“เหมาะมากเลยค่ะ เหมาะทั้งสองคนเลยค่ะ เข้ากั้นเข้ากันสมกับเป็นคู่รักกันจริงๆ เลยนะคะ”
พี่แมวพูดขึ้นด้วยความปราบปลื้มเมื่อภาพตรงหน้านั้นเป็นที่น่าพอใจเสียเหลือเกินแต่มีหรือที่จอมทัพจะยอมให้เป็นอย่างนั้นง่ายๆ
“แต่ผมว่าชุดนี้มันดูมิดชิดเกินไปหน่อยนะครับ..อืม อืม…”
ว่าที่เจ้าบ่าวที่ไม่ได้อยากจะแต่งงานยืนกอดอกแล้วยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองอย่างคนใช้ความคิด มองไปที่ว่าที่เจ้าสาวของตัวเองแล้วพูดออกมาราวกับไม่ค่อยถูกใจในชุดนี้ของเธอเท่าไหร่นักแต่มีหรือที่คนอย่างอรฤดีจะไม่รู้เท่าทัน
“นั่นสิคะพี่แมวอรว่าชุดเจ้าบ่าวดูไม่ค่อยเข้าชุดกับอรเลยค่ะมีสีที่ซอฟๆ ลงกว่านี้อีกไหมคะ”
อรฤดีหันไปพูดเสียงหวานใบหน้าจิ้มลิ้มกับพี่แมวแต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาในทันทีเมื่อรู้ว่าเธอรู้ทันแผนการของเขาแถมยังเอาคืนในทันทีอีกต่างหากเห็นทีว่างานนี้คงจะไม่ง่ายเสียแล้ว
“ได้สิคะได้เลย..รอสักครู่นะคะพี่แมวจะรีบเอาชุดใหม่มาให้ลองค่ะ”
เพียงแค่พี่แมวเดินลับสายตาไปว่าที่เจ้าบ่าวที่ยืนกอดอกจ้องมองว่าที่เจ้าสาวของตัวเองอยู่ก็กำลังเตรียมคิดแผนต่อไปซึ่งว่าที่เจ้าสาวของเขาก็กอดอกหักมาจ้องมองสอดประสานสายตากับตนเองด้วยแววตาที่ฉายชัดว่าเธอเองก็มีแผนอยู่เหมือนกัน
[ หึหึ ได้เลยไม่ว่าเธอมีแผนอะไรเขาจะทำให้เธอยอมแพ้และเอ่ยปากขออย่ากับเขาให้เร็วที่สุด ]
“มาแล้วค่ะชุดใหม่ที่พี่แมวขอนำเสนอชุดนี้นะคะเป็น/Collection ใหม่ส่งตรงมาจากปารีสเลยค่ะรับรองต้องถูกใจแน่นอนเลยค่ะพี่แมวรับประกัน”
และเช่นเดิมทั้งสองยิ้มให้กันและรับชุดจากพี่แมวไปโดยที่ว่าที่เจ้าบ่าวก็เดินไปส่งเจ้าสาวที่ห้องลองชุดต้อยๆ เหมือนเดิมทำเอาพี่แมวยิ้มไม่หุบได้แต่คิดว่าถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอาใจใส่ให้ความร่วมมือกันดีขนาดนี้จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ
“กรี้ดดดดด มันจึ้งมากกกก ดูดีที่สุดสวยที่สุดหล่อที่สุดไปเลยค่ะ”
พี่แมวถึงกับเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินควงแขนกันออกมามันช่างเป็นภาพที่เพอร์เฟคสมบูรณ์แบบเจ้าบ่าวที่หล่อและหุ่นดีกับเจ้าสาวที่สวยและเพอร์เฟคขนาดนี้ต่อให้หยิบชุดเข้าครัวมาก็คงจะดูดีไม่ต่างจากเดิมนั่นแหละพี่แมวได้แต่โอบกอดตัวเองด้วยความเป็นสุขใจ
“แต่ผมว่าชุดนี้ยังไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่เลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ อรก็รู้สึกว่าชุดนี้มัน อืมมม…”
คำพูดของทั้งสองทำเอาพี่แมวถึงกับหน้าเหวอไปชั่วครู่ทั้งสวยทั้งดูดีขนาดนี้แต่ยังไม่ถูกใจ..เอาเถอะแต่ไม่เป็นไรพี่แมวซะอย่างจัดให้ได้อยู่แล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนั้นพี่แมวก็เดินหายกลับเข้าไปเพื่อหยิบชุดใหม่มาให้ทั้งสองได้ลองอีกแต่แล้วไม่ว่าจะลองผ่านไปกี่ชุดต่อกี่ชุดทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ยังดูไม่พอใจในชุดของกันแหละกันเหมือนเดิมทำเอาพี่แมวถึงกับทิ้งตัวลงนอนแผ่บนโซฟาด้วยความเหนื่อย ก็แต่ละชุดทั้งหนักและต้องเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบจนหมดพลังแล้ว..
“น้องจอมชาาา น้องอรขาา ไม่มีชุดไหนในร้านพี่แมวอีกแล้วค่ะไม่ถูกใจสักชุดเลยเหรอคะพี่แมวโดนคุณพ่อคุณแม่ของน้องจอมและน้องอ่อนเอาตายแน่เลยค่ะสงสารพี่แมวเถอะนะคะ”
พี่แมวพูดด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อเห็นอย่างนั้นทั้งสองคนก็ต่างเหล่ตามองกันเล็กน้อย
“ตกลงค่ะอรมีชุดที่ชอบในใจตั้งแต่แรกแล้วค่ะพี่แมว”
อรฤดีกอดอกแล้วหันไปพูดใส่หน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ดีจังเลยค่ะน้องอรบอกพี่แมวมาได้เลยค่ะ”
“ชุดแรกค่ะ! / ชุดแรกครับ!”
ยังไม่ทันที่พี่แมวจะได้พูดต่อทั้งสองคนก็พูดออกมาพร้อมๆ กันในทันทีก่อนจะหันมองหน้ากันด้วยแววตาเอาเรื่องซึ่งนั่นทำให้พี่แมวแทบหงายท้องนอนแผ่หลาเมื่อรู้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่แรกทั้งสองคนเพียงแสดงให้ตนเองดูเท่านั้นแถมยังแกล้งกันไปมาอีกต่างหาก…
“โอ๊ยพี่แมวจะเป็นลม ! “
.
.
.
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณวางแผนจะทำอะไร”
อรฤดีเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนขณะที่กำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ความคิดของทั้งสองคนแน่นอนแต่เป็นคำสั่งของพ่อและแม่ทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าเมื่อลองชุดเสร็จแล้วให้ทานข้าวก่อนกลับบ้านและใช่…ทุกอย่างได้ถูกจองและจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“หึ ถ้ารู้แล้วก็ดีงั้นคุณก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีแต่งงานกับผมซะสิ”
เมื่อคนตรงหน้าพาเข้าประเด็นสำคัญจอมทัพเองก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยพูดความต้องการของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนเหมือนกัน
“ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งกับคุณนักหรอกแต่ฉันมีความจำเป็นบางอย่างที่ปฏิเสธคุณแม่ไม่ได้ ถ้าคุณไม่อยากแต่งกับฉันขนาดนั้นทำไมคุณไม่เป็นฝ่ายถอนตัวออกจากการแต่งงานนี้ซะเองล่ะ”
ชัดเจนแล้วว่าทั้งสองคนคิดตรงกันในเรื่องการแต่งงานแต่ดูเหมือนแต่ละคนก็จะมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้เช่นกัน
“ถ้าผมทำได้ผมทำไปแล้วคุณไม่รู้หรอกว่าผมลองทำอะไรไปบ้างแล้วคุณล่ะได้ลองบ้างหรือยัง”
จอมทัพจ้องมองคนตรงหน้าเขม๋งแต่ก็รู้สึกดีขึ้นที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขาเหมือนกันเห็นทีว่าแบบนี้คงจะคุยกันได้ง่ายหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นผมว่าเรามาร่วมมือกันดีกว่าอย่างน้อยๆ ก็ยังดีกว่าที่เราทั้งคู่แต่งไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้แบบนี้แถมทุกอย่างยังตกอยู่ในสายตาของพวกท่านอีก”
พูดจบแล้วจอมทัพก็กรอกตาไปทั้งสองข้างซ้ายขวาเป็นสัญญาณให้อรฤดีรู้ตัวว่าพนักงานในร้านกำลังกูมองเขาและเธออยู่แน่นอนว่าต้องเป็นคำสั่งของพอและแม่ของใครคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน
“ฉันขอพูดยืนยันไว้ตรงนี้อีกครั้งเลยว่าฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณ”
“ผมก็เหมือนกัน”
ทั้งสองคนต่างพูดจาหนักแน่นทั้งที่ใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตแล้วเข้าหูถึงผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
“ผมว่าเราควรร่วมมือกัน ถ้าเราหยุดงานแต่งไม่ได้งั้นผมว่าเราก็เล่นตามน้ำไปก่อนแล้วค่อยหย่ากันทีหลังคุณคิดว่ายังไง”
อรฤดีไม่ได้ตอบตกลงในทันทีเธอใช้ความคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตกลงเห็นด้วยกับข้อเสนอของคนตรงหน้า
“แต่ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะตกลงกับคุณก่อน “
“ผมก็เหมือนกันถ้างั้นตกลงตามนี้แล้วเดี๋ยวส่วนที่เหลือเราค่อยมาคุยกันอีกที”
“ได้ค่ะตกลง”
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ”
เสียงพนักงานดังขึ้นพอดีกับที่ทั้งสองตกลงกันได้ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีแต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาไว้ใจเธอได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเธอจะไว้ใจเขาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียเมื่อไหร่
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน