เข้าสู่ระบบสาวที่มาตินเอ่ยถึงก็คือ เหมยเมยหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวยวัย 22 ปีนั่นเองวันนี้เธอมีเรื่องไม่สบายใจจึงชวนอิงฮวาเพื่อนสาวคนสนิทมาดื่มและเหมือนเป็นโชคดีทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มที่หล่อตรงสเปคทุกอย่าง เธอเหมือนต้องมนต์สะกดไม่อาจละสายตาออกจากใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรของเขาได้
"หล่อจัง" เสียงชื่นชมเปล่งออกจากริมฝีปากชมพูระเรื่อพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ผุดขึ้นประดับมุมปาก เธอลืมเรื่องทุกข์ใจไปชั่วขณะเพราะสายตาและจิตใจจดจ่ออยู่แต่กับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา "ไหนบอกว่าเครียดไงทำไมยังมีอารมณ์นั่งจ้องผู้ชายอยู่ ฉันว่าถ้าแกจะจ้องขนาดนั้นแกก็ไปสิงพี่เขาเถอะ" อิงฮวาพูดแขวะด้วยความมันไส้กับท่าทางของเพื่อนสาวที่ดูสนใจผู้ชายจนออกนอกหน้าทั้งที่กำลังเครียดอยู่แท้ ๆ "ถ้าสิงได้ก็ดีสิ" เหมยเมยที่ตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอ่ยอย่างเหม่อลอยสายตายังคงจับจ้องมาเฟียหนุ่มไม่วางตา "เป็นเอามาก" อิงฮวาส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับท่าทางของเพื่อนสาวก่อนจะใช้นิ้วดีดหน้าผากเพื่อเรียกสติเพื่อน "โอ๊ย! แกดีดหน้าผากฉันทำไมเนี่ย" คนโดนดีดถึงกับสะดุดโหยงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ ดวงตาคมตวัดมองค้อนเพื่อนสาวเชิงตำหนิพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าผากปอย ๆ "ก็เรียกสติแกไง" "ขัดความสุขจริง ๆ เลยแกนี่" หญิงสาวจีบปากจีบคอใส่เพื่อนสาวอย่างอารมณ์เสีย "มาสนใจปัญหาของแกดีกว่า" "เฮ้อ! พอพูดเรื่องนี้แล้วเซ็งอะป๊านะป๊าบังคับให้ฉันหมั้นกับใครก็ไม่รู้" ใบหน้าสวยขมวดเป็นปมด้วยความเซ็งเมื่อนึกถึงเรื่องหมั้นที่ผู้เป็นพ่อบังคับเธอ "แกก็บอกป๊าไปสิว่ามีแฟนแล้ว" "ฉันบอกไปแล้ว..แล้วรู้ไหมป๊าตอบกลับมายังไง" "ยังไง" "มีได้ก็เลิกได้" "สุดยอดเลยป๊าแก" อิงฮวาถึงกับยกนิ้วโป้งให้เมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวเธอไม่คิดเลยว่าคนเป็นพ่อจะเห็นเรื่องนี้สำคัญกว่าความสุขของลูกสาวตัวเอง "อือ" หญิงสาวขานหืมในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองยังโต๊ะของมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง ทว่าเธอก็พบแค่ความว่างเปล่าเพราะเขาได้หายไปแล้วเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่อุตส่าห์ได้เจอคนถูกใจแต่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน "ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เธอถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนจัดแจงชุดเดรสที่ร่อนขึ้นมาจากการนั่งให้เข้าทรงแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที หลังจากเข้าไปทำธุระในห้องน้ำเสร็จเธอก็เดินออกมาสูดอากาศด้านนอกผับต่อเพราะเผลอสูดควันบุหรี่เข้าไปเต็มปอดระหว่างทางที่เดินผ่านห้องน้ำผู้ชายเลยทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง "ยะ..อย่าทำอะไรผมเลย" ขณะที่กำลังยืนรับอากาศอย่างสบายใจเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคล้าย ๆ เสียงคนดังแว่วมา เหมยเมยยืนฟังทิศทางของเสียงจนมั่นใจว่าเสียงมาจากทางด้านหลังของผับเธอจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตามเสียงที่ได้ยิน "ทำไมบรรยากาศมันอึ้มครึ้มแบบนี้นะ" เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ผ่านความมืดสลัวจนสายตาปะทะเข้ากับกลุ่มคนชุดดำประมาน 2-3 คนยืนล้อมผู้ชายอีกคนที่นั่งกองอยู่กับพื้นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟอกช้ำและคราบเลือด เธอไม่รอช้ารีบเดินไปแอบหลังกองเก้าอี้ผุพังอย่างระมัดระวังแล้วค่อย ๆ สอดส่องสายตามองผ่านช่องเก้าอี้เล็ก ๆ "นั้นมันผู้ชายคนนั้นนิ" เธอรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาสมทบกับกลุ่มชายชุดดำทีหลังเพราะเขาคือผู้ชายคนนั้นในมือเขายังถือปืนมาด้วย เธอแอบมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ดวงตากลมโตถึงกับเบิกตากว้างใจดวงน้อยเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอกเมื่อหนุ่มในฝันของเธอเอาปืนจ่อหน้าผากของชายที่นั่งอยู่กับพื้น ปัง! เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณร่างบางที่กำลังก้าวเท้าออกไปจากที่แห่งนี้เพราะทนดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไม่ไหวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ มือเล็กยกขึ้นปิดปากเอาไว้ก่อนจะพยุงร่างกายสั่นเทาของตัวเองเดินออกมาหน้าผับ "โหดร้าย โหดร้ายเกินไปแล้ว" เธอพาร่างอันสั่นเทาของตัวเองมานั่งหลบมุมด้านหน้าผับเสียงปืนและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายคนนั้นยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท เธอนั่งอยู่อย่างนั้นนานนับสิบนาทีเมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนสาวในผับ "หายไปไหนตั้งนานเหมย" อิงฮวาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนสาว "เรากลับกันเถอะ" เหมยเมยหาได้สนใจคำถามของเพื่อนสาวไม่ตอนนี้เธออยากออกจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด อิงฮวามองเพื่อนสาวที่ใบหน้าซีดเผือดอย่างงงๆ "แกเป็นอะไร" "ฉะ..ฉันเห็นคนโดนยิงตาย" เหมยเมยบอกเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ไม่เป็นไรนะ" อิงฮวารู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินที่เพื่อนสาวบอกเธอรีบลุกขึ้นไปลูบหลังเพื่อนสาวเบาๆ เชิงปลอบประโลมเพราะดูท่าเพื่อนคงตกใจและกลัวมาก "ฮึก! ฉันเสียใจถ้าฉันเข้าไปช่วยผู้ชายคนนั้นคงไม่ตาย..ฉันมันคนเห็นแก่ตัวขี้ขลาด" ร่างบางสวมกอดเพื่อนสาวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างกลั่นไม่อยู่ เธอรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยผู้ชายคนนั้นได้ "อย่าโทษตัวเองเลยแกก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะไปสู้ผู้ชายได้ยังไงดีแล้วที่แกไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง" คำปลอบประโลมของเพื่อนสาวทำให้เหมยเมยรู้สึกขึ้นมาบ้างเล็กน้อยมันก็จริงอย่างที่เพื่อนสาวพูดหากเธอผลุนผลันเข้าไปช่วยอาจจะโดนฆ่าปิดปากก็เป็นได้ คิดได้ดังนั้นเธอจึงยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจนแห้งก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไป ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้าเดินเสียงอิงฮวาก็ดังขึ้น "ยัยเหมยสุดหล่อของแกมา" "นั้นไม่ใช่สุดหล่อของฉันนั้นมันปีศาจชัด ๆ" หญิงสาวรู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนสาวหมายถึงใคร เธอรีบปฏิเสธจนอิงฮวารู้สึกสงสัยไม่น้อยต้องถามไถ่ให้หายข้องใจ "แกหมายความว่าไง" "ก็เขานั้นแหละยิงคนตาย" "หน้าตาก็หล่อไม่น่าโหดร้ายเลย" อิงฮวายกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจเธอรู้สึกช็อคกว่าเพื่อนสาวเสียอีกไม่คิดว่าคนหน้าตาหล่อเหลาดูมีระดับจะจิตใจโหดเหี้ยม แต่ก็นั้นแหละจิตใจมนุษย์ยากเกินหยั่งถึง เหมยเมยเพียงไหวไหล่ให้เพื่อนสาวเล็กน้อยก่อนจะรีบส่าวเท้าเดินออกไปขึ้นรถเหมยเมยมองสบดวงตาของร่างสูงด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนระบายยิ้มออกมา อุ้งมือนุ่มยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ เมื่อก่อนเธอคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถรักและเริ่มต้นใหม่กับคนที่เคยทำร้ายตัวเองได้แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดความดี ความรัก และความเอาใจใส่ของมาเฟียค่อย ๆ สมานรอยร้าวในใจของเธอให้ดีขึ้น หลอมละลายความโกรธแค้นเกลียดชังให้หายไปกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ เข้ามาแทนก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอเริ่มตกหลุมรักคนตรงหน้ารู้ตัวอีกทีก็รักเขาเข้าแล้วจากวันนี้ไปเธอจะไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองอีกแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ..."คุณสัญญาแล้วนะ...หลังจากนี้หากคุณปกปิดอะไรฉันแม้แต่เรื่องเดียว หรือทำให้ฉันเสียน้ำตาฉันจะหอบลูกหนีเหมือนที่ม๊าคุณเคยทำ" ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่พูดจบ แววตาอ่อนโยนทว่าดูเด็ดเดี่ยวจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาเชิงสื่อให้รู้ว่าเธอพูดจริงทำจริง คนฟังถึงกับลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยว ๆ ลงลำคออึกใหญ่ เขามันคนมีคดีติดตัวเธอว่าไงเขาก็คงต้องว่าตามนั้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าเมียสาวรู้เรื่องนี้ได้ยังไงทั้งที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟังเลยมิหน่ำซ้ำเจ้าหล่อนยังเอามาขู
'ครืด ครืด' "อื้อ" ร่างอวบอั๋นที่นอนหลับบนเตียงคิงไซส์รู้สึกตัวขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่เพราะโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดรับสายทั้งที่ตายังคงปิดอยู่ ก่อนกรอกน้ำเสียงงัวเงียลงตามสาย "ค่ะป๊า" (ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว) "นี่กี่โมงแล้วคะป๊า" (11 โมงแล้วลูก) "ค่ะงั้นเหมยวางสายละนะ" เหมยเมยค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาก่อนกดวางสายจากผู้เป็นพ่อแล้วรีบหยัดกายลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว "ใส่ชุดไหนดีนะ" ดวงตากลมโตไล่มองชุดเดรสที่แขวนเรียงรายในตู้เสื้อผ้าอย่างชั่งใจเธอแอบมีความหวังเล็ก ๆ ว่าการกลับไปจีนในวันนี้จะได้เจอกับมาเฟียหนุ่มจึงอยากแต่งตัวให้ดูดีที่สุด รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางเบา เธออดขำกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย ทว่ามันก็ไม่แปลกอะไรถ้าเธออยากจะดูสวยในสายตาของคนที่รู้สึกพิเศษด้วย มือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดเดรสปาดไหล่สีฟ้าครามยาวคลุมเข่าออกมาสวมใส่ก่อนหมุนตัวไปมา 2-3 รอบหน้ากระจกบานใหญ่สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง เมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยเธอก็เก็บของใช้จำเป็นใส่ในกระเป๋าเดิน
หลายวันต่อมา"คุณเหมยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เสียงของซุนหนี่ดึงให้ร่างอวบอั๋นที่นั่งเขี่ยข้าวในจานอย่างเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ เธอถอนหายใจออกมาระคนเบื่อหน่ายก่อนตอบไป "แค่รู้สึกเบื่อ ๆ ค่ะ""คิดถึงคุณมังกรเหรอคะ" ซุนหนี่อดที่จะแซวไม่ได้เพราะตั้งแต่มาเฟียหนุ่มไม่อยู่หญิงสาวก็ดูเหงาหง่อยไม่สดใสเหมือนก่อน คนโดนแซวรีบปฏิเสธทันควัน "เหมยไม่ได้คิดถึงเขาสักหน่อยพี่ซุนหนี่""รู้สึกอะไรก็แสดงออกมาเถอะค่ะคุณเหมย...ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้อย่าหลอก อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะสุดท้ายก็เป็นเราเองที่ทุกข์ใจปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความรู้สึกดีกว่า" ซุนหนี่พูดทิ้งท้ายให้หญิงสาวได้คิดก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเหมยเมยนั่งครุ่นคิดตามคำพูดของซุนหนี่เธอพยายามตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรเธอแค่คุ้นชินกับการมีเขาข้างกายหรือเขาได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ภายในใจของเธอแล้วกันแน่เธอถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องไปทั้งที่ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด มืือเล็กเอื้อมไแหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมาต่อสายหาผู้เป็นพ่อเพื่อถามไถ่เรื่องของมาเฟียหนุ่มเพราะ
เหมยเมยนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนห้องปล่อยให้มาเฟียหนุ่มได้ทำงานจนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่ามาเฟียหนุ่มจะขึ้นมาสักทีทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้จนต้องเดินลงไปดูเมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นก็พบว่าเขานั่งหลับอยู่ทั้งที่โน็ตบุ๊คยังเปิดคาไว้ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาระคนเห็นใจถึงแม้เขาจะเครียดหรืองานเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องการดูแลเธอ ไม่เคยอารมณ์เสียหงุดหงิดใส่ ไม่เคยแม้แต่ปริปากบ่นสักคำหากเขาไม่สนใจหรือไม่รับผิดชอบเธอก็ย่อมได้เพราะไม่ได้มีใครบังคับ ทว่าเขากลับยอมเสียสละความสุขและเวลาส่วนตัวมาให้เธอ"คงเหนื่อยมากสินะถึงได้หลับไม่เป็นท่าแบบนี้" เธอลอบถอนหายใจออกมาระคนหนักอกก่อนหมุนตัวเดินขึ้นไปหยิบผ้าห่มบนห้องนอนมาห่มให้เขาแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงข้าง ๆ มือเล็กสัมผัสลงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาอย่างแผ่วเบา "ขอบคุณที่คอยดูแลฉันกับลูกเป็นอย่างดีนะคะ" เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมปากบางเบา ๆ ด้วยความซาบซึ้งใจในขณะที่อุ้งมือเล็กยังคงประคองใบหน้าหล่อเหลาอยู่โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนตื่นตั้งแต่เธอห่มผ้าให้แล้ว"ผมเต็มใจดูแลคุณกับลูกไปตลอดชีวิต" มือเล็กรีบผละออกจากใบหน้าหล่อเหลาอย่างเร็วในตอนที่เสียงทุ
หลายเดือนต่อมา..วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ จากวันผ่านไปเป็นเดือนมาเฟียหนุ่มยังคงปฏิบัติต่อเหมยเมยเหมือนวันแรกที่เขาได้ลั่นวาจาไว้ การกระทำของเขาเริ่มสัมฤทธิ์ผลหญิงสาวยอมเปิดใจให้เขามากขึ้นความสัมผัสของทั้งสองคนเริ่มดีขึ้นตามลำดับตอนนี้เหมยเมยอายุครรภ์ได้หกเดือนกว่า ๆ แล้วท้องของเธอเริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันจะเดินเหินไปไหนก็ไม่ค่อยสะดวกเหมือนแต่ก่อน"มังกร" เสียงหวานเปล่งออกจากริมฝีปากบางของร่างอวบอั๋นที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องนอน คนถูกเรียกละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยมองหน้าเจ้าของเสียง "ว่าไงครับ" "รูดซิบชุดให้หน่อยฉันรูดไม่ถึง" สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวร่างสูงก็เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงทันที ก่อนหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปยืนซ้อนหลังร่างอวบอั๋นหน้ากระจกแล้วค่อย ๆ บรรจงรูดซิบชุดเดรสตัวโคล่งอย่างระมัดระวัง"ตื่นเต้นจังจะได้รู้แล้วว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" มาเฟียหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเพียงแค่คิดว่าวันนี้จะได้รู้เพศของลูกหลังจากหญิงสาวอึกอักไม่ยอมไปอัตร้าซาวด์สักทีให้เหตุผลว่าอยากรอลุ้นตอนเกิดแต่เขาใจร้อนอยากรู้เลยอ้อนวอนทุกวันจนเธอรำคาญยอมอัตตร้าซาวด์ ใบหน้า
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบไร้เสียงตอบกลับจากร่างบางมีเพียงน้ำสีใสที่ค่อย ๆ ไหลออกทางหางตาซึ่งเป็นคำตอบได้ดีว่าเธอไม่โอเค และกำลังรู้สึกกลัวกับการกระทำนี้ มาเฟียหนุ่มถึงกับใจกระตุกวูบเมื่อเห็นหยดน้ำใสไหลจากตาคู่สวยเขาไม่คิดว่าเธอจะกลัวมากขนาดนี้การกระทำของเขาคงสร้างบาดแผลฝังลึกในใจเธอมากมือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกจากหางตาคู่สวยอย่างแผ่วเบาพลางพยายามข่มความต้องการหักห้ามอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้จะต้องการมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันกลับไปทำแบบเมื่อก่อนอีกเขาจะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้ได้ในสักวัน "ไม่ต้องร้องไห้หากคุณไม่ยินยอมผมจะไม่ทำ" เสียงทุ้มทว่าฟังดูอบอุ่นเปล่งออกจากริมฝีปากหนาทำให้คนฟังเบาใจขึ้นมาบ้าง เธอลอบหายใจอย่างโล่งอกเมื่อร่างสูงผละออกจากตัวแล้วหยัดกายลุกเดินเข้าห้องน้ำไปผ่านไปกว่าสิบนาทีมาเฟียหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากปลดปล่อยอารมณ์ค้างคาของตัวเองเสร็จแล้ว เขาเดินมาหยิบเสื้อผ้าขึ้นสวมใส่ก่อนเอ่ยเมื่อเห็นว่าร่างบางบนเตียงนั่งมองเขาด้วยแววตาสับสน "ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่มังกรคนเดิมอีกแล้ว" "เวลาแค่เดือนกว่า ๆ ยังยืนยันไม่ได้หรอกว่าคุณจะดีจริงหรือเปล่า" เหมยเมยจ







