แชร์

บทที่ 1486

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ในเวลานั้นลั่วชิงยวนยังมิได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งกลับไปแล้ว อวี๋หงจึงพานางไปยังที่ซึ่งเรียกว่าคลังสมบัติ

นางจึงได้ประจักษ์ถึงความมั่งคั่งของตระกูลอวี๋อย่างแท้จริง

เมื่อมองไปยังหีบทองคำอร่ามเรืองเต็มพื้น ลั่วชิงยวนมิอยากจะเชื่อ “ท่านพี่ เงินทองของท่านมากมายถึงเพียงนี้นับว่ามั่งคั่งกว่าบางแคว้นเสียอีก!”

นางทราบว่าเจ้าเมืองตลาดมืดร่ำรวย แต่คาดมิถึงว่าจะร่ำรวยถึงเพียงนี้

อีกทั้งเครื่องเรือนต่าง ๆ ในคฤหาสน์ของเจ้าเมือง ถึงจะวิจิตรงดงามแต่ก็มิได้หรูหราฟุ่มเฟือย

คาดมิถึงว่าสิ่งของที่หรูหราอย่างแท้จริงล้วนอยู่ในคลังสมบัติ

อวี๋หงยิ้ม แล้วกางมือออกพลางกล่าวว่า “หากเจ้าชอบ ก็เอาไปได้เลยตามสบาย”

“อย่างไรเสียสิ่งเหล่านี้ก็มิได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ตายไปก็เอาไปด้วยมิได้”

“ข้าไม่มีทายาท หากเก็บไว้ที่นี่ก็เป็นประโยชน์แก่คนนอกเปล่า ๆ”

คำพูดของอวี๋หงแฝงไว้ด้วยความนัยบางอย่าง

แต่ลั่วชิงยวนกลับมิเข้าใจ เพียงแต่ถามว่า “ท่านพี่มีเงินทองมากมายถึงเพียงนี้ มิคิดจะขยายกิจการของตลาดมืดให้กว้างขวางกว่านี้หรือเจ้าคะ?”

อวี๋หงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามว่า “เจ้าหมายถึงแคว้นเทียนเชวียหรือ?”

อวี๋หงค่อย ๆ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1494

    ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก “เป็นคำสั่งของฉินอี้หรือ?”คนใบ้กลับส่ายหน้า เขียนว่า “เราเป็นสหายกัน”ลั่วชิงยวนยิ้มสองวันต่อมา คนใบ้ติดตามนางฝึกกระบี่ ฝึกวิชาตัวเบา ฝึกขี่ม้าและยิงธนู กอปรกับสรรพคุณของบัวถวาย นางรู้สึกว่าร่างกายมีกำลังวังชามากขึ้นคนใบ้ออกจากตลาดมืดไปในรุ่งเช้าวันที่สามลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยอวี๋หงดูแลกิจการของตลาดมืดก่อนที่เขาจะกลับมาทุกวันจะต้องไปจับชีพจร ฝังเข็มและจ่ายยาให้ผู้อาวุโสทั้งสองพาผู้อาวุโสทั้งสองไปเดินเล่นชมทิวทัศน์ เล่นหมากรุก ผู้อาวุโสทั้งสองมีความสุขมาก เมื่อจิตใจดีขึ้น อาการป่วยทางกายก็ลดน้อยลงวันหนึ่งโฉวสือชีมาหา กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ข้าสืบทราบมาว่า คืนนี้จะมีคนประมูลบัวถวาย หากพวกเราสามารถซื้อมาก่อนได้ ก็มิต้องนำไปประมูลในตลาดมืดแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รีบลุกขึ้น“จริงหรือ? แล้วเจ้ามีเบาะแสอันใดบ้าง?”โฉวสือชีพยักหน้า “ข้าจะหาวิธีไปหาคนผู้นั้นก่อน เพียงแต่หากต้องเจรจาต่อรอง อาจจะต้องให้เจ้าออกหน้า”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ดี”ถึงแม้ว่าในตอนนี้ร่างกายของนางจะฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว แต่บาดแผลภายในยังต้องบำรุงรักษาใ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1493

    ปรากฏว่าเป็นข้าวต้มและขนมขบเคี้ยวลั่วชิงยวนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงถามว่า “ซื้อให้ข้าหรือ?”คนใบ้พยักหน้า“ขอบคุณ”“ไปกันเถิด ไปหาที่นั่งกินกัน”เมืองป้านกุ่ยยามกลางวันกลับคืนสู่ชีวิตปกติแล้ว ทั้งสองมานั่งลงที่ศาลาเล็กแห่งหนึ่งลั่วชิงยวนแทบรอมิไหวที่จะเปิดกล่องอาหารคาดมิถึงว่าทุกอย่างล้วนเป็นรสชาติที่นางโปรดปราน“บังเอิญนัก สิ่งที่เจ้าซื้อมาล้วนเป็นสิ่งที่ข้าชอบกินทั้งนั้นเลย”คนใบ้เผยรอยยิ้มจางถึงแม้จะมิได้เอ่ยคำใด แต่ลั่วชิงยวนสัมผัสได้ถึงความสุขของเขาขณะกิน ลั่วชิงยวนก็กล่าวว่า “วันนี้ข้าจะเริ่มฝึกวรยุทธ์ เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”คนใบ้พยักหน้าโดยมิลังเลลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความสงสัย “เหตุใดข้ากล่าวสิ่งใดเจ้าก็เห็นด้วยทุกอย่าง? นอกจากฉินอี้แล้ว เจ้าทำเช่นนี้กับคนอื่นด้วยหรือไม่?”คนใบ้กลับส่ายหน้าเขาเชื่อฟังนางแต่เพียงผู้เดียว“เช่นนั้นประเดี๋ยวเจ้าไปป่าด้านหลังกับข้าเถิด ไปฝึกขี่ม้าและยิงธนูกัน”นางกินบัวถวายที่ท่านพ่อบุญธรรมมอบให้แล้ว ร่างกายฟื้นฟูขึ้นมาก รู้สึกว่ามีพลังแข็งแกร่งบางอย่างอยู่ภายใน แต่ยังมิได้ปลดปล่อยออกมาฉวยโอกาสอยู่ที่ตลาดมืดสองสามวันนี้ฝึกว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1492

    รองเท้าไหมปักลายดอกไม้สีทอง รองเท้าคู่นี้กับอาภรณ์ที่สวมใส่มิควรปรากฏอยู่บนร่างคนเดียวกันเพราะราคานั้นแตกต่างกันมากเกินไปเด็กสาวผู้นี้ควรจะเกิดในตระกูลร่ำรวย ไม่มีทางยากจนถึงขั้นขโมยเงิน ทั้งยังต้องการฝากตัวเป็นศิษย์โฉวสือชี หวังพึ่งพาวิชานี้เลี้ยงชีพนางกำลังโกหกเด็กสาวผู้นี้มิใช่คนธรรมดา เพียงแต่ยังมิรู้ว่านางมุ่งเป้าไปที่ผู้ใดเมื่อกลับถึงบ้าน ลั่วชิงยวนก็กลับห้องพักทันทีแต่เมื่อเดินผ่านสวน กลับเห็นอวี๋หงนั่งดื่มสุราอยู่บนขั้นบันไดหินข้างทางท่าทางเศร้าซึมอยู่คนเดียวลั่วชิงยวนจึงเข้าไปถามว่า “ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงมาดื่มสุราอยู่ตรงนี้?”อวี๋หงมีสีหน้าเศร้าสร้อย กล่าวเบา ๆ ว่า “หัวหนิงจากไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อย “จากไปแล้วหรือ?”อวี๋หงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก “นางจากไปเมื่อกลางวัน ทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ให้ข้า”“นางคิดว่าข้าคงมิให้อภัยนางอีกแล้ว”“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า หากบอกนางเร็วกว่านี้ นางอาจจะมิจากไป”ลั่วชิงยวนมองท่าทางเหม่อลอยของอวี๋หงแล้วก็อดมิได้ที่จะเศร้าใจนางจึงกล่าวแนะนำว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปตามหานางเถิดเจ้าค่ะ”“

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1491

    คนใบ้พยักหน้า ชี้ไปยังลั่วชิงยวน แล้วชี้ไปยังร้านขายอาหารเล็ก ๆ ข้างหน้าลั่วชิงยวนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะไปรอเจ้าที่นั่น”“เจ้ารีบกลับไปเถิด”จากนั้นคนใบ้ก็อุ้มของรีบเดินจากไปลั่วชิงยวนจึงไปยังร้านนั้น สั่งอาหารมิกี่จานระหว่างรอคนใบ้กลับมาแต่เมื่อคนใบ้กลับมา เขากลับถือของบางอย่างมาด้วยลั่วชิงยวนมองมิชัด นางถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามิได้นำของกลับไปแล้วหรอกหรือ?”คนใบ้วางของลงบนโต๊ะลั่วชิงยวนมองชัดแล้วก็ตกใจเล็กน้อย “นี่มัน… ดอกไม้ไฟหรือ?”“มิใช่ว่าขายหมดแล้วหรือ?”คนใบ้ดึงลั่วชิงยวนลุกขึ้น ถือดอกไม้ไฟ แล้วรีบออกไปทั้งสองกลับไปยังเนินเขาเดิม แล้วจุดดอกไม้ไฟด้วยกันจากนั้นก็เปลี่ยนที่ไปนอนลงชมดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่งบนท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆขณะที่ลั่วชิงยวนมองดูอยู่นั้น ในห้วงความคิดก็หวนรำลึกถึงวันเวลาที่ซีหยางดอกไม้ไฟในตอนนั้นงดงามกว่านี้เสียอีก“สวยงามจริง ๆ” ลั่วชิงยวนรำพึงส่วนในดวงตาของฟู่เฉินหวน สิ่งที่เห็นกลับเป็นสัญญาณที่ซ่อนอยู่ในดอกไม้ไฟเขาหยิบกิ่งไม้เขียนลงบนพื้นว่า “อีกสองวันข้าจะจากไปแล้ว”ลั่วชิงยวนหันมามองแล้วรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าจะกลับไปแล้วหรือ? ฉินอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1490

    ถนนหนทางประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี สว่างไสวครึกครื้น ลั่วชิงยวนได้กลิ่นหอมประหลาดลอยมาเตะจมูก นางเดินตามหาทั่วทั้งถนนจึงมาพบในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพียงแต่โรงสุราในตรอกนั้นกลับมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดลั่วชิงยวนเขย่งเท้าชะโงกมองแถวยาวเหยียดเบื้องหน้า แล้วก็อดมิได้ที่จะถามคนข้างหน้า “สุราที่นี่เลื่องชื่อมากหรือ? เหตุใดจึงมีคนมาซื้อมากมายถึงเพียงนี้”ถึงแม้นางจะได้กลิ่นสุรา แต่ความคึกคักของโรงสุราแห่งนี้กลับทำให้นางประหลาดใจคนเบื้องหน้าหัวเราะแล้วกล่าวว่า “สิ่งที่ขายที่นี่มิใช่สุราธรรมดา แต่เป็นสุราแห่งวันเพ็ญเดือนเจ็ด”“กล่าวกันว่า จอกหนึ่งส่งวิญญาณสหายเก่าเข้าฝัน สองจอกสื่อถึงหล้าวิญญาณ สามจอกสามารถพบพานคนที่คิดถึงได้อีกครั้ง”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “แล้วมันศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริงหรือ?”อีกฝ่ายหัวเราะ “ศักดิ์สิทธิ์หรือมิศักดิ์สิทธิ์ คนเราก็อยากจะมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ”“หากมิศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะเป็นเพราะคนที่เจ้าอยากพบมิอยากมาพบเจ้า”ลั่วชิงยวนใจหายวูบความรู้สึกเศร้าโศกพลันถาโถมเข้ามาภาพฟู่เฉินหวนครั้นสิ้นชีพผุดขึ้นในห้วงความคิดนางเจ็บแปลบในอกนางหันไปมอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1489

    หญิงสาวร้องไห้หนักกว่าเดิม แล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพอจะให้เงินนี้แก่ข้าได้หรือไม่?”“ข้าต้องการมันมากจริง ๆ!”โฉวสือชีขมวดคิ้วแน่น กล่าวเสียงเย็น “อย่าทำเรื่องไร้สาระ”เขาจะแย่งถุงเงินมา แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหญิงสาวกลับทรุดตัวลงคุกเข่าพลางกุมถุงเงินไว้แน่นมิยอมปล่อยนางมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน “ข้ามิได้อยากขโมยของ เพียงแต่ข้ามิได้ขโมยสิ่งใดมาสามวันแล้ว หากข้ากลับไปมือเปล่า คืนนี้ก็จะไม่มีอะไรให้กิน”“ข้าอดอาหารมาสามวันแล้ว”“ท่านพี่โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”เมื่อได้ยินดังนั้น โฉวสือชีก็ตกใจ“ว่ากระไรนะ? มีคนขู่เจ้าให้ขโมยของรึ?”หญิงสาวพยักหน้า “ข้ากับสหายถูกโจรหลายคนจับตัวไป พวกมันขู่ข้าให้มาขโมยเงิน หากเจ็ดวันข้าขโมยเงินมิได้ พวกมันจะขายข้าให้หอนางโลม…”หญิงสาวกล่าวพลางร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของโฉวสือชีก็เปลี่ยนไปจากนั้นเอื้อมมือพยุงหญิงสาวลุกขึ้น แล้วถามว่า “เจ้ามีนามว่ากระไร?”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงกว่าเดิมมากหญิงสาวมองเขาผ่านม่านน้ำตา “ข้านามว่าฉีอวี้”โฉวสือชีกล่าวเสียงเย็น “อย่าร้องไห้ พาข้าไปหาพวกมัน ข้าจะช่วยสหายเจ้าเอง”“จริงหรือ?” ฉีอวี้เช็ด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status