Share

งานของฉัน

Author: ohpal
last update Last Updated: 2025-04-07 21:17:51

อีกด้านของลู่จิน เธอกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกลิ่นกาแฟหอมๆ และกลิ่นขนมปังอบที่ไม่ต้องกินก็รับรู้ได้เลยว่ารสชาติดี สายตาหวานก็มองสำรวจรอบตัวร้านระหว่างรอเจ้าของร้านออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ

คาเฟ่เป็นสไตล์มินิมอลที่เน้นสีขาวและสีของไม้เป็นการตกแต่งหลัก ทำให้สามารถนั่งมองได้อย่างเพลิดเพลินไม่รู้สึกเบื่อแถมยังสบายตา ที่นี่แยกทุกอย่างเป็นโซนได้อย่างดีแต่ที่เธอสนใจที่สุดคงจะเป็นของตกแต่งที่มองก็ดูรู้มาจากประเทศไทยเสียส่วนใหญ่ ไม่แน่เจ้าของร้านอาจจะเป็นคนที่ชอบเมืองไทยมากก็ได้

ตึง! เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจให้ลู่จินต้องหยิบมันขึ้นมาดู เจ้าของข้อความนั้นไม่ใช่ใครคือหลินอี้นั้นเอง

'โอนเงินค่าใช้จ่ายสำหรับอาทิตย์นี้ให้ ใช้อย่างประหยัด ได้งานหรือเปล่าก็บอกด้วย'

'จางหลินอี้'

หืม? ลู่จินอ่านข้อความจากแชทของหลินอี้อย่างแปลกใจเธอไม่คิดว่าเขาจะให้เงินเธอด้วยซ้ำ ด้วยความไม่เชื่อเธอจึงรีบเข้าเช็กในบัญชีทันที

'เงินเข้า 10,xxx'

"โหะ ของจริง0-0!!"ลู่จินถึงตกใจเมื่อเห็นยอดเงินเข้าที่โชว์อยู่หน้าจอ เธอไม่คิดว่าเขาจะห่วงเธอด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เมื่อเช้าเขาไม่ถามอะไรเธอสักคำ

"สวัสดีค่ะ"

ระหว่างที่ลู่จินกำลังก้มหน้าตะลึงกับยอดเงินอยู่นั้นข้างกายเธอก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นเรียกความสนใจจากหญิงสาวให้หันไปมอง ภาพตรงหน้าคือหญิงสาวในชุดลำลองเรียบร้อยกำลังลากเก้าอี้เธอออกมานั่งใกล้ๆ แถมยังยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ดูจากใบหน้าเล็กๆ นั้นเธอคงยังเรียนอยู่แน่นอน

"สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์งานเหมือนเหรอคะ"ลู่จินเปิดบทสนทนาก่อนเพื่อสร้างความสนิทสนม

"ค่ะ หนูชื่อนกยูงค่ะมาสมัครพาสไทม์ค่ะ"เด็กสาวยกมือไหว้ลู่จินด้วยความเคยชินจนทำให้ลู่จินต้องทักขึ้นเป็นภาษาไทยด้วยความสงสัย

"น้องเป็นคนไทยเหรอคะ?"

"โหะ! พี่พูดไทยได้! ค่ะหนูเป็นคนไทยพี่ก็เป็นคนไทยเหรอคะ?"

"พี่เป็นลูกครึ่งไทยค่ะ ชื่อไป๋ลู่จิน สวัสดีค่ะ"ลู่จินยกมือไหว้เด็กสาวบ้างจนคนตรงต้องรีบรับไหว้ตามมารยาท ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักเป็นภาษาไทยจนเจ้าของร้านเริ่มรู้สึกสงสัยในภาษาที่คุ้นหู

โชน...เจ้าของร้านวัย 27 ปี เดินออกมาจากห้องอบขนมด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะเขาเองก็เป็นคนไทยที่ย้ายมาอยู่ที่จีนด้วยเหตุผลบางอย่าง พอได้ยินภาษาไทยที่สำเนียงชัดเจนขนาดนี้มันก็อดจะให้ความสนใจไม่ได้

"โห..."

ทั้งสองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันเมื่อโชนเดินออกมาจากมุมที่มีแสงสว่างสอดส่องราวกับว่ากำลังเปิดตัวพระเอกหนัง เมื่อทั้งคู่มองเห็นร่างสูงโปร่งปรากฏตัวออกมาก็หันมายิ้มให้กันและกันอย่างรู้ทัน เขาทั้งหล่อและดูเป็นคนอบอุ่นจนสะกดสายตาของทั้งสองสาย ใบหน้าหล่อคมสามารถดึงดูดสายตาของทั้งคู่ให้หยุดมองได้อย่างดี

ร่างสูงถอดเสื้อคลุมกันเปื้อนแขวนไว้ข้างผนังก่อนจะลากเก้าอี้ออกมานั่งตรงข้ามทั้งสองคน ก่อนจะเทชาที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้ทั้งคู่ด้วยความสงบนิ่ง

"พวกคุณคือคนที่มาสมัครงานใช่ไหม?"โชนเอ่ยถามเป็นภาษาไทยเพื่อทวนความคิดว่าที่เขาได้ยินเมื่อครู่เขาไม่ได้คิดไปเอง

"ใช่ค่ะ คุณก็พูดภาษาไทยได้เหรอ"นกยูงเอ่ยถามเขาอย่างตื่นเต้น

"ผมเป็นคนไทยแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่...เข้าเรื่องเถอะไหนๆ ก็รู้ภาษาไทยกันหมดก็ใช่ภาษาไทยแล้วกันเอาเป็นว่าผมรับคุณทั้งสองคน"สองสาวอึ้งหันมองหน้ากันอีกรอบ อะไรมันจะรับคนเข้าทำงานง่ายขนาดนั้น

"ไม่ถามอะไรพวกเราก่อนเหรอคะ?"นกยูงเป็นคนเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความงง

"ไม่ ใครสมัครคนแรกก็รับคนนั้นทำงานไม่ดีค่อยไล่ออก"

คำพูดหนักแน่นของเขาทำให้ทั้งสองคนถึงขั้นกลืนน้ำลายลงคอ การที่เขาใช้วิธีรับสมัครพนักงานแบบนี้นั้นแสดงว่าเขาเป็นคนให้ความสำคัญกับอะไรที่เป็นสิ่งแรกมากจนทั้งคู่แปลกใจแต่ก็ยืนยันกับเขาไปว่าจะทำงานนี้ให้เต็มที่

ระหว่างรอลูกค้าโชนก็จัดการอธิบายและชี้แจงงานที่ทั้งสองต้องทำรวมถึงเวลาเข้างานของทั้งคู่ด้วย งานที่ได้รับมอบหมายนั้นดูจะไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากนักเพียงชอบเสิร์ฟและช่วยดูขนมปังนิดหน่อยเพราะงานส่วนมากในโซนครัวเขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด

แต่ว่าโชนได้เตือนทั้งสองคนไว้ล่วงหน้าว่าช่วงเวลาพักเที่ยงคนจะเยอะเป็นพิเศษแถมบางครั้งก็ต้องออกไปส่งของในแถวนี้ด้วยแต่

จะไม่ได้ส่งไกลนักถ้าจะให้นกยูงไปเขาค่อนข้างไม่ค่อยมั่นใจเพราะเธอเพิ่งได้ทุนมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยและเพิ่งมาอยู่ได้แค่เดือนเดียวทำให้ยังไม่ค่อยคล่องในการเดินทางเท่าไหร่นักลู่จินเลยอาสาเป็นคนทำหน้าที่ไปส่งแทนเพราะแถวนี้เธอค่อนข้างคุ้นเคย

"มีใครมีปัญหาไหม..."

"ไม่มีค่ะ"ลู่จินตอบ

"เอิ่ม พี่โชนคะ? คือหนูทำงานมากกว่าเวลาที่พี่กำหนดได้ไหม พอดีปีแรกของมหาวิทยาลัยหนูตารางเรียนไม่เยอะค่ะ"

นกยูงพูดพร้อมกับยกมือแนบหูเหมือนเด็กๆ ทำเอาลู่จินเอ็นดูเด็กสาวไม่น้อยเลย ส่วนโชนเขาก็พยักหน้าแทนคำตอบเนื่องจากยังไงสะค่าแรงของทั้งสองคนก็คิดเป็นชั่วโมงจะทำมากทำน้อยเขาก็ไม่ได้มีปัญหา

วันนี้ทั้งสองสาวเริ่มงานกันอย่างขะมักเขม้นและดูเหมือนว่านกยูงจะเข้ากับลู่จินได้ดีเป็นพิเศษ อาจจะเพราะทั้งคู่คุยกันถูกคอแถมยังเป็นผู้หญิงเหมือนกันทำให้โชนรู้สึกว่าร้านของเขาน่าเข้ามากขึ้นเยอะเลย ก่อนหน้านี้ที่เขามาเปิดร้านที่นี่มันถูกเปิดด้วยความเศร้าใจของตัวเขาเองทำให้บรรยากาศในร้านดูเงียบไปด้วยแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว

ร้านของโชนมีชื่อเดียวกันกับชื่อเขาคือ 'โชน' เนื่องด้วยตอนนั้นที่เขาหนีอาการอกหักมาจากเมืองไทยเลยอยากมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง พอเปิดร้านนี่ขึ้นกลับคิดชื่อไม่ออกเลยใช้ชื่อตัวเองแทน ที่นี่เปิดมาได้ปีกว่าๆ และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นทำให้เขาแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวนั้นเลยเป็นสาเหตุที่เขารับสมัครพนักงาน

"ลู่จิน"

"ค่ะ พี่"ลู่จินขานรับ

"ส่งของหน่อย ลาเต้กับครัวซอง สองชุด"

"ที่ไหนคะ?"

"บริษัทจางหลินตรงข้ามน่ะ ชั้นบนห้องผู้บริหาร"

ลู่จินที่กำลังเปิดถุงเตรียมของที่จะไปส่งหยุดถึงกับชะงักทันที จางหลินนี้มันบริษัทของจางหลินอี้แถมชั้นบนก็ยังเป็นห้องทำงานของประธานก็คือห้องของจางหลินอี้ซึ่งตอนนี้เธอไม่อยากจะเจอเขาเลย

ในใจลู่จินอยากจะหันไปวานให้นกยูงไปส่งของแทนแต่พอเห็นหน้าเด็กสาวที่กำลังเช็ดโต๊ะอย่างไม่รู้ภาษาเธอก็ต้องสูญหายใจเข้าลึกแล้วจัดการหิ้วของตรงไปยังบริษัททันที

...เอาน่าลู่จินยังไงมันก็คืองานของเธอ หรือนี่จะเป็นแผนอีตาหลินอี้ที่อยากจะแกล้งเราหรือเปล่า...

...จะเป็นไปได้ยังไงก็เรายังไม่ได้บอกเขาเลยว่าได้งานแล้ว...

ตึง...

ระหว่างที่ในสมองกำลังเถียงกันไปมาประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นความวุ่นวายมากมายในบริษัทใหญ่ ผู้คนต่างคุยกันจอแจจนไม่มีใครสังเกตเห็นเธอด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอได้ขึ้นมาเหยียบด้านบนของบริษัทไม่คิดเลยว่าจะดูยุ่งมากขนาดนี้

...แล้วห้องอีตานั่นไปทางไหนกันนะ...

"เอิ่ม? มีอะไรหรือเปล่ามองหาอะไรอยู่เหรอ?"

ชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีเข้มเอ่ยทักลู่จินที่เอาแต่ทำท่าทีลุกลี้ลุกลนจนไม่น่าไว้วางใจ ทำให้ซูเฟีย'เลขาประธานอย่างเขาต้องรีบเข้ามาสอบถามเธอเพื่อความมั่นใจ

"อ่อ มาส่งของค่ะ ห้องประธาน"ลู่จินตอบพร้อมชูของในมือให้เขาดู

"งั้นให้ผมก็ได้ ผมเป็นเลขาน่ะ...นี่เงินครับ"ซูเฟียยืนเงินให้ลู่จินแล้วรับของจากเธออย่างโล่งใจ

"ส่งเสร็จแล้วฉันขอตัวก่อนค่ะ"

กึก...ระหว่างที่ลู่จินกำลังดีใจที่ตัวเองไม่ต้องเจอหน้าหลินอี้ พอหันหลังจะเดินเข้าลิฟต์เท่านั้นกลับพบว่าจางหลินอี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ...

และเขากำลังมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไหร่นัก ทำให้ลู่จินเลือกที่จะไม่ทักเขาแล้วรีบสาวเท้าเดินผ่านหน้าเขาหนีเข้าไปในลิฟต์ คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ หลินอี้จะเดินตามเธอเข้ามาก่อนจะกดปิดลิฟต์โดยทันทีต่อหน้าเลขาที่กำลังยืนงงอยู่ด้านนอกพร้อมกับถุงกาแฟและครัวซองในมือ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   บทส่งท้าย...รอยยิ้มที่สดใส

    "ฉันชอบรอยยิ้มของเธอที่สุด ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น"เสียงของมู่อี๋เฉินเบาราวกับลมถูกเอ่ยออกมาเมื่อร่างเล็กของหญิงสาวในดวงใจเดินออกจากร้านไปจนลับตา กว่าเขาจะทำใจมาแสดงละครกับเธอในวันนี้ได้ก็เล่นเอาหนักใจไม่น้อย...เพราะเขาเองก็ชอบเธอมาก คนที่เป็นพลังบวกให้คนรอบข้างอย่างลู่จินเขาไม่อยากจะเสียเธอไปเพียงเพราะคบกันไม่ได้ เขาจึงจำยอมจะต้องลดความรู้สึกตัวเองลงเพื่อให้ตัวเองยังมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนั้นไม่ว่าจะสถานะใดก็ตาม"สวัสดี"มู่อี๋เฉินเอ่ยทักชายหนุ่มที่เดินเข้ามานั่งแทนที่ของลู่จินที่เพิ่งออกไปได้ไม่นาน จริงๆ เขาเห็นหลินอี้แอบมองมาตั้งแต่ตอนที่ลู่จินนั่งรออยู่ตรงนี้แล้ว การที่หลินอี้ทนเก็บความหึงได้ขนาดนั้นคงมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเป็นแน่"เรื่องของลู่จิน..."หลินอี้เอ่ยเปิดประเด็นด้วยเสียงนิ่ง"ไม่ต้องห่วง ผมขอกลับไปเป็นเพื่อนกับเธอ"มู่อี๋เฉินเอ่ยแทรกประโยคของหลินอี้ เขารู้ดีว่าใบหน้าตึงเครียดนั้นคงคิดว่าเขาจะมาตามเซ้าซี้ลู่จินจนกังวลใจ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อคนตรงหน้าได้คำตอบที่ชัดเจนจากเขาคิ้วที่ถูกผูกโบเป็นปมก่อนหน้าก็ค่อยๆ คลายออกราวกับโล่งใจ"ทำไมตอนนี้ถึงยอมแพ้"หลินอี้พูดโดยที่ห

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม

    : บริษัทจางหลิน: ลู่จิน ฉันถูกปู่ไล่กลับมาช่วยงานที่บริษัทกับพี่หลินอี้หลังจากที่เราอยู่เฝ้าปู่กันถึงสามวันติด ทำให้ตอนนี้งานที่บริษัทยุ่งเหยิงไปหมด และฉันเชื่อว่าพี่หลินอี้จะไม่เหนื่อยขนาดนี้เลยถ้าตอนอยู่อเมริกาเขาหัดรับสายเลขาเสียบ้าง "พี่หลินอี้มีอะไรให้หนูช่วยไหม"ฉันถามขึ้นด้วยความเบื่อเหนื่อยเมื่อเล่นเกมจนชนะไปทุกด่านแล้ว นี่ก็ผ่านมาครึ่งวันเข้าไปแล้วพี่หลินอี้ก็ยังคงนั่งอ่านเอกสารและแก้เอกสารอยู่ที่เดิมไม่ขยับ "ไม่มีครับ เบื่อเหรอ?"พี่หลินอี้วางปากกาพร้อมหันมามองสบตาฉันผ่านแว่นตาใส ภาพของเขาตอนนี้มันช่างหล่อเหลาจนสามารถสะกดให้ฉันไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยจริงๆ"ก็...เบื่อสิคะ หางานให้ทำหน่อย"ฉันพูดอ้อนก่อนจะเดินตรงไปกอดคอแฟนหนุ่มของตัวเองไว้หลวมๆ เป็นการเอาใจ ตอนนี้บอกตามตรงฉันไม่รู้จะทำอะไรแก้เบื่อแล้ว "อยากทำอะไรละ? ให้พี่กินหนูฆ่าเวลาดีไหม"คนเจ้าเล่ห์พูดพร้อมยื่นใบหน้าเข้ามาขโมยหอมที่แก้มฉันเสียงดัง ฟอด ตั้งแต่คบกันมาเขาก็เอาเปรียบฉันอยู่เรื่อยเลยแถมยังไม่เคยจะเลือกที่อีกต่างหากเรียกได้ว่าว่างเป็นเอาเปรียบไม่รู้ว่าอดอยากมาจากไหน"คิดแต่เรื่องลามก!""ก็เห็นครางสะเพรา

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   วินาทีที่แล้วก็เป็นอดีต

    หลังจากกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม ลู่จินก็ยังคงนั่งมองไปนอกหน้าต่างนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิดมากมาย จนหลินอี้ที่เอนตัวทำงานอยู่บนเตียงข้างกันถึงกับต้องเก็บงานแล้วขยับตัวเข้าไปโอบเมียสาวไว้ก่อนจะเกยคางลงบนบ่าเล็กอย่างเอาใจ เขารู้ว่าเธอคงคิดมากเรื่องคุณปู่ไม่น้อยอีกทั้งเธอยังไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วมันเป็นเพียงแผนการของท่านเท่านั้น ไม่แปลกที่เธอจะกังวลอันที่จริงการผ่าตัดของปู่ลู่จินผ่านไปได้ด้วยดี เนื้องอกส่วนนั้นถูกตัดได้อย่างปลอดภัย จะเหลือเพียงแค่รอให้แผลฟื้นตัวดีขึ้นก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ อีกทั้งการตรวจสุขภาพครั้งใหญ่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"คิดมากเรื่องคุณปู่เหรอ""คิดถึงช่วงเวลาที่ทำให้ครอบครัวหนักใจค่ะ""หมายถึง?""ที่หนูหนีไปทุกคนคงเป็นห่วงมาก...ตอนนั้นหนูโกรธจนไม่ติดต่อใครเลยแต่สุดท้ายทางบ้านก็ยังส่งคนตามหาและตามดูแลห่างๆ""ท่านคงห่วง...""แต่หนูก็ทำเป็นไม่รู้ใช้ชีวิตของตัวเองไป หางานทำเลี้ยงตัวเอง เที่ยวกับเพื่อนทุกวัน...ยังดีที่งานพิเศษรายได้ดีหนูเลยไม่ต้องติดต่อขอเงินทางบ้าน แต่การที่หนูไม่ติดต่อมันก็ทำให้หนูพลาดไปหลายอย่าง..."เสียงลู่จินอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนหลินอี้ต้

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   อยากชดใช้

    ร่างสวยยืนนิ่งอยู่ที่ประตูห้องพักผู้ป่วยวีไอพีโดยที่มีมือหนาของหลินอี้คอยจับที่บ่าไว้ตลอด ทั้งที่ตลอดการเดินทางมาลู่จินทำใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะเข้มแข็ง แต่ด้วยความที่เธอไม่เคยเห็นคุณปู่ป่วยจนนอนโรงพยาบาลมาก่อน บอกตามตรงมันทำให้เธอรู้สึกหน่วงที่ใจจนเจ็บ"ไม่เป็นไรนะลู่จิน คุณปู่แค่อ่อนเพลียจากการผ่าตัด"หลินอี้ยังคงปลอบใจแฟนสาว ทำให้ลู่จินมีแรงใจขึ้นมาแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องพักอย่างสงบ ก่อนที่สายตาสวยของเธอจะมองสำรวจไปทั่วห้องสีขาวแล้วมาหยุดที่ร่างชายสูงวัยบนเตียงผู้ป่วย ร่างนั้นเต็มไปด้วยสายออกซิเจนและสายยางมากมายถูกเชื่อมเข้ากับตัวที่ยังคงนอนนิ่งภาพที่เห็นทำเอาลู่จินถึงกับจุกอกจนน้ำตาไหลเธอได้แต่ก้าวเท้าเข้าไปหาท่านช้าๆ โดยไม่สนคำทักทายของพ่อและแม่ตัวเองด้วยซ้ำ ก่อนที่จะวางมือเล็กลงบนมือที่ทั้งขาวซีดและเหี่ยวแห้งตามกาลเวลานั้น "ลู่จินลูกเพิ่งมาถึงทำไมไม่ไปพักก่อนละลูก"แม่ของลู่จินเดินเข้ามาลูบเข้าที่ผมลูกสาวเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นลู่จินก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับ เธอเอาแต่มองใบหน้าชายสูงวัยที่กำลังนอนหลับนิ่งพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม"ลู่จิน ตอนนี้คุณปู่เพิ่งได้รับยานอนหลับไปไม่ต้องคิดมาก”

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   แบ่งมันมาได้

    หลังจากลงไปส่งแม่ขึ้นรถไปที่สนามบินเสร็จ หลินอี้ก็รีบขึ้นมาเก็บของเพื่อจะไปรับลู่จินและเตรียมใจจะบอกเธอเรื่องอาการป่วยของคุณปู่ ทั้งที่ในใจก็กำลังกังวลเรื่องความรู้สึกของลู่จินเขากลัวว่าเธอจะเสียใจ แต่เขาคิดว่าในเมื่อทั้งคู่เลือกที่จะคบหากันอย่างจริงจังแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเขาก็ไม่ควรปิดบังเธอเพียงไม่นานเมื่อเขาเดินทางมาถึงที่จอดรถของกองถ่ายก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลู่จินกำลังนั่งร้องไห้อยู่ริมฟุตบาทอย่างสะอึกสะอื้น จนหลินอี้ตกใจรีบจอดรถทิ้งไว้กลางทางแบบนั้นก่อนจะตรงเข้าไปโอบไหล่เธอไว้เพื่อปลอบขวัญ"เกิดอะไรขึ้น หนูเป็นอะไร"เขาถามอย่างร้อนใจในขณะที่มือก็ลูบไปตามเนื้อตัวของเมียสาวฟืบ !ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนจะโผล่กอดหลินอี้แน่นจนเขารับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นของหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาใส ก่อนเธอจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนไหวถึงสาเหตุที่ทำให้ร้องไห้หนัก"คุณปู่ไม่สบายเหรอ?""รู้แล้วเหรอ?"หลินอี้ถามแฟนสาวเบาๆ เธอพยักหน้าตอบรับก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้เขาซึ่งมันก็แสดงประวัติการโทรเข้าเป็นเบอร์ของคุณน้าแม่ของลู่จิน"แม่โทรมา บอกว่า อึกๆ ที่หายไปเพราะคุณปู่ไม่สบาย"เธอเงยหน้ามองสบตาแฟนหนุ่มด้ว

  • พี่ชาย(ไม่ใช่)คนดี   เพราะแม่ยังเป็นแม่เสมอ

    หลายวันต่อมาหลินอี้ยังคงทำงานตามปกติส่วนลู่จินแฟนสาวคนสวยวันนี้เธอขอไปออกกองเพื่อไปช่วยงานร้าน ซึ่งชายหนุ่มก็กำชับแฟนสาวอย่างเคร่งครัดว่าอย่าเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาจีบและอยู่ให้ห่างจากมู่อี๋เฉิน ช่วงบ่ายหลังจากเคลียร์งานเสร็จเขาจะรีบตรงไปรับเธอ"ประธานครับ""มีอะไรซูเฟีย ถ้าให้เซ็นเอกสารต่อไม่เอาแล้วนะ ฉันต้องไปรับลู่จิน"หลินอี้ตอบเลขาหนุ่มทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร ทำให้ซูเฟียหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่ยืนสง่าอยู่ด้านหลังซึ่งเธอก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าให้เขาออกจากห้องนี้ไปก่อน ส่วนเธอก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามลูกชายตัวดีก่อนจะใช้นิ้วเรียวสวยเคาะเบาๆ ที่โต๊ะเพื่อเรียกความสนใจของหลินอี้ให้เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อหลินอี้ได้เงยตามองขึ้นมาก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความแปลกใจ เพราะเดิมทีความสัมพันธ์ของเขาและพ่อแม่ค่อนข้างห่างเหินทำให้การได้พบกันระหว่างเขาและครอบครัวส่วนมากจะเกิดขึ้นทางธุรกิจ แต่ใช่ว่าเขาจะน้อยใจ...เขาเข้าใจดีว่าการทำธุรกิจมันยุ่งและวุ่นวายมากขนาดไหน"มาได้ยังไงครับแม่ ไม่เห็นบอกก่อนเลย"หลินอี้ยิ้มให้คนเป็นแม่อย่างอบอุ่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status