ธีธัสไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับพ่อเลย ตั้งแต่จำความได้เขาก็อยู่กับแม่มาตลอด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรขาดในชีวิต เพราะแม่เป็นทุกอย่างของเขาแล้ว ทั้งที่แม่ก็เป็นเพียงช่างตัดเสื้อผ้าธรรมดา
พอโตขึ้นมาก็เคยถามถึงพ่อ แม่ก็บอกเพียงว่าพ่อตายไปตั้งแต่เขายังเด็ก พอบอกอยากดูรูปพ่อ ใบหน้าแม่ฉายชัดความเศร้า และนั่นทำให้เขารู้ว่าพ่อกับแม่อาจจบกันไม่ดี เขาก็เลยไม่กล้าถามอะไรแม่อีก แม้จะแคลงใจว่าจริงๆ แล้ว พ่อตายไปแล้ว หรือพ่อกับแม่เลิกรากันเฉยๆ
ส่วนเรื่องครอบครัวแม่นั้น ธีธัสรับรู้จากปากแม่ว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อแม่เสียเพราะอุบัติเหตุทางรถตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่ป้ามาตลอด กระทั่งป้าเสียก็เดินทางมาหางานทำในกรุงเทพฯ และไม่เคยกลับบ้านเกิดอีกเลย แม้แต่ตอนที่พาเขาออกจากบ้านหลังเดิม ที่เคยเขาเคยอยู่ตั้งแต่เกิด แม่ก็พาเขาไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง
ทว่าก็ทิ้งเขาไปในวันที่เขากำลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ด้วยอุบัติเหตุ มีรถพุ่งชนขณะเดินข้ามถนน หลังจากไปจ่ายตลาด
คนขับรถกระบะเมา และถูกดำเนินคดี พร้อมจ่ายเงินชดเชย เขาได้เงินจำนวนนั้น และเงินประกันชีวิตของแม่สำหรับใช้จ่ายในเรื่องการเรียนและชีวิตประจำวันของตนเอง รวมทั้งทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย
เขาไม่ได้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือจะฟุ่มเฟือย หรือจับจ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิต ในตอนนั้นเขาคิดว่าตนเองโชคดีมากที่มีคนรักที่ดี ไม่ได้บ้าวัตถุหรืองอแงจะให้เขาซื้อเสื้อผ้า ข้าวของแพงๆ ให้ เหมือนแฟนสาวของเพื่อนบางคน
เมื่อเรียนจบปริญญาตรีเขาก็ทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง อยู่ฝ่ายการตลาด ตั้งใจทำงาน เก็บออม เพื่อสานฝันว่าวันหนึ่งจะสร้างครอบครัวกับคนที่เขารัก
แต่ฝันทุกอย่างก็ทลายลง พร้อมกับความจริงที่ว่าความรักที่ดีไม่มีอยู่จริง
เงินเท่านั้นที่จะทำให้ความฝันของคนเราเป็นจริงได้
ตอนนั้นเขาหมดแรง ทั้งโกรธแค้น ผิดหวัง แต่ก็ยังตัดใจไม่ได้ นอนจมน้ำตา ไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกง่วง ไม่มีแรงจะลุกไปทำงาน
เวลาผ่านไปนับเดือนเขาก็ดีขึ้น แม้ความทรงจำระหว่างเขากับดาริณจะหลอกหลอน แต่เขาพยายามมีชีวิตให้เดินหน้าต่อไป เริ่มต้นสมัครงานแห่งใหม่
ขณะที่รองาน เงินเก็บเริ่มพร่องไปเยอะ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน ที่บอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายต่างแม่ของเขา
เมื่อเจออีกฝ่ายก็ได้รับรู้ว่าพ่อจ้างนักสืบเอกชนตามหาเขา โดยเริ่มจากชื่อจริงและนามสกุลของแม่ กระทั่งรู้ว่าเขาเคยเรียนอยู่ที่ไหน กระทั่งได้เจอกัน
จากนั้นชีวิตเขาก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป ยกเว้นอะไรบางอย่างในใจ ที่แม้จะพยายามแค่ไหน เขาก็สลัดมันทิ้งไปไม่ได้
ธีธัสไม่เคยลืมสิ่งที่ดาริณกระทำกับเขา! แถมยังมีความทรงจำหวานชื่นคอยหลอกหลอนจนบางคืนก็นอนไม่หลับ ในทุกที่ที่มีความทรงจำ เขาไม่คิดจะย่างกรายไป แต่พ่อดันเขียนพินัยกรรม ยกรีสอร์ต ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของครอบครัวให้เขา
ที่นั่น...เขาเคยไปเที่ยวกับดาริณ โดยที่ตอนนั้นไม่รู้ว่านั่นคือธุรกิจของครอบครัวพ่อตัวเอง
ส่วนโรงแรมที่เป็นธุรกิจหลักนั้นให้พี่ชายต่างแม่ของเขา ธีรดนย์
อีกฝ่ายจึงหัวเสียที่เขาไม่ไปดูแลธุรกิจที่เป็นมรดกจากพ่อ เพราะธีรดนย์ดูแลรีสอร์ตให้ตั้งแต่เขาไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก จากนั้นเขาก็ถือโอกาสใช้ชีวิตหาประสบการณ์ทำงานอีกสามปี เพิ่งจะกลับเมืองไทยเมื่อเดือนก่อนนี้เอง เขายอมรับพยายามบ่ายเบี่ยงและหลบเลี่ยงที่จะไปดูแลรีสอร์ต จนทำให้ธีรดนย์หัวเสีย อีกฝ่ายคงคิดว่าเขาขี้เกียจ วันๆ เอาแต่เที่ยวและมั่วผู้หญิง
ธีธัสปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจไปตามนั้น
เพราะเขาบอกความจริงอีกฝ่ายว่า ไม่อยากไปทำงานที่นั่น เพราะครั้งหนึ่งเคยมีความทรงจำที่แสนหวาน ก่อนสุดท้ายกลายเป็นยาพิษ ที่เผาไหม้ใจอยู่ตอนนี้
ธีรดนย์คงเยาะเย้ยในความอ่อนแอของเขา
ถึงธีรดนย์จะไม่ใช่พี่ชายต่างแม่แบบในละครหลังข่าว ที่ชอบแข่งขันชิงดีชิงเด่น หรือเกลียดชังกัน แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนปากร้าย และกวนประสาทพอควร
แต่เขาก็ยอมรับว่าธีรดนย์เป็นเพียงคนเดียวในครอบครัว อรุณกรที่ต้อนรับเขาอย่างเต็มใจ พร้อมดูแลปกป้องยามที่ถูกญาติๆ รังเกียจว่าเป็นเพียงลูกเมียน้อย บางคนประชดประชันที่จู่ๆ เขาได้รับมรดกจากพ่อ ที่นอกจากรีสอร์ตแล้ว ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อสังหาริมทรัพย์อีกหลายรายการ รวมทั้งเงินสดก้อนโตอีกจำนวนหนึ่ง รวมๆ แล้วมรดกที่ได้รับจากพ่อก็มีมูลค่านับพันล้าน
เหมือนกลายร่างจากยาจกเป็นเศรษฐีในพริบตา แต่พ่อคงคิดล่วงหน้าถึงปัญหาของเขากับเครือญาติ ถึงได้ยกรีสอร์ตให้เขาแต่เพียงคนเดียว เพื่อทุกคนจะได้สบายใจว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของครอบครัว ซึ่งคือโรงแรม โดยมีธีรดนย์เป็นคนดูแลในตำแหน่งกรรมการบริหาร ด้วยหุ้นที่มากกว่าเครือญาติทั้งหมด
เขาเคยถามธีรดนย์ว่าทำไมถึงดีกับเขา อีกฝ่ายตอบว่า พ่อให้ดูแลเขา และตบท้ายด้วยว่า
‘แม่ฉันเคยทำร้ายแม่แกจนต้องพาแกหนีไป ตอนนี้ก็ถือเสียว่าฉันทำเพื่อไถ่โทษที่แม่ฉันเคยทำไม่ดีกับแกและแม่แล้วกันนะ’
คำตอบนั้นตรงไปตรงมา ถึงไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเกินจะรับได้ ตอนนี้แม่ของธีรดนย์ก็จากโลกไปแล้ว
แต่เพราะเหลือกันอยู่สองคน ท่ามกลางหมู่ญาติที่อยากรวบหุ้นในธุรกิจหลักทั้งหมดไว้เสียเอง ธีรดนย์เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบในดงญาติๆ ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นตามวันเวลา แม้ส่วนใหญ่เขาจะอยู่เมืองนอกเสียมากกว่า แต่ก็คุยกันตลอด จนรู้สึกเหมือนเราก็ไม่ได้ต่างจากพี่น้องในครอบครัวอื่นๆ
"""""""""""""""
ตอนพิเศษ : ครอบครัวของเรา สี่ปีต่อมา...“พ่อจ๋า หนูจะเตะบอลกับพี่ดรีม” เด็กหญิงดาริธัส ที่เพิ่งอายุครบสามขวบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาบอกผู้เป็นพ่อ ขณะเดินเล่นในสวนด้วยกัน ส่วนพี่ชายวัยเก้าขวบกว่านั้นกำลังเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานวันนี้เป็นวันเสาร์ ลูกทั้งสองเรียนเปียโนในช่วงสายถึงเที่ยง ตอนบ่ายเลยได้เล่นสนุกกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งลูกชายคนโตนั้นได้ชวนเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนมาเตะบอลด้วยกันที่สนามหญ้าข้างบ้าน โดยมีน้องสาวคนเดียวนั่งเชียร์อยู่ริมสนามกับผู้เป็นพ่อ พอเห็นพี่เล่นกันสนุกสนาน เจ้าตัวก็นึกอยากเล่นบ้าง“ไม่ได้หรอกลูก พี่ๆ จะชนหนูล้ม หรือไม่บอลจะโดนหนูแรงๆ ไว้ให้พี่เขาเล่นกับเพื่อนๆ เสร็จแล้ว หนูค่อยเล่นกับพ่อนะ”ตัวเล็กทำหน้าผิดหวัง แต่ก็พยักหน้ารับ ธีธัสหอมแก้มยุ้ยที่แดงปลั่งนั้นด้วยความเอ็นดูลูกสาวของเขาหน้าตาถอดแบบมาจากคุณแม่ราวกับแฝด รวมทั้งผิวพรรณขาวเนียน ใบหน้าเล็กๆ กับผมสองจุกยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเหมือนตุ๊กตา โดยเฉพาะดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วตอนนี้เด็กหญิงดาริธัส เรียนอยู่อนุบาลหนึ่ง ชอบไปโรงเรียนมาก เพราะชอบเล่นกับเพื่อนๆเมื่อเด็กผู้ชายเลิกเล่นฟุตบอล และพากันไปกินของ
แล้วเขาก็เปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ท่าวูแมนออนท็อป ดาริณขย่มลงบนท่อนเนื้อเขาอย่างเร่าร้อน ขณะที่มือใหญ่ก็เคล้นคลึงทรวงอวบที่เด้งขึ้นลงตามจังหวะขย่มของเธอผมยาวของเธอสะบัดไปมา ใบหน้าบิดเบ้ ปากครางเสียงดังลั่น ร้องเรียกชื่อผู้เป็นสามีไม่หยุดธีธัสชอบดาริณในทุกอย่างที่เป็นเธอ ยามปกติเธอก็น่ารัก อ่อนหวาน ยามรักก็ร้อนแรงและไม่มีเหนียมอาย ทั้งการกระทำและคำพูดปลุกเร้าเขาได้อย่างดี ดาริณไม่เคยบ่นกับบทรักของเขาที่บางครั้งก็อ่อนโยน บางเวลาก็ร้อนแรงถึงขั้นดิบเถื่อน แต่แน่นอนไม่ถึงขั้นเจ็บหรือมีบาดแผล นอกจากร่องรอยของสัมผัสที่มีอยู่บนร่างกายบทสุดท้ายก่อนถึงปลายทาง ธีธัสอุ้มร่างกลมกลึงไปวางบนโต๊ะมุมห้อง จับขาชันเป็นรูปตัวเอ็ม ก้มลงดูดกลีบอวบอูมอีกครั้ง เพื่อให้เธอเร่าร้อนจนแทบคลั่ง ก่อนสอดแท่งร้อนเข้าหา กระแทกสะโพกใส่อย่างดิบเถื่อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังต่อเนื่อง ประสานกับเสียงครวญครางหวานหวิวและเสียงคำรามแหบพร่าของธีธัส กระทั่งเสร็จสมในเวลาเกือบพร้อมๆ กันจากนั้นเขาก็อุ้มเธอไปวางบนเตียง กอดคลอเคลียพร่ำคำรักอย่างอ่อนโยน กระทั่งหลับใหลไปด้วยกันทั้งคู่สามเดือนต่อมาคำว่าสวยงามเหมือน
“คุณแพม เธอสวยและเซ็กซี่จังนะคะ” เธอพูดในสิ่งที่ยังค้างคาใจ“กำลังรอให้ดาถามเรื่องเขาอยู่เหมือนกันนะ”“ถ้าพี่อยากเล่าอะไรเกี่ยวกับเขาก็เล่าได้ค่ะ ดาพร้อมฟัง”“หึงหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ค่ะ แต่หวงนิดหน่อย”“นิดหน่อยแน่นะ”“ไม่แน่ใจเลยค่ะ เพราะแวบหนึ่งดาก็คิดอยากให้พี่ธีกลับไปเป็นธีธัส ศิวารักษ์เหมือนเดิม เผื่อว่าพี่จะได้ดูด้อยกว่าคุณแพมในเรื่องฐานะ ส่วนหน้าตาก็รู้อยู่ พี่ธีเบ้าหน้าฟ้าประทาน”“อวยผัวตัวเองเกินไปแล้วนะ แต่ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าคนอื่นๆ พูด ส่วนเรื่องคุณแพมไม่มีอะไร ก่อนหน้านั้นเขาก็ติดต่อพี่ตามปกติ กระทั่งครั้งล่าสุด พี่ปฏิเสธจะเจอเขา ให้เหตุผลไปแล้วเรื่องดากับลูก เขาก็ยอมรับ แต่ครั้งนี้ที่มาเจอกัน เพราะเขาอยากเจอพี่ครั้งสุดท้าย อยากเห็นดากับลูกเท่านั้นแหละ”“ท่าทางเขาคงชอบพี่มาก”“ก็น่าจะชอบปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องคุณแพมหรอก ไม่ว่าเขาจะชอบพี่มากหรือน้อย แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีที่จะไม่ยุ่งกับคนมีครอบครัว ไว้ใจได้”“ฟังพี่ธีพูดแบบนี้แล้ว ดาไม่คิดมากแล้วค่ะ”“แสดงว่าก่อนหน้านี้คิด”“นิดหนึ่ง” แล้วดาริณก็หัวเราะกลบเกลื่อนที่เขารู้ทัน“เมื่อก่อนดาริณคนนี้มั่นใจในตัวพี่มาตลอดนะ ว่าพี่
เมื่อคิดถึงว่าพวกเขาเคยมีเซ็กซ์ที่เร่าร้อนต่อกันมากแค่ไหน สิ่งที่เขากับเธอ ธีธัสจะเคยทำกับผู้หญิงเหล่านั้นบ้างไหม แม้บางอย่างธีธัสบอกว่าทำกับเธอเพียงคนเดียว แต่เมื่อคิดว่าพวกเขากอดตรงนั้น จูบตรงนี้ พอคิดแล้วก็แปลบๆ ดี แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะเธอทิ้งเขาก่อน ความรู้สึกของเธอตอนนี้ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ก็แล้วกันจากนั้นดาริณก็สูดลมหายใจลึกๆ ปลุกปลอบใจตัวเอง“ดา น้องดรีม มาด้วยรูปด้วยกันที่สระว่ายน้ำเถอะ” ธีรดนย์ร้องเรียก พร้อมกวักมือเรียก ขณะนั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำบ้านพักตากอากาศของตระกูลอรุณกรนั้น ธีธัสบอกกับดาริณว่า ผู้ที่รับมรดกเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คือธีรดนย์ ส่วนธีธัสได้กรรมสิทธิ์เป็นเพนส์เฮ้าส์ตากอากาศที่หัวหิน ซึ่งเขาบอกเธอว่ายังไม่เคยมีโอกาสได้ไปพักผ่อน มีแต่ธีรดนย์ที่ใช้ที่นั่นบ่อยครั้งที่หัวหินนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำระหว่างเธอกับเขาสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน เพราะเขาเคยพาเธอไปเที่ยวหลายครั้ง พอเลิกกันแล้วก็ไม่อยากไปเที่ยวที่นั่นอีกแต่ในเมื่อคืนดีกันแล้ว เขาก็อยากพาเธอกับลูกไปพักผ่อนที่นั่น แต่ครั้งนี้เลือกมาที่ภูเก็ต เพราะเธอยังไม่เคยมีโอกาสมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง บ
บทส่งท้าย : เป็นความรักเสมอมาริมชายหาด หน้าบ้านพักตากอากาศอรุณกรในจังหวัดภูเก็ต เด็กชายธีรดาเล่นปั้นดินปั้นทรายอยู่กับธีรดนย์อย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่พ่อกับแม่ของเด็กชายนั้นกำลังถ่ายรูป“หอมแก้มกันหน่อย” อติรุจบอกคู่รักที่กำลังโอบกอดกันอยู่ริมชายหาด ขณะที่ตัวเขาเองกำลังทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น ด้วยการถือกล้อง DSLR ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงธีธัสสนองต่อการเรียกร้องของเพื่อนรักด้วยการหอมแก้มภรรยา แถมจูบให้อีกหนึ่งฟอดใหญ่“พอๆ ให้หอมเฉยๆ ไม่ได้ให้จูบ” อติรุจแซว แต่ก็กดชัตเตอร์รัวๆกระทั่งเด็กชายธีรดาที่เนื้อตัวเปื้อนทรายวิ่งมาหา“ดรีมอยากถ่ายรูปคับ”“มาสิลูก” ธีธัสอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน จากนั้นภาพสามคนพ่อแม่ลูกก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าภาพคู่ของธีธัสกับดาริณเสียอีก รวมทั้งภาพที่เล่นน้ำทะเลกันด้วย ธีรดนย์เข้ามาแจม ด้วยการแกล้งน้องชาย แทรกกลางระหว่างระหว่างธีธัสกับดาริณ“อะไรของพี่ ผัวเมียเขาจะถ่ายรูปกัน” ธีธัสว่า“อะไรของแก พี่ชายจะถ่ายรูปกับน้องสะใภ้และหลานชายบ้างไง” ธีรดนย์ผลักธีธัสออกจากเฟรม แล้วอุ้มเด็กชายธีรดาไว้ แล้วร้องบอกช่างภาพ“ถ่ายพี่หล่อๆ นะ”“ครับผม” แล้วอติรุจก็กดชัตเตอร์รัวๆ จนธีรดนย์พ
“โสดค่ะ เพิ่งเลิกกับแฟนมาไม่นานนี่เอง”“งั้นเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมคะพี่ดา”“ถ้าว่างก็แวะไปเที่ยวที่อรุณกรรีสอร์ตสิ คุณธีเป็นเจ้าของที่นั่น และพี่ก็ช่วยงานในคาเฟ่ของรีสอร์ต”“อรุณกรรีสอร์ตเหรอคะ!” เพราะนั่นคือรีสอร์ตหรู ราคาห้องพักค่อนข้างแพง เธอก็ได้แต่เล็งๆ ไว้ว่ามีแฟนก็อยากให้ผู้ชายคนนั้นพาไปพักผ่อนที่นั่นบ้าง เพราะอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก“ใช่ค่ะ ว่างก็ไปเที่ยวนะคะ ขอตัวก่อน ได้เวลากินของว่างน้องดรีมแล้ว” จากนั้นดาริณก็หยิบชุดว่ายน้ำ ที่เล็งไว้สามสี่ชุด รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับเดินเล่นชายหาดอีกหลายชุด แล้วเดินไปจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตที่ธีธัสให้ไว้อย่างเชิดๆ ทำให้น้ำรินมองด้วยสายตาริษยาอย่างปิดไม่มิดอยากมีชีวิตดีๆ แบบนี้บ้าง อยากมีผัวรวยๆ นั่นคือเป้าหมายในชีวิตของน้ำริน ส่วนดาริณนั้น เธอมั่นใจว่าข่าวซุบซิบเรื่องเธอกับลูกชายคงต้องเป็นข่าวที่อัปเดตใหม่เร็วๆ นี้แล้วในตอนเย็นเมื่อธีธัสเลิกงานดาริณก็เล่าเรื่องที่เจอน้ำรินให้อีกฝ่ายฟัง“ก็หวังว่าเขาจะได้เรื่องใหม่ไปซุบซิบน่ะ” ดาริณบอกจุดประสงค์ในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้น้ำรินรู้“พวกเขาจะนินทาว่าดาท้องแล้วจับผู้ชายคนนั้นน่ะสิ