ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท
นีวายนั่งอยู่บนแคร่ตรงใต้ทุนของบ้านไม้ทรงสูง เขานั่งมองบรรยากาศรอบๆ ซึ่งตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ไม่นานแก้มขวัญก็ได้เดินถือขันน้ำเย็นๆ มาให้แก่เขา ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวพลางแอบยิ้มเขินก่อนจะรับขันน้ำจากเธอมา ในน้ำนั้นดูใสสะอาดมากแถมยังโรยดอกมะลิลงไปเพื่อเพิ่มความหอมสดชื่นอีกด้วย “ ขอบคุณมากนะคะ ที่คุณช่วยแม่ของฉันไว้” “ อืม ไม่เป็นอะไรหรอก ก็คนเหมือนกันนี่” นีวายยกน้ำจิบเสร็จก็หันมาตอบกลับเธอด้วยเสียงแว่วหวาน แล้วยื่นขันน้ำคืนให้น้อง “ แม่บอกว่าคุณเป็นคนในเมืองไกล จริงเหรอคะ” แก้มขวัญเอ่ยถามเขาด้วยท่าทีเป็นกันเองจนทำให้นีวายแทบจะยิ้มไม่หุบ “ ครับ” “ แล้วคุณหาที่พักได้หรือยังล่ะคะ มันมืดแล้วนี่” ชายหนุ่มยิ้มแห้งส่งให้เธอเบาๆ พลันหันมองซ้ายขวาก็เจอแต่ทุ่งหญ้ากับทุ่งนาเขียวขจี ทำให้แก้มขวัญพอจะรู้คำตอบได้ เธอหัวเราะใส่เขาเบาๆ “ ฮ่าฮา ฉันคิดไว้แล้วเชียว แต่ไม่เป็นไรนะคะ คืนนี้คุณนอนค้างที่บ้านฉันก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจพรุ่งนี้ค่อยกลับ เพราะมันมืดแล้วถนนหนทางแถวนี้ไม่มีไฟส่องนำทางเหมือนในเมือง พวกเรากลัวว่าคุณจะเป็นอันตรายเอานะ” เธอกล่าวบอกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตรและแสดงออกถึงความจริงใจ นีวายเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มกว้าง “ งั้น พี่รบกวนด้วยนะ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มรู้และเข้าใจถึงอาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา เขานั้นสนใจแก้มขวัญ แทบอยากจะรีบสานต่อความสัมพันธ์กับเธอ และนี่คือโอกาสแล้ว ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงนีวายก็มานั่งร่วมทานข้าวกับสองแม่ลูก ด้วยความอบอุ่นใจเพราะว่าทั้งสองนั้นต้อนรับเขาดีมาก ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ และยิ่งเขาเห็นความร่าเริงสดใสของแก้มขวัญ หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรง “ พี่นีวาย ทานข้าวอิ่มดีหรือเปล่าคะ” หญิงสาวที่เห็นว่าเขาเอาแต่นั่งยิ้มเหม่อลอย เธอจึงทักท้วงเขาขึ้น “ อืม อิ่มสิ” นีวายรีบตื่นจากภวังค์ และยื่นถ้วยข้าวเปล่าให้หญิงสาวเอาไปเก็บไว้ “ อืม เห็นพี่เป็นผู้ชายแก้มนึกว่าพี่จะไม่อิ่มซะอีก ว่าจะไปทอดไข่ดาวมาเพิ่มให้ซะหน่อย” เธอหันหน้ามาพูดกับเขาด้วยใบหน้าที่สดใส นีวายก็เอาแต่มองเธอตาค้าง “ ไม่เป็นไรครับ พี่อิ่มแล้วจริงๆ” เขารีบเอ่ยยืนยัน กมลที่เห็นแบบนั้นเธอก็ยิ้มอ่อนๆ มองที่ชายหนุ่ม “ ไม่ต้องเกรงใจนะ ถือว่าเป็นคนกันเองเถอะ พอดีที่บ้านเรามีกันแค่สองแม่ลูกเลยชินทำกับข้าวเล็กๆ น้อยๆ พอให้กินข้าวลงนะ แต่ถ้าพ่อหนุ่มไม่อิ่มก็บอกน้องทำเพิ่มให้ได้” นีวายยิ้มอ่อนส่งให้กมล “ ผมว่าแค่นี้ก็เยอะมากแล้วล่ะครับ” เขาเอ่ยพลางก้มมองจานชามตรงหน้าที่มีกับข้าวไม่ต่ำกว่า 4-5 อย่าง ชายหนุ่มรู้ดีว่านี่เป็นมื้อใหญ่ของสองแม่ลูก เพราะเมื่อกี้เห็นว่าแก้มขวัญออกไปซื้อกับข้าวมาเพิ่มด้วย สองแม่ลูกได้ยินแบบนั้นก็มองหน้ากัน “ งั้นแม่ขอขึ้นไปกินยาแล้วก็พักผ่อนก่อนนะ แก้มล้างจานเสร็จก็ไปดูที่อยู่ที่นอนให้พี่เขาด้วยล่ะ แม่เอามุ้งกับหมอนออกจากตู้มาให้แล้ว” กมลสั่งบอกลูกสาวเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะเดินขึ้นบ้าน “ จ้ะแม่” แก้มขวัญที่กำลังเก็บจานอยู่ขานรับ พอกมลเดินหายขึ้นบ้านไป นีวายจึงลุกหวังจะไปช่วยหญิงสาวล้างจาน “ เฮ้ย ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแก้มทำเอง” แก้มขวัญเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะช่วยเธอก้มเก็บจานจึงรีบปรามเขา “ ไม่ ให้พี่ช่วยเถอะ ไม่งั้นพี่คงเกรงใจไม่รู้จะทำตัวยังไงแน่เลย” เมื่อได้ยินเขาตอบมาแบบนั้น หญิงสาวจึงจำยอม ทั้งสองเก็บจานชามบนแคร่ ที่นั่งทานข้าวกันเมื่อครู่ ไปช่วยกันล้าง ท่าทีของพวกเขาดูสนิทสนมกันรวดเร็วทันใจดั่งลางสังหรณ์ของกมลจะเป็นจริง “ อือ พี่นีวาย พี่มาทำอะไรไกลขนาดนี้เหรอ” หญิงสาวถามขึ้นพลางจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาใสซื่อ “ พอดีพี่คิดแบบไม่ค่อยออก ก็เลยมาขับรถเล่นหาแรงบันดาลใจนะ” “ หือ?” เธอมีสีหน้าสนใจ และสงสัยขึ้นมาอย่างชัดเจน “ พี่ทำงานอะไร เป็นนักออกแบบหรือคะ” นีวายหันมายิ้มหวานให้สาวน้อย “ ใช่แล้ว พี่เป็นสถาปนิกน่ะ พอดีช่วงนี้ต้องแก้แบบรีสอร์ทให้เพื่อน ก็เลยเครียดนิดหน่อย” แก้มขวัญได้ยินแบบนั้นเธอก็ตาใสขึ้นมาทันทีด้วยความตื่นเต้นชอบใจ “ ว้าว สุดยอดไปเลย แบบนี้พี่ก็ต้องวาดรูปเก่งใช่ไหม” คนฟังก็พยักหน้า “ แก้มก็ชอบวาดรูปเหมือนกัน ตอนเรียนก็เคยฝันอยากจะเป็นนักออกแบบอะไรแบบนี้เหมือนกันนะ” หญิงสาวมีท่าทีตื่นเต้นในช่วงแรก ก่อนจะยิ้มแห้งๆ แล้วพูดต่อ “แต่ได้ยินมาว่าเขาเรียนกันหนักมาก แก้มกลัวว่าตัวเองจะเรียนไม่ไหวกลัวว่าจะเปลืองตังค์แม่เปล่าๆ ก็เลยไม่เรียนดีกว่า” เธอหัวเราะขึ้นเบาๆ ท่าทีของเธอดูน่ารักและก็ตลกมาก ทำนีวายอดขำตามไม่ได้ “ ฮาฮ่า ก็เรียนหนักจริงๆ นั่นแหละ กว่าจะจบได้ก็เกือบตาย ไหนจะต้องไปต่อโทอีกนะ ดีนะเนี่ยที่จิตพี่แข็ง ไม่งั้นคงเป็นบ้าไปแล้ว ฮา” เขาพูดด้วยท่าทีติดตลก เพราะชอบเห็นรอยยิ้มใสซื่อของหญิงสาว “ ฮาฮ่า แต่ว่าพี่โคตรเท่เลยนะ ที่ทำมันสำเร็จน่ะ” “ อืม ขอบใจครับ แล้วน้องล่ะ เรียนอยู่ม.อะไรแล้ว” หญิงสาวกลั้นขำเมื่อได้ฟังคำถาม “ นี่พี่คิดว่าแก้มกี่ปีเหรอ” เธอจึงแกล้งถามเขา ชายหนุ่มก็มองไปที่หน้าใสๆ ของคนตรงหน้า ด้วยท่าทีครุ่นคิด ตอนนี้หน้าตาของเธอไม่ได้มอมแมม เหมือนตอนที่เจอ มันจึงยิ่งน่ารักละมุนดูน่าทะนุถนอมขึ้นไปอีก “ 16-17 มั้ง” เขาเดาส่ง “ ฮาฮ่า นี่หน้าแก้มดูเป็นเด็กขนาดนั้นเลยเหรอคะ” แก้มขวัญยิ้มกว้างพลางสีหน้าของเธอก็แดงหน่อยๆ นีวายหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้เห็น ยิ่งเธอเฉลยคำตอบให้ฟังใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรง “ แก้มจะ 20 แล้วค่ะ แถมยังเป็นเจ้าของร้านขายขนมด้วยนะ” “ จริงเหรอ?” “ ค่ะ แต่ก็เป็นแค่แผงเล็กๆ ตามตลาดเล็กๆ ในหมู่บ้านเอง เพราะต้องหาเช้ากินค่ำ บางวันก็ผลัดไปทำย่างอื่นรับจ้างดำนา เกี่ยวข้าว ปีนต้นมะพร้าวบ้าง หรือไม่ก็ไปหากบหาเขียดบ้าง อะไรประมาณนี้แหละ” หญิงสาวพูดพลางยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มป่องของตัวเองเหมือนกับว่ามันจะทำให้เธอคิดออก ชายหนุ่มเห็นก็ยิ่งยิ้มไม่หุบ “ แต่ดูทรงแล้ว นี่อาจจะเป็นชีวิตที่มีความสุขสุดๆ เลยเนอะ” แก้มขวัญจ้องตาเขาทันที “ ก็คงจะเป็นแบบนั้นค่ะ อยู่ไหนขอแค่เราได้อยู่กับคนที่เรารักมันก็ต้องมีความสุขใช่มั้ยล่ะพี่” เมื่อฟังมาถึงตรงนี้รอยยิ้มของนีวายก็หุบลง เนื่องจากคำพูดที่หมอบอกกับเขา ว่ากมลนั้นเป็นโรคร้าย ทำให้เขาอดที่จะสงสารสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ “ ฮาฮ่า ทำไมถึงทำหน้าจืดแบบนั้นล่ะคะ นี่ก็มืดมากแล้วรีบขึ้นบ้านเถอะ” หลังจากวางจานใบสุดท้ายไว้บนตะแกรง แก้มขวัญก็ทำหน้าตาตื่นใส่เขาดั่งกลัวอะไรบางอย่าง เธอขยับตัวเข้าไปใกล้เขา พลางกระซิบเบาๆ ข้างหู “เดี๋ยวจะเจออะไรแปลกๆ เข้านะ” เธอพูดเสียงแผ่ว พร้อมทำตาเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าเขาเริ่มกลัว หญิงสาวก็รีบจ้ำอ้าววิ่งขึ้นบ้านไปในทันที “ เฮ้ย แก้มขวัญมาพูดแบบนี้พี่ก็กลัวนะ” นีวายมีท่าทีลนลานเล็กน้อย ก่อนจะรีบล้างมือแล้วเดินตามหญิงสาวขึ้นบ้านไป.“ อือ” แก้มขวัญได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ฟ้าสางแสงแดดส่องผ่านเข้ามาทาบลงบนตัวเธอ ร่างเล็กค่อยๆ ดันร่างกายที่อ่อนล้าขึ้น “ พี่ไฟ” เธอเรียกหาชายคนนั้นเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แก้มขวัญจึงค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นนั่งก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ “ เมื่อคืน มันครั้งแรกของเรานะ” เธอบ่นพึมพำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันทำให้เธอรู้สึกดีทุกอย่าง เธอยอมรับว่าตัวเองตั้งใจให้มันเป็นไปแบบนั้น แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วเขายังอยู่ตรงนี้กับเธอ “ สงสัยเราคงจะตื่นสายเกินไป” หญิงสาวพยายามคิดบวก ก่อนจะลุกและเก็บเสื้อผ้าที่เขาถอดของเธอออกขึ้นมาสวมใส่ “ โอ๊ย” แต่เธอก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ มือเล็กกุมที่หน้าท้องน้อยของตัวเอง “ ทำไมมันถึงได้ปวดแบบนี้ล่ะ” พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นคำตอบ ปากอิ่มก็อมยิ้มพลางหูแดงขึ้นมาทันที ณ แคมป์ก่อสร้าง “ ใกล้ความสำเร็จขึ้นเยอะเลยครับหัวหน้า นี่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย ก็หาเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งมาลงได้เลย” สำเนาหัวหน้าคนงานรายงานให้เจ้าไฟที่ยืนฟังอยู่ได้ทราบ “ อือ ดีมาก อย่าลืมบอกทุกคนว่าให้ตั้งใจทำงานดีๆ ล่ะ เพรา
“ กีรติกร” “ พี่ไฟ ยังไม่นอนเหรอคะ ” หญิงสาวหน้าแดงจนต้องรีบหลบสายตา เวลานั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่ง “ เธอเป็นอะไร” เขาจ้องเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึม “ แก้มฝันร้าย” มุมปากข้างซ้ายของเจ้าไฟกระตุกขึ้นในทันทีเมื่อได้เห็นท่าทีที่เธอแสดงออก เขาเดินลงจากเตียงและเดินสาวขายาวไปหาน้องที่มุมประตู “ เธอเลยจะมาขอนอนกับฉันใช่ไหม” ไม่พูดเฉยเขาใช้มือเชยคางตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องตา ความกลัวที่มีในแววตาของเธอมันช่างน่าขัน เธอกลัวเขาแต่เธอก็กลัวอย่างอื่นมากกว่าจนยอมที่จะมาขอนอนกับเขาเนี่ยน่ะ? ง่ายไปแล้วหรือเปล่า “ ไม่ได้เหรอคะ เตียงพี่ก็ออกจะกว้างนี่” เสียงหวานๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด “ จะถามว่าได้ไหม…มันก็ได้แหละ แต่เธอไม่กลัวว่า…ฉันจะทำอะไรให้เธอเหรอกีรติกร” ในขณะเดียวกันนิ้วโป้งใหญ่สอดเข้าไปในปากของน้อง กลิ่นตัวของเธอมันช่างหอมหวานจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว ไหนจะดวงตากลมโตราวลูกแก้วที่มองมา หัวใจของเจ้าไฟถึงกับร้อนผ่าวเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดูดเบาๆ ตรงนิ้วโป้ง พอเห็นเขายิ้มเธอจึงดึงมือเขาออกพร้อมกับหลบหน้า “ อยากจะทำอะไร ก็ทำเลยค่ะ แต่แก้ม..ยังมีไข้อยู่นะ” เจ้าไฟส่ายหน้าเลิ่กลั่กให้กับคำพูด
“ ไม่เห็นอะไรเลยครับหัวหน้า” สำเนาพาเจ้าไฟมาดูกล้องวงจรปิดที่มีเพียง 4-5 ตัวบนเกาะ แต่กลับไม่พบถึงอะไรหรือใครที่เป็นพิรุธเลย “ แบบนี้ก็แสดงว่าคนที่ทำเป็นคนใน”เขาบ่นพึมพำแววตามีความกลุ้มใจดั่งกลับว่าเขาพอจะรู้อะไรบางอย่าง แต่แค่คิดกับมันไม่ตกก็เท่านั้น “ อีแก้มขวัญ!!” อยู่ๆ แป้งร่ำก็เกิดความโมโหและบุกมาหาแก้มขวัญถึงบ้าน “ เธอมาทำไมแป้งร่ำ” ป้าซาร่าที่กำลังช่วยเช็ดเป่าผมให้แก้มขวัญอยู่ตรงโซฟาในบ้านหันมาถามเธอ “ แกอย่าเสือก อีคนใช้” แป้งร่ำหันไปตวาดป้า ป้าก็ของขึ้นไม่ยอมโดนว่าฝ่ายเดียว “ ต๊าย! เก่งแต่ว่าคนอื่น มึงดีตายแหละอีแป้งร่ำ” “ นี่มึงกล้าขึ้นกูขึ้นมึงกับกูเพราะมันเหรอหะ” “ ก็เอ้อน่ะสิ ก็แก้มขวัญเขาดีกว่ามึง แถมยังเป็นเมียหัวหน้า แล้วมึงอะเป็นใคร แถมยังนิสัยต่ำๆ กูต้องเคารพด้วยหรือไง” แป้งร่ำกำหมัดแน่น เพื่อจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง “ มึงหรือเปล่าที่ถูกมันเป่าหูน่ะอีแก่ น้ำหน้าอย่างอีเด็กนี่เหรอ เป็นเมียเจ้าไฟ” แป้งร่ำกอดอกพลันหัวเราะเยาะทั้งคู่ ก่อนจะชะงักให้กับเสียงใครบางคน “ แล้วถ้าใช่ เธอจะทำไม” แป้งร่ำรีบหันไปมอง “ ฟะไฟ” เธอตกใจที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินมายืนข้างๆ
“ อ๋าย!!!!” แป้งร่ำกรี๊ดลั่นบ้าน จนคนเป็นแม่อย่างทิพย์ต้องรีบวิ่งเข้ามาเขย่าตัวลูกสาว “ เป็นอะไรไปหลาน” อนันดาเองก็เดินเข้ามาถาม “ ลุงไม่ได้ยินที่พวกคนงานมันพูดเหรอ ว่าอีเด็กแก้มขวัญนั่นมันกลับมาแล้ว คนที่ไปพามันกลับมาก็คือเจ้าไฟ เห็นว่าหายไปด้วยกันทั้งคืน แถมตอนกลับยังเอาแต่อุ้มยัยเด็กนั่นไม่ยอมปล่อย ป่านนี้คงได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วมั้ง” แป้งร่ำโวยวายมีสีหน้าท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ เอาน่ะหลาน จะกลุ้มใจเรื่องนั้นไปทำไม ผู้ชายนะมันจะมีเมียกี่คนก็ได้” “ แต่แป้งอยากเป็นคนแรก ที่สอนความเป็นชายให้กับไฟ ลุงไม่เข้าใจเหรอ!” “ อย่าคิดมากไปเลยน่ะลูก แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ยังไงซะเด็กน้อยท่าทางจืดชืดแบบนั้นไม่มีทางที่จะสู้ลูกสาวของแม่ได้หรอก” ทิพย์พยายามพูดให้ลูกสาวใจเย็น “ตอนนี้เรามาคิดกันต่อดีกว่านะ ว่าถ้าเจ้าไฟรู้ว่าพวกเราเป็นต้นเหตุ มันจะเกิดอะไรขึ้น” สีหน้าของคนพูดหมองลงด้วยความกังวล แต่สามีของเธอก็ตอบกลับด้วยคำพูดที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้บ้าง “ จะไปคิดอะไรให้ปวดหัวล่ะทิพย์ ทั้งเกาะเนี่ยยังมีกล้องวงจรปิดไม่ถึง 5 ตัวเลย แล้วฉันก็หลบกล้องทุกตัวแล้ว จ้างให้ก็จับไม่ได้หรอก ถ้าเ
เช้าของวันต่อมาเอลิกเดินไปทั่วบริเวณแคมป์ก่อสร้าง “ มีใครเห็นบอสไฟบ้างไหม” เขาเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วถามกับคนงานที่นั่งทานข้าวกันอยู่ “ ห๊า หัวหน้าไฟก็หายไปอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ” โสนเดินถือจานข้าวเข้ามาถาม “ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าบอสเขาจะไปไหนที่ไม่ใช่ที่นี่เขาก็ต้องบอกก่อนสิ แต่นี่ฉันหาทั่วแล้วแต่ไม่เจอ” “ หรือว่าเขาจะออกไปตามหายัยเด็กแก้มขวัญนั่นหรือเปล่า” โสนเอ่ยขึ้นเป็นเชิงคาดเดา ก่อนที่พ่อของเธอจะเสริม “ นั่นสิ เห็นคุณนีวายก็เพิ่งกลับมาเมื่อชั่วโมงก่อนเอง ผมว่ารีบเกณฑ์คนออกไปตามหาดูเถอะ” ในระหว่างนั้นนีวายก็เดินเข้ามา “ เกิดอะไรขึ้นอีก” ทุกคนที่กำลังลุกนั่งลุกยืนหันมาจ้องเขา ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าอิดโรยดั่งคนที่ไม่ได้หลับได้นอน ” บอสไฟ หายไปครับ ไม่รู้ว่าออกไปตามหากีรติกรหรือเปล่า” นีวายถึงกับถอนหายใจแรง หลังจากนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันออกไปเดินหา พวกเขาเดินไปยังหลังเกาะ ไม่นานก็เห็นใครบางคนกำลังเดินลุยน้ำทะเลมาทางนี้จากที่ไกลๆ “ นั่นๆ คุณนีวายครับ นั่นใช่หัวหน้าไฟหรือเปล่า” “ แล้วทำไมถึงกลับมาสภาพนั้น นั่นยัยแก้มขวัญเหรอ?” โสนจ้องมองร่างสีขาวๆ ซึ่งกระทบกับแสงอาทิตย์จนแ
“ วิ่งให้เร็วกว่านี้พี่ไฟ วิ่ง!! มันมาแล้วพี่ อ้าย!!” “ มันมีหมาป่าอยู่บนเกาะแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย!” เจ้าไฟบ่นด้วยความฉงน ก่อนพาร่างของหญิงสาว กระโดดลงที่ลำธารซึ่งขวางอยู่ด้านหน้าเพื่อหนีตาย เมื่อสองร่างกระแทกลงกับน้ำก็แยกตัวออกจากกัน แก้มขวัญที่ยังตั้งสติไม่มาก เหมือนกำลังจะจมหายไป แต่ชายหนุ่มก็รีบใช้แขนคล้องเอวของเธอมาแนบกายไว้ ก่อนจะรีบพาว่ายหนีอย่างทุลักทุเล แก้มขวัญที่เหมือนจะไม่มีแรงเหลือแล้วกอดคอของชายหนุ่มแน่น เจ้าไฟจึงให้เธอขี่หลังและว่ายผุดๆ โผล่ๆ ในน้ำ จนไปถึงอีกฝั่งได้ก็เผลอกินน้ำกันไปหลายอึก “ เฮ้อ” เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ทั้งคู่ก็หอบเหนื่อย เจ้าไฟยกนิ้วกลางใส่หมาป่าพวกนั้น แต่กลับมีเรื่องให้ตกใจยิ่งกว่า เมื่อพวกมันที่เขาคิดไว้ว่าจะไม่ตามมาแล้วดันกระโดดลงน้ำว่ายตามมาเสียได้ “ พี่ไฟ!!” แก้มขวัญเห็นแบบนั้นก็เรียกเขาอย่างตกใจ ชายหนุ่มจึงรีบอุ้มร่างของเธอขึ้นแบกอีกรอบ เขาพาหญิงสาวมาซ่อนในถ้ำ ทำให้พวกหมาป่าที่พึ่งจะข้ามฝั่งมาหาทั้งคู่ไม่เจอ “ เฮ้อ หนีกระสุนหนีระเบิดยังไม่ขนาดนี้เลย” เขาบ่นพึมพำพลางเอนตัวพิงกับก้อนหินใหญ่ด้านหลัง หายใจหอบเหนื่อย จ้องมองพวกหมาป่าที่วิ่งผ่าน