รองเท้าไหมปักลายดอกไม้สีทอง รองเท้าคู่นี้กับอาภรณ์ที่สวมใส่มิควรปรากฏอยู่บนร่างคนเดียวกันเพราะราคานั้นแตกต่างกันมากเกินไปเด็กสาวผู้นี้ควรจะเกิดในตระกูลร่ำรวย ไม่มีทางยากจนถึงขั้นขโมยเงิน ทั้งยังต้องการฝากตัวเป็นศิษย์โฉวสือชี หวังพึ่งพาวิชานี้เลี้ยงชีพนางกำลังโกหกเด็กสาวผู้นี้มิใช่คนธรรมดา เพียงแต่ยังมิรู้ว่านางมุ่งเป้าไปที่ผู้ใดเมื่อกลับถึงบ้าน ลั่วชิงยวนก็กลับห้องพักทันทีแต่เมื่อเดินผ่านสวน กลับเห็นอวี๋หงนั่งดื่มสุราอยู่บนขั้นบันไดหินข้างทางท่าทางเศร้าซึมอยู่คนเดียวลั่วชิงยวนจึงเข้าไปถามว่า “ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงมาดื่มสุราอยู่ตรงนี้?”อวี๋หงมีสีหน้าเศร้าสร้อย กล่าวเบา ๆ ว่า “หัวหนิงจากไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อย “จากไปแล้วหรือ?”อวี๋หงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก “นางจากไปเมื่อกลางวัน ทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ให้ข้า”“นางคิดว่าข้าคงมิให้อภัยนางอีกแล้ว”“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า หากบอกนางเร็วกว่านี้ นางอาจจะมิจากไป”ลั่วชิงยวนมองท่าทางเหม่อลอยของอวี๋หงแล้วก็อดมิได้ที่จะเศร้าใจนางจึงกล่าวแนะนำว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปตามหานางเถิดเจ้าค่ะ”“
คนใบ้พยักหน้า ชี้ไปยังลั่วชิงยวน แล้วชี้ไปยังร้านขายอาหารเล็ก ๆ ข้างหน้าลั่วชิงยวนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะไปรอเจ้าที่นั่น”“เจ้ารีบกลับไปเถิด”จากนั้นคนใบ้ก็อุ้มของรีบเดินจากไปลั่วชิงยวนจึงไปยังร้านนั้น สั่งอาหารมิกี่จานระหว่างรอคนใบ้กลับมาแต่เมื่อคนใบ้กลับมา เขากลับถือของบางอย่างมาด้วยลั่วชิงยวนมองมิชัด นางถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามิได้นำของกลับไปแล้วหรอกหรือ?”คนใบ้วางของลงบนโต๊ะลั่วชิงยวนมองชัดแล้วก็ตกใจเล็กน้อย “นี่มัน… ดอกไม้ไฟหรือ?”“มิใช่ว่าขายหมดแล้วหรือ?”คนใบ้ดึงลั่วชิงยวนลุกขึ้น ถือดอกไม้ไฟ แล้วรีบออกไปทั้งสองกลับไปยังเนินเขาเดิม แล้วจุดดอกไม้ไฟด้วยกันจากนั้นก็เปลี่ยนที่ไปนอนลงชมดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่งบนท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆขณะที่ลั่วชิงยวนมองดูอยู่นั้น ในห้วงความคิดก็หวนรำลึกถึงวันเวลาที่ซีหยางดอกไม้ไฟในตอนนั้นงดงามกว่านี้เสียอีก“สวยงามจริง ๆ” ลั่วชิงยวนรำพึงส่วนในดวงตาของฟู่เฉินหวน สิ่งที่เห็นกลับเป็นสัญญาณที่ซ่อนอยู่ในดอกไม้ไฟเขาหยิบกิ่งไม้เขียนลงบนพื้นว่า “อีกสองวันข้าจะจากไปแล้ว”ลั่วชิงยวนหันมามองแล้วรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าจะกลับไปแล้วหรือ? ฉินอ
ถนนหนทางประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี สว่างไสวครึกครื้น ลั่วชิงยวนได้กลิ่นหอมประหลาดลอยมาเตะจมูก นางเดินตามหาทั่วทั้งถนนจึงมาพบในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพียงแต่โรงสุราในตรอกนั้นกลับมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดลั่วชิงยวนเขย่งเท้าชะโงกมองแถวยาวเหยียดเบื้องหน้า แล้วก็อดมิได้ที่จะถามคนข้างหน้า “สุราที่นี่เลื่องชื่อมากหรือ? เหตุใดจึงมีคนมาซื้อมากมายถึงเพียงนี้”ถึงแม้นางจะได้กลิ่นสุรา แต่ความคึกคักของโรงสุราแห่งนี้กลับทำให้นางประหลาดใจคนเบื้องหน้าหัวเราะแล้วกล่าวว่า “สิ่งที่ขายที่นี่มิใช่สุราธรรมดา แต่เป็นสุราแห่งวันเพ็ญเดือนเจ็ด”“กล่าวกันว่า จอกหนึ่งส่งวิญญาณสหายเก่าเข้าฝัน สองจอกสื่อถึงหล้าวิญญาณ สามจอกสามารถพบพานคนที่คิดถึงได้อีกครั้ง”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “แล้วมันศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริงหรือ?”อีกฝ่ายหัวเราะ “ศักดิ์สิทธิ์หรือมิศักดิ์สิทธิ์ คนเราก็อยากจะมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ”“หากมิศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะเป็นเพราะคนที่เจ้าอยากพบมิอยากมาพบเจ้า”ลั่วชิงยวนใจหายวูบความรู้สึกเศร้าโศกพลันถาโถมเข้ามาภาพฟู่เฉินหวนครั้นสิ้นชีพผุดขึ้นในห้วงความคิดนางเจ็บแปลบในอกนางหันไปมอ
หญิงสาวร้องไห้หนักกว่าเดิม แล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพอจะให้เงินนี้แก่ข้าได้หรือไม่?”“ข้าต้องการมันมากจริง ๆ!”โฉวสือชีขมวดคิ้วแน่น กล่าวเสียงเย็น “อย่าทำเรื่องไร้สาระ”เขาจะแย่งถุงเงินมา แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหญิงสาวกลับทรุดตัวลงคุกเข่าพลางกุมถุงเงินไว้แน่นมิยอมปล่อยนางมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน “ข้ามิได้อยากขโมยของ เพียงแต่ข้ามิได้ขโมยสิ่งใดมาสามวันแล้ว หากข้ากลับไปมือเปล่า คืนนี้ก็จะไม่มีอะไรให้กิน”“ข้าอดอาหารมาสามวันแล้ว”“ท่านพี่โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”เมื่อได้ยินดังนั้น โฉวสือชีก็ตกใจ“ว่ากระไรนะ? มีคนขู่เจ้าให้ขโมยของรึ?”หญิงสาวพยักหน้า “ข้ากับสหายถูกโจรหลายคนจับตัวไป พวกมันขู่ข้าให้มาขโมยเงิน หากเจ็ดวันข้าขโมยเงินมิได้ พวกมันจะขายข้าให้หอนางโลม…”หญิงสาวกล่าวพลางร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของโฉวสือชีก็เปลี่ยนไปจากนั้นเอื้อมมือพยุงหญิงสาวลุกขึ้น แล้วถามว่า “เจ้ามีนามว่ากระไร?”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงกว่าเดิมมากหญิงสาวมองเขาผ่านม่านน้ำตา “ข้านามว่าฉีอวี้”โฉวสือชีกล่าวเสียงเย็น “อย่าร้องไห้ พาข้าไปหาพวกมัน ข้าจะช่วยสหายเจ้าเอง”“จริงหรือ?” ฉีอวี้เช็ด
โฉวสือชีกล่าวจบก็เหาะตัวเบาจากไปหลังจากวิ่งไล่ตามไปสองตรอกแล้ว โฉวสือชีจึงตามหมอผีสวมหน้ากากผู้นั้นทัน เพียงสองสามกระบวนท่าก็สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แล้วกดร่างอีกฝ่ายติดกำแพง“เงินอยู่ที่ใด?”“บังอาจมาขโมยของเจ้านายข้า ถือว่าซวยแล้ว!”โฉวสือชีกล่าวพลางลงมือล้วงหาถุงเงินทันที“เดี๋ยว ๆ อย่า อย่าคลำมั่ว!”ทว่าในขณะที่กล่าวคำนั้น มือของโฉวสือชีกลับคลำไปถูกหน้าอกของอีกฝ่ายพอดี เขาตกใจรีบชักมือกลับคนผู้นั้นหันหลังให้ สวมชุดหมอผีหลวมโคร่งและสวมหน้ากาก โฉวสือชีจึงมิได้สังเกตว่าแท้จริงแล้วเป็นสตรีโฉวสือชีรีบจับไหล่ผู้นั้นพลิกตัวกลับ คว้าหน้ากากเปิดออกในทันทีหน้ากากหลุดร่วงพร้อมปิ่นปักผม ใบหน้างามหมดจดปรากฏแก่สายตาโฉวสือชีผมดำสยายลงโฉวสือชีมองด้วยสีหน้าตะลึงงันหญิงสาวเห็นสายตาเขาแล้วก็มิอาจกลั้นยิ้ม “ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงจับข้า?”“เอาถุงเงินมา!” โฉวสือชีได้สติแล้วยื่นมือไปตรงหน้านางหญิงสาวกลับมองเขาอย่างมิเข้าใจ “ถุงเงินกระไร? ข้าไม่มีเงิน”“ท่านพี่คงจำคนผิดแล้วกระมัง?”เสียงหวานใสของหญิงสาวเรียกเขาว่าท่านพี่คำแล้วคำเล่า ทำเอาโฉวสือชีเริ่มสับสน“เจ้ามิได้ขโม
“หากเจ้ามิรีบร้อนจากไปก็จงพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวันเถิด”“อย่างไรเสีย เจ้ากลับไปตอนนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวผู้นั้นย่อมต้องหาเรื่องเจ้าอีก พักอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันเถิด”“ข้าจะคัดเลือกผู้คุ้มกันร้อยกว่าคนให้เจ้าเป็นการส่วนตัว ต่อไปนี้พวกเขาจะคอยติดตามเจ้า ข้าจะดูว่าใครจะกล้าข่มเหงเจ้าอีก!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใด นางเคยหาเรื่องพวกราชวงศ์มาแล้วด้วยซ้ำแต่เมื่อดูจากท่าทีของอวี๋หงแล้ว เขาก็มิได้เกรงกลัวที่จะเป็นศัตรูกับราชวงศ์เช่นกันท้ายที่สุดแล้วเขาก็มีทรัพย์สมบัติอันน่าทึ่งมากมายถึงเพียงนี้แต่กลับถ่อมตนกว่าที่คิดไว้มากนักหลังจากออกไป ลั่วชิงยวนก็นำสมุนไพรเหล่านั้นทั้งหมดมาใช้รักษาและบำรุงร่างกายของผู้อาวุโสทั้งสองหลังจากได้รับเถ้ากระดูกของอวี๋ตันเฟิ่ง ผู้อาวุโสทั้งสองก็เศร้าโศกอยู่หลายวัน แต่เมื่อนำอวี๋ตันเฟิ่งไปฝังแล้ว ปมในใจก็คลายลงอย่างสมบูรณ์ท้ายที่สุดอวี๋ตันเฟิ่งก็ได้กลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว และความแค้นของนางก็ได้รับการชำระแล้วหลังจากกินยาติดต่อกันหลายวัน จิตใจของท่านพ่ออวี๋ก็ฟื้นฟูขึ้นมากยามว่างก็จะออกไปอาบแดด ลั่วชิงยวนก็จะคอยอยู่เคียงข้างเป็นครั้งคราว“เด็