แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: กานเฟย
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!”

“ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!”

เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ

มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา

เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา

“กลุ่มคนเศษสวะ!”

ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น

เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด

เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ

“ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...”

“ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!”

ชิวเฮ่าทหารองค์รักษ์ที่เตะเสี่ยวเมาจนได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าอวบอ้วน ท่าทีบ้าบิ่น

เขาขัดคำของลู่หนาน ดึงดาบออกมาอย่างต้องการจะพุ่งออกไป

ในเวลานี้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงจากด้านนอกเรือนลอยดังเข้ามา

“เซียวหลินเทียน ให้ข้าเข้าไป หากว่าบนโลกนี้จะยังมีคนที่สามารถช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็คือข้าแล้ว!”

น้ำเสียงแหบแห้งที่ไม่น่าฟังเพียงแค่ได้ยินก็รู้ว่าจะต้องเป็นหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนได้ยินคำของนาง ใบหน้าหล่อเหลาก็ดูมืดมนลงในทันที

“ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตาย? นางยังกล้ามารบกวนเฮยจื่ออีก?”

“ก็ดี ให้นางเข้ามา รอเมื่อเฮยจื่อขาดลมหายใจไปแล้ว ก็จะเป็นเวลาที่ชีวิตของนางจะต้องกลับปรโลกไป!”

เซียวหลินเทียนเอ่ยอกมาอย่างเคร่งขรึม ชิวเฮ่าแทบทนรอไม่ได้ที่จะพุ่งออกไป

“อย่าแตะต้องข้า! หากว่าเจ้ายังต้องการให้เฮยจื่อมีชีวิตอยู่อีก!”

หลิงอวี๋มองเห็นทหารองค์รักษ์ที่เตะจนหัวแครอทได้รับบาดเจ็บ หยิบดาบพุ่งตรงมายังตนเอง ก็ร้องตะโกนออกมาก่อน

“ข้าสามารถช่วยเฮยจื่อได้ ข้ามียาลับเฉพาะ หากว่าเจ้ากล้าทำร้ายข้า เช่นนั้นก็รอเฮยจื่อตายไปเสียเถิด!”

“ผู้หญิงชั้นต่ำ! เจ้าไม่มีทักษะการแพทย์อยู่เลย ยังกล้าวิ่งมาหลอกลวงคนอยู่ที่นี่อีก มาลองโดนดาบของข้าเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด...”

ชิวเฮ่าไม่ฟังคำของนางแม้แต่น้อย เหวี่ยงดาบฟันลงไปทางหลิงอวี๋

ทั่วทั้งร่างกายของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยรอยบาดเจ็บจากแส้ ทำให้การตอบสนองกลับของนางดูช้าลง และถึงแม้ว่านางจะหลบไปได้ทันท่วงที แต่แขนก็ยังถูกปลายดาบของชิวเฮ่าแทงเข้า

เลือดไหลพุ่งออกมา เปียกชื้นไปทั่วทั้งแขนเสื้อ ค่อย ๆ หยดลงบนพื้น!

ชิวเฮ่าเตะเข้ามาอย่างรุนแรงอีกครั้ง คราวนี้หลิงอวี๋ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ทัน ถูกเตะจนกระเด็นลอยออกไป

หลิงอวี๋ตกลงบนพื้นดินอย่างแรง ครั้งนี้หลิงอวี๋หลบไปไม่ทัน ทรวงอกของนางเจ็บปวดขึ้นก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา

เมื่อเห็นว่าชิวเฮ่าเดินเข้ามาอย่างดุร้าย นางจึงได้ร้องตะโกนออกมาดวงตาแดงก่ำ

“มา มา เตะข้าให้ตายไป......เฮยจื่อก็อย่าคิดที่จะช่วยเหลืออีกต่อไปแล้ว ต่อให้ข้าจะตายไปยาลับก็ไม่มีทางที่จะมอบให้กับพวกเจ้า!”

“คนชั้นต่ำ เจ้ากล้าข่มขู่ท่านอ๋อง!”

ชิวเฮ่าเหยียบลงบนใบหน้าของหลิงอวี๋อย่างแรง

หลิงอวี๋จ้องมองเขาด้วยความโกรธ คลานอยู่บนพื้น จ้องมองไปยังชิวเฮ่าราวกับหมาป่าร้าย เกลียดเสียจนอยากจะใช้สายตาฆ่าเขา...

นางรีบร้องตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ “เซียวหลินเทียน จวนของท่านมีบ่าวชั่วแบบนี้เป็นเจ้านายอย่างนั้นหรือ?”

“สองขาของท่านพิการแล้ว สมองก็ยังพิการไปด้วยหรือ?”

“หรือว่าจริง ๆ แล้วท่านไม่คิดที่จะช่วยเฮยจื่อ ถึงได้แม้แต่ความหวังสุดท้ายก็ไม่ต้องการแล้ว?”

ชิวเฮ่าเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า ก็ไม่กล้าที่จะเตะลงไปอีก

หากว่าเตะจนหญิงสาวคนนี้ตายไป ชื่อของบ่าวชั่วก็อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต

เขาหันกลับไปมองโดยที่ไม่รู้ตัว ก็พบกับเซียวหลินเทียนที่ถูกลู่หนานเข็นออกมา

สีหน้าของเซียวหลินเทียนดูมืดมนและลึกล้ำ มองไม่เห็นร่องรอยของอารมณ์ใด

เขาจ้องมองหลิงอวี๋ที่คลานอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา เหมือนราวกับมองคนตายไปแล้ว...

“เซียวหลินเทียน ดูที่บาดแผลของข้า...”

หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าเขามองมา ก็รู้ว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะได้พิสูจน์ตนเอง

หลิงอวี๋พยุงกายลุกขึ้น ดันแขนเสื้อของตนเอง รอยบาดแผลจากดาบที่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ปรากฏออกมาต่อหน้าของทุกคน

บาดแผลเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เลือดสดนั้นเปื้อนจนครึ่งแขนแดงฉาน...

ไม่รู้จักอับอาย!

ถึงกับกล้าที่จะเปิดแขนออกมาต่อหน้าของทุกคน!

ทหารองค์รักษ์ส่วนมากต่างก็เลือดที่จะละเลยกับรอยบาดแผลของหลิงอวี๋ เพียงแต่มองไปยังแขนขาวงามของนางอย่างดูหมิ่น ก่อนจะหันหน้าหนีไป

เซียวหลินเทียนเองก็เกิดความคิดเช่นเดียวกับทุกคน เพียงแต่ไม่อาจจะสายตาไปได้

ก่อนจะมองเห็นหลิงอวี๋หยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่ง เทลงไปบนรอยบาดแผลนั้น

ทันใดนั้น เลือดก็หยุดไหลลง...

เซียวหลินเทียนกลั้นลมหายใจ จ้องมองขวดใสในมือของหลิงอวี๋ที่ไม่เคยพบมาก่อนด้วยความประหลาดใด ด้านในนั้นเป็นทั้งหมดเป็นผงสีขาว...

เซียวหลินเทียนอยู่ในกองทัพมานานหลายปี มองเห็นรอยบาดแผลมานับไม่ถ้วน และก็เคยมองเห็นยาที่หมอเหล่านั้นใช้ห้ามเลือด กลับไม่เคยพบว่าจะมียาที่ห้ามเลือดได้รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน...

นี่มันยาอะไรกัน ถึงได้วิเศษขนาดนี้?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Piyapatta Samungkun
ไม่ชอบที่เขียนให้องคลักษ์ไม่มีเหตุผลพระชายาบอกจะมารักษาเฮยจื่อใชักดาบมาฟันเตะถีบอีกแถมเหยียบหน้าพระชายาไม่เคารพก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ไหถึงท่านอ๋องจะเกลียดพระชายาแต่ยังไม่หย่าเหยียบหน้าพระชายาก็เหมือนเหยียบหน้าท่านอ๋องก่อนหน้านี้ก็โดนเฆี่ยน50ไม้โดนสาวใช้ตบและเหยียบหน้าแค้นแทนพระชายาเกลียดองคลักษ์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2602

    ขณะที่ฉีเต๋อกำลังยืนเฝ้าอยู่อย่างสง่าผ่าเผย จู่ ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังจ้องมาที่ตนมิวางตาฉีเต๋อปรายตามองไปแล้วหันไปทางอื่นอย่างมิสนใจ แต่หลังจากนั้น ฉีเต๋อกลับหันกลับมาอีกครั้ง แล้วจ้องมองสตรีผู้งดงามนางนั้นอย่างมิอยากจะเชื่อสายตาใบหน้าของสตรีผู้นั้นแย้มยิ้มละมุน และกำลังมองเขาอย่างอบอุ่นและแฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู“ฮองเฮา… องค์จักรพรรดิ…”เมื่อฉีเต๋อเห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ได้ชัดเจน ต่อจากนั้นก็เห็นเซียวหลินเทียนด้วย เขาจึงมิรีรอรีบพุ่งไปคุกเข่ากลางถนนทันที น้ำเสียงเขาสะอื้นไห้ และน้ำตาไหลรินจนเต็มใบหน้าหนึ่งปีกว่าแล้ว!พวกเขาทั้งหมดต่างก็เงยหน้ารอคอยองค์จักรพรรดิและฮองเฮาที่ในที่สุดก็กลับมาอย่างปลอดภัยอย่างมีความหวัง!“ฮองเฮา… หนึ่งปีกว่าแล้ว บ่าวยังคิดว่าท่าน… ท่าน...”ฉีเต๋อตื้นตันเสียจนพูดมิออกเหล่าองครักษ์กองทัพหลวงที่อยู่ด้านข้างก็ต่างพากันมองไปทางขันทีเสี่ยวฉีที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์รัชทายาทกำลังคำนับให้บุรุษสตรีคู่หนึ่งรู้สึกตื้นตันจนพูดมิออกเช่นกันกระทั่งองครักษ์กองทัพหลวงเหล่านั้นพินิจพิจารณาหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนทันทีที่มองไป พวกเขา

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2601

    ภายใต้การชี้แนะของท่านลุงหลี่ หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนจึงได้เห็นชลประทานขุดใหม่ที่เรียงรายอย่างดีเป็นระเบียบ และเป็นประโยชน์ให้ราษฎรที่ทำการเกษตรได้จริง ๆทั้งสองคนพูดคุยกับครอบครัวของท่านลุงหลี่อยู่อีกสักพักใหญ่ จึงได้รู้ข่าวจากคนในครอบครัวของท่านลุงหลี่ว่าในราชสำนักมิได้เกิดเรื่องใหญ่ใด ๆ ขึ้น ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามแผนพัฒนาที่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนวางไว้ก่อนหน้านี้อย่างเรียบร้อยทั้งสองคนรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก จากนั้นก็กล่าวลาครอบครัวท่านลุงหลี่ และจ่ายเงินซื้อม้าสองตัวกลับเมืองหลวง“ข้ามิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่าในราชสำนักจะสงบสุขเช่นนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกก่อนหน้านี้เพื่อที่จะแย่งชิงบัลลังก์กัน เหล่าองค์ชายต่างก็วางแผนหลอกลวงกัน และต่อสู้กันเองภายในเดิมทีเซียวหลินเทียนคิดว่า เมื่อตนและหลิงอวี๋มิอยู่ในราชสำนัก อาศัยท่านอดีตเสนาบดีและท่านอ๋องเฉิงก็คงมิอาจควบคุมพวกคนชั่วร้ายเหล่านั้นได้ไหนเลยจะคิดว่าแม้ตนจะมิอยู่ ในราชสำนักก็สามารถสงบเรียบร้อยได้เช่นกันหลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกไป “แม้ใจคนจะยากแท้หยั่งถึง แต่พวกเราก็ต้องเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนใจดีเพคะ ดังเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2600

    เมื่อได้ยินหลิงอวี๋เอ่ยถามเช่นนั้น ลูกสะใภ้ของท่านลุงหลี่ซึ่งเป็นสตรีซื่อ ๆ คนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา แล้วจับมือหลิงอวี๋ไว้พร้อมทั้งเอ่ยถามว่า “น้องหญิง เจ้าเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะเป็นหรือไม่?”“เย็บปักถักร้อยเล่า เป็นหรือไม่?”“หมู่บ้านตระกูลหลี่ของพวกเรามีโรงงานอยู่หลายแห่งทีเดียว ทั้งหมดล้วนเหมาะให้สตรีไปทำงานทั้งนั้น!”“ขอเพียงเจ้ามิเกียจคร้านและขยันทำงาน มินานก็จะมีชีวิตอยู่อย่างราบรื่นในหมู่บ้านตระกูลหลี่แน่นอน!”ลูกชายของท่านลุงหลี่ก็เข้ามาเช่นกัน เขาเอ่ยก็กับเซียวหลินเทียนว่า “ดูเจ้าท่าทางมีการศึกษา หากทำไร่นามิไหว ขอเพียงรู้ตำรา ข้าก็สามารถแนะนำเจ้าให้ไปเป็นครูที่หออักษรในหมู่บ้านได้นะ!”เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ตกตะลึง เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตนเคยมาหมู่บ้านตระกูลหลี่ หมู่บ้านนี้ไม่มีแม้แต่หออักษรเนื่องด้วยความยากจนข้นแค้นนี่เขาเพิ่งจากไปเพียงปีกว่า ไหนจึงจัดตั้งหออักษรได้แล้วเล่า?“ท่านลุง ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยมาที่นี่ หมู่บ้านของพวกท่านแร้นแค้นยิ่ง แค่จะมีกินให้อิ่มท้องก็ยังเป็นปัญหา แล้วไหนมิได้มาสักพักใหญ่ เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้หรือ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามออกไปอย่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2599

    สิบสองนักษัตร สิบสองประตู หากด้านในมีความรู้ที่ล้ำสมัยทั้งหมด เช่นนั้นเมื่อเรียนรู้และนำมาใช้อย่างถูกทางก็สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติได้แต่หากพบเจอคนเช่นอูอวี๋หลานหรือหลงหมิง เมื่อคนเช่นนั้นได้เรียนรู้แล้วก็อาจกลายเป็นหายนะต่อผู้คนในใต้หล้าได้!การที่เจ้าของตำหนักใต้ดินตั้งนาฬิกาทรายเอาไว้ บางทีอาจจะเป็นเพราะคิดว่าในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ คนที่มีวาสนาได้เข้ามาในตำหนักใต้ดินสามารถเรียนรู้ได้เท่าใดก็ตามนั้นไปเถิด!หลิงอวี๋คิดถึงขั้นที่ว่า บางทีการจะได้เรียนรู้สิ่งใด ก็อาจขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนด้วย“พวกเรากลับกันเถิดเพคะ!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิอยากจากตำหนักใต้ดินไปเช่นนี้ แต่นางก็รู้ดีว่าโชคชะตาของตนและเซียวหลินเทียนกับตำหนักใต้ดินได้สิ้นสุดลงแล้วต่อให้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อและใช้ความพยายามอย่างหนัก ก็มิอาจเปิดประตูบานนี้ได้หากตำหนักใต้ดินแห่งนี้ยังมีโอกาสในการเปิดครั้งสุดท้าย ก็ให้เป็นโอกาสของผู้มีวาสนาคนอื่นเถิด!“ไปกันเถิด!”ภายใต้คำชี้แนะของหลิงอวี๋นั้นทำให้เซียวหลินเทียนคิดได้เช่นกัน เขาจึงจูงมือหลิงอวี๋ แล้วทั้งสองก็เดินลงจากภูเขาไปด้วยกัน“อาอวี๋ เจ้าคิดว่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2598

    “เซียวหลินเทียน เมื่อครู่ท่านบอกว่าเห็นว่ามีคนเข้าไป ท่านรู้ได้อย่างไร?”เดิมทีหลิงอวี๋ยังคิดว่าตนกับเซียวหลินเทียนคือคนแรกที่เข้าไปในตำหนักนี้ มิคาดคิดว่าจะมีคนเข้าไปก่อนหน้าแล้วทันใดนั้น นางก็นึกถึงก้อนหินลึกลับก้อนนั้นของอูอวี๋หลาน หรือว่าก่อนหน้านี้อูอวี๋หลานจะเคยเข้ามา?ภายในห้องที่ตนเข้าไปมิพบหินเช่นนั้น บางทีเซียวหลินเทียนอาจจะพบหรือ?“ศพหนึ่งศพ!”“ศพ?”หลิงอวี๋ตกใจจนเอ่ยออกไปโดยมิรู้ตัว “เช่นนั้นก็แสดงว่ามีคนเคยเข้ามาก่อนหน้าเราจริง ๆ หรือ?”“เขาตายอย่างไรเพคะ? หรือว่าเพราะอยู่เกินเวลาจนออกมามิได้ จึงถูกขังอยู่ด้านในจนตาย?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วแล้วตอบออกไป “ข้าตรวจดูแล้ว เป็นศพบุรุษ ใบหน้าดำคล้ำ ดูจากลักษณะแล้วถูกพิษจนตาย!”“แต่ร่างกายของเขาคงสภาพดีมาก น่าจะเป็นดังที่เจ้าว่า เป็นเพราะอากาศที่พิเศษภายในตำหนักจึงเป็นเช่นนั้น!”เซียวหลินเทียนพูดแล้วก็หยิบแหวนพระสุเมรุและหยกที่นำมาจากศพยื่นให้หลิงอวี๋“เมื่อครู่ตอนอยู่ด้านในข้าไม่มีเวลาตรวจดูให้ละเอียด เจ้าลองดูหยกนี้ที บนหยกสลักมังกรไว้ด้วย!”“หรือว่าเขาจะเป็นคนของตระกูลหลง?”หลิงอวี๋รับหยกมา จี้หยกทำมาจากหยกเนื้อด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2597

    หลิงอวี๋สงบจิตใจแล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวทั้งเจ็ดก็เห็นว่าดวงดาวทั้งเจ็ดนั้นประเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นเรียงแถวกัน ประเดี๋ยวก็เคลื่อนไหวอีกในตอนนี้หลิงอวี๋ยังมิสามารถเข้าใจความหมายของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ แต่ก็ยังคงพยายามจดจำรูปแบบการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างเต็มที่กระทั่งดวงดาวทั้งเจ็ดมิเปลี่ยนแปลงแล้ว หลิงอวี๋จึงได้พบว่าเวลาผ่านไปมากแล้วนางจึงรีบวิ่งออกมาแล้วเข้าไปในประตูปีกุนภายในห้องนี้มีเมล็ดพันธุ์วางอยู่จำนวนมากและมีหลากหลายชนิด​ ทำให้คนที่มิคุ้นเคยด้านการเกษตรนักเช่นหลิงอวี๋มิสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเมล็ดอะไรบ้างแต่นางก็มิได้สนใจแล้วเช่นกัน นางคว้าเมล็ดเหล่านั้นหลายกำใส่ไปในกระเป๋าเดิมทีนางคิดจะเก็บเข้าไปในมิติ แต่นางพบว่าในตำหนักใต้ดินนี้มิสามารถใช้มิติได้นางรู้สึกกังวลขึ้นมา​ นี่น่าจะเป็นเขตกำบังที่เจ้าของตำหนักติดตั้งไว้กระมัง มิฉะนั้นด้วยหยกหล้าสุขาวดีในตัวของตน ก็เพียงพอที่จะย้ายตำหนักใต้ดินแห่งนี้เข้าไปได้เลยทีเดียวเมื่อหลิงอวี๋กำลังจะไปสำรวจประตูที่สาม ในนาฬิกาทรายก็เหลือทรายอยู่เพียงเล็กน้อยแล้วหลิงอวี๋รู้สึกค่อนข้างเสียดาย จึงรีบเปิดประตูมะแมเข้าไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status