Share

ตอนที่ 3

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-05-14 12:10:55

หญิงสาวมองสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างพอใจ ใช้เวลาทั้งวันกับการทำความสะอาดบ้าน บ้านหลังนี้สร้างด้วยไม้ หลังคามุงด้วยหญ้า ซึ่งบ้านในสมัยนี้ก็มุงด้วยหญ้าด้วยกันทั้งนั้น แต่อาจจะมีบางหลังที่แม้จะมุงหลังคาด้วยหญ้าแต่ก็เริ่มมีสร้างด้วยดินกันบ้างแล้ว

เซี่ยซูมี่เคยดูสารคดีที่นำจอมปลวกมาทำเป็นปูน สงสัยต้องลองทำดูเสียแล้ว บ้านหลังนี้แม้ว่าจะแข็งแรงแต่ถ้าหน้าหนาวมาถึง ไม่อยากจะนึกสภาพเลยให้ตายสิ

เมื่อจัดการกับความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็สำรวจภายในห้องนอน พบที่นอนเก่าๆ อยู่หนึ่งผืน ซึ่งมีแคร่ไม้สำหรับทำเป็นเตียง แต่สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคือมันยังใหม่อยู่ หากเดาไม่ผิดเขาน่าจะทำมันขึ้นมาใหม่ให้เหมาะสำหรับสองคน ถือว่าชายหน้าหนวดคนนั้นมีความเตรียมพร้อมพอสมควร แต่ตนคงทำใจนอนที่นอนเก่าแบบนั้นไม่ได้แน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเซี่ยซูมี่เริ่มตั้งจิตคิดถึงห้องนอนของตัวเอง ปรากฏว่าสามารถเข้าไปสัมผัสข้าวของในนั้นได้ สิ่งแรกที่เรียกออกมาคือผ้าม่านสีขาวสะอาดตา จากนั้นก็นำที่นอนออกมา โชคดีที่เป็นคนชอบสีคุมโทนไม่ฉูดฉาด ที่นอนคงจะเอาออกมาไม่ได้ หากถูกจับได้สิ่งของที่มีทั้งหมดได้จบกันแน่ นางไม่จะยอมเสี่ยงเป็นอันขาด

“ผ้าม่าน ผ้าห่ม หมอน” เซี่ยซูมี่พูดขึ้น หลังจากที่ลืมตาข้าวของที่เรียกก็ออกมากองอยู่ตรงหน้า สร้างความประหลาดใจกับนางเป็นอย่างมาก ใกล้จะมืดแล้วมีเวลาไม่มาก วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นเพราะมัวแต่ทำความสะอาดบ้าน

หลังจากที่จัดห้องนอนให้ดูน่านอนมากยิ่งขึ้นแล้ว มีหมอนและผ้าห่มเพิ่มเข้ามา หมอนแค่สองใบไม่น่าจะเป็นที่สงสัยสักเท่าไหร่หรอกมั้ง

เซี่ยซูมี่เดินมายังห้องครัวก็พบกับอาหารหลากหลายที่ถูกเตรียมเอาไว้ นางเริ่มจัดการอุ่นอาหาร แม้ว่าจะเป็นเศรษฐินีพันล้านมาก่อน แต่กว่าที่จะไปถึงจุดนั้นก็คือขอทานจนๆ คนหนึ่ง เพราะฉะนั้นการก่อไฟจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางเลยสักนิด

เมื่ออิ่มท้องแล้วก็จัดการกับตัวเอง เพราะเริ่มได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมา โชคดีที่มีห้องอาบน้ำและน้ำยังเต็มตุ่มอยู่เลย ผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนที่เอาใจใส่ใช้ได้ เซี่ยซูมีชื่นชมสามีในนามของตัวเอง

 อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ติดตัวมาแล้ว จึงได้เวลาสำรวจสินสอดที่ทางเจ้าบ่าวมอบให้ หลังจากที่นับจำนวนเงินแล้วมีมากถึง 5 ตำลึงเงิน ไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ อย่างแน่นอน ผู้ชายคนนี้ไปเอาเงินมากมายพวกนี้มาจากไหนกันนะ

เซี่ยซูมี่นั่งรอสามี จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่มา รู้สึกง่วงนอนจึงเผลอหลับไปก่อน แม้จะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง เพราะบ้านหลังนี้อยู่ห่างจากบ้านของผู้คนมากพอสมควร อีกทั้งยังมีเสียงของสัตว์ต่าง ๆ ที่ส่งเสียงร้องแข่งกัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างได้พ่ายแพ้ให้กับความเหนื่อยล้าของร่างกาย อีกทั้งร่างนี้ยังได้รับพิษ จึงทำให้เหนื่อยอ่อนและหมดสติไปในที่สุด

ทางด้านของซ่งเวยหลง เดิมทีตั้งใจว่าจะไม่กลับบ้าน แต่เป็นเพราะเป็นห่วงหญิงสาวร่างบาง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะร้องไห้กลับบ้านเดิมไปแล้วหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นตนก็จะไม่รั้งนางเอาไว้ แต่ก็อยากจะกลับไปให้เห็นกับตา เมื่อกลับมาถึงบ้านเป็นต้องแปลกใจ เพราะหญิงสาวไม่ยอมปิดประตูบ้าน เขาจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในห้องนอนของตนเอง

          สิ่งที่ทำให้ซ่งเวยหลงแปลกใจคือ หญิงสาวนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัว แม้ว่าเขาจะได้เผลอเตะขาของนาง เป็นเพราะความมืดทำให้ชายหนุ่มมองไม่เห็น และไม่คิดว่านางจะลงมานอนข้างล่างเตียง แทนที่จะนอนบนเตียง ชายหนุ่มจุดตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง ทำให้เห็นร่างของหญิงสาวชัดเจนมากขึ้น

“แม่นางเซี่ย แม่นาง ได้ยินข้าหรือไม่” ซ่งเวยหลงเรียกชื่อหญิงสาว เขาต้องการปลุกให้นางลุกขึ้นไปนอนบนเตียง ตอนนี้ดึกมากแล้วอากาศเริ่มเย็นลงมาก

          แต่สิ่งที่ชายหนุ่มได้กลับมาคือความเงียบ อีกทั้งเนื้อตัวของนางยังร้อนราวกับไฟ ซ่งเวยหลงรู้สึกแปลกใจ เพราะเมื่อเช้านางยังดี ๆ อยู่เลย ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของตนแล้ว สามีอุ้มภรรยาขึ้นไปนอนบนเตียงคงไม่ผิดอะไร เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปช้อนร่างบางขึ้นมา จากนั้นก็วางลงที่เตียงอย่างเบามือ เช็ดตัวทั้งคืนเพื่อให้พิษไข้ทุเราลง

ทางด้านเซี่ยซูมี่รู้สึกตัวในเช้าของอีกวัน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เปลือกตาก็หนักพอๆ กับร่างกาย แทบจะขยับไปไหนไม่ได้ หญิงสาวได้แต่นอนนิ่งๆ และถอนหายใจเบาๆ

“รู้สึกตัวแล้วหรือ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ซ่งเวยหลงเข้ามาด้านในสังเกตเห็นเปลือกตาของหญิงสาวขยับ จึงคิดว่านางน่าจะรู้สึกตัวแล้ว หลังจากที่เช็ดตัวให้หญิงสาว เขาจึงรู้ว่านางไม่ได้อัปลักษณ์เหมือนครั้งแรกที่เจอ เพียงแค่เนื้อตัวในตอนแรกสกปรกเท่านั้น

          “อือ น้ำ ขอน้ำหน่อย” เซี่ยซูมี่เผลอพูดสำเนียงของตัวเอง สติเธอยังกลับมาไม่ครบถ้วนเท่าไหร่ แม้จะฟังดูแปลกๆ หูไปบ้าง แต่ซ่งเวยหลงก็ป้อนน้ำให้กับหญิงสาว

          “ค่อย ๆ กิน” ซ่งเวยหลงกระซิบเสียงแผ่วเบา เพราะคล้ายว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังถูกพิษไข้เล่นงาน

หนุ่มสาวสองคนดูแลกันเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนกว่าที่พิษไข้ของเซี่ยซูมี่จะดีขึ้น เพราะกว่าที่จะหาทางขับพิษออกมาได้ ซ่งเวยหลงต้องไปตามหมอในเมืองมารักษา ข่าวที่ว่าเซี่ยซูมี่ล้มป่วยดังไปถึงหูของบ้านเซี่ย แต่ไร้วี่แววว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแม่จะมาเยี่ยมเยียนลูกสาว ทำให้ซ่งเวยหลงรู้สึกเห็นใจหญิงสาวจับใจ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะอาสาดูแลนางต่อจากคนใจร้ายพวกนั้นเอง เพราะถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตนแล้ว

“ข้าดีขึ้นแล้วล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะให้สามีในนามป้อนข้าว เพราะที่ผ่านมาเขารับหน้าที่นั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นป้อนข้าว ป้อนยา รวมไปถึงเช็ดตัว

          “อืม” ซ่งเวยหลงยื่นถ้วยข้าวต้มไปให้หญิงสาว จากนั้นเขาก็ไปที่ในครัวเพื่อที่จะไปเอายาต้มมาให้นางกิน

          “ข้าหลับไปนานเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?” เซียซูมี่เอ่ยถามขึ้น เพราะตามความรู้สึกคือตนได้นอนหลับใหลไปเป็นเวลานานมากเช่นกัน และได้เห็นภาพต่างๆ มากมายจากเจ้าของร่างเดิม

“3 วัน เจ้านอนไม่ได้สติอยู่ 3 วัน 3 คืนเต็มๆ” ซ่งเว่ยหลงพูดขึ้น

          “ขอบใจท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้เจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ซาบซึ้งในน้ำใจ หากเขาไม่ช่วยเอาไว้ ป่านนี้ก็คงได้ตายเป็นรอบที่สองอย่างแน่นอน

“ร่างกายของเจ้าถูกพิษ พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าได้รับพิษได้เช่นไร” ซ่งเวยหลงถามขึ้น เพราะท่านหมอเป็นคนบอกเขาเองว่าภรรยาเขาถูกพิษ แต่ไม่มากเท่าไหร่ หากมากกว่านี้ก็อาจจะไม่รอด

“ไม่รู้เจ้าค่ะ แล้วก็ไม่อยากจะรู้ด้วย” เซี่ยซูมี่เบือนหน้าหนี ไม่อยากพูดถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดนั่นอีก

          “ตามใจเจ้าเถิด กินยาก็คงจะดีขึ้น ข้าจะเข้าไปในเมืองขายของป่าเสียหน่อย” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น เขาต้องเข้าไปซื้อของในเมือง เพราะข้าวสารใกล้จะหมดลงแล้ว

          “ข้าไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่อยากจะไปซื้อเสื้อผ้า เพราะนางไม่มีเสื้อผ้าใส่ ที่มีอยู่ก็ไม่ได้เรียกว่าเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เพราะมันมีแต่รอยปะชุนอยู่เต็มไปหมด

          “เจ้ายังไม่หายดีจะไปได้อย่างไร ต้องการสิ่งใดก็บอกข้ามาเถิดจะได้หามาให้” ซ่งเวยหลงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มีเมียเหมือนมีลูกเห็นชัดว่าจะเป็นเรื่องจริง

          “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เอาไว้ข้าหายดีก่อนก็ได้” เซี่ยซูมี่พูดขึ้น จะบอกเขาได้อย่างไรกันว่าอยากได้เสื้อผ้าใหม่ นางอยากจะไปเลือกด้วยตัวเอง ไม่คิดที่จะซื้อผ้ามาตัดเช่นหญิงในอดีต เพราะตัวเองตัดเย็บไม่เป็น

          “ตามใจเจ้าเถิด ข้าไปไม่นานจะรีบกลับมา” ซ่งเวยหลงพูดจบก็เดินไปที่หลังบ้าน เพื่อเอาสัตว์ที่ล่าได้เมื่อ 4 วันก่อนไปขาย เซี่ยซูมี่ลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปส่งสามี แต่แล้วก็ต้องแปลกใจกับสิ่งที่เขาจะเอาไปขาย กวางตัวเป็นๆ อย่างนั้นหรือ แล้วเขาจับกวางตัวเป็นๆ ได้อย่างไรกัน แม้ว่าขามันจะเจ็บแต่ก็ถือได้ว่ามันสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นี้เห็นทีว่าจะประมาทไม่ได้เสียแล้ว

หลังจากที่นอนป่วยมาเป็นเวลาหลายวัน เมื่อรู้สึกดีขึ้นเซี่ยซูมี่ก็เดินไปยังห้องอาบน้ำ จากนั้นก็อาบน้ำชำระร่างกาย รวมไปถึงสระผมให้กับตัวเองด้วย เจ้าของร่างเดิมมีผมที่ยาวและหนามาก แต่ขาดการบำรุง อาจจะเป็นเพราะร่างกายกินอาหารไม่เพียงพอ จึงทำให้ผมแตกปลาย แห้งไม่มีน้ำหนัก มีของดีอยู่ในมิติเสียอย่างไม่เห็นจะต้องเป็นกังวลกับสิ่งใด

เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ก็ต้องทนใส่เสื้อผ้าตัวเก่าไปก่อน จากนั้นตั้งใจจะซักเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืนวันก่อนที่จะล้มป่วย แต่ปรากฏว่าเสื้อผ้าไม่อยู่แล้ว มันกลับถูกพับเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบในตู้เสื้อผ้าหลังเล็กนั่น ซึ่งมีเสื้อผ้าของชายหนุ่มรวมอยู่ด้วย ตกลงว่าเขาจะเอาอย่างไรกันแน่

ผ่านไปหลายชั่วยาม หญิงสาวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินมาทางกระท่อมหลังนี้ เซี่ยซูมี่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงฝีเท้าของใคร ในใจได้แต่ภาวนาว่าให้เป็นซ่งเวยหลง หากจะว่าไปแล้วคนที่สามารถพึ่งพาได้จริง ๆ ในตอนนี้ก็คงจะมีเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เซี่ยซูมี่มองหาอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง นางยังไม่กล้าที่จะเปิดประตู เพราะหากเปิดไปแล้วไม่ใช้สามีในนามจะทำเช่นไร

“นั่นใคร” ในที่สุดก็เปล่งเสียงออกไปถาม

          “ข้าเอง” เสียงของชายปริศนาเอ่ยขึ้น

          “เจ้ามีนามว่าอย่างไร บอกชื่อแซ่ของเจ้ามา แล้วมาที่นี่ด้วยเหตุใด?” เซี่ยซูมี่พูดขึ้น

“ข้าแซ่ซ่ง นามว่า ซ่งเวยหลง เป็นสามีของเจ้า จะเปิดประตูได้หรือยังเล่า” ซ่งเวยหลงถอนหายใจ นี่นางเพี้ยนไปแล้วหรือถึงจำเสียงของสามีไม่ได้

          “ท่านเองหรือ เข้ามาก่อนสิเจ้าคะ” เซี่ยซูมี่ยิ้มหวานให้สามี จากนั้นก็เปิดประตูกว้างเชิญเขาเข้ามาภายในบ้าน

“เจ้าหิวหรือไม่ ข้าซื้อหมั่นโถวมาให้” ซ่งเวยหลงเป็นห่วงคนป่วย จึงรีบเดินทางโดยไม่ได้หยุดพักเลยสักนิด

          “ไม่หิวเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปฏิเสธ เพราะเพิ่งจะกินข้าวต้มที่เขาทำให้ไปเมื่อช่วงเย็นนี้เอง

          “เจ้าอาบน้ำ สระผมด้วยอย่างนั้นหรือ?” ซ่งเวยหลงถามเสียงเย็น เมื่อสังเกตว่าผมของนางยังมีน้ำเกาะอยู่

          “เจ้าค่ะ รู้สึกดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่พยักหน้ารับคำ เพราะนางเพิ่งจะอาบน้ำมาจริงๆ

          “เจ้าไม่รู้หรือว่าคนป่วยห้ามอาบน้ำ หากไข้ขึ้นมาอีกจะทำเช่นไร?” ซ่งเวยหลงอดที่จะบ่นหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ นี่เขามีเมียหรือมีลูกกันแน่

          “ก็ข้าหายแล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก” เซี่ยซูมี่เผลอทำหน้าย่นใส่สามี

          “ข้าไม่ได้ห่วงเจ้า” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เซี่ยซูมี่ยืนเหม่อ เกิดมายังไม่เคยถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้มาก่อนเลย มีแต่ปฏิเสธคนอื่นเพราะไม่อยากเสียเวลาคบใคร เวรกรรมช่างตามทันจริง ๆ ขนาดข้ามภพข้ามชาติมาถึงนี่ยังตามมาอยู่อีกหรือนี่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 63

    “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเจ็บท้องเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปลุกสามีในช่วงกลางดึกของคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง วันนี้กลับไม่โชคดีเหมือนครั้งที่คลอดซ่งอี้เทียน เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอดทุกคนจึงยังไม่มีการเตรียมการใดๆ “เจ็บอย่างไร ทนได้หรือไม่” ซ่งเวยหลงรีบลุกขึ้นเพื่อดูอาการของภรรยา ไม่หลงเหลือความง่วงเลยสักนิด “ไม่ไหวเจ้าค่ะ ให้คนไปตามหมอตำแยให้น้องทีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้เลยก็ตามทันทีที่ฟังภรรยาพูดจบ ซ่งเวยหลงก็ออกไปสั่งการสาวใช้ที่คอยรับใช้หน้าห้อง ให้ไปตามหมอตำแยมาโดยด่วน ฮูหยินซ่งกำลังจะคลอดลูกแล้ว สาวใช้ในเรือนรีบลุกเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีอิดออด แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ายังไม่ครบกำหนดจะคลอดได้อย่างไร แต่ก็มีเสียงแตกหลายเสียง เนื่องจากว่าครรภ์ของฮูหยินนั้นใหญ่ผิดปกติหลังจากนั้นราวๆ 2 ชั่วยาม เซี่ยซูมี่ก็ได้ให้กำเนิดทายาทสกุลซ่ง แต่ที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเป็นแฝดชาย แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่แฝดทั้งสองก็สมบูรณ์แข็งแรงดี เมื่อแฝดทั้งสองคลอดฟ้าฝนกลับหยุดลง จากนั้นก็มีแสงใหม่ของอีกวันโผล่ขึ้น คล้ายจะบอกเป็น

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 62

    3 ปีผ่านไป ซ่งอี้เทียนเริ่มโตขึ้นมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กที่รู้มากอีกด้วย เซี่ยซูมี่สอนลูกชายอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยหวังว่าโตขึ้นไปในภายภาคหน้าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ ส่วนกิจการของบ้านซ่งต้องบอกว่าขยายใหญ่โตมาก อีกทั้งยังสร้างโรงเตี๊ยมขึ้นมา เพื่อแข่งกับโรงเตี๊ยมเหอฟู่อีกด้วย โดยให้ชื่อโรงเตี๊ยมว่า หลงโถว เช่นเดียวกับร้านค้า ผู้คนในเมืองรวมไปถึงลูกค้าต่างเมือง ต่างรู้จักร้านหลงโถวนี้เป็นอย่างดีทางด้านคุณชายเหอได้ถูกทางการจับตัว เนื่องจากว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป หลังจากที่แต่งเข้าไปเป็นอนุ เมื่อมีคนมาร้องเรียนกับทางการ อีกหลายๆคนที่ได้ข่าวก็เริ่มมาร้องเรียนบ้าง เนื่องจากว่าเมื่อก่อนชาวบ้านต่างเกรงกลัวอำนาจและบารมีของสกุลเหอ อีกทั้งยังมีท่านเจ้าเมืองหนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อมีท่านรองแม่ทัพหยางเข้ามาประจำการในเมืองนี้ ทำให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงทางการได้ง่ายขึ้น“มีชาวบ้านเข้ามารองเรียนเรื่องคนหายไม่เว้นวัน” ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าสหายที่เติบโตด้วยกันมาจะเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีเหอฟู่ผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 61

    หลังจากที่ให้ลูกชายกินนม เซี่ยซูมี่จึงพาลูกชายออกมายังห้องโถง ซึ่งแม่บ้านเห่ยนำเตาขนาดเล็กมาวางไว้รอบๆ ห้อง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่หนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น “มาแล้วหรือหลานชายของป้า มาให้ป้าอุ้มให้หายคิดหน่อยหน่อยเถิด” เซี่ยซือมั่นเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักอยู่ จากนั้นก็ยื่นงานปักให้สาวใช้คนสนิททำต่อ ส่วนนางนั้นเอื้อมมือเพื่อที่จะไปอุ้มหลายชายเข้าสู่อ้อมกอดซ่งอี้เทียนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูที่ท่านป้าหมาดๆของเขามีให้ ทารกน้อยอายุเพียง 1 เดือน จากตอนแรกที่อยู่ในอ้อมกอดมารดา จึงยอมให้ท่านป้าของเขาอุ้มเข้าไปกอดอย่างง่ายดายส่วนทางด้านท่านป้าที่เมื่อได้อุ้มหลานชายแล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหลานชายไม่ได้ผอมแห้งดังเช่นที่ตนนั้นกังวล แต่เขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทารกน้อยมีน้ำหนักหากจะพูดแล้วนั้น น่าจะหนักกว่าเด็กทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าทารกที่กินเพียงน้ำนมของผู้เป็นแม่เพียงอย่างเดียวจะอุดมสมบูรณ์ได้ “เป็นไรไปหรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นสีหน้าฉงนของพี่สาวจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เสี่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 60

    1 เดือนผ่านไปเซี่ยซูมี่ออกจากการอยู่ไฟแล้วเรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังมีแขกมาเยี่ยม ซ่งอี้เทียน นั่นก็คือท่านป้าและท่านลุงหยางหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือท่านรองแม่ทัพหยางนั่นเองกล่าวถึงเซี่ยซือมั่นเมื่อเข้าไปทำงานยังจวนของท่านรองแม่ทัพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับรองแม่ทัพหนุ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหญิงสาวยังรับหน้าที่ในการทำอาหารขึ้นโต๊ะให้แก่เขาเองอีกด้วย คุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนั้นจะหนีจากฮูหยินใหญ่ของเขาไปได้อย่างไรกัน“หลานชายของป้า น่าตีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้ายิ่งนัก หลานชายคลอดทั้งที กลับไม่ส่งข่าวคราวให้ป้าบ้างเลย” เซี่ยซือมั่นทำทีเป็นบ่นกับหลานชาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก้อนกลมนั้นก็นั่งอยู่ด้วย “หิมะตกหนัก อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟ ป้าเห่ยไม่ยอมให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลยล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่อดที่จะบ่นแม่บ้านของตัวเองไม่ได้ เพราะนางไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยแม้ว่าจะอ้อนวอนมากเพียงใดก็ตาม เซี่ยซูมี่เป็นคนสะอาด จะยอมให้ผมตัวเองมันเยิ้มได้อย่างไรกัน นอกจากมันแล้วก็ยังรู้สึกคันหนังหัวแต่ไม่อยากสอดนิ้วมือเข้าไปเพราะหนังหัวช่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 59

    เซี่ยซูมี่ลืมตาตื่นในเช้าของอีกวัน คิดว่าตัวเองฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อใช้มือคลำสัมผัสที่หน้าท้องกลับพบว่ามันยุบลง ไม่ป่องเหมือนเมื่อวาน นอกจากนั้นแล้วในยามที่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเหมือนได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กอีกด้วย “อือ” คุณแม่มือใหม่ส่งเสียงในลำคอ “ลูกพ่อ แม่ของลูกตื่นแล้ว” ซ่งเวยหลงตอนนี้กำลังอุ้มลูกชายอยู่สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ได้บอกกับหมอตำแยเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมของภรรยาเป็นคนแรกนั้นต้องหยุดลง เนื่องจากว่าลูกชายร้องไห้งอแงในยามเช้าแต่ภรรยาเขากลับยังไม่ได้สติ ตนจึงจำเป็นต้องให้แม่นมที่เตรียมไว้สำหรับลูกชายทำหน้าที่แทนทารกน้อยราวกับว่ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด ทันทีที่พูดถึงมารดาเขากลับเงียบเสียงลง คล้ายกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมารดา แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่อยู่ในท้อง เขากลับเริ่มเบะปากเตรียมที่จะร้องไห้อีกครั้ง “ท่านพี่ นะ น้ำเจ้าค่ะ น้องขอน้ำ” เซี่ยซูมี่รู้สึกลำคอแห้งผาก แม้ว่าอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกชายมากเพียงใด แต่ตอนนี้ตนต้องได้กินน้ำเพื่อให้ร่างกายมีแรงขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน น้ำเจ้าค่ะ”

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 58

    หลังจากที่ไปส่งพี่สาวที่จวนของท่านรองแม่ทัพ เรียกได้ว่าหายห่วงไปได้มากทีเดียว เดิมทีเซี่ยซูมี่ตั้งใจจะพาพี่สาวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้สมกับตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ของจวนท่านรองแม่ทัพ แต่กลับถูกเจ้าของจวนขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากว่าเขาได้ให้คนงานจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงจวนก็ไปดูที่พักของพี่สาว คงต้องบอกว่าไม่เหมือนกับที่พักพิงของคนงานเลยสักนิด แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้เข้าทำงานมาเป็นทาส หรือแม้กระทั่งยกตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ให้ ก็ยังดูไม่ใช่ที่พักของคนงานอยู่ดี แต่คล้ายว่าเป็นห้องนอนของแขกคนสำคัญมากกว่าเซี่ยซือมั่นได้แต่มองหน้าน้องสาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่เซี่ยซูมี่กับเดินตัวติดกับสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาที่พี่สาวพยายามจะส่งมาให้ ได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้แล้วเซี่ยซูมี่เองก็เบาใจ “ท่านว่าพี่ชายของท่านจะจริงจังกับพี่สาวของข้ามากน้อยเพียงใดเจ้าคะ?” ระหว่างที่กลับบ้านป่า เซี่ยซูมี่ก็ชวนสามีพูดคุยเพื่อให้ไม่เหงาปากมากจนเกินไป “ชู่ว หยุดพูดจาส่งเดช มีคนตามมาส่งเราด้วย” ซ่งเวยหลงทำเสียงเป็นเชิงบอกให้ภรรยาหยุดพากพิงถึงบุคคลอื่น เนื่องจากว่าพี่ชายได้

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 57

    “คารวะท่ารองแม่ทัพเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่และพี่สาวทำความเคารพรองแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง “ตามสบายเถิดน้องสะใภ้ ไม่ต้องมากพิธี” รองแม่ทัพกล่าวทักทายภรรยาของสหายอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงคือเขาเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัว ด้วยมีหน้าที่ที่ต้องถวายอารักขาความปลอดภัยให้แก่องค์ชายห้ามาตั้งแต่เด็กๆ “ท่านมาก็ดีแล้วขอรับ ข้าขอขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย” ซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น ช่วงที่ไปล่าสัตว์ด้วยกันเขาได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับวิชาป้องกันตัว รองแม่ทัพหนุ่มเองก็ได้เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในป่าเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก “ไม่เป็นไร เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องขอข้า ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาทำเรื่องที่พูดเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วง ซ่งเวยหลง เจ้าต้องการที่จะเป็นพี่น้องสาบานร่วมกับข้าหรือไม่?” รองแม่ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจ้องมองหน้าสหายที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ “ไมตรีที่ท่านมอบให้ ข้าซ่งเวยหลงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นพี่น้องกับท่าน” ซ่งเวยหลงไม่คิดปฏิเสธ เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาที่รองแม่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 56

    ทุกคนถูกจับตัวไปที่ศาลของท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยตัดสิน โดยท่านลุงไท่ร้องทุกข์แก่ท่านเจ้าเมืองทันทีที่ไปถึง รวมไปถึงเซี่ยซูมี่และซ่งเวยหลงเองก็ถูกควบคุมตัวมาในที่นี้ด้วย “จับตัวข้ามาด้วยเรื่องอันใดกัน ข้าจะกลับหมู่บ้านป่า” นางเซี่ยโวยวายในขณะที่ถูกจับกุมตัวมีเพียงซ่งเวยหลงและภรรยาเท่านั้นที่ไม่ถูกควบคุมตัวโดยทหาร หากจะบอกว่าทหารเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาของซ่งเวยหลงที่จ้องมองในตอนที่กำลังจะไปคุมตัวคนท้องก็คงจะไปผิด ทหารผู้น้อยจึงทำได้เพียงผายมือเชิญทั้งสองคนไปยังศาล ซึ่งเซี่ยซูมี่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด “หุบปาก ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองห้ามเสียมารยาท” ลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นน้ำเสียงน่าเกรงขาม ทำให้ชาวบ้านที่ตามมาดูคำตัดสินต่างเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองเข้ามานั่งประจำตำแหน่งก็เริ่มทำการสอบสวน ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ร้องทุกข์นั่นก็คือท่านลุงไท่เป็นคนพูดก่อน “เซี่ยซือมั่น สิ่งที่ไท่หานพูดเป็นความจริงหรือไม่” ท่านเจ้าเมืองเริ่มทำการสอบสวน “ข้าน้อยเซี่ยซือมั่นคารวะท่านเจ้าเมือง สิ่งที่ท่านลุงไท่พูดเป็นความจริ

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 55

    เซี่ยซือมั่นถูกบิดาจับข้อมือเอาไว้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาตะโกนออกมาจนสุดเสียง ท่านลุงไท่เองก็ตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าคดโกง สมัยนี้เรื่องโกงต่างๆ ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความซื่อสัตย์ รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ท่านลุงไท่มองตาเขียวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนในเมืองรู้จักตนอยู่ไม่น้อย เพราะมีอาชีพรับของป่าจากหมู่บ้านต่างๆ มาขาย หากเรื่องนี้ถูกผู้คนเข้าใจผิด แล้วตนจะทำงานต่อไปอย่างไร “หมายความว่าที่ผ่านมาเจ้าคดโกงข้า วันนี้หากข้าไม่มารับเงินกับลูกสาวด้วยมือของข้าเอง ก็หารู้ไม่ว่าเจ้าโกงเงินข้าทุกเดือน เร่เข้ามา… มาดูคนหน้าด้านโกงได้แม้กระทั่งเงินอีแปะ” นางเซี่ยแผดเสียงออกไปเพื่อต้องการให้ทุกคนมามุงและสนใจ “นี่เจ้า….” ท่านลุงไท่ชี้หน้านางเซี่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็หันไปสบตากับเซี่ยซือมั่น เพื่อต้องการให้นางพูดและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยคิดที่จะเปิดดูถุงผ้านั้นว่ามีเงินอยู่จำนวนเท่าใด เพราะความสงสารหญิงสาวที่จากบ้านมาทำงานไกลถึงในเมือง อยู่กินตัวคนเดียวเป็นสาวเป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status