีดหมอ
"คาร่า กลับไปซะ" จัสตินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความอำมหิต สายตาคมกริบคู่นั้นจ้องเธออย่างคาดโทษบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย สิ่งที่เธอกำลังยั่วยวนไม่มีผลต่อความรู้สึกเขาแม้แต่นิดเดียว
"ค่ะ" พริตตี้สาวหน้าบูดบึ้งเดินกระทืบเท้าออกไปห่างๆ และตวัดสายตาไปหากลุ่มผู้หญิงพวกนั้นที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ยเธออยู่ ทำเอาพริตตี้สาวหงุดหงิดมากกว่าเก่าที่จัสตินทำเหมือนไร้เยื่อใยกับเธอ ทั้งที่วันก่อนยังดุเดือดเผ็ดมันกันเกือบเช้า สุดท้ายพริตตี้สาวก็ต้องยอมกลับไปเพราะกลัวว่าจะทำให้มาเฟียหนุ่มไม่พอใจแล้วเธอจะไม่ได้อะไรจากเขาอีก
"เฮ้...มึงพูดกับสาวสวยแบบนั้นได้ไงวะ"
แค่ได้ยินเสียงก็ไม่ต้องหันไปมองว่าเป็นใคร เพราะมันคือคู่แข่งเขาวันนี้
"อีกครึ่งชั่วโมงจะลงสนามกูว่ามึงควรกลับไปในที่ของมึงจะดีกว่า" จัสตินหันมามองชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่แต่งกายคล้ายกับเขาด้วยท่าทางไม่พอใจ
"กูก็แค่อยากแวะมาให้กำลังใจคู่แข่งก็เท่านั้น แต่สายตามึงเหมือนรังเกียจกูเลยนะไอ้จัสติน"
"....." จัสตินนิ่งเงียบไม่อยากต่อล้อต่อเถียงเพราะเมื่อไหร่ที่เขาหมดความอดทน พื้นที่ตรงไหนก็เป็นสนามรบได้ทุกเมื่อ และอาจจะเปลี่ยนจากแข่งรถเป็นสงครามลูกปืนแทน
"อยากทำหน้าแบบนั้นสิเพื่อน...กูแค่อยากจะมาบอกอะไรนิดหน่อย ถ้ามึงทิ้งพริตตี้คนนั้น เท่ากับว่ามีผู้หญิงที่มึงทิ้งอย่างไร้เยื่อใยถึงสองคนอยู่ในสนามนี้เลยนะ ผู้หญิงที่มึงคลุกเข่าขอเป็นแฟนก็มาที่นี่เหมือนกัน อยากเจอไหมล่ะ" คาลอสยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่าเพราะเขารู้เรื่องราวในอดีตและปัจจุบันของจัสตินอยู่พอสมควร
"ถ้าพูดจบแล้วก็กลับไปซะ ก่อนที่กูจะหมดความอดทน" จัสตินกัดสันกรามแน่นด้วยความเดือดดาล ไม่แปลกที่คาลอสจะรู้เรื่องราวของเขา เพราะตัวเขาเองก็รู้เรื่องราวของศัตรูเช่นกัน จัสตินเข้าใจความหมายของคาลอสดีและรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครมีเพียงคนเดียวที่เขาลงทุนทำเรื่องแบบนั้น
"พอพูดถึงผู้หญิงคนนั้นความอดทนมึงต่ำจังนะ ชื่ออะไรนะ...อ่อกูนึกออกละ นับดาว ใช่ไหม"
เพล้ง
จัสตินโยนประแจในมือทิ้งจนเกิดเสียงดังและเพียงพริบตาบรรดาลูกน้องของทั้งสองฝั่งจ่อปืนใส่กันพร้อมที่จะปกป้องเจ้านายตัวเอง
"คำพูดของมึงกูไม่เคยเอามาคิดให้รกสมอง กลับที่ของมึงไปซะอย่าคิดเข้ามาปั่นประสาทกู ถ้าจะเล่นตุกติกไปเล่นกับกูในสนามกันตัวต่อตัว แต่จะว่าไปการที่มึงเข้ามาในเขตกูแล้วพาลูกน้องยกโขยงกันมาขนาดนี้แสดงว่ามึงก็กลัวกูอยู่ไม่น้อยนะคาลอส" จัสตินพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเหนือกว่า
"แน่จริงตัวต่อตัวกับกูจะดีกว่า อย่าเป็นลูกแหง่ที่หลบอยู่หลังคนอื่นเลย" จัสตินเดินเข้าไปใกล้คาลอสมากกว่าเดิมและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินแค่สองคน ท่าทางของจัสตินบ่งบอกถึงการหยามฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผย ก่อนจะถอยหลังห่างออกมาและพยักหน้าให้กับวินตันจัดการต่อ
วินตันผายมือเชิญคาลอสให้กลับออกไปอย่างนอบน้อมตามที่เจ้านายเขาต้องการ แต่ก็สังเกตเห็นท่าทางหงุดหงิดของศัตรู และไม่นานทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
หลังจากนั้นรถแข่งของจัสตินกับคาลอสก็ลงสู่สนาม เสียงเชียร์ดังกระหึ่มอย่างเช่นเคย ทุกคนรู้ดีว่าการแข่งขันวันนี้ดุเดือดไม่ใช่น้อย สายตาคมกริบมองไปยังคู่แข่งขันข้างๆ เห็นคาลอสยกยิ้มมุมปากพลางส่งสายตาไปขอบสนามซึ่งเป็นเต็นท์ของหน่วยฉุกเฉินโรงพยาบาล จัสตินตวัดสายตาไปมองจุดนั้นเพียงนิดอย่างไม่ใส่ใจ
"วันนี้นักแข่งหล่อมากเลยค่ะหมอนับดาว"
"หื้ม?" ฉันที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อมเงยหน้ามองพยาบาลสาวด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่มาถึงฉันแทบไม่สนใจอะไรเลยเพราะต้องเตรียมนั่นเตรียมนี่
"เขากำลังมองมาที่เราด้วยค่ะหมอ ถึงจะเห็นแค่ตาก็รู้ว่าคนด้านในหล่อแค่ไหน"
ฉันมองไปยังสนามแข่งที่ตอนนี้มีรถสองคันจอดเพื่อเตรียมความพร้อม ฉันรู้ว่ารถมารอแข่งสักพักแล้วแต่ไม่ได้สนใจ แต่พอเหล่าพยาบาลสาวต่างตื่นเต้นและพูดกันไม่หยุดก็ทำให้ฉันมองไปยังคนขับที่เปิดกระจกมองมาทางนี้เหมือนกัน แต่แล้วทุกอย่างกลับหยุดนิ่งเมื่อสายตาของฉันและเขาสบตากัน ถึงแม้จะเห็นเพียงแค่ดวงตาสองข้างเพราะต้องใส่อุปกรณ์เซฟตี้แต่ก็รู้ว่าคือ...
"จัสติน" นับดาวพูดชื่อนี้ออกมาเบาๆ ดวงตากลมโตวูบไหวอีกครั้ง คนที่ฉันพยายามลืมมาตลอด พยายามไม่พูดชื่อเขา ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องราวที่ทำให้ฉันต้องเจ็บช้ำเราก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย และไม่เคยต้องการเรียกร้องที่จะเจอเขาอีกแล้ว
"ทำไมหน้าซีดขนาดนั้นละ ไหวไหม" อานนท์รีบใช้หลังมือแตะเข้าที่หน้าผากมนเพราะสังเกตเห็นสีหน้าแฟนสาวซีดเผือดก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งเห็นมือของเธอสั่นเทายิ่งกังวลกลัวเธอจะเป็นลมหรือไม่สบาย
"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ" เมื่อได้สติฉันรีบหันไปตอบพี่นนท์ทันทีพร้อมกับเผยรอยยิ้มบางๆให้กับเขา และไม่คิดหันไปที่รถแข่งคันนั้นอีกเลย
"......" สายตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดของโรงพยาบาลแต่กลับมีผู้ชายอีกคนสวมชุดคล้ายเธอยืนอยู่ข้างๆและทำท่าทีราวกับเป็นห่วงเป็นใย จัสตินเบือนหน้าหนีทันทีแต่กลับสะดุดสายตาของคาลอสที่มองเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
จัสตินไม่ได้สนใจกับสายตาของศัตรูและกลับมาจดจ่ออยู่กับการแข่งขัน มือหนากำพวงมาลัยแน่นราวกับจะบีบให้มันแหลกคามือ ไม่รู้ทำไมอาการหงุดหงิดถึงเกิดกับเขาได้ทั้งที่เขากับเธอไม่เจอกันเลยเป็นเวลาหลายปี และเขาก็ไม่เคยอาลัยอาวรณ์เธอเลย
ตึ้ง....ตึ้ง....
เสียงสัญญาณเตือนให้ผู้แข่งขันเตรียมตัวดังขึ้นทำให้จัสตินหยุดคิดทุกอย่างและมุ่งมั่นอยู่กับการแข่งขันในวันนี้
บรื้น บรื้น...
เสียงรถแข่งทั้งสองคันคำรามแข่งกันเพื่อเรียกความฮึกเหิมของตัวเอง
"อีกหนึ่งนาทีเราจะเริ่มการแข่งขัน เรามาลุ้นกันว่าระหว่างจัสตินกับคาลอสใครจะชนะในการแข่งขันครั้งนี้ บอกเลยว่าวันนี้ต้องดุเดือดแน่นอนเพราะทั้งคู่ถูกขนานนามว่าราชสีห์แห่งสนามแข่งรถ อย่างที่เรารู้กันราชสีห์จะมีเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น จัสตินจะสามารถครองตำแหน่งที่หนึ่งตลอดกาลได้หรือไม่ การแข่งขันครั้งนี้ไม่มีใครรู้ว่าเงินเดิมพันมากน้อยแค่ไหนแต่ที่รู้กันคือศักดิ์ศรีจะมาหยามกันไม่ได้" เสียงประกาศของพิธีกรในสนามสร้างความลุ้นระทึกให้กับผู้เข้าชมไม่น้อย
บรื้น บรื้น...
ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง
ปี๊ดดดดด
บรื้นนนนน...
รถแข่งทั้งสองคันเหยียบคันเร่งจนมิดไมล์ จัสตินประคองรถด้วยความเร็วอย่างชำนาญ ต่อให้โค้งที่ว่ายากเขาก็สามารถพารถแข่งคู่ใจไปอย่างราบรื่นความเร็วไม่มีตกแม้แต่น้อย ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มเพราะตอนนี้รถแข่งของเขาก็ขึ้นมาเป็นคันแรกแต่ศัตรูตัวร้ายอย่างคาลอสก็จี้มาติดๆ
ตอนพิเศษ 4 สองอาทิตย์ต่อมา...เป็นวันแรกที่ได้กลับมาพักฟื้นที่บ้านต่อหลังจากอยู่โรงพยาบาลเกือบสองอาทิตย์ ฉันไม่เคยต้องนอนโรงพยาบาลนานขนาดนี้มาก่อนแม้จะเคยคลอดอันดามาแล้วเพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ครั้งนี้สามีเป็นคนบังคับให้อยู่ยาวจนมั่นใจเพราะอยากให้ฉันกับลูกอยู่ใกล้หมอ ส่วนอันดาต้องเรียนหนังสือระหว่างที่ฉันพักฟื้นร่างกายก็ต้องกลับมาอยู่บ้านคุณยาย อันดากลายเป็นพี่สาวที่พูดรู้เรื่องแม้จะได้เจอน้องเพียงสองอาทิตย์เท่านั้น ไม่มีร้องงอแง ไม่มีอ้อน และที่สำคัญไม่มีท่าทีอิจฉาน้องที่ได้อยู่กับฉันและจัสติน และวันนี้เจ้าพี่คนแสบก็ยิ้มหน้าบานที่จะได้อยู่กับน้องจริงจังสักทีตลอดเวลาที่ฉันอยู่โรงพยาบาลก็ได้จัสตินคอยช่วยเหลือทุกอย่าง ทำทุกอย่างให้ลูกด้วยตัวเอง จัสตินเรียนรู้จากฉันและเรียนรู้จากพยาบาลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำ สระผม ชงนม แม้กระทั่งเช็ดอึให้ลูก จัสตินก็ทำได้โดยไม่อิดออดและไม่มีความรังเกียจแม้แต่น้อย เวลามองสามีทำอะไรเพื่อตัวเองและลูกมันทำให้ฉันภูมิใจที่ได้เขาเป็นสามี เหมือนตอนนี้ที่ได้เห็นเขากำลังอุ้มอันนาเข้าอกและร้องเพลงกล่อมเบาๆ ใครจะคิดว่าแบดบอยจะฮัมเพลงกล่อมให้ลูกหลับได
ตอนพิเศษ 3 เข้าสู่เดือนที่เก้า ห้องทำคลอด"ไหวไหมคะ" นับดาวถามจัสตินด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นสีหน้าของเขาซีดเผือดตั้งแต่เข้ามาในห้องคลอด และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ลูกสาวตัวน้อยจะได้ลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก สำหรับฉันเป็นครั้งที่สองกับการคลอดลูกก็ยังคงมีความตื่นเต้นแต่ก็รู้วิธีการต่างๆทั้งหมดทำให้เบาใจไปเยอะ แต่คนที่น่าเป็นห่วงก็หนีไม่พ้นว่าที่พ่อลูกสองทั้งตื่นเต้นและดีใจตั้งแต่ฉันเจ็บท้อง จนถึงตอนนี้จัสตินเข้ามาในห้องคลอดกับฉันเขาก็ยังวิตกกังวลอย่างหนัก ใบหน้าคมคายมีแต่ความตึงเครียดจนเหงื่อไหลตามกรอบหน้า กลับกลายเป็นฉันเองที่ต้องคอยถามเขาตลอดมือหนาประสานมือคนตัวเล็กไว้แน่น หัวใจแกร่งเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งตอนเธอเข้ามานอนในห้องคลอดเขายิ่งสติแตกแต่พยายามคุมตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ เขานับถือใจนับดาวที่คลอดอันดาอย่างโดดเดี่ยวในตอนนั้นจริงๆ พอเห็นแบบนี้แล้วเขาต้องดูแลเธอและลูกให้เป็นอย่างดีและรักเธอกับลูกมากกว่าชีวิตตัวเอง คุณค่าของความเป็นแม่มันยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน"หมอจะทำการกรีดปากช่องคลอดแล้วนะครับ นับหายใจเข้าลึกๆนะ พี่จะ
ตอนพิเศษ 2"ดูสิคะ ตัวแสบคนโตมารอของฝากจากที่พ่อกับแม่หนีเที่ยวแล้ว" แค่เพียงรถตู้คันหรูขับเข้ามาในคฤหาสน์ก็เห็นสาวน้อยยืนยิ้มร่าอยู่หน้าประตูบ้าน ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าพ่อกับแม่จะกลับมาแล้ว และที่สำคัญคงรู้ว่าจะได้ของฝากแน่นอนไม่ชุดก็กระเป๋าแบรนด์เนมตามสไตล์ที่พ่อคนโปรดจะจัดสรรให้ลูกได้ริมฝีปากหนาระบายยิ้มกว้างมองตามที่นับดาวบอกและคอยประคองนับดาวลงจากรถ"อันดาช่วยถือของค่ะ""ช่วยแบบหวังรางวัลไหมคะ" ฉันอดที่จะแซวอันดาไม่ได้เพราะความเจ้าเล่ห์มีเต็มเปี่ยม"ไม่หวังค่ะเพราะรู้ว่าต้องได้อยู่แล้ว""ตัวแค่นี้แก่นใหญ่แล้วนะเรา""พ่อจะลืมของรางวัลคนสวยได้ยังไงกันล่ะ ทั้งหมดนี่ของอันดาครับ ว่าแต่ที่พ่อเคยสอนไว้ว่าถ้าของใครคนนั้นต้องถือเข้าไปเองจำได้ไหมนะ" จัสตินทำลอยหน้าลอยตาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำลูก แต่เขารู้ว่ายังไงอันดาต้องถือของไปเองอยู่แล้ว"พี่ๆไม่ต้องช่วยค่ะ เดี๋ยวอันดาถือของอันดาเข้าเอง พี่ๆยกของน้องกับของแม่นับดาวเข้าไปได้เลยค่ะ ส่วนของพ่อจัสตินไม่ต้องค่ะ เพราะพ่อจัสตินบอกของใครคนนั้นต้องถือเอง แต่แม่นับดาวท้องน้องอยู่เลยยกไม่ไหวไม่เป็นไรค่ะ แม่นับดาวไม่ต้องถือ" อันดาพูดเจื้อยแจ้วและส่
ตอนพิเศษ 1 ห้าเดือนต่อมา...หน้าท้องน้อยๆของนับดาวยื่นออกมาอย่างชัดเจน ผิวพรรณเปล่งปลั่งกลายเป็นคุณแม่ลูกสองที่ใครๆก็ชมว่าสวยกันทั้งนั้น ออร่าเปล่งประกายจนทุกคนเหลียวมองไปตามๆกัน แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกใจกับสิ่งนี้ ใบหน้าบูดบึ้งตลอดเวลาเมื่อพานับดาวออกมาข้างนอก ไม่ว่าจะโรงพยาบาลหรือช็อปปิ้ง ไม่เคยมีรอยยิ้มบนใบหน้าคมคายมีแต่จ้องจะหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว"มองอะไรกันนักหนา คนนี้เมียกู มองก็ไม่ได้ ยิ้มก็ไม่ได้ ห้ามแตะต้อง" จัสตินพูดกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มองเมียสุดที่รัก อีกทั้งยังกล้ายิ้มให้นับดาวต่อหน้าต่อตาเขา"ขอโทษครับ ผมแค่เคยรักษาแผลกับคุณหมอคนสวย" วัยรุ่นหนุ่มรีบก้มหัวให้และวิ่งแจ้นไปเลย"พี่จัสตินคะ อีกแล้วนะ เด็กคนนั้นนับเคยทำแผลให้ตอนเขารถล้มค่ะ น้องเขาแค่ทักทายหมอคนที่ทำให้แผลเขาหายเฉยๆ" ฉันถึงกับกลอกตามองบนเมื่อได้เห็นพฤติกรรมโผงผางของสามีราวกับจงอางหวงไข่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จัสตินจะเป็นแบบนี้เสมอเพียงเพราะฉันออกมาข้างนอก เขาจะตามติดเป็นปลิงและคอยหาเรื่องคนที่มองฉันทุกคน จนบางครั้งกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนต้องให้ลูกน้องมาเคลียร์ถ้าจัสตินเคลียร์เอ
พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 61ช่วงเช้าของวันใหม่ ดวงตากลมโตมองที่ตรวจครรภ์ด้วยแววตาสั่นระริก มือบางสั่นเทากับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ริมฝีปากบางระบายยิ้มกว้างพร้อมกับหยดน้ำตาที่หยดลงบนที่ตรวจครรภ์พอดี"มาอยู่กับแม่แล้วนะตัวน้อย มาเป็นน้องของพี่อันดานะคะ แข็งแรงนะลูก" มือบางลูบหน้าท้องตัวเองพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ต่อให้ท้องนี้เป็นท้องที่สองแต่ก็ยังตื่นเต้นเหมือนเดิม ตั้งแต่กลับมาจากบ้านของชาร์ล ทั้งฉันและจัสตินก็นอนไม่ค่อยหลับได้แต่มองนาฬิกาเมื่อไหร่ฟ้าจะสว่างเพราะการตรวจตอนเช้าจะแม่นยำที่สุดทำให้เราอดใจรอ โดยเฉพาะจัสตินที่แทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่มันไม่แปลกเลยเพราะสำหรับจัสตินความรู้สึกนี้คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสดวงตากลมโตมองกระจกเงาในห้องน้ำพร้อมกับระบายยิ้มกว้างราวกับคิดอะไรแผลงๆก่อนจะเปิดประตูออกไปแกร่ก"เป็นไงบ้างนับ ลูกมาไหม" จัสตินถามทันทีเมื่อเมียสุดที่รักเปิดประตูห้องน้ำออกมา เขายืนลุ้นอยู่หน้าห้องจนใจจะขาด ร่างกายทุรนทุรายอย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืน แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบลงเมื่อเห็นหน้านับดาวเศร้าและนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย หัวใจแกร่งกระตุกวูบ สีหน้าตื่นเต
พลั้งรักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 60หลายเดือนต่อมา"มีอาการอะไรบ้างไหม" น้ำเสียงเข้มถามเมียสุดที่รักอย่างใจจดใจจ่อและแสดงสีหน้าลุ้นกับคำตอบเมียออกมาอย่างเปิดเผย"ไม่มีค่ะ ปกติทุกอย่าง" ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มก่อนจะนั่งลงบนตักแกร่ง ทำให้ท่อนแขนแกร่งของจัสตินโอบรั้งตัวฉันไว้อัตโนมัติหลังจากปฏิบัติการทำลูกในวันนั้นจนมาถึงตอนนี้เขายังคงถามถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวฉันอยู่ทุกวัน แต่พอได้คำตอบที่ไม่ถูกใจใบหน้าคมคายก็จะหงอยลงทันตาเห็น ในครั้งนั้นหนึ่งอาทิตย์เต็มที่ฉันกับเขามีอะไรกันแทบทุกเวลาแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนฉันต้องให้กำลังใจจัสตินมาเรื่อยๆจนตอนนี้ผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่มีปฏิกิริยาของลูกน้อย อดที่จะสงสารว่าที่คุณพ่อลูกสองไม่ได้จริงๆต่อจากเหตุการณ์ที่เขาขอแต่งงานสุดเร่าร้อนในคืนนั้นไม่ถึงเดือนเราก็จัดงานแต่งงานเล็กๆแบบอบอุ่น มีอันดาร่วมในงานพร้อมกับเพื่อนสนิทของเราและแม่ของฉันที่เข้าร่วมพิธีสำคัญในวันนั้น ทางครอบครัวของจัสตินเขาขอไม่พูดถึง ฉันก็เข้าใจเมื่อถูกจี้ใจดำเรื่องครอบครัว จัสตินเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังเหมือนเขาได้ระบายความรู้สึกจริงๆออกมาและมันก็น่าหดหู่สำหรับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่โตมาโดยไ