ระหว่างวิ่งวนรถจักรยานเพื่อสำรวจข้าวของ ก็พลันได้เจอประตูหนึ่งบานตั้งอยู่ฝั่งขวามือของทางเข้าพื้นที่ว่าง ตอนเข้ามามัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับข้าวของที่อยู่ตามชั้นต่าง ๆ จนไม่ได้สังเกตประตูบานนี้
เธอเอื้อมมือไปเปิดประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และภาพที่เห็นอยู่ข้างในก็ทำให้หญิงสาวเผยอรอยยิ้มเจิดจ้าออกมา
พื้นที่ด้านหลังประตูเหมือนห้องในคอนโดห้องหนึ่ง มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และมีเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งอย่างครบครัน แม้แต่เรื่องปรับอากาศก็ยังมีให้ เรียกได้ว่าคนคนหนึ่งสามารถดำรงชีวิตอยู่ในห้องนี้ได้อย่างสบาย เธอมองเครื่องปรับอากาศอย่างชั่งใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทและกดเปิดเครื่อง
ติ๊ด!
สิ้นเสียงสัญญาณเปิดของเครื่องปรับอากาศ เธอก็รู้สึกถึงความแรงของลมที่กำลังพุ่งใส่หน้าเธอ
“ในพื้นที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้”
เธอรอดตายแล้ว! เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ไปจนตายได้ พระเจ้ายังไม่โหดร้ายกับเธอนัก
เมื่อเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบคอนโดส่วนตัว พิริยาก็ได้พบเคาน์เตอร์สี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวกว้างยาวประมาณหนึ่งเมตรตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น เคาน์เตอร์นี้ประหลาดตรงที่มีประกายแสงเรืองรองสีขาวโผล่ออกมาเป็นระยะ บนเคาน์เตอร์ไม่มีสิ่งของใด ๆ วางอยู่เลยนอกจากตัวเลขดิจิทัลสีแดงที่มีเลข ‘30’ กะพริบโชว์อยู่ เธอมองอยู่นานอย่างไม่เข้าใจ
เมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่โชว์เวลาเกือบจะสี่ทุ่มซึ่งถึงขีดจำกัดของร่างกายตัวเองแล้ว เธอจำต้องนอนพักเอาแรงอย่างรีบด่วน แต่ก่อนนอน พิริยาได้ปั่นจักรยานวนหาของกินสำหรับมื้อค่ำอีกรอบ แล้วเลือกของกินง่าย ๆ อย่างขนมปังสอดไส้หนึ่งก้อนและนมสดขวดเล็กหนึ่งขวด เท่านี้ก็อิ่มท้องพอดี ทีนี้ก็ได้เวลาอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอนได้
ระหว่างที่กำลังถอดเสื้อผ้าออกจากร่าง สายตาเธอก็พลันไปเห็นกระจกยาวเต็มตัวที่ติดอยู่ตรงผนังห้อง หญิงสาวเผยอยิ้มออกมาอย่างซุกซนพร้อมกับเดินไปที่กระจกบานนั้นอย่างช้า ๆ นี่เป็นการส่องกระจกครั้งแรกของเธอนับตั้งแต่กลายมาเป็นนางสาวปิ่นแก้วคนนี้
มาดูหน่อยสิว่าเธอหน้าตาดีแค่ไหน?
ทันทีที่เงาร่างของนางสาวปิ่นแก้วสะท้อนผ่านกระจกยาวบานนั้นออกมาให้เห็น พิริยาถึงกับอึ้งตาค้างด้วยความตกใจ
นี่คือนางสาวพิริยาในเวอร์ชันผอมชัด ๆ!
ทำไมสาวน้อยปิ่นแก้วถึงได้หน้าตาเหมือนเธอในยุคก่อนขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แม้จะยังตกใจแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเรือนร่างของสาวน้อยที่กำลังสะท้อนอยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียด นางสาวปิ่นแก้วเป็นหญิงสาวร่างบางที่สูงประมาณเมตรหกสิบ ใบหน้ารูปไข่ คิ้วดกดำและเรียวยาวแบบไม่ต้องอาศัยดินสอเขียนคิ้ว ดวงตาคมโต จมูกสมส่วน ปากรูปกระจับ เรือนผมยาวไปถึงกลางหลัง เป็นภาพลักษณ์ที่เหมาะจะเป็นนางเอกในนิยายไทยเป็นที่สุด
แต่น่าเสียดาย ถึงแม้โครงหน้าและรูปร่างจะดูสมส่วนสวยงาม แต่หญิงสาวในตอนนี้กลับดูหม่นหมองยิ่งนัก ใบหน้าและผิวพรรณคล้ำแดด พิริยามั่นใจว่าไม่ใช่ผิวคล้ำโดยกำเนิด เพราะผิวในร่มผ้าของสาวเจ้านั้นขาวมากจริง ๆ อาจเพราะกรำแดด กรำฝน ช่วยพ่อและแม่ทำงานในสวนและนาตลอดเวลา ทำให้ผิวพรรณดูหมองมัวและหยาบกร้านแบบนี้
ส่วนปากนั้นก็ดูแห้งแตกระแหง ผมแดงแห้งกรอบไม่เป็นทรง และที่สำคัญที่สุด ดวงตาคู่นี้ดูแห้งแล้งและเต็มไปด้วยความเศร้า เป็นข้อบ่งชี้ว่าได้ผ่านเรื่องที่ทำให้สะเทือนใจมาอย่างแสนสาหัส
“เลยคิดแขวนคอตายใช่ไหม” พิริยาพึมพำออกมา พร้อมกับยกมือขึ้นแตะรอยช้ำแดงที่ปรากฏรอบคอเบา ๆ รอยช้ำแดงนี้เป็นรอยช้ำที่ส่งให้นางสาวปิ่นแก้วตัวจริงจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ และรอยช้ำนี้อีกเช่นกันที่นำพานางสาวพิริยา พลเมืองดียามเผลอมาสวมใส่ร่าง
“หากเธอยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้ เราขอสัญญานะว่าจะทำให้ชีวิตของนางสาวปิ่นแก้วไม่ลำบากมากเกินไป เราจะพยายามให้ดีที่สุด” พิริยาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ห้องที่ว่างเปล่า ตอนนี้เธอหวังจริง ๆ ว่าวิญญาณของปิ่นแก้วจะมีโอกาสได้รับรู้ ได้เข้าใจคำพูดและความตั้งใจของเธอ เพื่อที่จะวิญญาณเธอได้เดินทางไปยังโลกหน้าได้อย่างหมดห่วง
พิริยายังคงนอนตาแข็งค้างอยู่บนที่นอน แม้ที่นอนจะนุ่ม ผ้าห่มจะหอมกรุ่น บรรยากาศรอบตัวเย็นฉ่ำด้วยประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ แต่เธอก็ไม่อาจฝืนหลับตาลงได้ ด้วยเพราะความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเริ่มไหลหลากเข้ามาไม่หยุด ภาพชีวิตอันยากลำบากของนางสาวปิ่นแก้วทำให้พิริยานอนถอนหายใจแบบนับครั้งไม่ถ้วน
เธอจะทำให้ชีวิตนางสาวปิ่นแก้วพลิกกลับมาได้อย่างไรดี เรื่องกินอยู่นั้นไม่น่าห่วงเพราะมีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้จะกลัวอะไร? แต่ชีวิตนอกเหนือจากนี้ล่ะ ตอนนี้ปิ่นแก้วยังเรียนอยู่ในระดับชั้น ม.4 และด้วยเงินที่เหลือติดตัวแค่ไม่กี่ร้อยของเจ้าของร่างเดิม เธอจะเข็นให้เรียนต่อไหวไหมก็ยังไม่แน่ใจ
“เฮ้อ หนักอก”
ปิ๊ง!
เสียงสัญญาณบางอย่างดังก้องไปทั่วห้อง พิริยาผุดลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความตกใจ
“เสียงอะไร” เธอจ้องนิ่งไปยังที่มาของเสียงอย่างหวาดวิตก
เมื่อเหลียวมองดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาทีแล้ว เธอเม้มปากแน่นพร้อมกับมองที่ประตูห้องนอนอย่างชั่งใจ และตัดสินใจเดินไปเปิดประตูอย่างหวาดหวั่น
เมื่อเปิดประตูห้องออกไปกลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดในห้องนั่งเล่น หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่จะหมุนตัวกลับเข้าไปยังห้องนอน สายตาของเธอก็พลันเห็นถึงความผิดปกติบนเคาน์เตอร์เสียก่อน
เคาน์เตอร์สีขาวในห้องรับแขกที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้กลับมีกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาววางอยู่หนึ่งกล่อง และตัวเลขดิจิทัลสีแดงได้เปลี่ยนเป็นเลข ‘29’ เรียบร้อยแล้ว
พิริยาเดินวนมองรอบเคาน์เตอร์ความประหลาดใจ โดยเฉพาะกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวนั้นดูคุ้นตาเธอนัก
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปยกกล่องดังกล่าวขึ้น กล่องมีน้ำหนักเล็กน้อย และเมื่อลองเปิดฝากล่องออกมาก็สร้างความประหลาดใจหนักขึ้นไปอีก
ของที่อยู่ในกล่องดูคล้ายกระจกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า รอบขอบกระจกเป็นสีขาว และของชิ้นนี้หญิงสาวรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเคยใช้ เคยหยิบจับมานักต่อนักแล้วในชีวิตก่อน แค่เธอคาดไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งนี้จะโผล่มาอยู่บนเคาน์เตอร์ประหลาดนี้ได้ เนื่องจากยุคนี้ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเจ้าสิ่งนี้จะมาช่วยเธอดำรงชีวิตในยุคอดีตนี้ได้อย่างไร
ตอนนี้พิริยากำลังจ้องมองแท๊บเล็ตสีขาวด้วยสายตางุนงง สับสน และไม่เข้าใจอย่างที่สุด
เธอหยิบแท๊บเล็ตเจ้าปัญหาขึ้นมา แล้วก็ลองกดปุ่มกลม ๆ ด้านล่างสุดของตัวเครื่อง ฉับพลัน หน้าจอสีฟ้าสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้น ไม่เท่านั้น บนหน้าจอยังมีไอคอนของหลากหลายแอปพลิเคชันที่ดูคุ้นตาปรากฏอยู่ด้วย
พิริยาลองกดเรียกแอปพลิเคชันสำหรับเผยแพร่คลิปวิดีโอชื่อดังขึ้นมา เครื่องหมุนวนทำงานอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเผยภาพคลิปวิดีโอเด่นประจำวันหลายสิบคลิปออกมา เธอมองดูด้วยความตื่นตะลึง
“ทำไมถึงมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้” และที่สำคัญ แต่ละคลิปที่ปรากฏนั้นก็เป็นคลิปที่เกิดขึ้นในยุคที่เธอจากมา และสาบานได้เลยว่าบางคลิปเธอก็เคยดูมาแล้วในชีวิตก่อน!
พิริยาลองสุ่มเปิดคลิปวิดีโอขึ้นมาหนึ่งคลิปเพื่อพิสูจน์ว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตใช้ได้จริงไหม และผลที่ได้คือคลิปวิดีโอนั้นสามารถเปิดแสดงได้อย่างลื่นไหล ชนิดที่ 10G ยังอาย หญิงสาวจุ๊ปากด้วยความทึ่ง
“แล้วแชทได้ไหม?” ไม่พูดเปล่า เธอยังได้ลองกดดูข้อความแสดงความคิดเห็นในคลิป สุดท้ายก็ผิดหวัง เธอไม่สามารถดูข้อความหรือพิมพ์บทสนทนาใด ๆ ได้เลย
เมื่อลองกดออกไปที่หน้าจอเพื่อหาแอปพลิเคชันตัว f สีน้ำเงิน ตัว L สีเขียว และรูปนกสีฟ้า ผลคือไม่มีแอปพลิเคชันเหล่านี้ปรากฏให้เห็น แม้แต่ที่สำหรับดาวน์โหลดก็ไม่มีอยู่ในแท็บเล็ต แท็บเล็ตเครื่องนี้ใช้สำหรับดูได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
แล้วถ้านำเจ้าเครื่องนี้ออกไปยังโลกภายนอกล่ะ? ในใจก็อยากทดลองเสียเดี๋ยวนั้น แต่เมื่อนึกถึงบรรยากาศบ้านผีสิงแล้ว เธอจึงเปลี่ยนใจหยิบแท็บเล็ตไปนอนดูคลิปเพื่อรำลึกถึงความหลังในชีวิตก่อนของเธอแทน
“ตอนนี้ดินดื่มเหล้าหนักมาก เห็นว่าทะเลาะกับคนรักเรื่องทำงานทำการอะไรนี่แหละ” ไพจิตรเปิดปากเล่ารายละเอียดให้ฟัง“คนรักของดินไม่พอใจที่เขาคิดแต่จะมาปลูกผัก ขายผักหาเลี้ยงชีพ ผู้หญิงคนนั้นอยากให้ดินไปทำงานราชการด้วยกันมากกว่า ตอนแรกดินไม่ยอมเลยทะเลาะกันใหญ่โต หลังจากนั้นได้ข่าวว่าดินเวียนเข้ามาในตัวเมืองเพื่อตามง้อ แต่ก็ไม่เป็นผล คงรู้สึกเสียใจผิดหวังมากเลยหันไปพึ่งเหล้าเพื่อดับกลุ้ม” ไพจิตรเอ่ยอย่างเข้าใจเพราะเธอเคยเป็นมาก่อน“ในที่สุดดินก็ยอมแพ้ ตัดใจจะเข้าไปทำงานราชการตามคำขอของคนรัก แต่ก็มีปัญหาอีกว่าถ้าอยากได้ตำแหน่งต้องจ่ายเงินหลายหมื่น ดินเขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ตอนแรกคิดจะยอมแพ้ ก็เป็นฝ่ายหญิงอีกนั่นแหละที่ไม่ยอม กดดันให้ดินหาเงินก้อนนี้มาให้ได้ ดินเขาเลยหันไปหาเหล้าหนักขึ้น”หลังจากให้เงินสามหมื่นบาทไปเมื่อวาน และวันนี้เป็นวันหยุดซึ่งไพจิตรเข้ามาขายเสื้อผ้าในตัวเมือง เธอจึงออกมาถามเรื่องนี้ตั้งแต่เช้า“แบบนี้นี่เองพี่ดินถึงคิดเข้าทำงานราชการ” ปิ่นแก้วพึมพำไพจิตรกล่าวเสริม “พี่เดือนกับพี่ปันทนเห็นลูกเอาแต่เมาหัวราน้ำไม่ได้
“แก้ว พ่อหาบ้านแถวริมคลองต้นลุงให้ได้แล้วนะ” วิภาวีมาหาปิ่นแก้วที่ร้านในตอนเย็นหลังเลิกเรียนปิ่นแก้วยิ้มกว้าง ในที่สุดก็เข้าใกล้ความฝันไปทีละน้อยแล้วในช่วงระหว่างวันที่อยู่ว่าง เธอมักจะเดินสำรวจรอบตัวเมืองอยู่เสมอเพื่อหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับเปิดคาเฟ่ บวกกับการเปิดดูคลิปเกี่ยวกับประวัติของเมืองนี้ เธอถึงพบว่าเขตเศรษฐกิจสำคัญของตัวเมืองจะมีอยู่สองจุด อยู่ติดน้ำทั้งคู่จุดแรกคือถนนเลียบคลองต้นลุง ซึ่งในยุคปี พ.ศ.2525 ได้เริ่มกลายเป็นแหล่งเดินซื้อของ แหล่งหาอะไรกินของผู้คนในตัวเมืองบ้างแล้ว และความนิยมนี้มีต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงยุคอนาคตที่เธอจากมา ถนนเส้นนี้ถือเป็นทำเลทองอย่างแท้จริงส่วนจุดที่สองนั้นคือถนนริมชลซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำใหญ่ที่ไหลผ่านหลายจังหวัด แต่ปัจจุบันถนนเส้นนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนาเนื่องจากติดปัญหาเรื่องน้ำท่วมตลอดทั้งปี ตอนนี้จึงมีแค่กลุ่มคนผู้มีรายได้น้อยเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ต้องรออีกประมาณหกปีนับจากนี้ถนนริมชลถึงได้รับการปรับปรุงแก้ไขจนกลายเป็นทำเลทองแห่งที่สองของตัวเมืองประจำจังหวัด sปิ่นแก้วสนใจทำเลทองท
“พี่แพง พี่นี พวกพี่รับมือไหวแน่นะ หรือแก้วจะยังไม่ไปดี วันนี้ยังไงก็คงไม่มีเรียนหรอก”“ไม่ต้องห่วงหรอกแก้ว มีคนงานช่วยเยอะแยะ ต่อให้ทำมากกว่านี้อีกห้าร้อยชิ้นก็ยังทำกันเองได้สบาย แก้วรีบไปดีกว่า ขาดเรียนตั้งแต่วันแรกมันไม่ดีหรอก” แพงไม่เห็นด้วยเมื่อจัดการเรื่องดอกไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้กลับมาอยู่ในตัวเมืองเพื่อดูแลร้านแบบถาวรไม่ได้เทียวไปเทียวมาอีก จวบจนล่วงไปเกือบสองเดือนก็ถึงเวลาเปิดเทอมของเธอเสียทีเมื่อเห็นว่าร้านขนมมีความมั่นคง ส่วนร้านขายเสื้อผ้าก็ไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะมีคนขายที่แข็งขันอย่างไพจิตรอยู่ ปิ่นแก้วจึงวางใจลงและเข้าสมัครเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียนในระดับชั้น ม.4 ตามที่เคยสัญญาไว้กับบรรดาผู้ใหญ่หลาย ๆ คนในทันทีแต่เผอิญวันเปิดเทอมวันนี้ได้คำสั่งซื้อขนมสำหรับจัดประชุมเข้ามาห้าร้อยชิ้น ปิ่นแก้วจึงเกิดอาการพะวักพะวน โชคดีที่แพงมีประสบการณ์ในการรับมือเป็นอย่างดี“งั้นแก้วไปก่อนนะพี่ จะรีบไปรีบกลับ”“อ้าวพี่สุวิทย์ สวัสดีค่ะ วันนี้มาหาใครคะ”
ปิ่นแก้วเดินวนเวียนอยู่บริเวณแปลงดอกไม้อย่างไม่สบายใจเลยสักนิด เธอรู้ว่าเธอผิดที่แอบเผลอใจไปชอบแดนดินแบบนั้น เมื่อนึกถึงเสียงทะเลาะกันของแดนดินและแพรวพรรณยามเมื่อเธอเดินออกจากบ้านเขามาตอนหัวค่ำ ความไม่สบายใจก็ยิ่งเพิ่มทบทวีเธอไม่คิดที่จะแย่งหรือแยกทั้งคู่ออกจากกันเลยเพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แดนดินไม่ได้รักเธอ และปิ่นแก้วก็ไม่ได้มีนิสัยแย่ถึงกับแย่งของของคนอื่นมาเป็นของตนเธอเพียงแค่อยากเก็บความมีน้ำใจและความใจดีที่ชายหนุ่มมีให้เอาไว้ในใจเธออย่างเงียบ ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวยังเก็บไว้ไม่มิดพอจนโดนแพรวพรรณจับได้แบบนี้ แต่ก็อย่างว่า ผู้หญิงมักจะมีเซ้นส์พิเศษเสมอในเรื่องแบบนี้“แก้ว”ปิ่นแก้วสะดุ้งเบา ๆ ก่อนเหลียวไปตามเสียงเรียก“พี่ดิน ยังไม่นอนอีกเหรอคะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว” เธอถามด้วยความรู้สึกหวิวโหวง“พี่นอนไม่หลับน่ะ แล้วเห็นแก้วพอดี เลยอยากมาคุยด้วย”“พี่อยากขอโทษแทนพรรณอีกทีนะกับเรื่องเมื่อหัวค่ำ แก้วอย่าโกรธเธอเลย พรรณดูเป็นคนเจ้าอารมณ์แบบนั้นแหละแต่ใจจริงไม่ได้
“แก้ว ไม่เจอกันหลายเดือน รู้ไหมว่าป้าคิดถึง” วงเดือนทักขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้าประตูครัวมา“สวัสดีค่ะป้า ลุง สบายดีกันทั้งคู่นะคะ”“สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ เมื่อคืนลุงกับป้ายังบ่นคิดถึงแก้วอยู่เลย ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” คำปันเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“ช่วงนี้ที่ร้านไม่ค่อยยุ่งแล้ว แก้วเลยกะจะมาอยู่บ้านสักสองอาทิตย์ จะมาจัดการดอกไม้ที่ปลูกทิ้งไว้ด้วย”“ดอกพวกนั้นหอมจริง ๆ นะแก้ว กลิ่นฟุ้งไปหมด ขนาดตอนนี้ยังได้กลิ่นเลย ลองสูดดูสิ”“แล้วแก้วจะตัดไปขายหรือไปแต่งร้านล่ะ แต่เยอะขนาดนั้นคงเอาไปแต่งไม่ไหวมั้ง ล้นร้านพอดี”ปิ่นแก้วหัวเราะ “แก้วตั้งใจจะเด็ดมาตากแห้งค่ะ เอาไว้ชงเป็นชาดื่ม”คำปันทำหน้าฉงน “ดอกพวกนี้กินได้? ไม่มีพิษเหรอ?”“กินได้ค่ะ เป็นดอกไม้ประเภทกินได้ ดอกพวกนี้คนนิยมนำมาทำเป็นชา โดยเฉพาะคนในประเทศ C รวมถึงประเทศ J ด้วยจะนิยมดื่มกันมาก แก้วโชคดีได้เมล็ดพันธุ์มา เลยลองปลูกดู ถ้าผลผลิตดีแก้วว่าจ
“ทำไมวันนี้แม่เลี้ยงปิ่นแก้วปลีกตัวมาแถวนี้ได้” มาลีที่นั่งอยู่ในร้านด้วยเอ่ยปากกระเซ้า การได้เห็นมาลีและสุขมานั่งช่วยขายเสื้อผ้ากลายเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้วสำหรับผู้คนแถวนี้ แม้จะไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ แต่ผู้สูงวัยทั้งสองคนก็ยังเต็มใจมาช่วยทุกสัปดาห์ เพราะรู้สึกสนุกที่ได้ขายและพบเจอผู้คน ดีกว่านั่งเบื่ออยู่ที่บ้านอีกอย่าง เพราะทั้งสองคนรู้สึกถูกชะตากับไพจิตรและชิงชัยเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อได้รับรู้ถึงสภาพชีวิตของแม่ลูกคู่นี้ มาลีและสุขยิ่งรู้สึกสงสารและอยากมีปฏิสัมพันธ์กับแม่ลูกคู่นี้ให้มากยิ่งขึ้นในอนาคต“แม่ล้งแม่เลี้ยงที่ไหนกันเล่าคะป้าลี นี่ก็ปิ่นแก้วคนเดิมคนที่เคยนั่งทำตาแดง ๆ กับป้าในวันที่เราเจอกันครั้งแรกไง” ปิ่นแก้วพูดแก้ขวย“จะไม่ใช่ได้ยังไงจ๊ะ ตอนนี้ลองไปสะกิดถามผู้คนแถวนี้ดูเถอะ มีใครบ้างไม่รู้จักร้านหวานใจ ร้านขนมอันดับหนึ่งของจังหวัด ยิ่งเมื่อตอนสิ้นปี ได้ข่าวว่าชุดกล่องของขวัญของร้านนี่ขายดิบขายดี วันหนึ่งร้อยชุดไม่พอขายเลยไม่ใช่เหรอ” มาลีพูดพร้อมกับหัวเราะร่วน สุขก็นั่งยิ้มและพยักหน้าไปกั