Home / รักโบราณ / หย่ารักสามีไร้ใจ / ๔ รั้งไว้ไม่ยอมปล่อยไป

Share

๔ รั้งไว้ไม่ยอมปล่อยไป

last update Last Updated: 2025-06-26 00:40:37

เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างตัวแข็งทื่อราวกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินถ้อยคำเยือกเย็นเจือด้วยความรุนแรงของเซี่ยเว่ยหลง ไฉนพวกนางจะคาดคิดเล่าว่านายท่านจะกล้ากล่าววาจาเชือดเฉือนฮูหยินได้ถึงเพียงนี้โดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น

ช่างเห็นใจฮูหยินไม่น้อย!

เมื่อก่อนนั้นแม้ว่านายท่านจะไม่ชอบฮูหยินแล้วอย่างไรกัน แต่ยังเห็นแก่มารดาอยู่ไม่น้อยทว่ายามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้จากไปแล้ว ภายในจวนหลังสกุลเซี่ยย่อมไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าปกป้องฮูหยินได้ และที่แย่ยิ่งกว่าคือ...ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของผู้เป็นนายทั้งสองก็มิได้ลึกซึ้งเพียงนั้น

ว่ากันตามตรงแล้วห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก!

เช่นนั้นแล้ว หากไร้รัก…เหตุใดผู้เป็นนายจึงไม่รีบหย่าให้จบสิ้นเสียเล่า ไม่ใช่ว่าฮูหยินรวบรวมความกล้าเอ่ยปากขอหย่าแล้วมิใช่หรือไรกัน

ยามนี้ในสายตาของเหล่าสาวใช้ทั้งหลายล้วนเต็มไปด้วยความเห็นใจและสงสารผู้เป็นนายหญิงไม่น้อย

ไฉนนายท่านถึงใจร้ายได้ถึงเพียงนี้กัน!

ไป๋เสี่ยวหรันยังคงระบายยิ้มกว้างราวกับไม่ได้รู้สึกอันใดแต่กลับเจือไปด้วยความขมขื่นอย่างชัดเจน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนจะกลับมานิ่งเฉยดังเดิม

นางหัวเราะเยาะออกมาเล็กน้อยอย่างเย้ยหยันก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเซี่ยเว่ยหลงแทน ใบหน้าคนงามเชิดขึ้นเล็กน้อยพลันจ้องสบตาเข้ากับอีกฝ่ายพอดี

ไป๋เสี่ยวหรันกล่าวเสียงหวานแฝงไปด้วยถ้อยคำเหน็บแนม “พอเห็นนายท่านเซี่ยเป็นเช่นนี้…ข้านึกอยากจะย้อนกลับไปวันนั้นแล้วปฏิเสธการแต่งงานไปเสียจริง”

หากรู้เช่นนี้แต่แรก…มิสู้นางกระโดดทะเลสาบลึกไม่ดีกว่าหรือ…? อย่างไรชีวิตก็ไร้หนทางแล้ว

“ไป๋เสี่ยวหรัน!” น้ำเสียงทุ้มตวาดดังลั่นพร้อมฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ทันที สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวกราด

นางคิดว่าตนเองสูงส่งเป็นคุณหนูสูงศักดิ์งั้นหรือ…!?

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เซี่ยเว่ยหลงได้ยินประโยคนี้แล้วถึงได้รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนบังคับให้นางยินยอมต้องโดยต้องแต่งงานด้วยไม่เต็มใจ…ทั้งที่ความจริงแล้ว

เขาต่างหากที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ให้ได้เป็นสตรีบำเรอของบุรุษไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วกระมัง!

นี่นับว่าเป็นบุญคุณที่นางต้องตอบแทนเขามิใช่หรือไร…!?

ยามนี้ภายในใจของเซี่ยเว่ยหลงเต็มไปด้วยโทสะ เขาพลางขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน ดวงตาคมกริบดุจเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งตรงหน้า “หึ! หากย้อนกลับไปปฏิเสธข้า…เกรงว่าปานนี้ฮูหยินคงกลายเป็นหญิงคณิกาอยู่หอนางโลมสักแห่งแล้วกระมัง”

เพราะเช่นนี้อย่างไร…ในสายตาของเขานั้น นางไร้ค่ายิ่งกว่าเสียสิ่งใด

พอได้ยินถ้อยคำดูแคลนเช่นนี้มีผู้ใดไม่โมโหบ้าง…!?

ไป๋เสี่ยวหรันเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้ายังคงระบายยิ้มจางๆ  แต่น้ำเสียงที่ออกมากลับเย็นยะเยือกราวกับก้อนน้ำแข็ง  

“เช่นนั้นก็ดี...อย่างน้อยหากข้าเป็นหญิงคณิกายังสามารถเลือกได้ว่าอยากต้อนรับผู้ใด มิใช่ถูกจับโยนเข้าเรือนหอพอหลังจากค่ำคืนวสันต์แล้วก็ถูกทอดทิ้งราวของไร้ค่า”

!!!

ใบหน้าของเซี่ยเว่ยหลงยิ่งเขียวคล้ำย่ำแย่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน เขาพลางถอนหายใจฮึดฮัด

มีหรือเขาจะยอมง่ายๆ!

เซี่ยเว่ยหลงกัดฟันกรอด ฝ่ามือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นเด่นชัด “เผยนิสัยที่แท้จริงของมาแล้วหรือไป๋เสี่ยวหรัน…นับว่ามีความอดทนไม่น้อย” น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาอย่างดูแคลน เขาละสายตาจากนางก่อนจะไล่มองตั้งแต่บนลงล่างราวกับว่ากำลังสังเกตหรือครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

รอยยิ้มบนใบหน้าคนงามพลันเจื่อนลงทันที พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่อัดอั้นอยู่ต่างปะทุขึ้นอก ไป๋เสี่ยวหรันทั้งรู้สึกโมโห โกรธและน้อยเนื้อต่ำใจไปพร้อมๆ กันจนยากจะบรรยายออก มาเป็นถ้อยคำได้

ในเมื่อสุดท้ายแล้ว…นางและเขาก็เปรียบเสมือนเส้นด้ายแดงที่ขาดสะบั่น ดังนั้น ไม่มีอันใดต้องถนอมกันอีกแล้ว

นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เหอะ! เกรงว่าสามีที่ไม่เคยสนใจเหลียวแลภรรยาแม้แต่น้อยคงไม่ทันได้สังเกตกระมัง...ว่าข้ามีนิสัยเช่นไร เอาเถิด…หากท่านรังเกียจสตรีเข่นนี้ก็จงรีบเขียนหนังสือหย่าและลงนามเสียที!”

อวดดี!

นางกล้าดีอย่างไรกัน!

เขาย่อมรู้สึกหงุดหงิดและโมโหอยู่มากคล้ายกับว่ากำลังจะสูญเสียของในมือไปอีกครั้ง ดังนั้น…ภายในใจเดือดปุดๆ ยิ่งกว่าน้ำต้มในกา มุมปากหนาค่อยๆ เหยียดยิ้มขึ้นมา “ไป๋เสี่ยวหรัน! ข้าย้ำเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย…หากยังอยากมีที่อยู่ซุกหัวนอนก็ทำตัวสงบเสงี่ยมอย่าได้ริอาจแสดงท่าทางเช่นนี้กลับอีก!”

“หยุดเหยียบย่ำข้าสักทีได้หรือไม่เซี่ยเว่ยหลง...” น้ำเสียงหวานสั่นเครือแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า ไป๋เสี่ยวหรันยังคงจ้องสบตากับอีกฝ่ายไม่ลดละโดยไร้ความเกรงกลัว มือทั้งสองข้างของนางกำแน่นด้วยความโกรธ

หากมิใช่เพราะอาหยวน…นางคงไม่ฝืนทนมานานจนป่านนี้

เซี่ยเว่ยหลงได้ยินแล้วพลันแค่นเสียงออกมาอย่างเย้ยหยัน “อวดดีเช่นนี้…ข้าอยากจะรู้นักว่า เมื่อก้าวเท้าออกไปจากสกุลเซี่ยแล้วจะมีสภาพเป็นอย่างไร”

ไป๋เสี่ยวหรันแค่นเสียงออกมา นางก้าวเดินไปข้างหน้าและอยู่ห่างจากเซี่ยเว่ยหลงเพียงแค่คืบเท่านั้น นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสบเข้ากับดวงตาคมกริบ ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงเรียบ “นายท่านเซี่ยวางใจเถิดเจ้าค่ะ อย่าได้กังวล…หากไร้เงาของท่านและสกุลเซี่ยแล้ว ข้าก็มิได้จนตรอกไร้ที่ซุกหัวนอนเฉกเช่นขอทานหรอกกระมัง”

“ไป๋เสี่ยวหรัน!” เซี่ยเว่ยหลงกัดฟันกรอด เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงกล้ายั่วยวนโทสะเขาเช่นนี้!

“รังเกียจข้าเพียงนี้ก็รีบลงนามในหนังสือหย่าให้ข้าเสีย” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาจากนั้นจึงละสายตาหันหนีปรายไปมองทางอื่นแทนทันที

จู่ๆ ยิ่งพอเห็นแววตาและท่าทางแน่วแน่เด็ดขาดของนาง หัวใจแกร่งของเซี่ยเว่ยหลงพลันกระตุกวูบอย่างไร้สาเหตุ

เพราะเหตุใดนางถึงได้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน…!?

“เจ้ามีใจรักข้ามิใช่หรือไป๋เสี่ยวหรัน” เซี่ยเว่ยหลงเลิกคิ้วเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์โกรธหรือความขุ่นเคืองใจใดๆ

“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ไป๋เสี่ยวหรันได้ยินแล้วพลันหัวเราะร่อออกมาทันทีอย่างประชดประชัน

บุรุษผู้นี้เป็นอันใดไปเสียแล้ว…เหตุใดถึงได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมากัน

 นางเลิกคิ้วถามกลับ “เหตุใดยามนี้กลับกลายเป็นนายท่านเซี่ยเอ่ยถามหาความรักลึกซึ้งจากข้ากันเล่า”

“…” เซี่ยเว่ยหลงเงียบไม่ตอบอันใดออกมา สายตาคมกริบมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาเมล็ดซิ่งก่อนจะพบกับความว่างเปล่า

เหตุใดถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ เซี่ยเว่ยหลงรู้สึกคันยุบยิบในอกอย่างบอกไม่ถูก

ไป๋เสี่ยวหรันมองบุรุษตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นเขายังคงแน่นิ่งไม่ปริปากพูดอันใดออกมา นางจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้น…เพราะเหตุใดนายท่านเซี่ยอยากรู้หรือไม่”

นางเคยรักเขาอยู่มาก…จนกระทั่งหลงลืมตัวเองไปชั่วขณะ

แม้ว่ารักแล้วอย่างไร…หากไร้วาสนาฝืนโชคชะตาดันทุรังไปก็เท่านั้น

นางกล่าวเสียงเรียบไร้อารมณ์หรือความเสียใจใดๆ ออกมา “ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งถึงยามนี้…ตอนที่อยู่ด้วยกัน ข้ากลับรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวยิ่งนัก สายตาที่ท่านมองข้าหรือถ้อยคำที่เอ่ยออกมาราวกับว่าเป็นข้ากำลังเรียกร้องอย่างน่าสมเพช”

โลกนี้หาได้ยุติธรรมไม่…หากมีวาสนา แม้ห่างไกลนับพันลี้ก็ย่อมไขว่คว้ามาครอบครองได้ หากแต่มีบุพเพแล้วไร้วาสนานั้น…แม้ว่าจะฝืนโชคชะตาก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

ยามนี้ไป๋เสี่ยวหรันเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว

นางทนมาสามปีเพราะความโง่งมหลงคิดว่า แม้ไม่รักใคร่ย่อมต้องรู้สึกผูกพันกันบ้าง สุดท้ายกลับไร้ประโยชน์สิ้นดี…

ช่างน่าสมเพชนัก!

จู่ๆ บรรยากาศภายในห้องโถงพลันตกอยู่ในความเงียบงัน คำพูดของนายหญิงทำเอาเหล่าสาวใช้ที่แอบยืนฟังอยู่ด้านหลังพลันรู้สึกน้ำตารื้นด้วยความเห็นใจ เกรงว่าที่ผ่านมานายหญิงคงอดทนไม่น้อยจนกระทั่ง…ยามนี้ได้ขาดสะบั่นจนไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ อีกแล้ว

“ไป๋เสี่ยวหรง...” เซี่ยเว่ยหลงขึ้นเสียงเรียบ ภายในอกของเขาพลันบีบรัดแน่นคล้ายรู้สึกหายใจติดขัดไปชั่วขณะหนึ่ง

“…”

“ข้าถามว่าเจ้ารักข้าหรือไม่”

ในเมื่อที่ผ่านสตรีผู้นี้อดทนมาได้ตลอดแล้วไฉนยามนี้ถึงได้เฉยชาไร้เยื่อใย

หากมิใช่เพราะในใจของนางมีบุรุษอื่นไปแล้ว

“ย่อมเคยรัก” ไป๋เสี่ยวหรันตอบกลับเสียงเรียบ

นางสบตากับเขาครู่หนึ่งก่อนปรายไปมองทางอื่นจากนั้นจึงเดินจากไปทันทีราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอันใด

นางเหนื่อยเหลือเกิน...เหนื่อยจนไม่มีแม้แต่แรงจะรักเขา

 

 

แม้ว่าจะไม่ได้มีการตะโกนด่าทอเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งจวนแต่ทว่ายามนี้แล้ว ภายในจวนมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่านายหญิงเด็ดขาดถึงขั้นจะหย่ากลับนายท่านให้จงได้…ไม่ว่าอย่างไรแล้วก็ผู้ที่น่าสงสารที่สุดก็คงเป็นคุณชายน้อยกระมัง

ไป๋เสี่ยวหรันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ นางพยายามอดกลั้นไม่หลั่งน้ำตาหรือร้องไห้ออกมาตลอดทาง…จนกระทั่งสายตาของนางมองเห็นอ่หยวนกำลังหยอกล้อเล่นกลับเหล่าสาวใช้

หัวใจของนางกระตุกวูบจากนั้นพลันบีบรัดแน่นจนรู้สึกปวดหนึบแทบจะหายใจไม่ออก

ไป๋เสี่ยวหรันเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสั่นระริกและเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส

“ฮูหยินเจ้าคะ…” ซือหรูเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องบรรพชนนั้น นางรู้สึกสงสารเห็นใจฮูหยินไม่น้อย

นายท่านช่างใจร้ายไม่น้อย!

แม้นางจะไม่ได้ติดตามอีกฝ่ายมาจากบ้านเดิมแล้วอย่างไรและเป็นคนของสกุลเซี่ยมาตั้งแต่แรกแล้ว ทว่านับตั้งแต่วันที่นางเอ่ยปากว่าจะเป็นสาวใช้ข้างกาย…ความรู้สึกที่มีย่อมเต็มไปด้วยความจริงใจทั้งสิ้น

ไป๋เสี่ยวหรันยังคงยืนแน่นิ่ง สายตาเพ่งมองบุตรชายเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจ

อาหยวน…แม่ขอโทษ

เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ มิใช่ว่านางพูดออกไปแล้วเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น…

ตอนที่นางตัดสินใจว่าพอแล้ว…หัวใจของนางพลันเบาหวิวคล้ายกลับหยุดเต้นไปชั่วขณะแต่ทว่าต่อให้จะต้องแตกสลายจนวิญญาดับหายไปหรือสูญเสียทุกอย่าง ขอเพียงปกป้องอาหยวนไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว

ไป๋เสี่ยวหรันกล่าว “เตรียมตัวเถอะซือหรู…หากเซี่ยเว่ยหลงไม่ยอมลงนามหนังสืออย่า ข้าก็ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว”

 

 

ปล. อิพี่ปากแจ๋วขนาดนี้แล้วยัยน้องจะทนอยู่ทำไม

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๑๐ หวงแหน

    หลายวันผ่านไป…สุดท้ายแล้วก็เป็นดั่งที่นางคาดไว้ไม่มีผิด…เซี่ยเว่ยหลงแย่งบุตรชายไปไว้ในความดูแลของเขาอย่างเด็ดขาด ซ้ำยังพรากแม่และลูกให้ต้องแยกจากกันราวกับเป็นคนแปลกหน้านางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยปากคัดค้านและยิ่งไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้บุตรชายอย่างปรารถนาเพียงเพราะหนังสือหย่าแผ่นนั้น…แม้จะยังอยู่ในจวนแล้วอย่างไร ทว่าอาหยวนกลับถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนของเซี่ยเว่ยหลง หากนางต้องการพบบุตรชายเพียงสักครั้ง ก็ต้องรอให้เขายินยอมเท่านั้น“เฮ้อ…” ไป๋เสี่ยวหรันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าย่ำแย่ สายตาเต็ทไปด้วยความขื่นขมอย่างปิดไม่มิดนายท่านก็ช่างใจร้ายใจดำนัก!ถึงขั้นกล้าพรากบุตรและมารดาออกมาจากกัวเชียวรึ!?ซือหรูที่อยู่ไม่ห่าง นางเห็นผู้เป็นนายหญิงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับมีบางสิ่งถ่วงแน่นในอก จากนั้นจึงขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาและแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย“ฮูหยิน…จะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ…”ความจริงแล้ว นางรู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อยตอนเห็นฮูหยินได้รับใบหย่าเสียที….คิดว่าสวรรค์คงเมตตาเห็นใจในความอดทนและเจ็บปวของนายหญิงที่ต้องทุกข์ทรมานมายาวนานจะสิ้นสุดลงเสียทีทว่า…นี่มันอะไรกัน!ยังไม่ท

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๙ ความรู้สึกที่เสียใจ

    บรรยากาศภายในห้องพลันถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน อาหยวนที่กำลังยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีอยู่ในอ้อมแขนมารดาพลันสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินน้ำเสียงดังตวาดลั่นดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆ แดงก่ำมีหยาดสีน้ำใส เอ่อคลอขอบตา ริมฝีปากน้อยๆ เบะลงทันที“ฮือ…ฮึก…แม่…!” อาหยวนร้องไห้ออกมาทันที น้ำเสียงร้องไห้สะอื้นแผ่วเบา เขาพลางซุกหน้าเข้ากับอกของมารดาอย่างหวาดกลัว!!!ไป๋เสี่ยวหรันตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นอาหยวนร้องไห้ ใบหน้าคนงามเจื่อนลงฉายแววรู้สึกผิดอย่างชัดเจน นางรีบกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นก่อนจะลูบหลังบุตรชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลม“ไม่เป็นไรเซี่ยเจิ้นหยวน…ไม่มีอะไรต้องกลัว”“ฮึก…!” ทว่าเด็กน้อยยังคงเบะปากร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุดและไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่ายๆหยาดน้ำตาเม็ดใสไหลอาบแก้มอย่างท่วมท้นนางพลันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดจากนั้นจึงโน้มหน้าลงพลางเอ่ยกระซิบปลอบบุตรชาย “แม่อยู่นี่แล้ว อาหยวน…” น้ำเสียงหวานแผ่วเบานุ่มนวลเต็มไปด้วยความห่วงใยเด็กน้อยซบใบหน้าลงอกจนเปียกชุ่ม อาหยวนค่อยๆ เงยหน้ามองมารดาผ่านมารดาน้ำตา “อึก!...”“ไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้แน่”

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๘ สิ่งสำคัญ

    เมื่อตอนเช้าตรู่วันนี้ ไป๋เสี่ยวหรันยังนอนหลับอยู่บนเตียง ทว่าเสียงเรียกอย่างร้อนรนของสาวใช้ดังขึ้นหน้าห้องพลันทำให้นางสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจก่อนจะรีบผุดลุกขึ้นทันที หัวใจเต้นระส่ำ คิดไปก่อนแล้วว่าอาจเกิดเรื่องร้ายกับอาหยวนแน่แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น…ซือหรูสาวใช้คนสนิทของนางกล่าวรายงานด้วยใบหน้าตื่นตระหนกว่ามีคนจากเรือนของเซี่ยเว่ยหลงนำหนังสือหย่ามาส่งให้แม้ว่าไป๋เสี่ยวหรันยังงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นแต่มว่าพอได้ยินว่า หนังสือหย่า…นางรู้สึกตื่นเต็มตาขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบก้าวลงจากเตียงแล้วตรงเข้าไปหยิบกระดาษมาเปิดดูอย่างรวดเร็วเมื่อคืนที่ผ่าน เซี่ยเว่ยหลงรับปากว่าจะปล่อยนางไปพร้อมกับเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้แต่แล้วอย่างไรกลับมีข้อแม้ปรากฏชัดเจนบนหน้ากระดาษหากต้องการจากไปก็ให้ไปได้เพียงแต่ตัวเท่านั้น ห้ามนำสิ่งใดติดออกไปจากจวนเซี่ย…แม้กระทั่งบุตรชาย!นางเป็นมารดาจะกล้าทิ้งบุตรชายได้อย่างไร!แท้จริงแล้วเซี่ยเว่ยหลงไม่ได้เมามายจนไร้สติหรอกหรือ…!?พอนึกถึงตรงนี้ หัวใจของไป๋เสี่ยวหรันกระวูบรู้สึกโกรธเคืองอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย นางไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า…เซี่ยเว่ยหลงต้องการรั้งนางไว้เพราะ

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๗ สตรีผู้นี้เป็นภรรยาข้า

    เซี่ยเว่ยหลงเดินเอามือไพล่หลัง ตรงไปยังศาลาริมสระบัว ใบหน้าหล่อเหล่านิ่งเฉยไร้อารมณ์ทว่าดวงตาคมกริบกลับฉายแววไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเพียงแค่เขาก้าวเท้าออกจากจวนไปยังไม่ทันไร นางก็เชิญทั้งบุรุษและสหายมาพูดจาโอ้อวดว่าตนเองหย่ากับเขาแล้วอย่างงั้นรึ…!?หางตาของเซี่ยเว่ยหลงกระตุกริกๆ มาตลอด มิหนำซ้ำภายในใจยังเต็มไปด้วยความหงุดหงิดจากเหตุการณ์เมื่อคืนและพอยิ่งเดินเข้ามาใกล้ เสียงร้องโวยวายของสตรีและน้ำเสียงทุ้มของบุรุษที่ไม่คุ้นหูก็ยิ่งกระตุ้นความไม่พอใจให้เดือดดาลยิ่งขึ้นไปอีกเซี่ยเว่ยหลงปรายสายตาเย็นชามองอดีตภรรยาหมาดๆ เพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากกระตุกโค้งเหยียดยิ้มเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยออกมาเสียงเรียบทว่ากลับเต็มไปด้วยถ้อยคำเหน็บแนมทั้งสิ้น “หึ! เพิ่งหย่ากับข้าไม่ทันไรก็พาบุรุษอื่นเข้าจวนมาอวดกันถึงที่แล้วงั้นหรือ”จางเหวินเดินตามหลังมาติดๆ แต่พอได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว เขาขมวดคิ้วหันขวับมองอีกฝ่ายตาขวางทันทีบุรุษผู้นี้…เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน!“เซี่ยเว่ยหลง!” จางเหวินขึ้นเสียงดังทันทีท่าทางขุ่นเคืองที่เหมือนถูกทอดทิ้งมาตลอดทั้งวันของอีกฝ่ายพลันหายหมดไปสิ้น

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๖ เส้นด้ายแดงขาดสะบั่น

    “เซี่ยเว่ยหลง…จริงๆ ข้าเสียดายไม่น้อย” น้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาแฝงความเหนื่อยล้าเอาไว้อย่างชันเจน ไป๋เสี่ยวหรันลอบหายใจเฮือกหนึ่งคล้ายกลับกำลังอดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นคับแน่นอยู่ในอก“ไป๋เสี่ยวหรัน…” เซี่ยเว่ยหลงส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ เขาไม่ต้องการได้ยินถ้อยคำใดจากนางอีกแล้ว ฝ่ามือหนาคว้ามือของนางมากอบกุมไว้แน่นราวกับหวาดกลัวว่าสตรีตรงหน้าจะเลือนรางและหายจากไปตลอดกาลท่าทางของเขาในยามนี้ไม่ต่างจากกำลังวิงวอนรั้งนางเอาไว้ สายตาคมกริบที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนลงอย่างชัดเจนหากเป็นในยามปกติไป๋เสี่ยวหรันคงเผลอใจและหลงเชื่อในคำพูดของเขาแน่ แต่ยามนี้...บุรุษตรงหน้าเมามายอยู่มาก ใบหน้าหล่อเหล่าแดงก่ำจากฤทธิ์สุราทั้งยังมีกลิ่นฉุนโชยอยู่รอบกายไป๋เสี่ยวหรันไม่ดึงมือกลับ นางเพียงยืนนิ่งคล้ายกำลังตั้งสติ ภายในใจกลับสั่นไหวอยากเกินจะควบคุมคำพูดของเซี่ยเว่ยในยามนี้ก็เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น…มีหรือหทกเขามีสตรีดีจะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา!ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มบางๆ สะท้อนแสงจันทราที่สะท้อนสาดส่องลงมาอย่างเย็นชา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของนางว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ“ทว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่…ฝืนดันทุรังไปก็เท่านั้น

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๕ แม้ว่าจะไร้วาสนาก็จะฝืนโชคชะตา

    ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.)จางเหวินเจอเซี่ยเว่ยหลงอีกครั้ง เขาก็สังเกตได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคนผู้นั้นจะเอาแต่นั่งดื่มสุราจอกแล้วจอกอย่างเงียบงันโดยไม่ปริปากเอ่ยอันใดออกมาได้อย่างไรตลอดหลายชั่วยามที่ผ่านมา!“เหอะ!” เขาแค่นเสียงออกมา สายตาจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ดอกเหมยร่วงหล่นปลิวไปกับสายลม...ต่อให้ยื่นมือออกคว้าก็เกินกว่าจะรั้งไว้ได้อีกแล้ว”!!!ปัง!เสียงจอกสุรากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวของเซี่ยเว่ยหลงได้ชัดเจน มุมปากหนาเหยียดยิ้มเยาะเล็กน้อยเซี่ยเว่ยหลงพลางเอ่ยออกมาเสียงเรียบราวกับมิได้ต้องการคำตอบอันใด “ย่อมเคยรักงั้นหรือ…ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ใจของนางเริ่มเปลี่ยนไปเป็นอื่น”หมายความว่าอย่างไรกัน…!?จางเหวินได้ยินแล้วพลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงงทันทีเขาไม่รู้ว่าเซี่นเว่ยหลงกำลังกล่าวถึงสิ่งใดอยู่หรือแท้จริงแล้วเพียงแค่เมามายจนสติเลอะเลือนไปแล้วอย่างงั้นหรือ…?จางเหวินหรี่สายตาสังเกตอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา “หึ! อวดดี...คำพูดร้ายกาจแต่การกระทำลับหลังกลับน่าสมเพช”เขาหรือน่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status