เข้าสู่ระบบฟุ่บ!
“บ้าจริง ทำไมพวกมันถึงได้มารวดเร็วแบบนี้ล่ะ!” ฉันรีบถอยกลับมายืนหลบอยู่ในตรอกแคบๆ ก่อนถึงทางเข้าหอพักทางด้านหลัง
เมื่อกี้นี้เหมือนฉันจะเห็นผู้ชายสองคนมีท่าทีแปลกๆ เดินไปเดินมาอยู่ด้านใน แม้จะไม่แน่ใจนักว่าสองคนที่เห็นจะใช่คนของโอยามะหรือเปล่า แต่เท่าที่ดูจากเสื้อผ้า แว่นดำ รวมถึงบุคลิกที่ดูสง่าผ่าเผยแบบนั้นไม่มีทางใช่ยามประจำหอพักแน่ๆ
ฉันพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แล้วชะโงกหน้าออกไปแอบมองให้แน่ใจอีกครั้ง ซึ่งเมื่อพบว่าผู้ชายสองคนที่เห็นเมื่อครู่ยังยืนอยู่ที่เดิมเหมือนกำลังรอใครสักคน ฉันก็ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดโทรหาพี่ยูตะทันที
โทรศัพท์ในมือของฉันคือโทรศัพท์ของยูริ เพราะฉะนั้นถ้าฉันจะโทรส่งข่าวให้สองคนที่กำลังรอฉันอยู่รู้ ฉันก็ต้องโทรหาพี่ยูตะนั่นแหละ
“ฮัลโหลพี่ยูตะ” ฉันรีบกรอกเสียงลงไปเมื่อพี่ยูตะกดรับแทบจะในทันที เพราะว่าเขาเองก็คงกำลังลุ้นและรออยู่เหมือนกัน
[มีอะไร หรือว่าเจอคนของโอยามะแล้ว]
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่มีผู้ชายท่าทางแปลกๆ สองคนยืนแถวๆ หอพักทางด้านหลัง ฮานะไม่รู้ว่าใช่คนของโอยามะรึเปล่า”
[พวกมันเห็นเธอรึยัง]
“ยังค่ะ ฮานะเห็นพวกมันก่อน ก็เลยหลบอยู่ ยังไม่ได้เดินออกไปค่ะ”
[ตอนนี้อยู่ตรงไหน] พี่ยูตะถามเสียงเข้ม และฉันรู้สึกได้ว่าเขากำลังกังวล
“อยู่ตรงตรอกใกล้ๆ กับประตูทางเข้าหอพักทางด้านหลังค่ะ”
[อยู่ตรงนั้นก่อน อย่าเพิ่งออกมาจนกว่าฉันจะโทรกลับไป ฉันจะขับรถวนไปดูด้านหน้า แล้วจะโทรบอก]
“ได้ค่ะ” ฉันรับปากอย่างรวดเร็วก่อนจะกดวางสาย แต่ยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้ในมือแน่นเพราะไม่อยากพลาดการติดต่อ
หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นระส่ำ เมื่อไหร่นะที่ฝันร้ายในคืนนี้จะผ่านไปสักที
ฟุ่บ!
ฉันค่อยๆ หย่อนตัวเองนั่งลงกับพื้นด้วยความรู้สึกอ่อนแรง ใช้ความมืดเพื่อซ่อนตัวเองอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จุดหมาย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องราวบ้าๆ นี่จะสิ้นสุด
ยิ่งเงียบฉันก็ยิ่งได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองชัดเจน พยายามแล้วที่จะหายใจให้เบาที่สุด แต่วินาทีนี้การบังคับหรือควบคุมความกลัวที่อยู่ลึกสุดของก้นบึ้งหัวใจกลับทำได้ยากเต็มที เพราะนับตั้งแต่วินาทีที่เกือบถูกโอยามะพรากลมหายใจซึ่งเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับชีวิตไป ก็เหมือนกับว่าร่างกายของฉันมันจะไม่เชื่อฟังฉันอีกแล้ว
เขาปลุกทุกความกลัวในจิตใจของฉันขึ้นมา และยากที่ฉันจะสั่งให้มันหลับใหลได้เหมือนเดิม
เวลาผ่านไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ฉันก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพี่ยูตะหรือว่ายูริ ความร้อนใจเริ่มก่อตัวขึ้นในอก เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเป็นอันตราย
หรือว่าคนของโอยามะจะจับพี่ยูตะกับยูริไปนะ!
สมองตั้งคำถามขึ้นมาทันที และคำถามนั้นก็เริ่มทำให้ฉันรู้สึกกังวลจนต้องพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ยื่นหน้าออกไปมองหาผู้ชายสองคนนั้น แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นความว่างเปล่า
ผู้ชายสองคนนั้นหายไปแล้ว!
ทันทีที่รู้ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติฉันก็รีบติดต่อพี่ยูตะอีกครั้ง แต่รอสายอยู่นานก็ยังไม่มีคนกดรับสักที สุดท้ายฉันจึงตัดสินใจจะเดินย้อนกลับไปที่รถ ทว่า...
“ฉันคิดว่าเธอจะนอนในนั้นซะอีก”
“พวกนาย!”
“ลุกขึ้นมา!” เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกเขากระชากขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันตั้งสติ“ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมา”ถ้อยคำเย้ยหยันของโอยามะทำให้ฉันกัดฟันแน่นแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิม แววตาที่เคยดุดันตอนนี้กำลังเปล่งประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ต่อมาก็เป็นฉันที่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกับตาว่าใบหน้าของโอยามะกำลังเคลื่อนลงต่ำฟุ่บ!“ถ้ายังพูดไม่ฟังก็คงต้องสอนกันนานหน่อยนะ ฮานะ”“นะ...นาย...”“แยกขาออกแล้วนั่งนิ่งๆ ฉันจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอด้วยซ้ำ”“แต่ฉัน...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอว่าเธอเลือกเอง เมื่อกี้ถ้าเธอไม่อวดดี ป่านนี้เธอก็กลับขึ้นห้องไปนอนพักแล้ว เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้ฉันให้เธอพักไม่ได้ แยกขาออก!” โอยามะยังคงตะคอกใส่ฉันซ้ำๆ เสียงดุดันของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม ก่อนจะค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ซึ่งคงไม่ทันใจเขา เขาถึงได้จับมันแยกออกจากกันโดยเร็วด้วยตัวเอง แถมยังยกมันชันขึ้นกับโต๊ะจนเป็นรูปตัวเอ็มใหญ่“ยกก้นขึ้นมา”ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามอย่างง่ายดาย ไม่มีสามัญสำนึก
“แยกขาออก”ในเวลากลางวันที่แสงสว่างส่องเข้ามาจนมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงหน้าต่างก็ยังเปิดออกทุกบานอย่างตอนนี้ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าชอบบรรยากาศในรถมากกว่าอีก อย่างน้อยความมืดก็ยังช่วยปิดบังทุกอย่าง ทุกความรู้สึกเอาไว้ได้บ้าง“หรือเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”“ปะ...เปล่าๆ” ฉันรีบตอบ พูดจบก็ค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ทุกวินาทีที่กำลังผ่านไปบีบหัวใจของฉันแน่นขึ้นทีละนิดๆ จนฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“กว้างอีก”“ฉัน...”“ทำตามที่สั่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปซะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้ายกเลิกข้อตกลงกลางทาง เธอต้องยอมเสียค่าปรับเป็นการส่งเพื่อนเธอให้ไดสึเกะในวันพรุ่งนี้ทันที!”นี่อาจเป็นวิธีสั่งสอนฉันว่าไม่ควรคิดจะลองดีกับเขา ตอนนี้ต่อให้อยากจะกลับตัวก็ทำไม่ได้แล้วฉันกลั้นใจแยกขาออกจากกันเพิ่มอีกนิดตามคำสั่ง กำลังจะหลับตาลงแต่โอยามะกลับทักท้วงขึ้นมาอีกรอบ“ห้ามหลับตา” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบมองตาฉันนัก“นั่งนิ่งๆ ล่ะ ห้ามขยับ ครางได้แต่ห้ามพูด”มันน่าอายที่สุดในชีวิตก็ตอนที่เขาสั่งว่าครางได้แต่ห้ามพูดหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะ
“ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายทำคือการทรมานฉัน นายก็รู้เอาไว้เลยว่านายทำสำเร็จแล้วโอยามะ ฉันกำลังทรมานมากจริงๆ” ฉันบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าต่อมาอีกหนึ่งก้าวเสียงปืนเมื่อครู่เรียกความตื่นตกใจให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาอออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าคนที่ถือปืนเป็นโอยามะ ไม่ใช่ฉัน สายตาคัตซึดูตกใจมาก ต่างจากคิราวะที่เป็นคนยืนขวางทุกคนเอาไว้“ออกไป”“ครับ” เป็นคิราวะที่ยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอ เขาหันไปสั่งให้ทุกคนถอยกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพโอยามะแล้วจึงตามทุกคนออกไปทีหลัง ซึ่งคนสุดท้ายก็คงเป็นฉันหมับ!แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพล้ง!เสียงจานบนโต๊ะอาหารถูกโอยามะกวาดด้วยแขนยาวๆ ของเขาตกลงไปแตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นด้านล่าง ก่อนจะผลักให้ฉันถอยกลับไปนั่งลงบนโต๊ะตามเดิม เพียงแต่แค่คนละด้านของโต๊ะเท่านั้น“มาลองดูกันว่าเธอหรือฉันจะชนะ”“ฉันไม่ได้อยากจะชนะนาย ฉันก็แค่อยากได้เพื่อนฉันคืน” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาต่อหน้าเขา แต่สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นใจหรือเวทนาฉันสักนิด“งั้นเรามาแลกกัน”“นายอยากได้อะไรก็บอกมาสิ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่าทำร้ายพวกเขาเลย ฉันผ
“ฉันผิดไปแล้ว” ฉันบอกเสียงสั่น เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาเหมือนน้ำตากำลังจะไหล แต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่โอยามะพยายามล้วงคอฉันผุดขึ้นมาในหัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้เขาฉันอาจจะอาการหนักกว่านี้ จริงอยู่ว่าอาจไม่ถึงตาย แต่ก็คงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างที่ได้ยินคุณหมอบอกกับคัตซึ“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจัดการยังไงกับเธอดี โทษฐานที่เธอคิดจะขโมยชีวิตของตัวเองที่มีฉันเป็นเจ้าของ”“ฉัน...”“คิดเหรอว่าความตายจะทำให้เธอหนีฉันพ้น”ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของโอยามะเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความดุร้ายผ่านทางสายตาคู่นั้น ฉันคิดว่าภายใต้ใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งของเขามีพายุอารมณ์ซ่อนอยู่ และนั่นแหละที่ฉันกลัว“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันสัญญา ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”มันเป็นความบ้าบิ่นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันกล้าขอร้องให้เขายกโทษให้ ส่วนครั้งแรกน่ะเหรอ ก็ตอนที่กล้าย่องเข้าไปขโมยของในห้องเขายังไงล่ะ“ง่ายไปหน่อยมั้ย แค่คุกเข่าอ้อนวอนแล้วจบเรื่อง ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอได้ใจ”“ฉัน...ยอมทุกอย่าง” พูดจบฉันก็หลับตาแน่น ความนิ่งของเขากำลังทำให้ฉันร้อนรุ
“ฉัน...กลัว”ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดคำนั้นออกไป ทั้งที่ไม่ได้รู้จักหรือเชื่อใจคัตซึเลยสักนิด“ถ้าเป็นผม ผมก็กลัวครับ” คัตซึบอกอย่างนั้น เขาส่งยิ้มให้ฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะพูด จะยิ้ม หรือจะประชดประชันใส่เขาก็ตาม“แต่โดยปกติ คนที่กลัวคุณโอยามะมักจะเป็นคนที่ทำความผิดไว้เสมอ คุณฮานะทำความผิดอะไรไว้ล่ะครับ”คำถามที่คัตซึย้อนถามทำให้ฉันหลับตาแน่น ความผิดที่ฉันทำน่ะเหรอ มากมายหลายข้อจนฉันไม่รู้ว่าจะกล้ายอมรับมันหมดได้ยังไง“รีบอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวเถอะครับ กลับตัวตอนนี้ก็คงยังไม่สาย แต่ถ้าคุณฮานะยังไม่รู้จักรักตัวเอง ผมก็คงช่วยไม่ได้หรอกครับ”“ขอบใจนะคัตซึ”“เอาใจช่วยครับ” คัตซึยิ้มให้ฉันก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป และคงเตรียมมื้อกลางวันสำหรับฉันและโอยามะรอที่ห้องอาหารข้างล่าง ส่วนฉันก็ต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ เพราะนอนนานเกินไปทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เดี๋ยวจะป่วยเอาง่ายๆน้ำอุ่นในห้องน้ำทำให้ฉันรู้สึกอยากจะย้ายเข้าไปนอนในอ่างอาบน้ำเหลือเกิน ติดตรงที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพยายามถ่วงเวลาแค่ไหน ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี“เชิญครับคุณฮานะ” คัตซึที่หันมาเห็นฉันเป็นคนแรกพูดขึ้นมาเสียงดังจนทุกคนในห้องอาห
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ปริมาณยาที่อาเจียนออกมาเยอะพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมยาเข้าไป พักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายก็น่าจะดีขึ้นครับ แต่ยังไงหมอแนะนำให้พาคนไข้ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีที่สุดครับ เพราะการกินยาเกินขนาด ถึงจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการทำงานของตับและไตในระยะยาวครับ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้ฉันลืมตาตื่น แสงแรกที่กระทบม่านตาทำเอาฉันกะพริบตาอยู่หลายครั้งเพราะมันแรงมาก เหมือนนี่จะไม่ใช่ช่วงเช้าของวัน“คุณฮานะฟื้นแล้วเหรอครับ”“คัตซึ”“ครับ ผมเอง อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนนิ่งๆ ก่อน” คัตซึเตือนพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง เขาส่งยิ้มให้ฉันนิดหน่อย ซึ่งเมื่อเริ่มชินกับแสงสว่างแล้ว ฉันถึงได้ส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะมองไปรอบๆฉันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว“บ้านเหรอ?”“ครับ คุณหมอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี่เอง” คัตซึรายงาน“ฉัน...”“อาการปลอดภัยครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอบอกว่าโชคดีที่คุณโอยามะไปพบคุณฮานะทันเวลา คุณฮานะอาเจียนยาออกมาพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันที่จะดูดซึมยาเข้าไป ก็เลยไม่เป็นอันต







