หลายวันต่อมา
“อย่าช้าสิลูกนัดกันเอาไว้ 9:00 น. จะถึงเวลาที่พี่เขาจะมารับแล้วนะ”
“ไม่เห็นต้องมาเลยค่ะแม่ อรไปเองได้หรือไม่ต้องลองก็ได้นะคะยังไงคุณแม่ก็จัดการให้หมดอยู่แล้ว”
อรฤดีทำหน้างอง้ำเมื่อรู้ว่าวันนี้จะต้องไปลองชุดหมั้นชายหนุ่มสองต่อสองช่างเป็นอะไรที่ปุบปับรวดเร็วเหลือเกิน ทุกคนต่างบอกว่าเขาเป็นคนดี ทั้งสองคนเหมาะสมคู่ควรกันแต่เธอกลับไม่เคยเจอหน้าและไม่เคยได้ศึกษานิสัยใจคอของเขาเลย
อรฤดีหันมองไปที่แม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเองแล้วก็ต้องกลืนคำพูดที่คิดเอาไว้ลงคอไปเพราะตอนนี้แม่ของเธอนั้นกำลังยิ้มอย่างมีความสุข..ใบหน้าของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยโรคภัยรุมเร้านั้นตอนนี้กลับมีแววตาที่เป็นประกายใบหน้าอิ่มเอมด้วยความภูมิใจทำให้เธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้เพราะนั่นอาจมีผลต่อความรู้สึกของแม่เธออย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้
“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูกมีอะไรไม่พอใจหรือผิดใจกันก็ค่อยๆ พูดปรับความเข้าใจ ลูกคือเหตุผลเดียวที่แม่ยังอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ความสุขของลูกก็คือความสุขของแม่นะ”
สิริวดีลูบหัวของลูกสาวเธอเบาๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความรักเต็มเปี่ยมในหัวใจจนเอ่อล้นออกมาทางแววตาถึงแม้ลูกสาวของเธอจะรู้ว่าเธอป่วยด้วยโรคประจำตัวกระเสาะกระแสะอยู่แล้ว แต่นอกจากหมอและคนเป็นสามีก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอเหลือเวลาชีวิตอีกแค่เพียงไม่กี่อึดใจเธอจึงอยากเห็นลูกสาวที่เธอรักที่สุดเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป
“อรจะพยายามค่ะ”
“คุณจอมมาถึงแล้วค่ะคุณอรคุณวดี”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นสิริวดีก็จัดแต่งทรงผมให้ลูกสาวของเธออีกนิดหน่อยก่อนจะพากันเดินลงมาจากชั้นบนโดยที่จอมทัพเองก็นั่งคุยกับคเชนทร์อยู่ข้างล่างเขาปราศจากความตื่นเต้นที่จะได้เจอกับว่าที่เจ้าสาวของเขาเป็นครั้งแรกอย่างชัดเจน..ทำไมน่ะเหรอก็เพราะเขาไม่ได้มีความสนใจใคร่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงเพราะยังไงเขาก็จะไม่รู้สึกอะไรกับเธออย่างแน่นอนการแต่งงานในครั้งนี้เป็นเพียงการแต่งงานเพื่อความสบายใจและเพื่อทำคำสัญญาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้เป็นจริงเพียงเท่านั้น…แต่…
“รอนานไหมลูกวันนี้ป้าฝากน้องด้วยนะ”
จอมทัพหันไปตามเสียงของสิริวดีที่เอ่ยพูดกับตนก่อนจะเสสายตาไปมองคนที่เดินตามหลังเจ้าของเสียงอย่างไม่รู้ตัวความคิดต่างๆ ที่หนักแน่นอยู่ในหัวของเขาหยุดชะงักลงพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่าตอนนี้กำลังจ้องมองว่าที่เจ้าสาวของเขาอยู่ด้วยสายตาตะลึงงัน.. ก่อนจะรีบสลัดภาพตรงหน้าออกแล้วรีบเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าอาการแปลกๆ ของเขานั้นตกอยู่ภายใต้สายตาของคนแก่มากประสบการณ์ทั้งสองอยู่ตลอดเวลา
“อะ เอ่อ ครับคุณป้า”
“สวัสดีค่ะ “
อรฤดียกมือขึ้นพร้อมกับกล่าวสวัสดีว่าที่สามีของเธอตามมารยาทถึงแม้ในใจจะไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ตาม จอมทัพเองก็พยักน่ารับก่อนจะหันกลับมายกมือไหว้พร้อมกับกล่าวลาผู้ใหญ่ที่เคารพทั้งสองคน
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ไปดีมาดีนะลูกมีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะ”
คนเป็นแม่เอ่ยพูดรั้งท้ายเพราะรู้ดีว่าลูกสาวของตัวเองนั้นฤทธิ์เยอะขนาดไหน
“คุณว่าเป็นไงบ้างคะ”
“ก็ผู้ร้ายปากแข็งทั้งสองคนนั่นแหละคุณก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าลูกเขยเราตะลึงตาค้างแค่ไหนตอนที่ได้เห็นลูกสาวของเราครั้งแรกน่ะ”
คนเป็นสามีตอบภรรยาแสนสวยของตัวเองด้วยความภูมิใจถึงเขาจะรู้ว่าเด็กสองคนไม่ได้มีความรักความผูกพันกันมาแต่มองแค่ปราดเดียวก็พอจะดูสายตาออกแล้ว สองสามีภรรยาหันมายิ้มให้กันด้วยความสุขใจก่อนจะยืนโอบกอดกันมองรถของทั้งสองคนที่แล่นออกไปจนลับสายตา
ระหว่างทาง
…ภายในรถไม่แม้แต่จะมีใครคุยกับใครมีเพียงความเงียบงันไปตลอดทางคำพูดและความสุภาพเมื่อครู่เป็นเพียงสิ่งจอมปลอมที่แสดงให้ผู้ใหญ่เห็นเพียงเท่านั้น..
จอมทัพเหล่สายตามามองคนข้างๆ เสี้ยววินาทียามที่ต้องเลี้ยวรถเข้าร้านเพื่อไม่ให้เป็นการเสียฟอร์มไม่คุยก็ไม่ต้องคุยสิเขาก็ไม่ได้อยากทำความรู้จักกับเธอสักหน่อย
เมื่อมาถึงพี่แมวเจ้าของร้านที่ถูกทั้งสองครอบครัวกำชับมาอย่างดีว่าให้คอยจับตาดูคู่รักข้าวใหม่ปลามันและให้รายงานเป็นระยะๆ ก็รีบวิ่งมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมให้บริการเต็มที่
“สวัสดีค่ะน้องจอมทัพน้องอรฤดีพี่แมวนะคะยินดีต้อนรับว่าที่บ่าวสาวทั้งสองคนค่ะรับรองว่าวันนี้พี่แมวจะเสกให้ทั้งสองคนเป็นคู่บ่าวสาวที่สวยที่สุดของปีนี้เลยค่ะ”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดตอบโต้อะไรพี่แมวก็รีบจูงมือทั้งสองเข้าไปในร้านทันที
‘อันนี้เป็นชุดที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งดูไว้นะคะเดี๋ยวเข้าไปลองชุดนี้ให้พี่แมวดูก่อน..”
เมื่อได้ยินคำว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งทั้งอรฤดีและจอมทัพก็รู้ทันทีว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะต้องถูกรายงานให้ถึงหูแน่ๆ จากที่บึ้งตึงเฉยเมยไม่พูดไม่จาก็รีบให้ความร่วมมือกับพี่แมวเป็นอย่างดีไม่งั้นถ้าเรื่องถึงหูกลับบ้านไปหูชาแน่ๆ
“มาครับเดี๋ยวผมช่วย / ขอบคุณค่ะ”
จอมทัพยื่นมือไปรับชุดจากพี่แมวแล้วส่งให้ว่าที่ภรรยาด้วยรอยยิ้มแบบผิดหูผิดตาจากเมื่อครู่ลิบลับแถมยังเดินส่งเธอจนถึงหน้าห้องแต่งตัวอย่างอ่อนโยนอรฤดีเองก็ส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดไปทำให้พี่แมวที่เห็นถึงกับยิ้มเขินออกมาโดยไม่รู้ตัวช่างเป็นภาพที่น่ารักเสียจริงๆ ปลื้มใจเป็นที่สุด
เป็นจอมทัพที่ออกมาจากห้องแต่งตัวก่อนเขาสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ยืนรอว่าที่ภรรยาของเขาอยู่ที่หน้าห้องเมื่อสังเกตเห็นว่าพี่แมวเองก็กำลังยืนรอเขาทั้งสองอยู่จะทำที่เป็นไม่สนใจก็ไม่ได้ มันช่างฝืนความรู้สึกเสียจริงๆ แต่ก็ต้องแสดงต่อไป
“ว๊ายพ่อแก้วแม่แก้วสวยมากเลยค่ะน้องอร..เหมาะกับชุดมากดูสิคะว่าที่เจ้าบ่าวของเราถึงกับตะลึงเลยค่ะ”
ไม่ผิดจากที่พี่แมวพูดไปเลยสักนิดเพียงแค่อรฤดีก้าวเท้าออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าในชุดสีขาวประดับไข่มุกดูเรียบหรูอย่างลงตัวส่งให้ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวยิ่งดึงดูดสายตามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก จริงไม่จริงก็ดูได้จากคนตัวสูงที่ยืนนิ่งงันจ้องมองว่าที่เจ้าสาวของตัวเองอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้งก่อนจะได้สติกลับมาเมื่อเสียงของพี่แมวดังขึ้น
ก็ไม่ได้ต่างกันมากนักหรอกเพราะจอมทัพในชุดสูทพอดีตัวที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีนั้นทำเอาอรฤดีถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยแต่ก็ต้องเนียนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยเฉพาะหัวใจดวงน้อยๆของเธอที่มันเผลอเต้นรัวจนรู้สึกได้อยู่ในอกนั้น
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน
”อ้าวสวัสดีครับเจอกันอีกแล้ว“เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูจากคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสองขาที่สาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอรฤดีด้วยท่าทางที่เป็นมิตรกว่าครั้งก่อนที่เจอ”วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ“ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆ ไปด้วยซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาของจอมทัพหรือใคร“อรมากับเพื่อนค่ะ”“ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นะ..””อย่าดีกว่าค่ะอรกำลังจะแต่งงานแล้วนะคะคงจะดูไม่ดี“”การแต่งงานปลอมๆ น่ะเหรอครับ“ทันทีที่เปรมพูดอย่างนั้นอรฤดีก็เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาทันทีเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้จะรู้ความจริง“คุณรู้ได้ยังไงคะ”“ผมรู้ได้ยังไงไม่สำคัญหรอกครับ ที่สำคัญคือผมช่วยคุณได้ถ้าหากคุณต้องการ”ชายหนุ่มตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกพบแต่เมื่อเห็นว่าเธอนั่งอยู่กับคนรักของน้องสาวตนเองในวันนั้นก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เธอเข้ามาเป็นบุคคลที่สามของชีวิตคู่คนอื่น แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากน้องสาวของตัวเองเขาก็มีแรงฮึดสู้ที่จะสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง แล้วตอนนี้เขาก็พร้อมลุยเดินหน้าเต็มที่เพื่อที่จะดึงผู้หญิงคนนี้
หลายวันต่อมา “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ขวัญจะคอยเคี่ยวเข็ญให้ยายอรทำตามที่คุณแม่พูดอย่างเคร่งครัดเลยค่ะ”กรองขวัญจีบปากจีบคอพูดรับปากสิริวดีแม่ของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะในการรับหน้าที่พาอรฤดีไปเข้าคอร์สเจ้าสาวในวันนี้“ดีมากลูกถ้าเกิดว่ายายอรดื้อขึ้นมาโทรบอกแม่เลยนะ”“ได้เลยค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะขวัญจะดูแลอย่างดีเลยค่ะงั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”คนเป็นแม่โบกมือบ๊ายบายให้กับหญิงสาวทั้งสองที่รักปานดวงใจ เห็นลูกสาวของเธอมีเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันดีพร้อมให้ความช่วยเหลือกันแบบนี้คนเป็นแม่แบบเธอก็นอนตายตาหลับ แต่ดูเหมือนว่าที่เจ้าสาวจะหน้างอไม่พอยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่อีกต่างหาก “ไม่เห็นจำเป็นเลยคอร์สเจ้าทรงเจ้าสาวอะไรมันจะทำให้สวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนกันเชียวก็แค่แผนการตลาดหาเงินเพิ่มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ”อรฤดีขึ้นมาบนรถคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกแล้วบ่นอุ๊บอิ๊บในทันที “จะบ้าเหรออรมันจำเป็นมากเลยนะ ไม่ว่าแกจะแต่งเล่นหรือแต่งจริงแต่งแล้วจะอยู่ทนหรือจะเลิกมันไม่สำคัญมันสำคัญตรงที่วันที่แกได้แต่งตัวแต่งหน้าแต่งชุดเจ้าสาวคนที่สวยที่สุดในงานก็คือแกทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่แก
วันต่อมา รถยนต์คันหรูแล่นมาถึงเรือนหอหลังโตของทั้งสองคนที่อยู่แถวชานเมืองภายในรั้วกว้างใหญ่มีบ้านสองชั้นในสไตล์โมเดิร์น luxuryตั้งอยู่อย่างสวยงาม.. จะให้น้อยหน้าใครได้อย่างไรกันล่ะ จะให้เสียชื่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดได้ยังไงทุกอย่างต้องออกมาสวยงามและดีที่สุดเท่านั้นทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมเข้าอยู่ภายในถูกตกแต่งได้อย่างสวยงามหรูหราทั้งchandeliereและเฟอร์นิเจอร์พื้นที่ใช้สอยทุกอย่างลงตัว แต่ดูเหมือนว่าที่บ่าวสาวนั้นจะดูไม่ค่อยตื่นเต้นยินดีกันสักเท่าไหร่นะ…แน่ล่ะก็นี่มันเป็นงานแต่งงานปลอมๆ นี่นา “ต้องการปรับแก้ตรงไหนหรือต้องการเพิ่มเติมอะไรตรงส่วนไหนแจ้งผมได้เลยนะครับ”เลขาส่วนตัวของสุเมธเดินตามทั้งสองคนเพื่อคอยแนะนำและคอยดูแลบริการตั้งแต่ที่ว่าที่คู่บ่าวสาวมาถึง “คุณอยากปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไรตรงไหนไหม”คนตัวสูงหันมาเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาที่กำลังเดินสำรวจดูห้องนั้นห้องนี้ไปทั่วทั้งที่ขาตัวเองก็สั้นนิดเดียว “ไม่นะคะ ดีมากสวยมากๆ เลยค่ะ ชั้นชอบ” คำตอบของเธอไม่เพียงแต่ทำให้เลขาของสุเมธยิ้มออกมาเท่านั้นจอมทัพเองก็เช่นกันยิ่งเห็นเธอชอบเ
“แกยังไม่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอตาจอม”ทัศนีย์แม่ของจอมทัพเดินดุ่มๆ มาเอ่ยถามเมื่อเรื่องที่ร้านอารวันนี้เข้าถึงหูเธอและก็รู้อีกด้วยว่าเรื่องนี้ทำให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอเสียความรู้สึกไปไม่น้อย“ปัดเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับคุณแม่ แล้วผมก็รักเธอ”“เห้อ..ลูกคนนี้ แกจะเคยรักเคยชอบกันน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะแต่แม่จะบอกเอาไว้อย่างนึงว่าคนที่เค้ารักกันจริงๆ นะลูกเค้าจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร” คนเป็นแม่ส่ายหัวมองลูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแต่ก็ไม่ค่อยจะพอใจกับการกระทำของลูกชายตัวเองด้วยเหมือนกันจอมทัพก้มหน้าหลบสายตาของผู้หญิงที่ผ่านโลกมานานตรงหน้าด้วยความสับสนภาพในอดีตต่างๆ เริ่มไหลบ่าเข้ามาอีกครั้ง … “แม่รักและหวังดีกับลูกเสมอนะ”เธอยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายที่ดูกำลังสับสนและอ่อนแอเบาๆ ก่อนจะสวมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นแม่อย่างสุดหัวใจ “ผมก็รักแม่ครับ”ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาสวมกอดตอบในทันที อ้อมกอดนี้ของเธอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมเสมอเลยจริงๆ …“อ่อ แม่มีอีกเรื่องสสำคัญจะบอกกับลูกนะ” “ครับแม่ ..”มือเล็กของคนเป็นแม่ลูบหลังของลูกชายตัวโตเบาด้
“ผมขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป..” “อ้าวเร็วๆ สิคะทั้งสองคนจัดท่าตามในรูปได้เลยค่ะ ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”รูปที่พี่แมวยื่นให้ทั้งสองคนดูคือภาพที่เจ้าบ่าวนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจ้าสาวร่างเล็กนั่งอยู่บนตักของเขาพร้อมกับสองแขนที่โอบลำคอหนาของชายหนุ่มไว้มือข้างหนึ่งของเจ้าบ่าววางลงบนขาเรียวของเจ้าสาวส่วนอีกมือโอบประคองบั้นท้ายของเธอเอาไว้ราวกับว่าอยากจะกอดจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียให้หมดทุกสัดส่วน..แล้วค่อยๆ โน้นใบหน้าเข้าแนบชิดประกบริมฝีปากจูบซับความหวานถ่ายทอดความอบอุ่นแผ่วเบาผ่านสัมอันแสนอ่อนโยนให้แก่กันและกัน.. อรฤดีหันไปมองหน้าพี่แมวอีกครั้งด้วยความลังเลทั้งที่ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว พี่แมวพยักหน้าหงึกๆ ให้เธอเป็นสัญญาณว่าให้เธอจูบกับเจ้าบ่าวได้แล้ว“เชื่อใจผมนะ”ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกมา แต่ทั้งน้ำเสียงและแววตาบวกกับอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอกภัยนั้นทำให้อรฤดีคลายความกังวลใจลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปรับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากหนาของชายหนุ่มราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในห้วงมนต์สะกดของเขาอย่างง่ายดายมีเพียงลมหายใจแผ่วเบาของกันและกันเท่านั้นที่บอกไ