ภายหลังการปะทะดุเดือดที่ชายแดน แม้ทัพต้าเหลียงจะได้รับชัยชนะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าและบาดแผลนับไม่ถ้วน ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด เสียงลมหายใจที่อ่อนแรงของเหล่าทหารยังคงดังแผ่วเบาไปทั่วค่ายพัก
ภายในกระโจมบัญชาการชั่วคราว หลี่เหวินเจี๋ย นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงอย่างสงบ ใบหน้าของเขาแม้จะยังซีดเซียว แต่ลมหายใจก็เริ่มสม่ำเสมอขึ้น บาดแผลที่ไหล่ซ้ายของเขายังคงถูกพันด้วยผ้าขาวสะอาดตา ที่มีรอยเลือดจางๆ ซึมออกมา
ซูหนิงหนิง นั่งอยู่ข้างกายเขา มิได้หลับใหลเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่ผู้ที่ครั้งหนึ่งนางเคยสงสัยว่าเป็นศัตรูของบิดา แต่บัดนี้...เขากลับกลายเป็นผู้ที่นางเพิ่งช่วยชีวิต และเป็นผู้ที่เอ่ยคำว่า "ข้าเชื่อใจเจ้า" ออกมาจากปาก
ใจของนางสั่นสะท้านทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดนั้น ความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ก่อตัวขึ้นในอก เป็นความรู้สึกที่นางไม่ควรมีให้บุรุษผู้นี้ บุรุษผู้ที่ถูกจับหมั้นหมายให้นางเพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดิน มิใช่ความรัก
นางเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้หลี่เ
เสียงห่าธนูที่ปลิวว่อนดุจฝนห่าใหญ่ยังคงดังสนั่น คมดาบกระทบกันดังแคว้งคว้างไม่ขาดสาย สมรภูมิรบระหว่างกองทัพของหลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ได้ทวีความรุนแรงถึงขีดสุด กองทัพของต้าเหลียงกำลังเผชิญหน้ากับคลื่นมนุษย์ของข้าศึกที่โหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง หลี่เหวินเจี๋ย นำทัพเข้าปะทะอย่างกล้าหาญ ดาบในมือของเขาสาดประกายฟาดฟันศัตรูอย่างไร้ความปราณี ใบหน้าคมคายของเขาเปื้อนคราบเขม่าดินและโลหิต แต่ดวงตาคู่คมกริบยังคงฉายแววความมุ่งมั่นและไม่หวั่นไหวซูหนิงหนิง ทำหน้าที่หมอศึกอยู่ที่แนวหลัง นางวิ่งไปมาระหว่างทหารที่บาดเจ็บ ปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ มือที่เคยบอบบางบัดนี้แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น เลือดสีแดงฉานเจิ่งนองพื้นดินในกระโจมพยาบาล เสียงร้องครวญครางของทหารดังระงมไปทั่ว เป็นดั่งเสียงเพลงแห่งความเจ็บปวดที่ไม่มีวันสิ้นสุด“คุณหนูซู! ทหารนายนี้ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัสขอรับ!” นายทหารนายหนึ่งร้องบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน เมื่อหามร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะเข้ามาซูหนิงหนิง
เสียงคำรามของปืนใหญ่ยังคงดังก้องผสานกับเสียงกรีดร้องของความตาย การต่อสู้ระหว่างกองทัพของ หลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง เข้าสู่ขั้นวิกฤต เมืองหลวงต้าเหลียงสั่นคลอนภายใต้เงาของสงคราม แต่ในใจกลางความโกลาหลนั้น...ความผูกพันระหว่างแม่ทัพใหญ่และหมอหญิงกลับเบ่งบานอย่างเงียบงันหลังจากเหตุการณ์ในป่าที่หลี่เหวินเจี๋ยยอมขัดราชโองการเพื่อช่วย ซูหนิงหนิง และคำสารภาพที่ว่า "สนามรบไม่ใหญ่เท่าใจข้า...และในใจของข้า...เจ้าสำคัญกว่าสิ่งใด" ก็ได้หลอมรวมสองหัวใจที่เคยห่างเหินเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์กลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยเลือดและคมดาบ ซูหนิงหนิงยังคงทำหน้าที่หมอศึกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มือเรียวสวยที่เคยบอบบางบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการรักษาชีวิตผู้คน นางวิ่งไปมาระหว่างทหารที่บาดเจ็บ ปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทุกวินาทีคือการต่อสู้กับความตาย“หมอหญิง! ทหารนายนี้ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัสขอรับ!” นายทหารนายหนึ่งร้องบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน เมื่อหามร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะเข้ามาซูหนิงหนิงรีบเข้าไ
รุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือนพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดและควันไฟที่ยังคงอบอวลไปทั่วสมรภูมิ ค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นดั่งฝันร้ายที่มิอาจลืมเลือน การโอบกอดของ หลี่เหวินเจี๋ย ในกระโจมพยาบาลยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของ ซูหนิงหนิง มันคือความอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเหน็บของสงคราม เป็นดั่งคำสัญญาที่มิได้เอ่ย แต่กลับลึกซึ้งเกินกว่าถ้อยคำใดจะบรรยายแต่ความสงบสุขนั้นช่างสั้นนัก เสียงกลองศึกที่ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่ากองทัพของ เฉินกวง กำลังจะระดมพลโจมตีครั้งใหญ่ที่สุด หลี่เหวินเจี๋ยยืนอยู่บนกำแพงค่าย สายตาคมกริบจับจ้องไปยังทัพศัตรูที่เคลื่อนเข้ามาดุจมังกรดำทะมึน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมกว่าครั้งใดๆ เพราะเขารู้ดีว่านี่คือการตัดสินชะตา“ท่านแม่ทัพ! กองทัพเฉินกวงระดมพลเต็มอัตราศึกแล้วขอรับ!”หลิวหรง รองแม่ทัพคนสนิทรายงานด้วยน้ำเสียงร้อนรนหลี่เหวินเจี๋ยพยักหน้าช้าๆ “เตรียมพร้อมรับมือ! ให้ทหารทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง! ค่ายกลห้าธาตุต้องแข็งแกร่งที่สุด!”เสียงแตรศึกดังก้องไปทั่วค่าย
สมรภูมิอันดุเดือดยังคงดำเนินไปอย่างไม่หยุดหย่อน กองทัพของหลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงแตรศึกและเสียงโหยหวนแห่งความตาย แต่ในหัวใจของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้มิได้มีเพียงหน้าที่ หากแต่มีเงาของสตรีผู้หนึ่งทาบทับอยู่... ซูหนิงหนิง ผู้ที่เขายอมเอาตัวเข้าบังคมธนู เพื่อปกป้องนางจากอันตรายหลังจากการโจมตีระลอกล่าสุดซาลงไปชั่วขณะ หลี่เหวินเจี๋ยถูกนำตัวกลับมายังกระโจมบัญชาการชั่วคราว เสื้อเกราะของเขาเต็มไปด้วยรอยบุบและรอยขีดข่วนจากคมธนู แต่โชคยังดีที่เกราะหนาได้ช่วยรับแรงปะทะไว้ ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้และแรงกระแทกก็ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งกายซูหนิงหนิง รีบรุดเข้ามาในกระโจมทันที ใบหน้าของนางยังคงซีดเผือดด้วยความกังวล เมื่อเห็นสภาพของหลี่เหวินเจี๋ย“ท่านแม่ทัพ! ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ!” ซูหนิงหนิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางรีบเข้าไปตรวจดูสภาพของเขาอย่างเร่งร้อนหลี่เหวินเจี๋ยส่ายหน้าเล็กน้อ
สนามรบยังคงคุกรุ่นไปด้วยควันไฟและเสียงโหยหวนของความตาย กองทัพของ หลี่เหวินเจี๋ย และ เฉินกวง ยังคงปะทะกันอย่างดุเดือด แผ่นดินต้าเหลียงต้องเผชิญกับบททดสอบที่หนักหน่วงที่สุด แต่ท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงครามนั้น ความผูกพันระหว่างแม่ทัพใหญ่และหมอหญิงกลับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นหลังจากที่ ซูหนิงหนิง ได้ช่วยชีวิตหลี่เหวินเจี๋ยจากพิษธนูและคำสั่งให้ "อยู่ข้างข้าตลอดศึกนี้" ก็เป็นดั่งโซ่ตรวนทองคำที่ผูกมัดหัวใจของคนทั้งคู่เข้าด้วยกันอย่างมิอาจแยกจาก ซูหนิงหนิงยังคงทำหน้าที่หมอศึกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยมีหลี่เหวินเจี๋ยคอยเฝ้ามองและปกป้องอยู่ห่างๆ อย่างเงียบเชียบในคืนหนึ่งที่แสงจันทร์สลัว สนามรบชั่วคราวเต็มไปด้วยเสียงครวญครางของทหารบาดเจ็บ ซูหนิงหนิงกำลังดูแลทหารนายหนึ่งที่อาการหนัก ใกล้จะหมดลมหายใจ มือของนางเปื้อนเลือดและรอยแผลเป็นมากมายจากความตรากตรำ“คุณหนูซู…ข้า…ข้าคงไม่รอดแล้วขอรับ” ทหารนายนั้นเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเซียว“อย่าเพิ่งหมดหวังนะเจ้าคะ!” ซูหนิงหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียง
หลังจาก ซูหนิงหนิง ได้ช่วยชีวิต หลี่เหวินเจี๋ย จากพิษธนูและคำสั่งให้ “อยู่ข้างข้าตลอดศึกนี้” ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้นท่ามกลางสมรภูมิอันดุเดือด กองทัพของต้าเหลียงถอยร่นอย่างมีระเบียบตามแผนของแม่ทัพใหญ่ มายังจุดยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งกว่า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรบครั้งสำคัญที่จะตัดสินชะตาของแผ่นดินภายในกระโจมบัญชาการชั่วคราวอันเรียบง่าย กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่ว หลี่เหวินเจี๋ย นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงไม้ชั่วคราว บาดแผลจากธนูพิษที่ต้นแขนยังคงถูกพันด้วยผ้าขาวสะอาด แต่อาการของเขาดีขึ้นมากแล้วจากการดูแลอย่างใกล้ชิดของซูหนิงหนิงซูหนิงหนิง นั่งอยู่ข้างกายเขา มือเรียวสวยกำลังบดสมุนไพรอย่างตั้งใจ ใบหน้าของนางแม้จะซีดเผือดด้วยความอ่อนล้าจากการตรากตรำในสมรภูมิ แต่ดวงตากลับฉายแววความมุ่งมั่นและห่วงใยอย่างที่สุด“เจ้าควรจะพักผ่อนบ้างซูหนิงหนิง” หลี่เหวินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว ดวงตาคู่คมที่ปกติจะปิดนิ่ง บัดนี้กลับลืมขึ้นจ้องมองนางอย่างไม่กะพริบตา เขาสังเกตเห็นรอยคล้ำใต