(ภาค 1)
บทที่ 2
เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในนิยาย(อีกแล้ว)
ความจริงแล้ว ซีเอลมาจากโลกอื่น
หมายถึงวิญญาณน่ะนะ...
ระหว่างกำลังอ่านนิยายออนไลน์ อยู่ๆ ก็หัวใจวายอย่างเฉียบพลัน จากนั้นวิญญาณก็เข้ามาสวมร่างของซีเอล ลูกัสตาร์ เด็กน้อยวัยสองขวบ
ซีเอลคนนี้เป็นตัวร้ายในนิยาย(วาย) คอยกลั่นแกล้งตัวเอก ก่อนพบจุดจบอันน่าอดสูในตอนท้าย
ก่อนวิญญาณจะข้ามมิติมาอยู่ในร่างใหม่ ’เขา’ นิยายออนไลน์ที่อ่านมีชื่อว่า เส้นทางรักของนักบุญแห่งแสง เนื้อเรื่องกล่าวถึงการผจญภัยทั่วๆ ไปของนักบุญเรเซฟ ซึ่งเป็นชายหนุ่มยากจน แต่บังเอิญค้นพบว่าตนมีพลังแห่งแสง ซึ่งเป็นพลังในตำนาน ในเนื้อเรื่องยังสอดแทรกความรักระหว่างเรเซฟกับเจ้าชายอเล็กซีสที่เป็นพระเอก
ผู้เขียนจัดฉากให้เป็นแนวตะวันตกย้อนยุค มีความแฟนตาซี มีการกล่าวถึงเวทมนตร์และปีศาจ ยิ่งไปกว่านั้นนิยายเรื่องนี้ยังแต่งขึ้นมาเพื่อเอาใจสาววาย โดยสร้างให้เป็นจักรวาลโอเมก้าเวิร์ส เพศของตัวละครไม่ได้แบ่งเป็นแค่ชายหญิง และผู้ชายก็ตั้งท้องได้
หากถามว่าทั้งที่เป็นผู้ชาย แต่ทำไมถึงอ่านนิยายแนวนี้ ตอบอย่างไม่ต้องคิด ‘เขา’ เป็นเกย์นั่นเอง
ซีเอล ลูกัสตาร์ ตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้เป็นโอเมก้าบริสุทธิ์ เกิดในตระกูลชนชั้นสูง...เป็นบุตชายคนเล็กของมาร์ควิสลีซาน ลูกัสตาร์ พ่อของซีเอลทำหน้าที่เป็นปรึกษาให้กับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอันเดอร์นิซ
ด้วยความที่เป็นชนชั้นสูง มิหนำซ้ำยังเป็นโอเมก้าบริสุทธิ์ ซีเอลจึงเติบโตขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ
หลังจากได้พบกับ อเล็กซีส โอดีย์เซียส เจ้าชายแห่งจักรวรรดิอันเดอร์นิซ หรือก็คือพระเอกของเรื่องนี้ ซีเอลตกหลุมรักอเล็กซีสทันที ความรักนั้นเข้าขั้นลุ่มหลงและหมกมุ่น
ซีเอลทำทุกวิถีทางจนได้หมั้นหมายกับเจ้าชายอเล็กซีส และคอยขัดขวางทุกคนไม่ให้เข้าใกล้คู่หมั้น
ตามเนื้อเรื่อง เจ้าชายอเล็กซีสเดินทางออกไปปราบปีศาจร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ได้พบกับนักบุญเรเซฟ เดอแอล หนุ่มยากจนที่มีพลังแห่งการรักษา นักบุญเรเซฟได้ช่วยเหลือเจ้าชายในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งคู่ตกหลุมรักกันระหว่างนั้น
เมื่อเห็นว่าเจ้าชายพาเรเซฟกลับมาเมืองหลวง ความหึงหวงทำให้ซีเอลเริ่มกลั่นแกล้งเรเซฟ จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนไปถึงวางแผนปลิดชีพ
แต่ด้วยความที่เป็นตัวเอก ต่อให้พบกับอุปสรรค เรเซฟก็รอดมาได้ทุกครั้ง มิหนำซ้ำยังเปล่งประกายขึ้นไปอีก ทำให้ทุกคนในจักรวรรดิอันเดอร์นิซต่างประจักษ์ถึงความดีงามและยิ่งยอมรับในตัวเรเซฟ
จุดจบของซีเอลนั้นไม่ต้องพูดถึง เป็นโทษประหารแน่นอน
ทว่ามาร์ควิสลีซานผู้เป็นพ่อ ทั้งอ้อนวอนขอร้องจักรพรรดิ ทั้งยังมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเพื่อแลกชีวิตของลูกชายคนเล็ก
แม้ซีเอลจะรอดพ้นโทษประหาร แต่กลับต้องมาแต่งงานกับเคานต์ไคล์เดน ฮิลล์ตัน...เคานต์ปีศาจแห่งเบอร์แรม
ไคล์เดน ฮิลล์ตันเข้าสู่สนามรบตั้งแต่วัยสิบปลายๆ การได้เห็นความโหดร้ายต่างๆ นานาในสงครามทำให้มีอาการเห็นภาพหลอน ตอนคลุ้มคลั่งไคล์เดนจะลงมือทำร้ายคนใกล้ตัว
ซีเอลที่เป็นภรรยาถูกสามีทารุณกรรมด้วยความรุนแรงประมาณหนึ่งปีก่อนจะตายในที่สุด
นั่นคือจุดจบของซีเอลในนิยาย...
ตอนพบว่าวิญญาณของ ‘เขา’ เข้ามาอยู่ในร่างของตัวร้ายกากๆ คือวันเกิดครบรอบสองขวบ
เด็กน้อยตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่ประดังประเดเข้ามาในหัว เช้าวันนั้นซีเอลร้องไห้ไม่หยุดเพราะความหวาดกลัว
เดือดร้อนท่านพ่อท่านแม่ และพี่ชาย ช่วยกันเข้ามาโอ๋ แต่หลังจากเด็กน้อยสงบสติอารมณ์ได้ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน ไม่เอาแต่ใจ และจะไม่กลั่นแกล้งนักบุญเรเซฟด้วย
ซีเอลยึดมั่นคำสาบานนั้นมาตลอด เป็นเด็กดีและไม่กลั่นแกล้งใคร แม้เจ้าชายอเล็กซีสจะน่าโมโหจนอยากพุ่งเข้าไปทุบก็ตาม...
และแล้ว ก็มาถึงวันสถาปนาแต่งตั้งเจ้าชายอเล็กซีสเป็นรัชทายาท วันนี้สำคัญกับซีเอลมาก เพราะว่าเป็นวันตัดสินชะตากรรมของเขานั่นเอง!
ตอนเปิดตัวเจ้าชายอเล็กซีส ข้างกายของเจ้าชายหนุ่มไม่ใช่ซีเอลที่เป็นคู่หมั้น แต่เป็นนักบุญเรเซฟ เดอแอล
ภาพนั้นทำเอาผู้คนที่มาร่วมงานสถาปนาต่างหันไปซุบซิบถึงความไม่เหมาะสม
‘ซีเอล ลูกัสตาร์ วันนี้ข้าขอประกาศการถอนหมั้นกับเจ้า!’ เจ้าชายอเล็กซีสประกาศก้องท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่าผู้มาร่วมงาน
เอาแล้ว...
พอมีบทปุบก็พุ่งเป้ามาที่เขาเลย
จากนั้นก็คงพิพากษาความผิดที่ซีเอลก่อไว้ต่างๆ นานา
แต่...ตลอดยี่สิบปีมานี้ ซีเอลเป็นเด็กดีมาตลอด เจ้าชายจะหยิบยกความผิดจากไหนขึ้นมาพูด?
อย่างไรก็ตาม ซีเอลที่เตรียมพร้อมรับมือวันนี้มานานแล้วจึงตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง
‘ได้ครับ’
เงียบ
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบของซีเอล
เจ้าชายอเล็กซีสยิ่งแล้วใหญ่ เลิ่กลั่กเหมือนไปไม่ถูก
‘ถ...ถ้าอย่างนั้น ข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการตรงนี้เลยว่า ซีเอล ลูกัสตาร์ไม่มีคุณสมบัติเป็นชายาของเจ้าชายรัชทายาท เอาละ คราวนี้เจ้าจบเห่แล้ว ซีเอลเอ๋ย’
ซีเอลกะพริบตาปริบๆ งุนงง
‘จบเห่เหรอ ทำไมกระหม่อมต้องจบเห่ด้วย’
อเล็กซีสคงคิดว่าซีเอลตั้งใจถามจริงๆ จึงได้ยืดอก พูดถึงความผิดของซีเอลเหมือนเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ
เรื่องแรก เจ้าชายอเล็กซีสบอกว่าซีเอลทำให้ตนขายหน้าในระหว่างออกเดต ด้วยการทิ้งตนแล้วกระโดดลงแม่น้ำ
ซีเอลนึกย้อนความหลัง หากเป็นเรื่องในตอนนั้น เขากระโดดลงแม่น้ำจริง แต่เพื่อช่วยลูกแมวที่กำลังจะจมน้ำต่างหาก
‘ไงล่ะ พูดไม่ออกเลยล่ะสิ ตอนที่จักรพรรดิประกาศหมั้น เจ้าก็ร้องไห้บอกไม่ยินยอม การกระทำเช่นนั้นถือว่าหยามเกียรติข้าอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเจ้าก็เอาแต่พูดเรื่องถอนหมั้นๆ จนข้ารำคาญ กวนใจข้าไม่หยุดหย่อน ยังมีอีก เจ้าหนีไปอยู่ที่อาณาเขตกอร์เลตโดยไม่ติดต่อกลับมา ข้าต้องคอยตอบคำถามคนอื่นแทนเจ้าตั้งมากมาย เจ้าทำให้ข้าลำบากใจและอับอาย!’
ซีเอลไม่มีข้อโต้แย้ง ทุกเรื่องที่เจ้าชายพูดมาล้วนเป็นความจริง
แต่ในตอนนั้น ถึงซีเอลไม่อยู่เคียงข้างเจ้าชาย ก็ยังมีหนุ่มน้อยโอเมก้าคนอื่นคนปลอบประโลมความเหงาให้อยู่แล้ว
‘เจ้าเอาแต่เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีโง่ๆ อย่างการหลบหน้า รู้ไหมว่าข้ารู้สึกรำคาญแค่ไหน’
ห๊ะ!?
เดี๋ยวก่อนนะ การที่พยายามขอถอนหมั้น แล้วออกจากเมืองหลวงเพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าชายอเล็กซีสได้เจอคนที่ใช่ กลับถูกบอกว่าเรียกร้องความสนใจเหรอ
บ้าไปแล้ว...
‘มีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่’
แม้มีคำพูดอยากกล่าวออกมาเยอะแยะ แต่ซีเอลเลือกตอบด้วยสีหน้าเฉยเมยเพื่อตัดความรำคาญ
‘ไม่มีครับ’
หลังจากรู้ว่ามาเกิดใหม่เป็นตัวร้าย ซีเอลก็เตรียมใจรับมือกับเรื่องจุดจบของตัวเองมาตลอด และที่สำคัญ เขาไม่ได้มีใจให้กับคนบ้าหลงตัวเองอย่างเจ้าชายอเล็กซีส จะต้องเดือดดาลหรือร้องไห้ฟูมฟายไปทำไม
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสกรอกมองบนด้วยรู้สึกเอือมระอา ครู่ต่อมา ซีเอลพ่นลมหายใจแผ่วเบา
ฟู่ว...
‘เอาเถอะครับ กระหม่อมจะไม่โผล่หน้ามาให้เจ้าชายเห็นอีก พอใจหรือยังครับ’
‘เจ้า!?’
เจ้าชายอเล็กซีสเลือดขึ้นหน้า
‘ใจเย็นๆ ก่อนครับเจ้าชาย เข้าใจว่าคุณชายซีเอลคงจะสับสนที่ถูกถอนหมั้นกะทันหัน เลยไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องถูกตัดสินโทษในข้อหาหมิ่นประมาทเบื้องสูง’ นักบุญเรเซฟที่ยืนอยู่ข้างๆ ตบหลังมือของเจ้าชายอเล็กซีสเบาๆ เพื่อปลอบประโลมความโกรธ
โอ้โห ปากก็บอกว่าเป็นนักบุญ แต่พูดบิดเบือนให้คนอื่นดูแย่เก่งจริงๆ เลยนะ เจ้าสามัญชน!
‘คดีหมิ่นประมาทอะไรครับ ข้าไม่ได้ทำร้ายใครเสียหน่อย’
‘คุณชายยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับ สิ่งที่คุณชายทำเป็นการทำร้ายจิตใจเจ้าชายเชียวนะ’ เรเซฟกล่าว
‘ข้าทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?’
‘ใช่ เจ้าทำ’ อเล็กซีสที่ใจเย็นลงแล้วโพล่งออกมา ’ตอนนี้ข้าได้ให้ขุนนางพิพากษาและร่างคำตัดสินโทษของเจ้าทั้งหมดแล้ว โทษของเจ้าแม้ไม่ถึงขั้นประหาร แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่เจ้าจะได้รับสาสมกับความผิดแน่นอน!’
‘อีกอย่าง ในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีข่าวที่น่ายินดีนะครับ เพราะคุณชายจะได้แต่งงานกับเคานต์ไคล์เดนด้วย’ นักบุญเรเซฟเสริม แถมยังยิ้มอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
ซีเอลเบิกตาร้อง ‘หา!?’
นั่นยิ่งทำให้เจ้าชายและนักบุญแสดงสีหน้าสะใจ
สิ่งที่น่าตกใจไม่ใช่การแต่งงานกับไคล์เดน เพียงแค่ไม่คิดว่าจะมีขุนนางปัญญานิ่ม ยอมเซ็นอนุมัติตัดสินความผิดของซีเอลตามคำเรียกร้องของเจ้าชายด้วย
‘ที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ’ ซีเอลถาม
ท่าทางไม่สะทกสะท้านของซีเอลทำเอาเจ้าชายอเล็กซีสยิ่งโมโห ทุบกำปั้นลงบนราวบันไดพร้อมตวาดใส่
‘มีแค่นี้แหละ!!’
‘งั้นกระหม่อมขอตัวพ่ะย่ะค่ะ’
เมื่อพูดจบ ซีเอลก้มศีรษะให้กับเจ้าชายแล้วเดินออกจากงานเลี้ยงอย่างไม่รีรอ
‘พ่อเรียกรถม้าให้มารับแล้ว จบธุระแล้วใช่ไหม’ มาร์ควิสลีวานที่ยืนรอลูกชายมาสักพักเอ่ยถาม การที่เขาไม่เข้าไปยุ่ง เพราะรู้จุดจบของเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
‘ครับ ท่านพ่อ’ ซีเอลตอบกลับพร้อมคล้องแขนของท่านพ่อ
จากนั้น สองพ่อลูกตระกูลลูกัสตาร์ก็เดินออกจากงานเลี้ยงด้วยสีหน้าเบิกบานแจ่มใส ราวกับว่าเหตุการณ์ถอนหมั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ผู้มาร่วมงานเลี้ยงต่างงุนงงยกใหญ่
ตามเนื้อเรื่องต้นฉบับ การถอนหมั้นของซีเอลเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของตัวร้าย จากนี้เขาจะถูกสามีทารุณกรรมจนตาย...
ซะที่ไหนกันล่ะ!
ตรงข้ามเลยละ เพราะจากนี้เส้นทางที่เขาเดินจะเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีชมพูฟุ้งฟิ้ง
(ภาค 2)บทที่ 74บทพิเศษ หลายปีต่อมา ภายในท้องพระโรงอันโอ่อ่า ณ พระที่นั่งอันสูงส่ง จักรพรรดิผู้งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิอันเดอร์นิซ นั่งเท้าคางมองอัศวินหนุ่มผมเงินก้าวยาวๆ ตรงเข้ามายังบัลลังก์ แทนที่จะหยุดยืนเบื้องล่าง อัศวินหนุ่มผมเงินกลับก้าวขึ้นบันได วินาทีที่จักรพรรดิไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคนนั้นใช้แขนแข็งแรงทั้งสองข้างเท้าลงบนที่เท้าแขนบัลลังก์ อัศวินหนุ่มโน้มตัวลงต่ำ นัยน์ตาสีฟ้าลึกล้ำจับจ้องมองดวงหน้าอันละเอียดลออของจักรพรรดิในระยะประชิด ทั้งๆ ที่อัศวินหนุ่มกล้าทำถึงขนาดนั้น กลับไม่มีองครักษ์คนใดเข้าไปขัดขวางเลยสักคน จักรพรรดิคนงามยังคงเท้าคางเช่นเดิม ขณะช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นมองอัศวินหนุ่มผมเงิน น้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหลพลันดังออกจากริมฝีปากสีแดง “คิดจะทำอะไร?” อัศวินหนุ่มยิ้มมุมปาก ดวงตามองแพขนตาหนาขยับไหวเหมือนกับปีกผีเสื้อ ทั้งยังทำท่าสูดกลิ่นอายอันหอมหวานจากเรือนกายของจักรพรรดิ “กำลังขอรางวัลจากฝ่าบาทยังไงล่ะครับ” ว่าจบ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ประกบ
(ภาค 2)บทที่ 73บทส่งท้าย (2) ชายหนุ่มพูดพร้อมกลืนกินของเหลวลงท้องทั้งหมด นิ้วที่อยู่ข้างในเพิ่มมาเป็นสามนิ้ว “อ๊ะ อ๊า!” ความร้อนหวนกลับมาอีกครั้ง ร่างบางบิดอย่างร้อนเร่าในขณะที่คาร์ริสขยายช่องทางเร้นลับต่อไป แต่แล้ว จู่ๆ คาร์ริสก็ดึงนิ้วทั้งสามออก “ขอโทษนะครับฟาฟา ข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ” ฟาร์เลียสแยกแย้มเรียวขา สองมือยื่นมาข้างหน้า “...เช่นนั้น...ก็เข้ามา” อึก! คาร์ริสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าลึกล้ำหลุบมองช่องทางยับย่นที่แดงและบวมเล็กน้อย (อย่างกับดอกกุหลาบเลย) ฟาร์เลียสงดงามยวนใจไปเสียทุกส่วน สิ่งเหล่านั้นกระตุ้นอารมณ์ของคาร์ริสจนอดทนไม่ไหว มือหนึ่งแหวกน่องขาของคนใต้ร่าง มือหนึ่งจับส่วนแข็งขึงจดจ่อกับช่องทางเร้นลับ “ฮึก ฮ้า...” ความโอฬารแทรกเข้ามาในช่องทางคับแคบทีละนิด ร่างบางสั่นเทิ้มด้วยความซ่านเสียว น้ำตาคลอรื้นตรงหางตา ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสาร แต่ว่า แม้จะเป็นเช่นนั้น หากผนังเนื้อด้านในก
(ภาค 2)บทที่ 72บทส่งท้าย (1) เพราะเป็นครั้งแรกกับคนที่ชอบ คาร์ริสทั้งประหม่าและตื่นเต้น ถ้าเผลอรุนแรงเกินไปจนทำให้ฟาร์เลียสเจ็บจะทำยังไงดี แล้วหากว่าฟาร์เลียสไม่ชอบลีลาของคนที่เด็กกว่าล่ะ...ว่าตามจริงแล้ว คาร์ริสไม่เคยมีประสบการณ์ทั้งในโลกนี้และโลกก่อนเสียด้วย! ตอนนั้นเอง สองมือเรียวยื่นมาประคองใบหน้า คาร์ริสได้สติก่อนจะหลุบตามองเจ้าของมือเรียว “ไม่ต้องฝืนก็ได้” ไม่ได้ฝืนสักหน่อย แต่ว่า ฟาร์เลียสคงเข้าใจผิด คิดว่าเขากำลังฝืนตัวเองอยู่แน่ๆ เลยทำหน้าหม่นหมองแบบนั้น คาร์ริสรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้คนรักเข้าใจผิด จนอยากต่อว่าตัวเองแรงๆ สักหลายครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลังเล ตัวเองเป็นคนร้องขอเองแท้ๆ ยังจะมาทำให้อีกฝ่ายกังวลใจอีก “ขอโทษนะครับ ข้าเหม่อเพราะตื่นเต้น ก็ฟาฟาน่ารักขนาดนี้” ไม่เพียงพูดเปล่า คาร์ริสก้มหน้าลงจูบฟาร์เลียสทันที ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพลงปาก เลาะตามแนวฟัน ดูดรัดกับลิ้นอ่อนนุ่มแสนหอมหวาน ร่างกายที่โหยหาคู่แห่งโชคชะตามานานแสนนาน พอถูกกระตุ้นนิดหน่อย
(ภาค 2)บทที่ 71ลงเอย ระหว่างที่คาร์ริสกับเอลม่ารักษาตัวพร้อมกับวันหยุดยาว ภายในวังหลวงได้มีการไต่สวนลอร์ดเซเฟอร์โน่ พยานสำคัญชาวเมืองของเคานต์เออร์นอร์และนักเวทที่รอดชีวิตจากการระเบิดครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม คดีของลอร์ดเซเฟอร์ปิดฉากลงอย่างรวดเร็ว โดยลอร์ดเซเฟอร์โน่สารภาพความผิดเพื่อแลกกับชีวิตของคนในตระกูล เหตุผลหลักของการก่อคดีครั้งนี้ นอกจากมีความโลภเป็นแรงจูงใจ ยังมีความคิดล้าสมัย อ้างว่าทนไม่ได้หากอำนาจของจักรวรรดิต้องตกอยู่ในมือของเจ้าชายฟาร์เลียสที่เป็นโอเมก้า เลยทำให้จักรวรรดิเกิดความวุ่นวาย แน่นอน ลอร์ดเซเฟอร์โน่ถูกตัดสินโทษประหาร เคานต์เออร์นอร์ได้รับการปลอบขวัญตามสมควร คาร์ริสกับเอลม่าได้รับรางวัลด้วยการเลื่อนยศ จากคดีของลอร์ดเซเฟอร์โน่ จักรพรรดิได้คิดทบทวนถึงความไม่ผิดพลาดของตนเอง หลังจากหาลือกับเหล่าขุนนางอยู่หลายวัน ในที่สุดก็มีประกาศแต่งตั้งฟาร์เลียสเป็นรัชทายาท และทันทีที่มีการประกาศออกไป บทบาทของเจ้าชายอเล็กซีสก็ถูกลดทอนลง ฤดูกาลเคลื่อนผ่านย่างเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง
(ภาค 2) บทที่ 70สารภาพ (2) ย้อนกลับไปตอนเกิดการระเบิดพลีชีพอันรุนแรง คาร์ริสได้กลิ่นคล้ายกำมะถัน บวกกับที่ตนได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักจากป้าเจซซี่ ประสาทสัมผัสจึงว่องไวเหมือนสัตว์ป่า คาร์ริสตะโกนเตือนทุกคนให้หนี แล้วคว้าเอลม่าพุ่งออกมา แต่ระเบิดนั้นไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์เพียงอย่างเดียว ระเบิดรุนแรงพร้อมกับเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ป่านอกเมืองหนึ่งในสามส่วนถูกเผาไหม้จนวอด แรงอัดของระเบิดทำให้ทุกคนบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่คาร์ริสพกน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับรักษาบาดแผลและอาการป่วยที่ฟาร์เลียสเคยให้ไว้ ชายหนุ่มดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเอง ก่อนจะป้อนให้กับเอลม่าที่เจ็บหนักไม่ต่างกัน บาดแผลตามร่างกายแม้ไม่ได้หายสนิท หากน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ ยูเทซ บุตรชายของเคานต์เออร์นอร์รีบระดมทหารมาดับไฟ ทั้งยังเร่งหาแพทย์มาช่วยรักษาคนเจ็บ กระนั้นก็มีคนที่ช่วยไว้ไม่ทัน คาร์ริสกับเอลม่าพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์เคานต์เออร์นอร์เพียงแค่สองวัน ก่อนจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง ‘จะกลับทันทีเลยเหรอ พวกเจ้าควรอยู่ร
(ภาค 2) บทที่ 69สารภาพ (1) น่าจะราวๆ หนึ่งเดือน นับตั้งแต่คาร์ริสออกไปทำภารกิจสำคัญที่อาณาเขตของเคานต์เออร์นอร์ แม้ว่าหลังจากนั้น อุณหภูมิที่ลดต่ำผิดฤดูกาลจะสงบลงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของคาร์ริสและเอลม่า หนำซ้ำ ช่วงนี้ยังเหมือนว่าหน่วยอัศวินจะวุ่นวายกันน่าดู พอเป็นแบบนี้ ฟาร์เลียสรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้เคยให้มหาดเล็กประจำวังไปสอบถามที่หน่วยอัศวินอินทรีสีทอง ได้ความจากราฟาเอลว่า คาร์ริสกำลังทำหน้าที่ดาบแห่งราชา ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แต่ว่า หนึ่งเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มีข่าวอะไรบ้างเลย ระหว่างคิดด้วยความกังวล มหาดเล็กประจำวังก็ได้เข้ามารายงานกับฟาร์เลียส “เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ ท่านเอลม่าแห่งหน่วยอัศวินราชสีห์สีเงินกลับมาแล้ว แต่ดูจากสภาพเหมือนว่าจะบาดเจ็บหนักพ่ะย่ะค่” มหาดเล็กกล่าวจบก็ส่ายหน้า ท่าทางเช่นนั้นทำให้ฟาร์เลียสไม่สบายใจเป็นอย่างมาก “คาร์ริสล่ะ” ฟาร์เลียสโพลงถาม คาร์ริสกับเอลม่าออกไปทำภารกิจลับด้วยกัน หากว่าเอลม่ากลับมา คาร์ริสก็ต้องกลับมา