วันถัดมา ที่มหาวิทยาลัยอีกเช่นเคย เพราะที่นี่คือที่เดียวที่ทำให้ชะเอมได้เจอกับรุ่นพี่ไทเธย์ทุกวัน ไม่มีโอกาสได้เจอกันข้างนอกเลย มันไม่มีความบังเอิญ
"รุ่นพี่ไทคะ"
"อะไร?"
"นี่ค่ะ..." ถุงกระดาษถูกยื่นไปตรงหน้าของเขา ด้วยความที่เป็นถุงทึบเลยมองไม่เห็นว่าข้างในมันคืออะไร
"มันคืออะไร?"
"ขนมค่ะ เอมเห็นร้านนี้แล้วนึกถึงพี่ขึ้นมา ก็เลยซื้อมาให้ ขอบคุณที่ช่วยวันนั้นนะคะ"
"เก็บไว้กินเถอะ ฉันไม่กินขนม"
"แต่เอมตั้งใจซื้อให้นะคะ ตอบแทนที่วันนั้นรุ่นพี่ช่วยเอาไว้ ถ้าไม่ได้รุ่นพี่เอมคงแย่แน่ๆ เลยค่ะ"
"วันนั้นเห็นยังบอกว่าตัวเองเก่งอยู่เลย"
"แหะๆ ก็...พูดไปเรื่อยค่ะ อย่าถือสาเลย เอมปากไม่ดีเอง"
"......"
"รับไว้เถอะนะคะ เอมอยากตอบแทนจริงๆ ขนมนี่มาจากร้านขนมค่ะ เอมไม่ได้ทำเองหรอก ไม่ต้องกลัวว่าจะใส่ยาอะไรลงไปค่ะ เอมไม่ทำแบบนั้นหรอก"
"....." เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่มองถุงขนมที่ยังคงถูกยื่นอยู่ตรงหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะคว้ามันมาถือไว้ในมือด้วยท่าทางที่เฉยๆ
"ฉันไม่ชอบมีใครติดบุญคุณ"
"รู้ค่ะ เอมเลยอยากเอามาให้ตอบแทน จะได้ไม่มีหนี้ติดค้างกัน"
"ต่อจากนี้ ก็ไม่ต้องมาเจอหน้าฉันอีก เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว"
"ไม่เกี่ยวสิคะ"
"อะไร?"
"คือว่า ที่ซื้อขนมมาให้ เพราะอยากตอบแทน แต่ไม่เกี่ยวกับที่มาเจอรุ่นพี่นี่นา เอมมาเจอรุ่นพี่ทุกวันเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก"
"แต่ฉันรำคาญเธอ เลิกวุ่นวายกับฉันสักที ก่อนที่ฉันจะรำคาญเธอไปมากกว่านี้"
"ทำไมต้องรำคาญขนาดนั้นคะ?" เธอถามเสียงเศร้า พร้อมกับสีหน้าที่หงอยๆ ดูน่าสงสาร
"ฉันไม่ชอบวุ่นวายกับใคร"
"แต่เอมก็ไม่ได้ทำให้รุ่นพี่เดือดร้อนนี่นา"
"แค่มาดักเจอฉันทุกวัน ก็เดือดร้อนแล้ว"
"อะไรของรุ่นพี่ คุยกันนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรไปคะ กลัวดอกพิกุลจะร่วงออกมาจากปากหรือไงคะ?"
"เพื่อนเล่น?" สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก ราวกับว่าเธอพูดอะไรไม่ดี ก็แค่แซวเล่นเฉยๆ เอง
"ปะ เปล่าค่ะ"
"......" ไทเธย์มองคนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาไม่ได้พูดอะไร นอกจากมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาเฉกเช่นที่ผ่านมา ก่อนจะเดินผ่านเธอไปราวกับว่าเธอเป็นธาตุอากาศ จะมีเพียงถุงขนมในมือของเขาที่เป็นหลักฐานว่าทั้งคู่ได้คุยกันก่อนหน้านี้
"คิดว่าพูดแบบนี้แล้ว เอมจะยอมแพ้ง่ายๆ หรือไงคะ ไม่รู้จักคนอย่างชะเอมซะแล้ว ยิ่งยากยิ่งอยากได้ซะด้วยสิ" ชะเอมพูดพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตั้งแต่เธอมาเรียนที่นี่ก็มีใครหลายคนสนใจเธออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่เคยมองใครเลย เพราะชอบรุ่นพี่ไทเธย์ตั้งแต่แรก จนถึงตอนนี้เธอก็ยังมั่นคงอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธสักกี่รอบ เธอก็ได้แต่คิดว่า สักวันเขาคงใจอ่อนขึ้นมาบ้าง
"เข้าเรียนได้แล้วเอม เดี๋ยวนี้เนี่ยนะ ไม่ค่อยอยากจะมาให้เพื่อนฝูงเห็นหน้าเลยนะ"
"อะไรของพวกเธอ เข้าเรียนก็เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันอยู่ละ"
"แหมๆๆ เวลาเรียนก็ส่วนเวลาเรียนสิจ๊ะ เลิกเรียนแล้วเนี่ยตามแต่ผู้ชายนะ เพื่อนยังมีความสำคัญอยู่ไหมเอ่ย?"
"บะ บ้า อะไรของพวกแกเนี่ย ก็ชอบแซวกันแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากอยู่ด้วย ชิ! ไปเรียนดีกว่า"
เช้าๆ มาถึงมหาวิทยาลัยเธอก็ตรงดิ่งมาหารุ่นพี่ในทันที บางครั้งมาถึงก่อนก็จะแวะซื้อขนมมาฝากตลอด เลิกเรียนก็รีบตามเขาไป ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แน่นอนว่าเพื่อนจะเห็นหน้าเห็นตาก่อนเข้าเรียนหรือหลังเลิกเรียนไม่มีเลย
ทำไงได้ ก็คนมันชอบนี่นา และต้องตามตื๊อเท่านั้นด้วย อีกฝ่ายถึงจะยอมใจอ่อน แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่
เมื่อไหร่ที่หินก้อนนั้นจะกร่อนเพราะถูกน้ำหยดใส่สักที
*************
@ทางด้านของรุ่นพี่ไทเธย์
"นั่นถุงอะไรวะ?"
หมับ!
เพื่อนกำลังจะคว้าถุงขนมที่ไทเธย์วางเอาไว้อยู่ข้างๆ ตัวเอง ทันทีที่เขาเห็น ก็รีบคว้าถุงกระดาษมาไว้บนตักของตัวเองทันที
"อย่ายุ่ง"
"อะไรของมึง ก็แค่จะดูว่ามันถุงอะไร"
"ถุงอะไรก็ช่าง แต่อย่ายุ่ง"
"อ่าว ขี้หวงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?"
"ไม่ได้หวง แต่มันของกู"
"ขอดูหน่อย ใครให้มา?"
"ไม่มีอะไร"
"รุ่นน้องคนนั้นให้มา หรือว่าสาวที่ไหนให้มาอีก"
"ยุ่งจริงๆ"
เขาไม่ยอมให้เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ แตะถุงกระดาษที่ตัวเองได้มาเลย ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าใครจะซื้ออะไรให้ เขาจะยกให้คนอื่นตลอด ไม่ใช่ว่าอยากจะทำลายน้ำใจของใคร แต่เพราะตัวเองไม่กินไม่ชอบ ก็เลยไม่รู้จะเอาไว้ทำไม และที่รับมาก็ไม่อยากเสียน้ำใจด้วย
ตกเย็นหลังเลิกเรียน ณ คอนโดหรูใจกลางเมือง
ไทเธย์กลับมาที่คอนโดของตัวเองเหมือนอย่างเคย ถึงคอนโดของเขาจะอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็อยู่ชั้นบนเลยไม่ได้มีเสียงดังอะไรรบกวน
ติ๊ด ~
เขาสแกนคีย์การ์ดและเปิดประตูเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับถุงขนมที่ถือกลับมาจากมหาวิทยาลัยด้วย นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาถือของที่คนอื่นให้กลับมาด้วย
ร่างสูงวางถุงขนมลงกับโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็เดินกลับออกมาหยิบถุงขนมไปนั่งแกะกินอยู่ที่หน้าทีวี
ข้างในมันคือกล่องขนมมาการองหลากสี เขาค่อยๆ แกะมันและเปิดออกมานั่งกินอย่างใจเย็น รสชาติมันก็ไม่ได้แย่ แต่เขาไม่ใช่คนที่ชอบกินขนมหวานสักเท่าไรหรอก
ขณะที่กำลังนั่งกินขนมอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษเล็กๆ ที่พับแล้วเหมือนจะหย่อนใส่เอาไว้ในถุงกระดาษใต้กล่องขนม เขาหยิบมันออกมาเปิดอ่าน
'ขอบคุณที่ช่วยนะคะ รุ่นพี่เท่มากเลย ชอบพี่นะคะ ถึงพี่ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร กินขนมให้อร่อยนะคะ^^'
พออ่านจบเขาก็หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะวางกระดาษลง เขาไม่ได้ขยำทิ้ง แต่มีความคิดว่าจะเก็บกระดาษใบนี้เอาไว้
เด็กนี่ดูไม่เกรงกลัวอะไรเลย ดูไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรเลย ทั้งที่ถูกเขาปฏิเสธไปทุกครั้งขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะไม่สนใจไปแล้ว
"หึหึ..." ไทเธย์หัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงภาพของเด็กสาวที่กำลังตามวุ่นวายกับเขา เธอน่ารักสดใสดี แต่ก็น่าตีด้วยอีกเช่นกัน เพราะความดื้อของเธอนั่นแหละ
ช่วงเย็นวันหนึ่ง ณ หน้าตึกคณะวิศวะกรรม นักศึกษาทยอยกันเดินกลับหลังจากเลิกเรียนเสร็จแล้ว เช่นเดียวกับชะเอมที่กำลังเร่งรีบในการเดินกลับ เพราะเธอจะต้องกลับถึงบ้านก่อนฟ้ามืด ทางผ่านบ้านของเธอมันค่อนข้างอันตรายด้วย"ชะเอม.."เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง เธอหันกลับไปมอง แล้วก็เห็นไทเธย์เดินถือถุงกระดาษใบใหญ่มาทางตัวเอง"รุ่นพี่ไท?""ว่างมั้ย?" เขาถามแต่สีหน้าก็ยังนิ่งๆ และด้วยความหน้านิ่งเธอเองก็แทบจะไม่รู้เลยว่าเขามีความสุขหรือคิดอะไรอยู่"ก็…ว่างค่ะ"เขายื่นถุงกระดาษที่ตัวเองถือมาไปตรงหน้าของเธอ เหมือนเป็นเชิงบอกว่า ของสิ่งนี้คือของเธอ"มันคืออะไรหรอคะ" เธอถามพร้อมกับมองถุงกระดาษในมือของเขา เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เลยยังไม่รับมา"เปิดดูเองสิ" เขาพูดนิ่งๆ แขนกระตุกถุงเล็กน้อยเหมือนกำลังบอกให้เธอรับไปได้แล้วชะเอมรับถุงนั้นมาก่อนจะเปิดถุงให้อ้าออกแล้วชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านในแล้วก็เจอกล่องขนมมาการองหลากสี จัดเรียงเป็นระเบียบ แถมยังมีกล่องซ้อนอีกหลายกล่องเลย มันเยอะอย่างกับไปเหมาร้านขนมมาเลย"ขนมมาการอง!?" เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาตาโต "ซื้อให้เอมหรอคะ?""อื้ม" เขายิ้มมุมปากเมื่อเห
หลังจากกลับจากค่าย ชีวิตกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าเรียน ทิ้งไว้เพียงเรื่องเล่าปากต่อปากของคนที่ได้ไปร่วมกิจกรรม ที่พูดให้คนที่ไม่ได้ไปฟังที่ตึกคณะวิศวกรรม เสียงคุย เสียงหัวเราะยังดังเหมือนเดิม ผู้คนยังเดินขวักไขว่ตามตึกเรียน แต่ในความวุ่นวายทั้งหมดนั้น ไทเธย์รู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันหายไป บางอย่างที่ว่ามันคือความคุ้นเคยเสียงหนึ่งที่คอยทักทายเขาทุกเช้า บางครั้งก็มีขนมติดไม้ติดมือมาฝาก ดวงตากลมใสที่มองมาทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน ชะเอมเปลี่ยนไปเธอไม่ทำเหมือนที่เคยทำ ในขณะที่เธอยังอยู่ยังทักทาย ยังพูดจาเหมือนคนรู้จักทั่วไป เหมือนรุ่นน้องที่เข้ามาทักทายรุ่นพี่ แต่ไม่มีคำแซว ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีรอยยิ้มแสนหวานที่เขามักจะได้รับทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ทุกอย่างมันแปลกไป เขารู้สึกได้อย่างนั้นมันเหมือนเธอกำลัง หายไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าว ไม่อะไรกับเขาเลยสักอย่าง และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่า มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่จนเย็นวันหนึ่งหลังเลิกคลาสเรียนไทเธย์เดินไปเจอเธอพอดีที่หน้าตึกคณะ ดูเหมือนเธอกำลังจะเดินออกไป ทั้งที่ปกติเธอมักจะรอเขาลงมาก่อนด้วยซ้ำ ได้ทุกค
#เช้าวันถัดมาแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ช่วงเช้าๆ บรรยากาศค่อนข้างสงบ และมีเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงมอยู่ห่างๆ คงเป็นเพราะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ติดกับป่าเขาไทเธย์นั่งพิงหัวเตียงอยู่เงียบๆ มองดูแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดภายในห้องพักของเขา เพราะตื่นมาก็ไม่เจอชะเอมแล้ว แม่บ้านบอกว่าเธอออกไปซื้อของ น่าจะออกไปซื้อของกินนั่นแหละแกร้ก ~เสียงประตูเปิดเข้ามาเบาๆ ตามด้วยร่างเล็กๆ ของชะเอมที่เดินเข้ามา เธอถือถุงเล็กๆ ที่ใส่ขนมและของกินมาด้วย มืออีกข้างถือกล่องข้าวที่เธอซื้อมาจากโรงอาหารของโรงพยาบาล สีหน้าเธอดูไม่สดใสเหมือนเคย ดวงตาคล้ำลงเล็กน้อยคงเพราะนอนน้อยติดกันหลายคืน และที่สำคัญเธอไม่ยิ้มเลย ทั้งที่ปกติเธอจะซ่าและยิ้มแย้มได้ตลอดเวลา"ไง ไปไหนมา ให้ฉันอยู่คนเดียว" ไทเธย์ทักก่อน"เห็นรุ่นพี่ยังไม่ตื่น ก็เลยไม่อยากปลุกค่ะ" ชะเอมพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาวางของข้างเตียง แล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเธอเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันคงเป็นเรื่องที่ทำให้เธอคิดมากเลยล่ะ เพราะสีหน้าเธอดูไม่ดีเอาซะเลย"พี่ไทเธย์…" น้ำเสียงนั้นเศร้าๆ และการเรียกชื่อเขาของ
วันที่สองของการอยู่โรงพยาบาล…อาการของไทเธย์ก็อยู่ในขั้นที่ดีขึ้นมาก แต่แพทย์เองก็ยังไม่ไว้วางใจ เพราะที่เขาเป็นมันคือไข้ป่า ซึ่งมันอาจจะเป็นมากกว่านั้นได้ เช่น ไข้ป่ามาลาเรีย ซึ่งมันอันตรายต่อชีวิตมากๆ ถึงตอนนี้จะตรวจแล้วไม่เจอ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เลยชะเอมคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เหมือนเดิม จัดการเรื่องอาหารการกิน รวมถึงการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับเขาด้วย ส่วนกิจกรรมก็ยังดำเนินไปต่อ เพราะทั้งสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว อยู่ในมือแพทย์แล้ว"หายเร็วๆ นะคะ" พูดกับคนบนเตียงขณะที่กำลังเช็ดตัว"เธอทำเหมือนกับฉันเป็นคนพิการ""ก็แค่ดูแลค่ะ คนป่วยไม่สบาย เขาก็ดูแลกันแบบนี้อยู่แล้ว""ฉันกินข้าวเองได้ มือไม่ได้หัก และฉันก็เดินไปอาบน้ำได้ ขาฉันไม่ได้เดี้ยง แต่ดูเธอทำสิ...""อย่าบ่นนักเลยค่ะ"นี่ขนาดยังมีสายน้ำเกลือคาอยู่บนแขนนะ เขายังบ่นเธอได้มากขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยตอนที่ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาจะเป็นมากขนาดไหน"แล้วอาการเธอเป็นยังไงบ้าง""เอมไม่ได้เป็นอะไรค่ะ""ไม่เจ็บไม่ป่วยเลยหรือไง""จะเป็นอะไรได้ล่ะคะ ตัวแทบไม่ได้โดนลมโดนน้ำค้างเลย รุ่นพี่เอาเสื้อให้ใส่ แถมกอดเอมไว้ตลอดอีกต่างหาก""ฉัน..." เขาอึก
#กลางดึกสงัด เสียงฝีเท้าหนักๆ กระทบพื้นดินพร้อมกับเสียงไฟฉายที่ส่องไปรอบๆ เริ่มดังมาแต่ไกล แทรกเข้ามาท่ามกลางความเงียบงันของค่ำคืนภายในป่าใหญ่แห่งนี้ชะเอมที่กำลังนั่งซุกอยู่ในอ้อมแขนไทเธย์ เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นเต้นเพราะได้ยินเสียงที่ว่านั้น เธอไม่ได้หูฝาดเป็นแน่ เธอได้ยินจริงๆ มีคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินเข้ามาที่นี่"รุ่นพี่ไท ได้ยินมั้ยคะ? มีเสียงคนมา!"ไทเธย์ที่เอนตัวพิงต้นไม้อยู่ข้างๆ พยักหน้าอย่างช้าๆ สีหน้าเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อผุดเต็มหน้าผากแม้อากาศจะเย็น และต่อให้ความมืดจะกลืนกินทุกส่ิงรอบตัว แต่เพราะกองไฟที่ยังไม่มอดดับมันก็ยังเป็นแสงสว่างให้อยู่"รุ่นพี่ ปะ เป็นไรหรือเปล่า?" เธอแตะหลังมือเขาเบาๆ แล้วก็ต้องชะงักเพราะความร้อนที่มันมากกว่าปกติของคน "ตะ ตัวร้อนมากเลย รุ่นพี่ไทคะ ได้ยินเอมมั้ย"เธอเรียกเขาเสียงสั่นๆ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่มีสติไปแล้ว แต่พอเขายิ้มแบบฝืนๆ ก็พอใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย"ฉันไม่เป็นไร แค่อากาศมันหนาวน่ะ""นะ หนาว ทำไมรุ่นพี่เหงื่อออกเยอะแบบนี้ล่ะคะ ตัวก็ร้อนด้วย" ชะเอมเอามืออังที่หน้าผากของอีกฝ่าย ถึงได้รู้ว่าไม่ใช่แค่มือของเขาที่มันร้อนจี๋"ไม่เป็นไร ไม่เ
แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาค่อยๆ ขยับเข้าสู่ช่วงเย็น แสงตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้า ในป่าแบบนี้แสงอาทิตย์จะหมดลงเร็วมาก และก็นำพาให้บรรยากาศเริ่มวังเวงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ไทเธย์เดินวนดูเส้นทางรอบๆ อีกครั้ง พร้อมกับทำรอยตำแหน่งเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้หลงไปมากกว่านี้ แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่พบร่องรอยของทางเดิมหรือเสียงใครเลยชะเอมนั่งกอดเข่าที่โคนต้นไม้ใหญ่ เหงื่อซึมตามขมับบ่งบอกว่าเธอกำลังเครียดและกลัวมาก แต่ใบหน้าก็ยังพยายามฝืนยิ้มเหมือนเดิม เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังกลัว"รุ่นพี่ไทเราจะเอายังไงดีอะ เดินกลับมั้ย?" เธอถามเสียงเบา"ไม่" ไทเธย์ตอบทันที ก่อนจะโยนกิ่งไม้ลงพื้นแล้วหันมานั่งข้างๆ "ทางมันมีแยกเยอะเกิน เดินไปมากกว่านี้ก็มีแต่จะหลงลึกขึ้นไปอีก""อ้าว แล้วถ้าไม่มีใครมาหาอะ?""พวกเขาต้องรู้ว่ามีคนหลง" ไทเธย์พูดนิ่งๆ น้ำเสียงมั่นคง "ถ้าเรายังอยู่ใกล้ๆ จุดที่หลุดออกมา โอกาสที่เขาจะเจอเราก็จะมากกว่าการเดินไปมั่วๆ"เธอพยักหน้าเบาๆ เหมือนเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่หายกลัวอยู่ดี ถ้าไม่มีคนมาเจอในช่วงนี้ ตกกลางคืนก็คงต้องนอนที่นี่ และก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เธอไม