AFTER PARTY คือช่วงเวลาปลดปล่อยความสนุกหลังพิธีวิวาห์สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็มารวมตัวสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของทางฝั่งของหมอไป๋มากกว่า
ภารัชชามีเพื่อนรักเพียงคนเดียวแค่อิงธารา ส่วนอีกคนก็คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างสิบทิศที่มาร่วมยินดี ทั้งสามนั่งร่วมดื่มเฉลิงฉลองกันที่โต๊ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานหมอไป๋จัดเต็มอยู่หน้าเวทีกันหมดแล้ว
หากไม่ได้บอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ ภารัชชาก็นึกว่าเหล่ากองทัพแพทย์เป็นนักเต้นมืออาชีพ แต่ละคนเท้าไฟมีหัวใจรักดนตรีกันทุกคน
“แกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะอิง พี่สิบช่วยปรามหน่อยสิคะ” ภารัชชาหันไปทำเสียงอ้อนให้สิบทิศช่วย
สิบทิศเป็นรุ่นพี่สายรหัสเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีสวมแว่นสายตาทรงกลม เป็นหนุ่มตี๋ที่มีสาวสวยมารุมขายขนมจีบกันให้เพียบ แต่คงทำได้แค่มองเพราะรุ่นพี่เธอมีแฟนสาวแล้ว
“เดี๋ยวพี่ดูอิงให้เองครับ น้องชาไปช่วยคุณไป๋เถอะ”
“ยัยชาฉันโคตรยินดีกับแกเลยนะเว้ย... เพื่อนร้าก”
อิงธาราอยู่ในอาการมึนเมา โยกตัวมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วโคลงตัวไปมา ทำภารัชชาหลุดยิ้มอย่างเอ็นดูเพื่อนตัวเอง
“ฉันรู้แล้ว แต่แกช่วยตั้งสติหน่อยเถอะน่า”
“ดูแลตัวเองด้วยนะยัยชา...”
อิงธาราลูบหลังปลอบภารัชชา รู้ว่าเพื่อนต้องเข้าวิวาห์กับคนใจร้ายอย่างหมอไป๋ เธอก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ตั้งสติหน่อยอิงธารา”
“พี่สิบ...”
“เธอเมาแล้วนะรู้ตัวมั้ย”
“อิงไม่มาวสักโหน่ยพี่อ่ะ”
ใบหน้างามงอนของอิงธารางอง้ำใส่สิบทิศ เขาดึงแขนเธอให้เลิกกอดรั้งภารัชชา เจ้าสาวของงานจะได้ไปทำความรู้จักกับแขกท่านอื่น อย่างน้อยก็คนในครอบครัวเดียวกันของหมอไป๋ในคืนนี้
"งั้นชาขอตัวก่อนนะคะ ขาดเหลืออะไรเรียกพนักงานได้เลย" ภารัชชาพูดกับรุ่นพี่หนุ่มพร้อมคลี่รอยยิ้มบางเบา
อิงธาราที่ดื่มเพลินจนเริ่มมึนเมา ใบหน้าขึ้นสีแดงปลั่งยิ้มกว้างกับสติที่เหลือน้อยนิด ก่อนจะชูสองนิ้วแล้วทิ้งตัวซบไหล่สิบทิศไว้
“ฉันไปช่วยทางคุณไป๋ก่อนนะแก อย่าดื่มเยอะล่ะ” ภารัชชากำชับกับคนเมา ซึ่งอีกฝ่ายก่อนรีบพยักหน้าหงึกหงักแต่เมาหนักอยู่
"โอเคเลยแก ยินดีด้วยน้าเพื่อนรักของฉัน" อิงธาราโน้มตัวไปกอดเพื่อนรักอีกครั้ง ก่อนเธอจะเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้รอมร่อ
เพื่อนเพียงคนเดียวเข้าพิธีวิวาห์อย่างเป็นทางการ รู้จักกันมาเป็นสิบปี ภารัชชาเป็นเสมือนอีกครึ่งชีวิตของเธอไปแล้ว
จะร้องไห้เหมือนเด็กสามขวบก็ไม่แปลกอะไรเลย...
ท้ายที่สุดสิบทิศก็เป็นฝ่ายช่วยดูแลอิงธารา ส่วนภารัชชากำลังจะเดินไปช่วยหมอไป๋ดูแลแขกที่เหลือ แต่ดันถูกร่างสูงของใครบางคนเดินมาขวางหน้าเอาไว้ พร้อมกับยกยิ้มร้ายบนมุมปากดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
“สวัสดีครับพี่สะใภ้คนสวย”
“สวัสดีค่ะคุณเพชรเพทาย”
เพชรเพทาย...
เขาเป็นลูกชายภรรยานอกสมรสที่เพิ่งจะแต่งงานกับเหมยหลิน ลูกสาวเจ้าของเครือร้านอาหารยักษ์ใหญ่ ทว่าภารัชชารู้สึกไม่ค่อยดีกับสายตาที่อีกฝ่ายมองมาอย่างบอกไม่ถูก
มันดูคุกคามจนเธอขนอ่อนลุกชัน แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มเพราะมีศักดิ์เป็นน้องชายของหมอไป๋
“นี่ถ้าผมเจอคุณภารัชชาก่อนพี่ไป๋ ผมคงตามจีบคุณแล้วนะ” เพชรเพทายจุดรอยยิ้มร้ายที่มุมปาก ในมือถือแก้วแชมเปญควงเป็นวงกลม
“เอ่อ...” ภารัชชาชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก กระทั่งมีฝ่ามือใหญ่ของซ่งไป๋โอบไหล่เธอเข้าไปประชิดกาย บรรยากาศก็พลันตึงเครียดขึ้นมาจนภารัชชารู้สึกเย็นวูบที่แผ่นหลัง
“คนที่มีเมียแล้วไม่คิดว่าควรระวังคำพูดหน่อยเหรอ” หมอไป๋เอ่ยเสียงเย็นยะเยือก นัยน์ตาสีรัตติกาลมองอีกฝ่ายเชิงเย้ยหยัน
มองดูก็รู้ว่าพี่น้องคู่นี้ไม่ถูกกัน อีกคนเป็นลูกชายของภรรยารอง ซึ่งหมอไป๋แสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจลูกเมียน้อยมากแค่ไหน
“ผมแค่แซวนิดหน่อยน่ะครับพี่ชาย อย่าคิดมากนักสิ” เพชรเพทายยิ้มกะล่อนดูเจ้าชู้ ก่อนจะหุบยิ้มลงแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่งเรียบแทน
“แกนี่ชอบของที่เป็นของคนอื่นจังเลยนะ ไม่เคยมีคนสั่งสอนเลยเหรอว่าอย่าอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
“คุณไป๋เป็นอะไรไปคะ”
“พี่น้องหยอกกันน่ะครับคุณชา”
เพชรเพทายเป็นฝ่ายแก้ต่าง เกือบทำภารัชชาหัวใจวาย แต่เธอก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่วาจาของหมอไป๋ดูรุนแรง แค่ไม่คิดว่าพี่น้องบ้านนี้จะสาหัสสากันขนาดนี้
“หยอกกันแรงจังเลยนะคะ” ภารัชชาหัวเราะกลบเกลื่อน พลางขยับสายตามองหญิงสาวร่างเพรียวบางเดินเข้ามาสมทบอีกคน
“ไป๋...” เหมยหลินเอ่ยเรียกชื่อเขา แต่หมอไป๋กลับนิ่งงันไป ก่อนที่จะจับมือของภารัชชาให้เดินออกจากวงสนทนา
ทว่าเหมยหลินไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เธอเรียกรั้งเขาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ดูออดอ้อนออเซาะ ไม่เกรงใจภรรยาตัวจริงที่ยืนข้างเขา แต่คนกลางอย่างภารัชชาไม่รู้อิโหน่อีเหน่ ยืนหน้าเหวอสลับมองทั้งคู่ไปมา
คนในตระกูลซ่งมีปัญหากันเองอย่างงั้นเหรอ...
“เหมยหลินแค่อยากร่วมฉลองกับไป๋เองนะคะ”
เหมยหลินสวมใส่เดรสสั้นสีขาวเหมือนเจ้าสาวของงาน ถึงจะไม่อลังการเท่า แต่มันก็บ่งบอกแล้วว่าตัวเธอเองไม่ได้ยินดีกับเขาสักเท่าไหร่นัก เพราะในงานแต่งควรมีเจ้าสาวที่ได้สวมชุดขาวบริสุทธิ์เด่นสุดในงาน
“กองไว้ตรงนั้นดีกว่า” หมอไป๋ยังคงปากร้ายไม่เปลี่ยน จนภารัชชาต้องกระตุกแขนปรามให้เขาใจเย็นลงก่อน
“คุณไป๋อย่าเสียมารยาทได้ไหมคะ”
“นี่เธอ...”
“ขอบคุณที่มายินดีกับคู่ของเรานะคะคุณเพชร... คุณเหมยหลิน”
ภารัชชาเป็นฝ่ายรับหน้าแทนเขา ก้มหัวเชิงขอโทษกับกิริยาที่ไม่เหมาะสมของสามี
เหมยหลินเหยียดสายตามองภารัชชา เธอยกยิ้มมุมปากบนเรียวปากปาดลิปสติกสีแดงเลือดนกเด่นมาเชียว เจ้าสาวป้ายแดงยืนงุนงงในดงคนตระกูลซ่ง มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มหัวไปหมด
“ยินดีด้วยไป๋... ขอให้ไป๋ลืมเรื่องราวที่เลวร้ายสักทีนะคะ”
ภรรยาที่ดีมีหน้าที่เตรียมข้าวปลาอาหารให้สามี ต้องมีเสน่ห์ปลายจวักเฉพาะตัวให้ผู้เป็นสามีรักและหลง ต่างลิบลับกับภรรยาป้ายแดงที่มักจะกินอาหารจานด่วนเป็นประจำพอภารัชชาก้าวขาเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลซ่ง โดยไม่มีตำแหน่งใดในบริษัทของเจ้าสัวชาญชัยพวงมาด้วย เป็นแค่เจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆ ในหัวมุมตัวเมืองเท่านั้นเธอก็ต้องดูแลบ้านเรือนและสามีให้ดี เป็นคำสั่งคำสอนจากแม่สามีที่กำชับตั้งแต่มาหาแต่เช้าของวันตอนนี้เธอก็เลยต้องมาแสดงฝีไม้ลายมือการทำอาหาร สวมผ้ากันเปื้อนดูเพียบพร้อมที่จะลงมือทำซุปไก่ตุ๋นโสมกับแม่สามีแล้ว“เอ่อ ต้องทำอะไรก่อนเหรอคะคุณแม่”ภารัชชาฝืนยิ้มแฉ่งให้หลี่จูแม่สามี เธอเป็นคนหน้าดุและกิริยาดูผู้ดีเหมือนคุณครูภาษาไทยสมัยเธอเรียนเวลาได้อยู่ด้วยกันสองคนเธอก็พลอยประหม่าไปด้วย พยายามจะให้กำลังใจตัวเองว่าหลี่จูแค่หน้าดุ การทำอาหารที่ต้องประณีตทุกขั้นตอนแบบนี้ก็ต้องมีเอ็ดตะโรกันบ้างธรรมดา“เธอไม่เคยทำอาหารเลยเหรอ” หลี่จูปรายตามองลูกสะใภ้เห็นท่าทีเงอะงะวางมือไม้ไม่ถูกก็รู้แล้วว่าไม่เคยเข้าครัว แค่มีดเธอก็ดูลนลานราวกับแตะต้องของร้อนเข้าให้ แบบนี้จะทำไก่ตุ๋นโสมของโปรดลูกชายเธอไหวหรือเปล่า
เช้ามาที่หมอไป๋และภารัชชานั่งและยืนกันคนละมุม ร่างสูงยืนชงกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว ส่วนภรรยาป้ายแดงนั่งดื่มเพียวมัทฉะในยามเช้าบนโต๊ะอาหารจะว่ามองหน้ากันไม่ติดก็ใช่ เมื่อคืนนอนกอดกันกลมไม่พอ ตอนตื่นเธอยังพบว่าตัวเองมุดเข้าไปซุกอกอุ่นของหมอไป๋อีกอายแค่ไหนก็ต้องเก็บอาการ หน้าต้องหนาให้พอต่อกรกับเขาเข้าไว้“ถ้วยฟู”“มาว~”เจ้าถ้วยฟูส่งเสียงร้องครืนคราง ก่อนจะเดินมาคลอเคลียที่ต้นขาของภารัชชา หมอไป๋ได้ยินเสียงแมวร้องก็หันมอง พลันขมวดคิ้วเครียดที่เห็นแมวน้อยเดินนวยนาดข้างเธอ“ตัวอะไร” เขามองแมวสามสีตัวอวบอ้วนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็แฝงความไม่พอใจอยู่ในนั้นที่มีสัตว์เลี้ยงมาเดินเพ่นพ่านในบ้าน“จระเข้มั้งคะคุณไป๋”“กวนประสาทเหรอ”“คุณก็เห็นว่าน้องเป็นแมว จะถามทำไมคะว่าตัวอะไร” เธอก้มตัวลงไปอุ้มถ้วยฟูขึ้นมานั่งตักหมอไป๋มองแล้วเบ้หน้าเล็กน้อย พลางยกกาแฟรสเข้มขึ้นมาดื่มก่อนไปทำงาน แมวเธอตัวอวบอ้วนจนตักเธอจะรองรับน้ำหนักไม่ไหวอยู่แล้ว“แมวหรือหมูตัวใหญ่ขนาดนั้น”“ถ้วยฟูไม่อ้วนสักหน่อยค่ะ”“แน่ใจเหรอว่าไม่อ้วน”“น้องแค่จ้ำม่ำเฉยๆ เองคุณไป๋”ภารัชชามองตาขวางใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเอามือป้องหูถ้วยฟูไม
ร่างบางพลิกตัวไปมาบนเตียงขนาดคิงส์ไซส์ เธอข่มตาในความมืดให้หลับไม่ลง จนได้ยินเสียงหมอไป๋ถอนหายใจเป็นระยะเขาก็คงรำคาญเธอเต็มที เล่นพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา พาลให้เขานอนไม่หลับด้วยอีกคน แต่เมื่อภารัชชาเริ่มตัวสั่นแล้วกระเถิบจนแผ่นหลังชิดหลังหมอไป๋ เขาก็ผงกหัวแล้วเอี้ยวลำคอหันมองทันที“จะยุกยิกอีกนานมั้ย” หมอไป๋ขมวดคิ้วหัวเสีย พรุ่งนี้เขามีผ่าตัดช่วงเก้าโมงแต่ปาไปตีสองแล้วยังไม่ได้นอนเลย“ขอแค่เปิดไฟดวงเดียวได้มั้ยคะ”“เธอเป็นเด็กหรือไง ถึงนอนแบบปิดไฟไม่ได้”“ฉันก็แค่... กลัวความมืด”ภารัชชาตอบกลับไม่เต็มเสียง เธอมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในหัวมีแต่ภาพจินตนาการน่ากลัวจนข่มตาหลับไม่ลง ซ่งไป๋เป็นคนใจคอโหดเหี้ยมอย่างที่ใครเขาพูดนั่นแหละเลือดเย็นได้แม้กระทั่งคนที่กลัวความมืด...“ในห้องนี้ไม่มีแสงลอดเข้ามาเลยนี่คะ คุณไป๋ปิดทั้งม่าน... ปิดไฟในห้องทั้งหมดเลย”“ฉันนอนไม่หลับถ้าไฟแยงตา”“ถ้างั้นให้ฉันไปนอนข้างนอกก็ได้ คุณจะได้ไม่หัวเสียด้วยค่ะ”หมอไป๋ยันกายลุกขึ้นนั่ง พลางลอบระบายลมหายใจทิ้ง ใช่ว่าเขาอยากจะรั้งเธอไว้สักหน่อย แต่ตัวเขาก็มีเหตุผลให้ต้องคุ้นเคยกับคนที่เกลียดเหมือนกันซ่งไป๋เป็นคนไม่คุ้น
ภารัชชานั่งข้างซ่งไป๋บนรถโรลส์รอยซ์คันหรู สารถีกรกำลังขับพาทั้งคู่ตรงไปยังเพนส์เฮ้าส์ส่วนตัวของหมอไป๋ มูลค่าร่วมสี่ร้อยกว่าล้านเป็นมุมที่เขาหวงความเป็นส่วนตัวมากแต่หมอไป๋เป็นคนเสนอเอง จัดให้เพนส์เฮ้าส์เป็นเรือนหอเพราะไม่อยากเจียดเงินในส่วนนี้ แค่ค่าสินสอดที่ต้องประเคนให้แม่ลูกคู่นี้ก็มากเกินพออีกอย่างการที่ภารัชชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเขา เขาจะได้จัดการเธอได้ง่ายมากขึ้น เวลาพยศทีจะได้กำราบง่ายไม่ต้องใช้แรงเยอะปึกศีรษะเล็กที่สัปหงกอยู่ซบลงบนไหล่กว้าง ใบหน้าสวยสดดูเหนื่อยล้าจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทิ้งหัวบนไหล่หมอไป๋“นี่เธอ”ใบหน้าหล่อเหลาทมึงตึง ก่อนจะใช้นิ้วชี้ดันศีรษะเธอให้ออกห่างภารัชชาปรือตาขึ้นมอง หมอไป๋เลยหันหน้าหนีแสร้งว่าไม่ได้ดันหัวเธอออกแต่อย่างใด เธอหลับตาลงกลับเข้าสู่อาการสัปหงกอีกครั้ง และก็เผลอไปพิงไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว“ภารัช...”“อื้อ”หมอไป๋ลืมคำพูดที่จะต่อว่าไปชั่วขณะ หลุบตามองใบหน้าสวยสดที่ครางครืนในลำคอ ปมที่หว่างคิ้วเริ่มคลายออกราวกับสบายตัวที่ได้นั่งซบไหล่อยู่“ภาระ”ใบหน้าหล่อคมเบือนหนีออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เธอได้ซบอิงไหล่เขาระหว่างรถขับเคลื่อนไปบนถน
ภารัชชาควงแขนสามีร่วมดื่มฉลองกับเพื่อนเขาสักพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะให้หมอไป๋ได้อยู่พูดคุยกับเพื่อนๆ เขาแทน ไม่อยากยืนฝืนยิ้มในหมู่คนที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมดีกระทั่งหมุนตัวกลับมาแล้วเห็นปรางสิตายืนข้างอาปราบต์ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าสะสมมาทั้งวันก็เผยรอยยิ้มกว้างในทันทีเธอกลายเป็นเด็กน้อยวัยแปดขวบ จ้องจะวิ่งเข้าหาแม่ทุกครั้งที่ได้เจอหน้า ถึงแม้อายุอานามจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วก็ตาม แต่ข้างในตัวภารัชชายังมีเด็กน้อยหนึ่งคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเด็กน้อยที่รอคอยความเมตตาและความรักจากผู้ให้กำเนิด...“แม่กับอาปราบต์ยังไม่กลับอีกเหรอ” ร่างระหงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าปรางสิตา แต่คนเป็นแม่กับทำหน้าระอาเต็มกลืน อาปราบต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเป็นคนพูดกับเธอแทน“อาขอให้แม่อยู่ลาเราก่อนน่ะ จะเข้าเรือนหอทั้งทีคงมีอะไรให้ร่ำลากันหน่อย”“ร่ำลาอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ส่งลูกเข้าโรงเชือดสัตว์นะคุณ”“แต่หลานกำลังจะเข้าเรือนหอ เธอควรให้พรลูกหน่อยนะสิตา”ปรางสิตาถอนหายใจพรืดยาว เธอก็แค่ไม่รู้จะอยู่ปั้นหน้าให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อเจ้าสัวชาญชัยอวยพรในพิธีงานจบก็ขอตัวกลับพร้อมภรรยาหลวง แต่อาปราบต์กลับรั้งปรางสิตาให้อยู่รอเจอภารัชชาหลังจ
AFTER PARTY คือช่วงเวลาปลดปล่อยความสนุกหลังพิธีวิวาห์สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็มารวมตัวสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของทางฝั่งของหมอไป๋มากกว่าภารัชชามีเพื่อนรักเพียงคนเดียวแค่อิงธารา ส่วนอีกคนก็คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างสิบทิศที่มาร่วมยินดี ทั้งสามนั่งร่วมดื่มเฉลิงฉลองกันที่โต๊ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานหมอไป๋จัดเต็มอยู่หน้าเวทีกันหมดแล้วหากไม่ได้บอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ ภารัชชาก็นึกว่าเหล่ากองทัพแพทย์เป็นนักเต้นมืออาชีพ แต่ละคนเท้าไฟมีหัวใจรักดนตรีกันทุกคน“แกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะอิง พี่สิบช่วยปรามหน่อยสิคะ” ภารัชชาหันไปทำเสียงอ้อนให้สิบทิศช่วยสิบทิศเป็นรุ่นพี่สายรหัสเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีสวมแว่นสายตาทรงกลม เป็นหนุ่มตี๋ที่มีสาวสวยมารุมขายขนมจีบกันให้เพียบ แต่คงทำได้แค่มองเพราะรุ่นพี่เธอมีแฟนสาวแล้ว“เดี๋ยวพี่ดูอิงให้เองครับ น้องชาไปช่วยคุณไป๋เถอะ”“ยัยชาฉันโคตรยินดีกับแกเลยนะเว้ย... เพื่อนร้าก”อิงธาราอยู่ในอาการมึนเมา โยกตัวมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วโคลงตัวไปมา ทำภารัชชาหลุดยิ้มอย่างเอ็นดูเพื่อนตัวเอง“ฉันรู้แล้ว แต่แกช่วยตั้งสติหน่อยเถอะน่า”“ดูแลตัว