แชร์

บทที่ 6 ข้าอยากหนีไปจากท่าน

ผู้เขียน: เฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-04 23:03:17

เสียงฝีเท้าวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต ฟู่ฟู่กำลังวิ่งใปให้ถึงที่หมายซึ่งเป็นท่าเรือ นางจับย่ามไว้แน่นและวิ่งจนผ้าสะบัดพลิ้วไปตามลม สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนและผู้คนซึ่งออกมาใช้ชีวิตกันเป็นปกติ ทั้งยังมีขอทานนั่งอยู่ตามมุมไม่เว้น แต่ที่น่าหวั่นกลัวคือพวกทหารต่างหาก

หญิงวัยแรกแย้มวิ่งหลบไปตามซอกซอยแคบ ๆ เพื่อหลบให้พ้นพวกทหารที่อาจวิ่งตามมา ทางลัดที่คุ้นเคยทำให้นางมาถึงท่าเรือจนได้ ใบหน้าผินมองรถม้าที่เหมยลี่ได้กำชับไว้ เมื่อเห็นว่ามีอยู่จริงดังว่า นางจึงรีบวิ่งไปด้วยอาการหอบเล็กน้อย

“ข้าจักไปวัดหลินจิง”

“สองตำลึง” บุรุษตรงหน้าพูด เขาคือเจ้าของเกวียนรถม้านั่นเอง บุรุษโพกผ้าพันศีรษะตัวสูงอย่างชายชาตรี อายุน่าจะมากกว่าฟู่ฟู่อยู่ไม่น้อย แต่ดูไม่มากเกินไปจากหน้าตาที่ดูยังหนุ่มแน่น

คนคิดหนีไม่เกลี่ยงราคานางรีบมอบอัดให้ “นี่ข้าให้สี่ตำลึง รีบพาข้าไปที”

คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย มองนางด้วยความสงสัย จากการแต่งกายดูไม่น่าจะมีอัดมากมายขนาดนี้ แต่เขาไม่ถามไถ่เพียงแต่โยนอัดในมือเล่นพลางมองสาวงามผู้นี้อย่างไม่ลดสายตา

“ข้าจะไปส่งเจ้า เชิญเถิดแม่นาง”

ชายแปลกหน้าพูดพลางเปิดม่านบนรถเกวียนให้ ฟู่ฟู่จึงเดินขึ้นไปนั่งอย่างไม่คิดอะไร ม่านที่ถูกเปิดออกได้ปิดลงจึงทำให้ภายในเกวียนมีเพียงนางที่ไม่รับรู้ถึงโลกภายนอกใด ๆ เพียงแต่รู้สึกว่าเกวียนนี้กำลังเคลื่อนที่ไปตามทางด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติเล็กน้อย

ฟู่ฟู่รู้สึกระแวงและไม่อาจไว้ใจ นางจึงแอบแง้มม่านเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่า ชายผู้นี้จะไม่พานางออกนอกเส้นทาง

“กลัวว่าข้าจักพาเจ้าเข้าป่ารึ” พลขับที่นั่งอยู่นอกเกวียนพูดขึ้น ใบหน้าคมคายผินมามองเล็กน้อย

“ข้าแค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงที่หมาย” ฟู่ฟู่แสร้งพูดไปเช่นนี้ ทั้งที่สายตาของนางกำลังมองไปยังสองข้างทาง ซึ่งยังคงอยู่ในเส้นทางที่นางคุ้นชิน

“อีกไม่กี่เพลาก็ถึงที่หมายวางใจเถอะแม่นาง”

ฟู่ฟู่ยอมกลับไปนั่งตามเดิม ไม่ใช่เพราะว่าเชื่อใจอีกฝ่าย แต่นางแค่มาแง้มม่านที่อยู่อีกฝ่ายต่างหาก

“ป่านนี้เจี่ยเจียจักเป็นเช่นไรบ้างนะ” พลางห่วงคิดถึงหญิงรับใช้ซึ่งไม่รู้ว่าชะตากรรมตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง

ในช่วงเวลาเดียวกันเหมยลี่ได้หนีจากท่านแม่ทัพนางจึงรีบวิ่งมาหาคุณหนูฟู่ฟู่ที่นัดแนะกันไว้ ทว่าเมื่อมาถึงนางกลับไม่เห็นอีกฝ่ายเสียแล้ว สายตากวาดมองไปรอบทิศอย่างนึกเป็นห่วง

“คุณหนูฟู่ฟู่ ข้าหวังว่าท่านจะไปถึงวัดได้อย่างปลอดภัย” เหมยลี่ยังไม่คิดจะตามไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าจะถูกไล่ตามจนฟู่ฟู่เป็นอันตรายได้ นางจึงลงเรือเพื่อหมายหนีไปยังแคว้นอื่นแทน

เหมยลี่ย่างกรายก้าวพ้นขอบเรือพร้อมจับชายกระโปรงให้สูงขึ้นเล็กน้อย นางมองไปยังแม่น้ำเบื้องหน้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาจึงไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีม้าเร็วกำลังควบมา และบุรุษร่างสูงกำลังวิ่งขึ้นเรือตาม ๆ กัน

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้ากระทบกับท้องเรือดังแทบประชิดกาย เหมยลี่หันไปมองตามเสียงด้วยความตกใจพลันตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่ขึ้นมาบนเรือไม่ใช่ฝีพายแต่เป็นแม่ทัพมู่หยาง ขณะที่เรือลำนี้ได้ออกจากท่าเป็นที่เรียบร้อย

“เจ้าจะหนีไปที่ใด” มู่หยางจับข้อมือหญิงอัปลักษณ์ไว้แน่นดั่งเขี้ยวง้อ

“โอ๊ย ท่านปล่อยข้านะ” นางร้องด้วยความเจ็บจนน้ำตาเล็ด มองชายที่มีดวงตาดุดันน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ

“เจ้าคือสมบัติของข้าที่ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งยกให้ เจ้ามิมีสิทธิ์ทำการใดตามอำเภอใจทั้งนั้น” มู่หยางพูดพร้อมใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ ต่อให้สมบัติชิ้นนี้ไร้ค่าเหมือนเศษกระเบื้องเพียงใด เขาก็ยังต้องเก็บเศษกระเบื้องที่ได้จากองค์เหนือหัวไว้อยู่ดี

“ของไม่มีราคาเช่นข้า ท่านยังอยากเก็บไว้เป็นสมบัติอีกรึ ท่านควรปล่อยข้าไปเสียจักได้ไม่ถูกตราหน้าว่ามีภรรยาอัปลักษณ์เช่นข้า”

“ใครว่าข้าจะเอาเจ้าเป็นเมีย หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าเป็นได้แค่ข้ารับใช้รองมือรองเท้าข้าก็เท่านั้น” มู่หยางขยะแขยงหญิงอัปลักษณ์เป็นที่สุด กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดว่าเขาจะรับนางไว้ในฐานะภรรยา พร้อมบีบข้อมมือเล็กให้แน่นกว่าเดิมจนเหมยลี่ร้องด้วยความเจ็บ ก่อนผลักให้นางกระเด็นจนศีรษะชนกับขอบเรือ

“โอ๊ย” เหมยลี่รู้สึกเจ็บ นางยกมือไปลูกบริเวณที่ปูดนูน เมื่อรู้ว่าไม่ได้เลือดตก นางจึงคิดที่จะกระโดดลงน้ำไปตายเอาดาบหน้า

ฉึบ!

ทว่าปลายดาบยาวแหลมคมจี้คอระหงอย่างรวดเร็วจนนางตกใจกลัว

“อย่าคิดหนี ไม่อย่างนั้นข้าจะปาดคอเจ้าแล้วจับโยนลงน้ำเสีย” ใบหน้าเหี้ยมโหดหลุบตามองสตรีไม่มีทางสู้ แม่ทัพอย่างมู่หยางมีใจเด็ดเดี่ยว น้ำมือของเขาฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วน หากจะปลิดชีพนางไปอีกคนจึงไม่คณามือนัก

“ท่านก็ฆ่าข้าเลยสิ ท่านเกลียดข้ามากไม่ใช่” เหมยลี่หมดหนทางหนี นางร้องไห้ด้วยความเศร้าสร้อยน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาที่ต้องพบพาน

“เก็บเจ้าไว้รองรับอารมณ์ของข้ามันน่าจะดีกว่า มานี่” มู่หยางลากร่างอรชรจนตัวปลิว เข้าไปข้างในเรือซึ่งมุงหลังคาโค้งทำเป็นห้องรับรองไว้

“ปล่อยข้านะ” เหมยลี่ร้องโวยวายพลันใจสั่นกลัว นางไม่เคยต้องมือชายผู้ใดมาก่อนจึงคิดไปต่าง ๆ นานาว่าท่านแม่ทัพจักทำการที่ล่วงเกิน

“ท่านวิปลาสไปแล้วหรือถึงได้คิดจะทำเรื่องอย่างนี้กับข้า”

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอันใด” มู่หยางจ้องเขม็ง

“ท่านอยากให้ข้าอุ่นเตียงให้มิใช่หรือ”

“ฮ่า ๆ เจ้านี่มันไม่เจียมกะลาหัวเอาเสียเลย หน้าตาอย่างกับศพเน่าอย่างเจ้า ใครจะไปพิศวาสลงได้” มู่หยางหัวเราะ ก่อนสะบัดมือออกอย่างไม่ไยดี ก่อนยืนมองด้วยสายตาหยามเหยียด

“หรือว่าเจ้าเห็นว่าข้ารูปงามจึงกำหนัดจนกายสั่น”

“มิใช่ข้ามิเคยคิดเช่นนั้น ท่านคิดจะทำอันใดกับข้ากันแน่” หยดน้ำตาของเหมยลี่ไหลริน นางมองแม่ทัพที่มีจิตใจอำมหิตด้วยความไม่เข้าใจ และไม่คิดจะเข้าใจด้วย

“ข้าแค่เมื่อยกาย อยากให้เจ้ามานวดให้ข้าก็เท่านั้น หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าทำการอื่น”

“ไม่ ข้าจะนวดให้ท่าน เชิญท่านแม่ทัพ” เหมยลี่รวบรวมสติ พลางลุกขึ้นยืนจ้องท่านแม่ทัพด้วยดวงตาเปียกปอน

มู่หยางสะบัดชายเสื้ออย่างอารมณ์เสีย ก่อนนั่งลงบนตั่งให้หญิงอัปลักษณ์มานวดให้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย เหมยลี่ใจกล้า ๆ กลัว ๆ เดินไปด้วยอาการสั่นเทาอย่างระแวดระวังภัย และต้องฝืนปรนนิบัติท่านแม่ทัพจนกว่าจะถึงฝั่ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 73 ความตื่นเต้นที่รอคอย

    “อร่อยยิ่งนัก” เซียวจ้านเอ่ยชมคนงานที่พากันชิมต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้คนทำยิ้มกว้าง“ท่านว่าข้าทำขนมขายไปด้วยจักดีรึไม่” ลี่หลินพูด“เจ้าจักขยันเกินไปแล้ว ข้าคงต้องหาแม่ครัวสักคนมาช่วยเจ้าขาย”“ข้ามิได้ขยันถึงเพียงนั้นสักหน่อย ข้าทำไหวก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในครัวของโรงเตี๊ยมเชียวนะ”“เจ้าอยากทำสิ่งใดข้าจักมิขัด เพียงแต่ให้เจ้าคลอดบุตรออกมาเสียก่อนเถิด”“เจ้าค่ะ คงอีกมินานเกินไป”“ร้านของเจ้าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เจ้าชอบมันรึไม่” เซียวจ้านพูดพลางมองไปยังร้านที่ถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดี อีกไม่ถึงวันก็เสร็จแล้ว“ร้านของท่านกับข้าต่างหาก” นางมิอาจครอบครองร้านแห่งนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะเซียวจ้านเป็นผู้ลงทุนแทบทั้งหมด“สมบัติของข้าก็เหมือนเป็นของเจ้า” สายตาคมหันมามอง“จักเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ข้ามิใช่ภรรยาของท่านสักหน่อย” ใบหน้านวลแดงระเรื่อขึ้นทันที“เจ้าก็แต่งเข้าเรือนข้าสิ”“ข้ามิพูดกับท่านแล้ว ข้าไปพักผ่อนสักประเดี๋ยวจักดีกว่า” ลี่หลินเลี่ยงที่จะพูดต่อ นางจึงลุกขึ้น“ข้าพาเจ้าไป” เซียวจ้านรีบลุกตามพร้อมประคองนางไปด้วยเขาได้พานางมาจนถึงเตียง ลี่หลินมองบุรุษตรงหน้าที่ดูแลกันเป็น

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 72 ค่อย ๆ สร้าง

    ลี่หลินตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ นางได้เข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้าไว้ให้เซียวจ้านได้ทาน ความอัดอั้นที่ติดอยู่ในใจได้ถูกเปิดเผยไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ยังรู้สึกเคอะเขินมิกล้าสู้หน้า สัมผัสที่แสนนุ่มนวลที่ริมฝีปากยังตรึงใจไว้มิหายใบหน้าอัปลักษณ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางจับทัพพีคนโจ๊กในหม้อไปด้วยเซียวจ้านได้ตื่นขึ้นมาเขาก็มุ่งตรงไปยังห้องนอนของลี่หลิน แต่ได้ยินเสียงในครัวและกลิ่นหอมของอาหารเสียก่อนจึงเดินเข้าไปหานางที่นั่น“ไยเจ้าตื่นเช้านัก” เซียวจ้านมองนาง“ข้านอนมิค่อยหลับ” ลี่หลินตอบโดยมิกล้าสบตา“ลี่หลิน”“ไยท่านเรียกข้าเช่นนี้” ลี่หลินมองบุรุษตรงหน้าโดยพลัน“เจ้าคือลี่หลินมิใช่ ให้ข้าเรียกเจ้าว่าลี่หลินได้รึไม่”ลี่หลินพยักหน้าให้ อย่างไรเสียนางก็คือนางมิใช่เหมยลี่ถูกเรียกเช่นนี้ก็รู้สึกดีอยู่มิน้อย“ต่อไปนี้เจ้าก็ใช้ชื่อนี้เถิด ที่นี่เป็นเมืองใหม่มิมีผู้ใดรู้จักเจ้า อีกอย่างจักได้มิมีผู้ใดตามหาตัวเจ้าพบอีก” สายตาของเซียวจ้านหรี่ลงเล็กน้อย คนเดียวที่เขามิอยากให้หวนมาเจอหญิงอัปลักษณ์อีกหนก็คือมู่หยางนั่นเอง“เจ้าค่ะ”“ที่เจ้านอนมิหลับเป็นเพราะข้ารึไม่”“ไยท่านคิดเช่นนั้น”“ข้าเองก็น

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 71 ความจริง

    อาหารมากมายถูกวางเต็มโต๊ะจนลี่หลินเลือกทานไม่ถูก นางมิคิดเลยว่าคุณชายเซียวจ้านจักมีเงินถุงเงินถังถึงเพียงนี้ถึงได้ใช้เงินอย่างไม่คิดอะไรนัก ซึ่งต่างจากนางอยู่มากโขจักใช้จ่ายสิ่งใดก็ต้องคิดแล้วคิดอีก“เจ้ากินเยอะ ๆ เถิด อาหารพวกนี้มิถูกใจเจ้ารึเยี่ยงไร” บุรุษข้างกายหันมาถาม พลางรินน้ำชาไปด้วย“มิใช่ แต่อาหารเยอะถึงเพียงนี้ข้าเกรงว่าจักกินไม่หมด”“มิหมดก็มิเห็นเป็นอะไร”“ท่านนี่เป็นเศรษฐีสินะถึงมิได้คิดเป็นเดือดเป็นร้อน”“ถ้าข้าบอกว่าใช่ล่ะ...ข้าสามารถเลี้ยงเจ้าได้ตลอดชีวิต”“ข้ามิได้ถามถึงสิ่งนั้นสักหน่อย”ลี่หลินพลันหน้าแดง นางรีบคีบอาหารใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ส่วนบุรุษข้างกายก็เอาแต่ยิ้มกริ่มและคีบอาหารใส่ในชามให้“ท่านกินบ้างเถิด”“เห็นเจ้ากินข้าก็อิ่มแล้ว” เซียวจ้านยิ้ม“ท่านอย่ามาพูดเล่น ใครกันจักมาอิ่มทิพย์ท่านมิใช่เทพสักหน่อย” ลี่หลินคีบอาหารให้เซียวจ้านบ้าง“ขอบใจที่เป็นห่วงข้า” การกระทำเล็กน้อยทำให้เซียวจ้านเอ็นดูอยู่มิน้อยทั้งสองทานอาหารร่วมกันจนอิ่ม สตรีมีครรภ์ก็แน่นท้องจนแทบเดินมิไหว เซียวจ้านจึงพานางออกมาเดินย่อยสักหน่อยในวันนี้ยังมีลมหนาวพัดเอื่อย เซียวจ้านมิลืมคลุมเสื้อก

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 70 เจ้าใช่เหมยลี่หรือไม่

    ดวงตากลมมองบุรุษตรงหน้าที่ค่อย ๆ หย่อนกายลงนั่งอยู่ข้างกาย นางมิรู้ต้องทำตัวเยี่ยงไรดีจึงได้แต่เก็บมือไว้และปล่อยให้มือใหญ่บีบนวดขาของนางเซียวจ้านค่อย ๆ ทิ้งน้ำหนักมือให้เบาที่สุด บุรุษที่เสเพลในเมื่อก่อนกลับใจเต้นแรงต่อหน้าดอกไม้งามอย่างเหมยลี่กว่าทุกครั้ง เขามิเคยเป็นเยี่ยงนี้กับใคร แต่น่าแปลกใจยิ่งนักเมื่อสบนัยน์ตาของนางกับเหมือนมิใช้เหมยลี่คนเดิมที่เขาเคยรู้จักลี่หลินที่ถูกจ้องหน้าจากบุรุษตรง ๆ ต้องหลุบตาลงมองมือตัวเอง หัวใจของนางหวั่นไหวไปกับเซียวจ้าน สัมผัสที่ขาก็ยิ่งทำให้วูบวาบเสียจนหน้าร้อนผ่าว“ท่าน ข้าหายเมื่อยแล้ว” หัวใจแทบระเบิดออกมาเสียให้ได้ ลี่หลินจึงเลือกหยุดไว้เพียงเท่านั้นมือใหญ่จึงละออกพลางมองนาง “เจ้าพักผ่อนเสียเถิด ถ้าเจ้าหิวเจ้าก็มาเคาะประตูห้องข้า แล้วข้าจักพาเจ้าไปตลาด”“เจ้าค่ะ”เซียวจ้านเดินออกไปจากห้องนี้ ลี่หลินจึงเอนกายลงนอนทั้งที่หัวใจยังกระสับกระส่าย ร่างกายของนางอ่อนเพลียง่ายเหลือเกินคงอีกมินานแล้วสินะที่เจ้าแป้งในท้องจะได้ลืมตาดูโลกใบนี้ นางอยากเห็นเสียเหลือเกินว่าลูกของเหมยลี่น่าชังเพียงใดบุรุษชุดดำเดินทอดน่องไปอย่างใช้ความคิด พาใจให้เหม่อลอยไปกับ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 69 ชีวิตใหม่ของลี่หลิน

    คนเดินทางจากแดนไกลได้ย้ายถิ่นฐานมายังอีกเมืองหนึ่งที่ห่างไกลซึ่งมีผู้คนอยู่แน่นหนา แม้มิได้เป็นเมืองหลวงแต่ก็เป็นเมืองท่าดี ๆ นี่เอง เพราะมีพื้นที่ติดกับทะเลอันกว้างใหญ่ ที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนหลายชาติพันธุ์นับว่าเหมาะแก่การทำการค้าได้เป็นอย่างดี“ถึงแล้ว เจ้าค่อย ๆ เดินลงมา” เซียวจ้านเดินลงจากรถม้าก่อน เขายื่นมือไปให้หยิงอัปลักษณ์ได้จับลี่หลินจับมือใหญ่โดยไม่ลังเล ก่อนค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินลงมาพร้อมประคองท้องตัวเองด้วยนางได้เดินตามเซียวจ้านเข้าไปในเรือนที่มิได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็มีลานกว้างเหมาะแก่การตั้งโต๊ะขายอาหารได้อยู่มากพอสมควร“เจ้าชอบที่นี่รึไม่” บุรุษรูปงามเอ่ยถาม“ข้าชอบ” ลี่หลินตอบอย่างเหนียมอาย นางดันไปนึกคิดสิ่งที่อยู่ในใจเสียได้“เข้าไปดูเถิด” เซียวจ้านผายมือให้ลี่หลินจึงได้ทีเดินเข้าไปสำรวจภายในเรือนแห่งนี้ นางมิสนใจห้องนอนสักเท่าไร เพราะสิ่งที่ทำให้ตื่นตามากยิ่งกว่าห้องใด ๆ คือห้องครัวของนางนั่นเองห้องครัวที่ไม่เล็กไม่แคบจนเกินไป มีเตาใส่ผืนตั้งหม้อตั้งสามเตา ทั้งยังมีอุปกรณ์ครบชิ้นและของแห้งที่ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีถูกใจคนชอบทำอาหารยิ่งแท้“ห้องครัวนี้เล็กแคบไปรึไ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 68 ได้โปรดเมตตาข้า

    เสียงเกือกม้าดังเป็นจังหวะที่ว่องไวนำพาท่านแม่ทัพมุ่งตรงไปยังเรือนตระกูลกู้ บุรุษผู้มีใบหน้าเคร่งเครียดจากเรื่องราวที่ถาถมเข้ามาจนพะวงหน้าพะวงหลัง หากเขามิกลับมาหาภรรยาเอกก็คงดูใจจืดใจดำเกินไป และคงถูกตำหนิจากพ่อตาและท่านแม่ได้มู่หยางจึงเร่งเดินทางไกลมาจนถึงเรือนตระกูลกู้ในเวลาต่อมา บุรุษร่างสูงกระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทางสง่างาม ก่อนเดินเข้าไปภายในเรือนผู้รับใช้ทั้งหญิงและชายต่างก้มโค้งเมื่อเห็น มู่หยางมิได้สนใจมอง เพียงแต่มุ่งตรงไปยังห้องพักของต้าเหนิง“มู่หยาง” สตรีสูงวัยที่ยืนอยู่หน้าห้องสะใภ้เอกพอดีเอ่ยทักบุตรชายเมื่อเห็นหน้า“นางเป็นเยี่ยงไร”มู่หยางถามด้วยความเป็นห่วงเยี่ยงไรแล้วต้าเหนิงก็ยังเป็นภรรยาเอก และบุตรที่อยู่ในครรภ์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจักเมินก็คงมิได้แล้ว“นางปลอดภัยดี เจ้าเข้าไปดูบุตรชายของเจ้าสิ” ฮูหยินชิงชิงยิ้มจาง ๆ ให้มู่หยางขมวดคิ้วพลางคิดว่าต้าเหนิงถึงกำหนดคลอดแล้วหรือ เขาละเลยจนลืมวันลืมคืนเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไรฝ่ามือใหญ่จึงผลักประตูแล้วเดินเข้าไปหาทั้งสอง สายตาคมมองเห็นต้าเหนิงนอนอยู่บนเตียงไม้โดยที่มีทารกตัวเล็กจิ๋วถูกห่อด้วยผ้าสีแดงอย่างดี“เจ้าร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status