หน้าหลัก / มาเฟีย / พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี / เขาคง...ไม่ได้ห่วงฉันหรอกมั้ง

แชร์

เขาคง...ไม่ได้ห่วงฉันหรอกมั้ง

ผู้เขียน: ohpal
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-09 01:57:13

: ลู่จิน

ภายในลิฟต์พี่หลินอี้ยังคงมองหน้าฉันนิ่งไม่คาดสายตาแถมยังทำหน้าดุจนฉันงงไปหมดว่าไปทำให้เขาไม่พอใจตอนไหนกัน ทั้งๆ ที่วันนี้ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยสักอย่าง

"พี่จะมองฉันด้วยสายตาดุๆ นั้นอีกนานไหม?"

"ไม่ตอบแชท ไม่ขอบคุณ ไม่แจ้งว่าตกลงได้งานไหม...มันคืออะไรลู่จิน"เขาพูดรัวๆ แสดงถึงความไม่พอใจที่ฉันเมินเฉยต่อข้อความเขา แต่ฉันมีเหตุผลนะ...ก็คนเราทำงานวันแรกจะให้หยิบโทรศัพท์มาตอบแชทก็คงดูไม่ดี แต่ถ้าตอบเขาแบบนี้เขาจะคิดว่าข้ออ้างไหมนะ

"เอิ่ม..."

"พูด"

"ขอบคุณสำหรับเงินที่โอนมาให้ค่ะ ฉันจะใช้อย่างระวัง...แล้วงานก็ได้ทำแล้วค่ะ วันนี้เริ่มงานแล้ว"ฉันพูดลากเสียงยาวพร้อมกับก้มหัวต่ำให้เขาอย่างจงใจประชด แต่ดูเหมือนหลินอี้จะไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเลยแถมยังดูโมโหกว่าเดิมเสียอีก

"ไป๋ลู่จิน...แล้วทำไมเธอไม่ตอบแชท"

"ฉันทำงานวันแรกนี่ จะให้มาจับโทรศัพท์มันก็น่าเกลียดพี่เป็นเจ้าคนนายคนอยากให้ลูกน้องตั้งใจทำงาน แต่ลูกน้องเอาแต่เล่นโทรศัพท์พี่จะชอบหรือเปล่าละ"

"อย่ามาย้อนนะ เธอแค่บอกได้งานแล้ว เลิกช่วงเย็นหรือช่วงดึกแค่นั้นมันยากเหรอ?"เขาถามฉันพร้อมคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันช้าๆ ท่าทางเขาตอนนี้ดูอยากจะตีฉันแรงๆ มากเลย

"ขอโทษค๊า วันนี้เลิกงานห้าโมงเย็นค่ะ"

ฉันยกมือไหว้ท่วมหัวเป็นการขอโทษ อันที่จริงฉันก็พอเข้าใจอยู่หรอกเขาคงคิดว่าฉันโกหกเรื่องมาสมัครงานแล้วหนีไปเที่ยวแน่ๆ

เขาไม่เคยมองฉันในแง่ดีอยู่แล้วตานี่น่ะ ดูจากสายตาไม่เชื่อของเขาเมื่อเช้าก็รู้ แต่ยังไงสะประสบการณ์การอยู่คนเดียวของฉันมันก็มากพอจะทำให้ฉันหาเงินเลี้ยงตัวเองเป็น

"กินอะไรหรือยัง"

"หะ?"

"เมื่อเช้าตื่นเช้ามากนี่ แล้วนี่ก็ยังไม่ถึงเวลาพักเที่ยงไม่หิวเหรอ?"

เขาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เย็นลงราวกับคนละคนจากเมื่อครู่ ที่แท้เขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ย อุตส่าห์ห่วงใยสุขภาพช่องท้องของฉันด้วย

"ก็หิวแต่อยากทำงานให้เต็มที่ก่อน แต่ฉันไม่ได้พักเที่ยงหรอกฉันพักบ่ายน่ะ ช่วงเที่ยงเห็นพี่โชนบอกว่าคนจะเยอะ"

"โชน?"พี่หลินอี้ทวนชื่อพี่โชนทันทีอย่างสงสัยก่อนจะหรี่ตาลงต่ำแล้วจ้องมาที่ฉันอีกครั้งอย่างจับผิด แถมมือทั้งสองข้างที่ถูกปล่อยสบายๆ ข้างลำตัวเมื่อครู่ยังยกขึ้นมากอดอกไว้แน่นอีกต่างหาก

"พี่เจ้าของร้านค่ะ"

"งั้นบ่ายรอที่นั่นจะพาไปกินข้าว"

"ไม่เอาค่ะ มีน้องที่เป็นคนไทยทำงานอยู่ด้วยฉันอยากไปกินกับน้องเขาจะได้สนิทกันเร็วๆ"

"คนปากมากอย่างเธอไม่ต้องกินข้าวด้วยกันก็สนิทกันได้"

"นี่ชม?"ฉันเท้าเอวมองใบหน้าหล่อนั้นอย่างหาเรื่อง ทำให้เขาถึงกับหัวเราะออกมาในท่าทางพร้อมตบตีของฉัน สำหรับเขาฉันพร้อมเถียงเสมอ ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าคนอาศัยเขาอยู่แต่ก็ต้องเถียงก่อนค่อยขอโทษทีหลัง

"ไปเถอะ"

"หะ?"

พอลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่งพี่หลินอี้ก็จับเข้าที่ข้อมือฉันก่อนจะลากฉันเดินออกมายังหน้าประตูท่ามกลางสายตาของพนักงานที่กำลังซุบซิบนินทากันเสียงดัง ทำเอาฉันรีบตีเข้าที่มือหนานั้นรัวเพื่อหวังจะให้เขาปล่อยแต่ดูเหมือนเจ้าของมือนั้นจะไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยสักนิด

เขาลากฉันข้ามถนนมาหยุดอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อที่ห่างจากคาเฟ่ประมาณร้อยเมตร ก่อนที่เจ้าตัวจะสั่งให้ฉันยืนรออยู่ด้านหน้าอย่าเพิ่งกลับร้าน แล้วเขาก็หายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อนั้นเฉยเลย

ฉันก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ...แต่ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นห่วงฉันอยู่ไม่น้อยเลย คงกลัวถูกปู่ฉันด่าแน่นอนอาการทำดีเอาหน้าแบบนี้ ผ่านไปไม่นานเจ้าตัวก็ออกมาพร้อมกับข้าวปั้นญี่ปุ่นหนึ่งก้อนเขาแกะมันออกก่อนจะยืนมันมาตรงหน้าฉัน

"อะไร?"

"กินให้หมดแล้วฉันจะปล่อยเธอไป"เขาพูดพร้อมกับยื่นก้อนข้าวปั้นมาใกล้ฉันอีก

"ฉันรอถึงช่วงพักค่อยกินก็ได้"

"มันอีกตั้งสองชั่วโมงลู่จิน ท้องเธอทนไม่ไหวหรอกรีบกินจะได้กลับไปทำงาน"เมื่อเขาขึ้นเสียงดุอยู่ๆ มือฉันก็ยื่นไปรับก้อนข้าวปั้นนั้นมากัดราวกับถูกมนต์สะกด ก็ไม่ได้กลัวที่เขาดุหรอกนะเพียงแต่ว่าร่างกายมันไปเอง

"พี่สั่งร้านคาเฟ่ที่ฉันทำประจำเหรอ?"ฉันกัดข้าวปั้นไปและถามคนตรงหน้าไป

"ครั้งแรก ปกติเห็นพนักงานสั่งเลยให้สั่งให้"ฉันนิ่งไปกับคำตอบที่ดูเฉยเมยนั้น แต่ทำไมมันกับทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ

"..."

"ตอนแรกก็กลัวอยู่ว่าคนมาส่งจะไม่ใช่เธอ"

"หะ?"

"เกือบไม่ได้ดุที่เธอไม่ยอมตอบแชทฉัน"

เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินข้ามถนนกลับไปที่บริษัทหน้าตาเฉย เหลือไว้เพียงแค่ฉันที่ยังมึนงงกับคำพูดเมื่อครู่ของเขา เขาสั่งกาแฟเพื่อมาดุหรือเพื่อมาถามว่าทำไมฉันไม่ตอบแชทกันแน่ ตาบ้านี่โทรมาก็จบแล้ว ไม่ก็ส่งข้อความมาดุก็ได้ จำเป็นต้องดุกันต่อหน้าหรือไง?

ตึง

'จางหลินอี้'

'เลิกงานจะกลับพร้อมฉันก็ให้มาที่บริษัท คืนนี้ฉันคงทำงานเสร็จหลังร้านเธอปิด'

ฉันอ่านข้อความแล้วได้แต่หัวเราะ เขาคิดว่าฉันจะกลับวิธีอื่นหรือยังไง? ถึงเขาจะให้เงินมาขนาดนั้นฉันก็ไม่ใช้หรอกในเมื่อฉันมีเขาค่อยเป็นคนขับรถไปรับไปส่งอยู่แล้ว ทำไมต้องเปลืองเงินด้วยละจริงไหม

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   บทส่งท้าย...รอยยิ้มที่สดใส

    "ฉันชอบรอยยิ้มของเธอที่สุด ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น"เสียงของมู่อี๋เฉินเบาราวกับลมถูกเอ่ยออกมาเมื่อร่างเล็กของหญิงสาวในดวงใจเดินออกจากร้านไปจนลับตา กว่าเขาจะทำใจมาแสดงละครกับเธอในวันนี้ได้ก็เล่นเอาหนักใจไม่น้อย...เพราะเขาเองก็ชอบเธอมาก คนที่เป็นพลังบวกให้คนรอบข้างอย่างลู่จินเขาไม่อยากจะเสียเธอไปเพียงเพราะคบกันไม่ได้ เขาจึงจำยอมจะต้องลดความรู้สึกตัวเองลงเพื่อให้ตัวเองยังมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนั้นไม่ว่าจะสถานะใดก็ตาม"สวัสดี"มู่อี๋เฉินเอ่ยทักชายหนุ่มที่เดินเข้ามานั่งแทนที่ของลู่จินที่เพิ่งออกไปได้ไม่นาน จริงๆ เขาเห็นหลินอี้แอบมองมาตั้งแต่ตอนที่ลู่จินนั่งรออยู่ตรงนี้แล้ว การที่หลินอี้ทนเก็บความหึงได้ขนาดนั้นคงมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเป็นแน่"เรื่องของลู่จิน..."หลินอี้เอ่ยเปิดประเด็นด้วยเสียงนิ่ง"ไม่ต้องห่วง ผมขอกลับไปเป็นเพื่อนกับเธอ"มู่อี๋เฉินเอ่ยแทรกประโยคของหลินอี้ เขารู้ดีว่าใบหน้าตึงเครียดนั้นคงคิดว่าเขาจะมาตามเซ้าซี้ลู่จินจนกังวลใจ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อคนตรงหน้าได้คำตอบที่ชัดเจนจากเขาคิ้วที่ถูกผูกโบเป็นปมก่อนหน้าก็ค่อยๆ คลายออกราวกับโล่งใจ"ทำไมตอนนี้ถึงยอมแพ้"หลินอี้พูดโดยที่ห

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม

    : บริษัทจางหลิน: ลู่จิน ฉันถูกปู่ไล่กลับมาช่วยงานที่บริษัทกับพี่หลินอี้หลังจากที่เราอยู่เฝ้าปู่กันถึงสามวันติด ทำให้ตอนนี้งานที่บริษัทยุ่งเหยิงไปหมด และฉันเชื่อว่าพี่หลินอี้จะไม่เหนื่อยขนาดนี้เลยถ้าตอนอยู่อเมริกาเขาหัดรับสายเลขาเสียบ้าง "พี่หลินอี้มีอะไรให้หนูช่วยไหม"ฉันถามขึ้นด้วยความเบื่อเหนื่อยเมื่อเล่นเกมจนชนะไปทุกด่านแล้ว นี่ก็ผ่านมาครึ่งวันเข้าไปแล้วพี่หลินอี้ก็ยังคงนั่งอ่านเอกสารและแก้เอกสารอยู่ที่เดิมไม่ขยับ "ไม่มีครับ เบื่อเหรอ?"พี่หลินอี้วางปากกาพร้อมหันมามองสบตาฉันผ่านแว่นตาใส ภาพของเขาตอนนี้มันช่างหล่อเหลาจนสามารถสะกดให้ฉันไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยจริงๆ"ก็...เบื่อสิคะ หางานให้ทำหน่อย"ฉันพูดอ้อนก่อนจะเดินตรงไปกอดคอแฟนหนุ่มของตัวเองไว้หลวมๆ เป็นการเอาใจ ตอนนี้บอกตามตรงฉันไม่รู้จะทำอะไรแก้เบื่อแล้ว "อยากทำอะไรละ? ให้พี่กินหนูฆ่าเวลาดีไหม"คนเจ้าเล่ห์พูดพร้อมยื่นใบหน้าเข้ามาขโมยหอมที่แก้มฉันเสียงดัง ฟอด ตั้งแต่คบกันมาเขาก็เอาเปรียบฉันอยู่เรื่อยเลยแถมยังไม่เคยจะเลือกที่อีกต่างหากเรียกได้ว่าว่างเป็นเอาเปรียบไม่รู้ว่าอดอยากมาจากไหน"คิดแต่เรื่องลามก!""ก็เห็นครางสะเพรา

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   วินาทีที่แล้วก็เป็นอดีต

    หลังจากกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม ลู่จินก็ยังคงนั่งมองไปนอกหน้าต่างนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิดมากมาย จนหลินอี้ที่เอนตัวทำงานอยู่บนเตียงข้างกันถึงกับต้องเก็บงานแล้วขยับตัวเข้าไปโอบเมียสาวไว้ก่อนจะเกยคางลงบนบ่าเล็กอย่างเอาใจ เขารู้ว่าเธอคงคิดมากเรื่องคุณปู่ไม่น้อยอีกทั้งเธอยังไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วมันเป็นเพียงแผนการของท่านเท่านั้น ไม่แปลกที่เธอจะกังวลอันที่จริงการผ่าตัดของปู่ลู่จินผ่านไปได้ด้วยดี เนื้องอกส่วนนั้นถูกตัดได้อย่างปลอดภัย จะเหลือเพียงแค่รอให้แผลฟื้นตัวดีขึ้นก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ อีกทั้งการตรวจสุขภาพครั้งใหญ่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"คิดมากเรื่องคุณปู่เหรอ""คิดถึงช่วงเวลาที่ทำให้ครอบครัวหนักใจค่ะ""หมายถึง?""ที่หนูหนีไปทุกคนคงเป็นห่วงมาก...ตอนนั้นหนูโกรธจนไม่ติดต่อใครเลยแต่สุดท้ายทางบ้านก็ยังส่งคนตามหาและตามดูแลห่างๆ""ท่านคงห่วง...""แต่หนูก็ทำเป็นไม่รู้ใช้ชีวิตของตัวเองไป หางานทำเลี้ยงตัวเอง เที่ยวกับเพื่อนทุกวัน...ยังดีที่งานพิเศษรายได้ดีหนูเลยไม่ต้องติดต่อขอเงินทางบ้าน แต่การที่หนูไม่ติดต่อมันก็ทำให้หนูพลาดไปหลายอย่าง..."เสียงลู่จินอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนหลินอี้ต้

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   อยากชดใช้

    ร่างสวยยืนนิ่งอยู่ที่ประตูห้องพักผู้ป่วยวีไอพีโดยที่มีมือหนาของหลินอี้คอยจับที่บ่าไว้ตลอด ทั้งที่ตลอดการเดินทางมาลู่จินทำใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะเข้มแข็ง แต่ด้วยความที่เธอไม่เคยเห็นคุณปู่ป่วยจนนอนโรงพยาบาลมาก่อน บอกตามตรงมันทำให้เธอรู้สึกหน่วงที่ใจจนเจ็บ"ไม่เป็นไรนะลู่จิน คุณปู่แค่อ่อนเพลียจากการผ่าตัด"หลินอี้ยังคงปลอบใจแฟนสาว ทำให้ลู่จินมีแรงใจขึ้นมาแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องพักอย่างสงบ ก่อนที่สายตาสวยของเธอจะมองสำรวจไปทั่วห้องสีขาวแล้วมาหยุดที่ร่างชายสูงวัยบนเตียงผู้ป่วย ร่างนั้นเต็มไปด้วยสายออกซิเจนและสายยางมากมายถูกเชื่อมเข้ากับตัวที่ยังคงนอนนิ่งภาพที่เห็นทำเอาลู่จินถึงกับจุกอกจนน้ำตาไหลเธอได้แต่ก้าวเท้าเข้าไปหาท่านช้าๆ โดยไม่สนคำทักทายของพ่อและแม่ตัวเองด้วยซ้ำ ก่อนที่จะวางมือเล็กลงบนมือที่ทั้งขาวซีดและเหี่ยวแห้งตามกาลเวลานั้น "ลู่จินลูกเพิ่งมาถึงทำไมไม่ไปพักก่อนละลูก"แม่ของลู่จินเดินเข้ามาลูบเข้าที่ผมลูกสาวเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นลู่จินก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับ เธอเอาแต่มองใบหน้าชายสูงวัยที่กำลังนอนหลับนิ่งพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม"ลู่จิน ตอนนี้คุณปู่เพิ่งได้รับยานอนหลับไปไม่ต้องคิดมาก”

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   แบ่งมันมาได้

    หลังจากลงไปส่งแม่ขึ้นรถไปที่สนามบินเสร็จ หลินอี้ก็รีบขึ้นมาเก็บของเพื่อจะไปรับลู่จินและเตรียมใจจะบอกเธอเรื่องอาการป่วยของคุณปู่ ทั้งที่ในใจก็กำลังกังวลเรื่องความรู้สึกของลู่จินเขากลัวว่าเธอจะเสียใจ แต่เขาคิดว่าในเมื่อทั้งคู่เลือกที่จะคบหากันอย่างจริงจังแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเขาก็ไม่ควรปิดบังเธอเพียงไม่นานเมื่อเขาเดินทางมาถึงที่จอดรถของกองถ่ายก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลู่จินกำลังนั่งร้องไห้อยู่ริมฟุตบาทอย่างสะอึกสะอื้น จนหลินอี้ตกใจรีบจอดรถทิ้งไว้กลางทางแบบนั้นก่อนจะตรงเข้าไปโอบไหล่เธอไว้เพื่อปลอบขวัญ"เกิดอะไรขึ้น หนูเป็นอะไร"เขาถามอย่างร้อนใจในขณะที่มือก็ลูบไปตามเนื้อตัวของเมียสาวฟืบ !ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนจะโผล่กอดหลินอี้แน่นจนเขารับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นของหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาใส ก่อนเธอจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนไหวถึงสาเหตุที่ทำให้ร้องไห้หนัก"คุณปู่ไม่สบายเหรอ?""รู้แล้วเหรอ?"หลินอี้ถามแฟนสาวเบาๆ เธอพยักหน้าตอบรับก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้เขาซึ่งมันก็แสดงประวัติการโทรเข้าเป็นเบอร์ของคุณน้าแม่ของลู่จิน"แม่โทรมา บอกว่า อึกๆ ที่หายไปเพราะคุณปู่ไม่สบาย"เธอเงยหน้ามองสบตาแฟนหนุ่มด้ว

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   เพราะแม่ยังเป็นแม่เสมอ

    หลายวันต่อมาหลินอี้ยังคงทำงานตามปกติส่วนลู่จินแฟนสาวคนสวยวันนี้เธอขอไปออกกองเพื่อไปช่วยงานร้าน ซึ่งชายหนุ่มก็กำชับแฟนสาวอย่างเคร่งครัดว่าอย่าเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาจีบและอยู่ให้ห่างจากมู่อี๋เฉิน ช่วงบ่ายหลังจากเคลียร์งานเสร็จเขาจะรีบตรงไปรับเธอ"ประธานครับ""มีอะไรซูเฟีย ถ้าให้เซ็นเอกสารต่อไม่เอาแล้วนะ ฉันต้องไปรับลู่จิน"หลินอี้ตอบเลขาหนุ่มทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร ทำให้ซูเฟียหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่ยืนสง่าอยู่ด้านหลังซึ่งเธอก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าให้เขาออกจากห้องนี้ไปก่อน ส่วนเธอก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามลูกชายตัวดีก่อนจะใช้นิ้วเรียวสวยเคาะเบาๆ ที่โต๊ะเพื่อเรียกความสนใจของหลินอี้ให้เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อหลินอี้ได้เงยตามองขึ้นมาก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความแปลกใจ เพราะเดิมทีความสัมพันธ์ของเขาและพ่อแม่ค่อนข้างห่างเหินทำให้การได้พบกันระหว่างเขาและครอบครัวส่วนมากจะเกิดขึ้นทางธุรกิจ แต่ใช่ว่าเขาจะน้อยใจ...เขาเข้าใจดีว่าการทำธุรกิจมันยุ่งและวุ่นวายมากขนาดไหน"มาได้ยังไงครับแม่ ไม่เห็นบอกก่อนเลย"หลินอี้ยิ้มให้คนเป็นแม่อย่างอบอุ่น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status