กระเป๋าเดินทางหลายใบถูกลำเลียงมาไว้หน้าบ้านไม้สองชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่หนึ่งร้อยตารางวา ก่อนที่เจ้าของกระเป๋าจะเดินออกมายืนรอรถตู้ที่จะรับไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน้นกับสามีใหม่ของธนวรรณ ที่หอบหิ้วบุตรสาวและน้องสาวไปอยู่ด้วย
เด็กหญิงธนัสสรณ์หรือน้ำหวานวัยสิบสองปีหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังนี้ ชะเง้อคอมองไปยังประตูรั้วบ้านไม่วางตา ราวกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่
“มองหาพี่ใหญ่เหรอจ้ะน้ำหวาน” ธนพรน้าสาวเอ่ยถามหลานสาวอย่างรู้ใจ
“ใช่ค่ะ พี่ใหญ่สัญญาว่าจะมาส่งน้ำหวาน” ปากเด็กหญิงพูด ทว่าสายตายังคงมองไปยังมองไปยังจุดเดิม
“เดี๋ยวพี่ใหญ่คงมา พี่ใหญ่เป็นคนรักษาสัญญา รับปากอะไรไว้ก็ต้องทำตามนั้น” ธนพรปลอบหลานรักพร้อมกับฉีกยิ้มเมื่อเห็นร่างของคนที่ธนัสสรณ์รอคอย เดินเข้ามาในบ้าน “นั่นไง พี่ใหญ่มาแล้ว”
ธนัสสรณ์มองคนที่ตนเองรอคอยด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าในใจจะหมองเศร้าที่ต้องจากพี่ชายข้างบ้านที่แสนดีไปอยู่คนละซีกโลก แต่อย่างน้อยก่อนจากลาเธอก็ได้พบหน้าเขา
“สวัสดีครับคุณอา” จอมทัพ รุจิเวโรจน์วัยสิบเจ็ดปีพนมมือไหว้เจ้าของบ้าน รวมทั้งธนพร
“สวัสดีจ้ะ” ธนวรรณมารดาธนัสสรณ์รับไหว้ “ใหญ่รู้ไหมว่า น้ำหวานชะเง้อคอรอใหญ่จนคอจะยาวเหมือนยีราฟแล้ว”
“พี่ต้องขอโทษน้ำหวานด้วยนะที่มาช้า พี่ไปเอาของชิ้นนี้มาให้น้ำหวาน”
จอมทัพส่งกล่องของขวัญที่ตั้งใจมอบให้สาวน้อยตรงหน้าที่มีความสวยโดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย เด็กสาวที่มัดใจเขาเสียอยู่หมัด
“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่” เด็กหญิงนำกล่องของขวัญนั้นกอดไว้แนบอก
“จะไม่เปิดดูหน่อยเหรอว่าเป็นอะไร” จอมทัพพูดราวกับจะบอกเธอว่า ให้เปิดดูของที่ตนตั้งใจมอบให้ “พี่อยากรู้ว่าน้ำหวานชอบของที่พี่ให้หรือเปล่า”
“ค่ะพี่ใหญ่ น้ำหวานจะแกะดูค่ะ” พูดจบสาวน้อยแสนสวยได้แกะห่อของขวัญที่บรรจงห่ออย่างสวยงาม พอเห็นของขวัญในกล่อง เธอยิ้มกว้างกอดสิ่งนั้นไว้แนบอก “น่ารักที่สุดเลยค่ะ น้ำหวานจะเก็บมันไว้ข้างกาย ทะนุถนอมมันด้วยชีวิตค่ะ”
ของขวัญที่จอมทัพมอบให้เธอก่อนลาจากคือ ตุ๊กตาคิตตี้ที่เขาเคยสัญญาไว้กับธนัสสรณ์ว่า จะซื้อให้ในวันเกิดปีนี้ แต่ในวันนั้นเขาต้องเดินทางไปหาคุณปู่ในจังหวัดเชียงราย จอมทัพจึงซื้อมาให้เธอในวันนี้แทน
“พี่ทำตามสัญญาแล้วนะ” จอมทัพบอกสาวน้อยตรงหน้า “พี่ยังมีของอีกชิ้นมอบให้น้ำหวานด้วย”
“อะไรคะพี่ใหญ่” จอมทัพล้วงหยิบของชิ้นหนึ่งในกระเป๋าออกมา แล้วส่งให้ธนัสสรณ์ต่อหน้าบุพการีของเธอ
ธนัสสรณ์มองแหวนทองคำขาวที่มีเพชรเม็ดงามอยู่ตรงกลางอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มกระจ่างเต็มดวงหน้านวลที่สวยงามราวกับเทพธิดา ใจเธอเต้นระส่ำไปหมด ค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบแหวนวงนั้น ธนวรรณกับธนพรพากันยิ้ม เพราะรู้ความหมายของจอมทัพ
“อาว่า ใหญ่สวมให้น้องดีกว่านะ”
ธนวรรณที่อยากได้จอมทัพเป็นลูกเขยทุกลมหายใจ รีบบอกให้จอมทัพสวมแหวนให้บุตรสาว จะได้คล้ายกับว่า จอมทัพกับธนัสสรณ์หมั้นหมายกัน จอมทัพไม่ปฏิเสธคำบอกของธนวรรณ เขาหยิบแหวนในมือของสาวน้อยแล้วบรรจงสวมนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
“น้ำหวานจะไม่ถอดมันออกค่ะ จะสวมมันตลอดเพราะเท่ากับว่า พี่ใหญ่อยู่ใกล้ๆ น้ำหวาน” เด็กหญิงไร้เดียงสาเอ่ยบอกตามความรู้สึกของตนเอง
“น้ำหวานอยู่ในใจของพี่เสมอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่ไม่มีวันลืมน้ำหวาน เมื่อถึงเวลาพี่จะไปหาน้ำหวานที่โน่นนะ” จอมทัพบอกความจริงจากใจให้เธอรับรู้ “พี่รักน้ำหวานนะ”
เด็กสาวแก้มแดงระเรื่อ หัวใจยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิมกับคำบอกรักที่เอ่ยต่อหน้ามารดาและน้าสาว เป็นคำพูดที่เธอไม่มีวันลืม
“น้ำหวานรักพี่ใหญ่ค่ะ น้ำหวานจะรอพี่ใหญ่มาหาน้ำหวานนะคะ”
ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน มองสบสายตากันนิ่ง ราวกับว่าไม่มีใครอื่นอย่างรอบข้าง ระหว่างนั้นรถตู้ได้แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
“ได้เวลาไปกันแล้วน้ำหวาน” ธนพรบอกหลานสาว ธนัสสรณ์ล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง ก่อนจะมอบให้เขา
“พี่ใหญ่อย่าลืมน้ำหวาน อย่าลืมคำสัญญานะคะ”
“พี่สัญญาว่า พี่ไม่มีวันลืมน้ำหวาน ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดพี่ก็จะไม่ลืม ความรักของพี่จะเป็นนิรันดร์”
จอมทัพนำภาพถ่ายใบเล็กที่เธอมอบให้มาแนบไว้กับอก พร้อมกับย้ำคำมั่นสัญญาที่เขาจะยึดมั่นไว้ในใจ
ธนวรรณ ธนพรและธนัสสรณ์ก้าวขึ้นรถตู้ หลังจากที่คนรับใช้นำกระเป๋าใส่ไว้ท้ายรถ ครั้นประตูรถปิดลง จอมทัพรู้สึกเหมือนกับว่า หัวใจหลุดหาย มองสาวน้อยที่กุมหัวใจเขาไว้ด้วยความอาลัย ธนัสสรณ์เองก็เช่นกัน มองเขาด้วยสายตาไม่ต่างกัน มีน้ำตาไหลรินเป็นทาง มองจอมทัพที่ยืนโบกมือให้เธอจนลับสายตา
“พี่สัญญาว่า จะรักและเก็บหัวใจให้หวานคนเดียว”
เป็นคำมั่นสัญญาที่เขาย้ำบอกกับตัวเอง แล้วจะยึดมั่นไว้จนกว่าเขาและเธอจะได้พบกันอีกครั้ง และวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งคู่ห่างกัน
15 ปีผ่านไป
สมาชิกในตระกูลรุจิเวโรจน์มารวมตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นกันอย่างพร้อมหน้า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หรือจะพูดได้ว่าในรอบปีจะมีสักครั้ง การที่ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ได้เป็นเพราะ ลิขิต รุจิเวโรจน์ประมุขของบ้านเรียกทุกคนมาเพื่อบอกกล่าวบางอย่างให้ทุกคนรับรู้
ที่ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักเป็นเพราะ ลิขิตได้แยกตัวไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่บนเนื้อที่เดียวกันกับบ้านหลังใหญ่ เขาอาศัยอยู่กับนภาพรภรรยาน้อยมาร่วมยี่สิบปี ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างลิขิตกับสกาวใจ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในสถานะต่างคนต่างอยู่ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า และไม่ถูกกันไปโดยปริยาย เจอหน้ากันทีไรต้องมีปากเสียง สกาวใจมักพูดจาเหน็บแนมลิขิตและภรรยาน้อยทุกครั้ง ซึ่งนภาพรเองก็ไม่เคยโต้เถียง เจียมตัว สยบปากสยบคำเพราะรู้ตัวว่าตนเองผิดที่แย่งสามีสกาวใจ การที่สมาชิกในตระกูลจะมารวมตัวกันพร้อมหน้าแทบจะนับครั้งได้
“คุณแม่ทราบหรือเปล่าครับว่า คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะบอกพวกเรา” วิมุตลูกชายเพียงคนเดียวของลิขิตเอ่ยถามมารดา
“แม่จะไปรู้ได้ยังไง แม่ก็อยากรู้พอๆ กับเสกนั่นแหละ”
สกาวใจแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ สามีก็เรียกให้ทุกคนมารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นของบ้านใหญ่ ครั้นนางจะไม่มาก็ไม่ได้ เนื่องจากอยากรู้ว่าเรื่องที่ว่านี้คืออะไร หากไม่สำคัญลิขิตคงไม่ทำเช่นนี้ ความอยากรู้จึงมีมากกว่า
“หรือว่าคุณปู่จะบอกเรื่องพินัยกรรมค่ะ” รุ่งอัมพรบุตรสาวคนโตของวิมุตคาดเดา
“หน่อยว่าไม่ใช่หรอกค่ะ เรื่องพินัยกรรมไม่ได้สำคัญอะไร อีกอย่างคุณปู่ก็เคยบอกไว้แล้วว่า ใครได้อะไรบ้าง”
รุ่งทิวาบุตรสาวคนเล็กของวิมุตไม่คิดเช่นเดียวกับพี่สาว เป็นเพราะลิขิตเคยบอกกับทุกคนไว้แล้วว่า ใครได้อะไรบ้างในทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลที่มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้าน และแบ่งให้ลูกหลานแต่ละคนดูแลกิจการที่แต่ละคนจะได้ครอบครอง
Chapter 62 “ก็แล้วแต่คุณจะคิด ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว ปล่อยฉันนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ศรัญญาดิ้นรน สองมือผลักไส แต่อ้อมแขนจอมทัพก็ยังคงรัดแน่นเช่นเดิม เธอจึงเปลี่ยนวิธีมาเป็นใช้ไรฟันกัดหน้าอกเขาเต็มเขี้ยว ได้ผล...ความเจ็บทำให้แขนกำยำทั้งสองข้างคลายออก ก่อนที่ฝ่ามือเล็กจะฟาดลงบนแก้มจอมทัพจอมปากเสียเต็มแรง “คนอย่างคุณหูเบา ใครพูดอะไรก็เชื่อ ไม่คิดไม่ไตร่ตรองก่อนว่า คนที่คุณกำลังกล่าวหาจะทำอย่างนั้นหรือเปล่า ต่อให้ฉันพูดให้คุณเข้าใจยังไง คำพูดของฉันก็คงไม่ผ่านเข้าไปในหูคุณ สมองของคุณมีแต่ความคิดชั่วๆ ก็ขอให้คุณอยู่กับมันไปเถอะ นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันจะกลับไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ ฉันจะไม่ทนให้พวกคุณเหยียบย่ำฉันอีกต่อไปแล้ว ส่วนเรื่องหย่า ฉันจะเป็นบอกคุณปู่เอง รับรองว่าเราได้หย่ากันแน่ๆ” ก่อนหน้านี้ศรัญญาลับฝีปากกับธนัสสรณ์ยังไม่ทันจะหายใจโล่ง พอเข้าห้องมาก็ต้องมาปะทะคารมกับจอมทัพอีก และคำพูดของทั้งสองก็มาในแนวทางเดียวกันว่า เธอมีชู้ ช่างเป็นคำกล่าวหาที่เธอยอมไม่ได้ เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรีของตนก็ว่าได้ ศรัญญายอมมาตลอด ทว่าความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด สักวันหนึ่งม
Chapter 61 “เดี๋ยวก่อน ที่แกพูดมาหมายความว่ายังไง” ศรัญญาไม่ตอบ เธอสะบัดแขนออกแล้วจ้องหน้า กำลังจะพูดตอบโต้ ทว่ามีเสียงหนึ่งโพร่งมากลางป้อง “คุณหวานคะ น้ำส้มคั้นเย็นๆ ค่ะ ดื่มก่อนนอนผิวจะได้สวย” เจ้าของเสียงคือวิไลที่รีบเดินมาหาสองสาวพร้อมกับน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว “ฉันไม่กิน” ธนัสสรณ์ตวาดใส่วิไล “ดื่มสักหน่อยนะคะ ผิวคุณหวานจะได้สวยๆ คุณใหญ่จะได้รักมากๆ ไงคะ” วิไลตื้อต่อ “คุณแก้วขึ้นไปพักผ่อนเถอะคะ พรุ่งนี้คุณท่านอยากทานโจ๊กธัญพืช วิไลเตรียมของไว้ให้แล้วค่ะ” ศรัญญายิ้มให้สาวใช้ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบันไดที่ทอดตัวสู่ชั้นสองของบ้าน ธนัสสรณ์เห็นว่าศรัญญากำลังเดินหนี จึงก้าวเดินตาม แต่ร่างของวิไลก็เข้ามาขวางไว้ “คุณหวานคะ ดื่มน้ำส้มก่อนนะคะ” วิไลส่งแก้วน้ำส้มให้คนหน้าบึ้ง “หูหนวกหรือไง บอกว่าไม่กินก็ไม่กินสิ แล้วก็หลบฉันด้วย ฉันมีเรื่องจะคุยกับนางแก้ว” ธนัสสรณ์เบี่ยงเท้าไปทางด้านซ้าย วิไลก็เบี่ยงตัวมาขวางไว้ “ดื่มสักนิดเถอะคะ นะคะ กำลังเย็นๆ ชื่นใจเลย” วิไลตื้อต่อ เหลือบมองร่าง
Chapter 60“ป้ามดมีคนดูแล้ว แก้วกับพี่ต้าร์ขอตัวกลับก่อนนะคะ”“ขอบใจคุณแก้วกับคุณต้าร์อีกครั้งนะคะที่เมตตาคนแก่อย่างป้า”“นุชด้วยค่ะ ขอบคุณคุณสองคนมากค่ะ” นุชนารถกล่าวขอบคุณอีกครั้ง“บอกแล้วไงค่ะว่าไม่เป็นไร เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ช่วยได้ก็ช่วยค่ะ” ศรัญญาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แก้วกลับก่อนนะคะ ว่างๆ จะมาเยี่ยมป้ามดใหม่”ศรัญญากับอลงกตเอ่ยลาและยกมือไหว้นางมด ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากบ้านไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้า“สบายใจแล้วใช่ไหมแก้วที่ลูกสาวป้ามดมาดูแลป้ามด” เขาถามเมื่อเข้ามานั่งในรถ“ค่ะ สบายใจขึ้นมาก แก้วสงสารป้ามดค่ะที่ไม่มีลูกหลานดูแล ยิ่งเป็นโรคนี้ด้วยแล้วยิ่งน่าเป็นห่วงใหญ่”“ขนาดป้ามดเป็นคนอื่น แก้วยังห่วงขนาดนี้ ถ้าเป็นพ่อแม่แก้วเอง พี่ว่าแก้วต้องดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน”“มันแน่อยู่แล้วค่ะพี่ต้าร์ แก้วมีหน้าที่ดูแลท่านนี่คะ อีกอย่างท่านให้ชีวิตแก้ว แก้วก็ต้องตอบแทนให้เต็มที่ ด้วยชีวิตแก้วก็ยอมค่ะ”อลงกตหันมามองศรัญญาด้วยประกายตาชื่นชม หากเธอไม่ตัดรอนความสัมพันธ์ที่อยากจะพัฒนามากกว่าเพื่อน พี่น้อง และเขาสามารถครองใจเธอได้สำเร้จ อลงกตคิดว่าตนต้องเป็นชายหนุ่มที่โชคดีที่สุดที่ได้ศรัญญา
Chapter 59 เส้นทางที่อลงกตเลี้ยวเข้ามา คนภายนอกที่ไม่รู้จักเส้นทางอาจจะมองว่า เขากำลังพาหญิงสาวเข้าโรงแรม แต่อันที่จริงแล้ว เป็นเส้นทางลัดไปยังชุมชนม่านแก้วที่อยู่ด้านหลังของโรงแรม ซึ่งจะอยู่ด้านข้างของอาคาร ทางโรงแรมเพิ่งเปิดเส้นทางให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์หลังจากถูกศาลตัดสินให้แพ้คดี เรื่องข้อพิพาทยาวนานมาร่วมหนึ่งปี ก่อนที่จะก่อสร้างโรงแรมกรีนเฮ้าส์ คนในชุมชนและละแวกใกล้เคียงนับพันหลังคาเรือน ใช้เส้นทางนี้ในการเข้าออก ถึงแม้ว่าจะมีทางเข้าออกหลายทาง แต่ทางนี้ดูเหมือนจะสะดวกที่สุด แต่พอเริ่มก่อสร้างอากคารดังกล่าว ได้ปิดเส้นทางตรงจุดนี้ ทำให้ทุกคนในชุมชนต้องใช้เส้นทางอื่น ทั้งที่เส้นทางนี้ส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางสารธารณะ ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ ทางคณะกรรมการชุมชนจึงฟ้องร้องเรื่อยมา และอยู่ในกระบวนการยุติธรรมนานร่วมหนึ่งปี จึงมีข้อสรุปให้ทางโรงแรมเปิดเส้นทางในส่วนที่ไม่ใช่ที่ดินของตนให้คนในชุมชนเช่นเดิม ทางโรงแรมจึงทุบกำแพงในส่วนที่ไม่ใช่ของตน และบูรณะเป็นเส้นทางเดินรถจนถึงทุกวันนี้ รถยนต์ของอลงกตมาจอดหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวหลังหนึ่งบนเนื้อที่ประมาณส
Chapter 58“ถ้าสำคัญที่สุดก็เริ่มพูดกันดีกว่าเนอะ เธอบอกแผนการของเธอมาได้เลยหวาน”“แผนที่ฉันคิดไว้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ฉันกับคุณย่าจะทำทีไปเที่ยวต่างจังหวัด...”ธนัสสรณ์บอกแผนการที่คิดไว้ให้สองพี่น้องรับฟัง นุชนารถกับเนวินคิดว่า แผนการนี้เป็นแผนที่ดีทีเดียว ง่ายๆ แต่เห็นผลชัดเจน“แผนนี้ดีนะ และดีมากๆ ที่เธอไม่ใช้เพื่อนคุณใหญ่เป็นชู้กับแก้ว ไม่อย่างนั้นแก้วจะต้องได้ดีพอๆ กับเธอ”นุชนารถเห็นด้วยกับธนัสสรณ์เรื่องที่ เจ้าของแผนไม่ใช้อลงกตเป็นตัวเอกของแผนการ เพราะหากทำ มีหรืออลงกตจะไม่แสดงความรับผิดชอบศรัญญาด้วยการแต่งงาน นั่นหมายความว่า แทนที่จะทำให้ศรัญญาอับอายที่ถูกเปิดโปง กลับกลายเป็นว่า ส่งเสริมให้ได้ดี มีสามีร่ำรวย ฐานะพอๆ กับจอมทัพ หากใช้คนอื่น ศรัญญาจะไม่มีทางได้ดีเกินหน้าธนัสสรณ์แน่นอน“ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ยอมหรอก มันมาแย่งพี่ใหญ่ของฉันไป มีเหรอที่ฉันจะให้มันได้ดี” กระแสเสียงและสีหน้าธนัสสรณ์เหมือนตัวร้ายในละครไม่มีผิด“แผนจะเริ่มเมื่อไหร่” เนวินถาม “พี่จะได้เตรียมตัวถูก”“เอาไว้หวานจะบอกพี่นอตอีกที แต่คงไม่เกินอาทิตย์หน้าค่ะ”ทั้งธนัสสรณ์และสกาวใจต่างใจร้อนไม่แพ้กัน อยากจะกำจัดศรัญญ
Chapter 57“แก้วไม่อยากให้พี่ต้าร์เสียเวลากับแก้วค่ะ แก้วเชื่อว่า พี่ต้าร์ต้องหาผู้หญิงที่ดีกว่าแก้วได้แน่นอนค่ะ ให้แก้วเป็นน้องสาวของพี่ต้าร์นะคะ สถานะที่แก้วคิดว่ามันยั่งยืนที่สุด”“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องยอมรับการตัดสินใจของแก้ว” เสียงเขาดูเศร้าจนศรัญญาอดสงสารไม่ได้ แต่ก็ยอมรับความจริง “จะว่าไป เป็นพี่ชายก็ไม่เสียหลายเนอะ”“ใช่ค่ะ ไม่เสียหลายเลย ดีซะด้วยซ้ำไป” เธอยิ้มกว้างเมื่อเขาปรับเปลี่ยนสถานะได้โดยง่าย“พี่ถามอะไรแก้วสักข้อสองข้อได้ไหม”“ค่ะถามมาสิคะ”“พี่ติดใจเรื่องที่แก้วไม่ยอมหย่ากับใหญ่ ทั้งที่ไม่ได้รักกัน ไม่เต็มใจแต่งงานกัน แล้วทำไมไม่หย่าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปล่ะ แก้วจะได้ไม่ต้องทนให้คุณย่ารังแกด้วย”เป็นอีกเรื่องที่อลงกตตั้งข้อสงสัย เพราะเรื่องนี้จอมทัพมาปรับทุกข์กับเขาหลายครั้ง ซึ่งเขาเองก็แก้ปัญหาหรือตอบปัญหานี้ไม่ได้ คนเดียวที่จะให้ความกระจ่างคือ ศรัญญา“แก้วมีเหตุผลของแก้วค่ะ และแก้วคงบอกให้พี่ต้าร์รู้ไม่ได้ แก้วบอกได้แค่เพียงว่า แก้วจะหย่ากับคุณใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อคุณปู่อนุญาตค่ะ”“ถ้าแก้วตอบมาแบบนี้พี่ก็จะไม่ถามต่อ” อลงกตอยากจะถามต่อใจแทบขาด ยิ่งเธอตอบออกมาเช่นนี้ ความอ