แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”

เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว

อารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนาง

เวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”

ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!”

“เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”

เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง”

สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตา

ใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!

เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง

นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้น

ใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!

ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอนนี้ถูกเวินซื่อทำลายหมดแล้ว!

นี่เป็นชุดพิธีการที่แพงที่สุดและดีที่สุดในเมืองหลวงนะ!

มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

เวินเยวี่ยปวดใจจนแทบหลั่งเลือด

“เจ้าบอกตั้งแต่เมื่อไรว่าเจ้าไม่ต้องการแล้ว? เจ้าเคยบอกว่าเจ้าชอบมากไม่ใช่หรือ? เจ้าทะนุถนอมชุดนี้ที่สุดไม่ใช่หรือ...”

เวินจื่อเฉินเดือดดาลอย่างยิ่ง

เวินซื่อกลับตัดบทเขาทันทีว่า “ข้าไม่ชอบแล้ว”

นางเอ่ยทวนทีละคำว่า “เมื่อก่อนเคยชอบ แต่ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้ว”

สิ่งที่ไม่ได้เป็นของนาง นางไม่ต้องการทั้งนั้น

“ฉับ”

เมื่อเวินซื่อตัดลงไปเป็นครั้งสุดท้าย ชุดพิธีการนั้นก็ถูกนางตัดจนเละไม่เป็นชิ้นดี

เฉกเช่นความสัมพันธ์ของนางกับพวกเวินจื่อเฉิน

ชาติที่แล้วนางอยากกอบกู้สถานการณ์มากเกินไป หากตระหนักได้เร็วหน่อย ตัดขาดทุกอย่างนี้เร็วหน่อย สุดท้ายนางก็คงไม่ลงเลยถึงขั้นนั้น

และชาตินี้ นางจะไม่ทำอะไรโง่งมเหมือนชาติที่แล้วอีกเป็นอันขาด!

“เอาเถิด พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ในเมื่อพี่รองไม่อยากให้ข้าออกไป เช่นนั้นก็ขออภัยที่น้องไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”

หลังจากที่นางวางกรรไกรลงก็หันหลังให้กับพวกเขา เริ่มไล่คนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหมดความอดทน

เวินจื่อเฉินยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาสองข้างแดงก่ำจ้องมองเศษผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้น

เขาเหมือนกับถูกคนทุบแรง ๆ สมองว่างเปล่าทันใด

ไม่...

ไม่ถูก

เหตุใดน้องห้าถึงกลายเป็นเช่นนี้?

เหตุใดนางต้องทำขนาดนี้?

หรือว่านางโกรธที่เขาให้นางมอบชุดพิธีการให้กับน้องหก?

หรือเป็นเพราะว่าเขาปรักปรำนาง?

แต่นี่เป็นเพราะนางทำผิดก่อนไม่ใช่หรือ?

นางมีสิทธิอะไรมาอารมณ์เสีย?!

เวินจื่อเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ

“ทั้งหมดต้องโทษพวกพี่ใหญ่ที่ตามใจเจ้าจนกลายเป็นเช่นไรแล้ว! ตอนนี้แม้แต่ความหวังดีของพวกพี่ชาย เจ้าก็ยังกล้าทำลาย ต่อไปเกรงว่าเจ้ายังคิดจะขบถด้วย!”

เวินจื่อเฉินนึกว่าเอ่ยเช่นนี้เวินซื่อจะมีปฏิกิริยา แต่เวินซื่อที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา

ท่าทีดูเหมือนขับไล่คนมาก ๆ

“ดี ๆๆ!”

เวินจื่อเฉินโกรธจนเอ่ยคำว่าดีติดต่อกันสามครั้ง เขาเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ากล้าโกรธปั้นปึ่งใส่ข้า คอยดูนะ วันนี้ข้าจะต้องเรียกพวกพี่ใหญ่มาดูท่าทางดื้อดึงของเจ้า!”

เขากล่าวจบก็คว้าเครื่องประดับศีรษะที่เวินเยวี่ยเพิ่งหยิบขึ้นมาจากพื้น รวมทั้งรวบรวมเศษผ้าบนพื้นขึ้นมาทั้งหมด

“เอ๊ะ พี่รอง?!”

เวินเยวี่ยยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นเวินจื่อเฉินนำชุดพิธีการขาดรุ่งริ่งชุดนั้นหันตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

นางหันหน้ากลับไปถลึงตาใส่เวินซื่ออย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากขบคิด สุดท้ายก็ยังไล่ตามออกไป

เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ห้องของเวินซื่อก็เงียบสงบลงในพริบตา

เงียบจนแทบได้ยินเสียงสาวใช้บางคนที่คิดว่าเสียงตัวเองเบามากกำลังแอบนินทากันอยู่บนระเบียงทางเดินที่ไม่ไกลจากด้านนอกห้อง

“อุ๊ย เมื่อกี้คนที่วิ่งออกมาจากห้องของคุณหนูห้าคือคุณชายรองกับคุณหนูหกไม่ใช่หรือ?”

“ดูเหมือนจะเป็นพวกเขานะ!”

“คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นคุณชายรอง หากรู้แต่แรกข้าคงไปรอในห้องของคุณหนูห้าแล้ว”

“ช่างเถิด เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินคุณชายรองตำหนิคุณหนูห้าเสียงดังอีกแล้ว เกรงว่าคุณหนูห้าคงจะทำอะไรคุณหนูหกอีกแล้ว คนจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น เจ้ายังกล้าไปใกล้นางอีกหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าสักวันนางจะไม่พอใจจนลงมือกับเจ้าหรือไร?”

“สวรรค์ น่ากลัวเหลือเกิน! หากเป็นเช่นนี้ ใครยังจะกล้าไปรับใช้นางอีกเล่า?”

ภายในห้อง เวินซื่อฟังคำพูดเหล่านี้อย่างเย็นชา

ท่ามกลางเสียงของสาวใช้หลายคนนั้น คนที่พูดมากหนึ่งในนั้นก็คือชุนเซียง สาวใช้คนสนิทของนาง

และเป็นสาวใช้ที่เตะนางแรง ๆ เพื่อเอาใจเวินเยวี่ยตอนที่นางถูกขังไว้ในห้องลับ

ตอนแรกชุนเซียงหักหลังนางตามคำสั่งของเวินเยวี่ย ช่วยเวินเยวี่ยขับไล่นางออกจากจวนกั๋วกง ดังนั้นจึงกลายเป็นคนสนิทที่ทำงานเก่งข้างกายเวินเยวี่ย

เมื่อก่อนเวินซื่อไม่รู้เลย แต่ตอนนี้คิดดูแล้วเกรงว่าเวลานี้ชุนเซียงคงจะไปขอพึ่งพาอาศัยเวินเยวี่ยนานแล้ว

และลอบยุยงข้ารับใช้ในเรือนนาง ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและตีตัวออกหากกับนาง

จิตสังหารฉายขึ้นมาในแววตาของเวินซื่อ

นางจะไม่ยอมปล่อยเวินเยวี่ยกับคนสกุลเวินไป

เช่นเดียวกัน นางก็จะไม่ยอมปล่อยคนที่ทรยศนาง

“พวกเจ้าทั้งหลาย”

เสียงของเวินซื่อพลันดังขึ้นจากด้านหลังพวกสาวใช้หลายคน

พวกซุนเซียงหันหน้าไปมองก็เห็นเวินซื่อยืนอยู่ริมหน้าต่าง กำลังจ้องมองพวกนางด้วยสายตาทะมึน

พวกสาวใช้ที่เพิ่งถูกชุนเซียงขู่ให้ตกใจพลันหวาดกลัวจนรีบลุกขึ้นมา

“นอกจากชุนเซียงแล้ว คนอื่น ๆ กลับไปเก็บข้าวของเสีย ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะเรียกคนมารับพวกเจ้า”

สาวใช้คนอื่น ๆ ยังไม่ทันตั้งสติ เอ่ยถามอย่างงุนงงเล็กน้อยว่า “เก็บข้าวของ? ไปที่ใดหรือเจ้าคะ? คุณหนูห้าจะเรียกใครมารับพวกเราหรือเจ้าคะ?”

เวินซื่อมองพวกนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ย่อมเรียกนายหน้าค้าทาสมารับ ไม่เช่นนั้นยังมีใครได้อีก?”

สาวใช้ทั้งหลายพากันหน้าถอดสี เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คุณหนูห้าเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอันใด? พวกนางทำสิ่งใดผิด ท่านถึงปฏิบัติกับพวกนางเช่นนี้?!”

ซุนเซียงที่ถูกแยกออกมาคนเดียวยังตระหนักไม่ได้ถึงความร้ายแรง นางจดจำคำพูดที่เวินเยวี่ยกำชับนางได้ขึ้นใจ พูดแทนสาวใช้คนอื่น ๆ อย่างหนักแน่นมีเหตุผลชอบธรรม

“พวกนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด”

เวินซื่อยิ้มน้อย ๆ “แต่ว่าสมองไม่ค่อยกระจ่างนัก แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นเจ้านายของพวกนาง”

“พวกคนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเจ้านายของตนเองเป็นใคร เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เรือนของข้าต่อไป เก็บของไสหัวไปแต่เนิ่น ๆ เสีย เพื่อไม่ให้สักวันข้าไม่พอใจจนลงมือกับพวกเจ้า”

เมื่อคำพูดประโยคสุดท้ายออกมา บรรดาสาวใช้รวมถึงซุนเซียงก็พากันหน้าซีดเผือด

หลังจากนั้น เวินซื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวอีกว่า

“แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถไปอ้อนวอนขอร้องน้องสาวแสนดีที่มีเมตตาบริสุทธิ์ของข้าได้เหมือนกัน ไม่แน่ว่านางอาจจะยินดีจ่ายราคางามซื้อพวกเจ้าจากในมือของข้าก็ได้?”

พอดีเลย หากนางอยากออกไปจากสกุลเวิน ยังต้องเตรียมเงินในมือไว้ก่อน

เมื่อเวินซื่อปิดหน้าต่าง เพิ่งจะหันตัวมาก็สะดุ้งตกใจกับบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน ความเคียดแค้นชิงชันอย่างรุนแรงก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจของเวินซื่อ

นางเอ่ยปากอย่างช้า ๆ ว่า “พี่ใหญ่”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1090

    ทันทีที่คำพูดอันเดือดดาลของเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยออกมาเวินจื่อเยวี่ยถึงเพิ่งรู้ตัวว่าครั้งนี้บิดาของเขาโกรธจริง ๆเพียงแต่เวินจื่อเยวี่ยก็กลัวว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะเชื่อคำพูดของเอ้อถานหลัวเข้าจริง ๆ อยากจะพูดแทนน้องหกสักสองประโยค แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งแล้วก็ไม่กล้าที่จะพูดต่ออีกทำได้เพียงข่มสีหน้าคับแค้นใจ ถลึงตาใส่หลานซื่ออย่างเกรี้ยวกราด“ต้องโทษเจ้า!”เพียงสามคำนี้ ก็โยนความผิดทั้งหมดใส่ตัวหลานซื่อเวลานี้หลานซื่อที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่เกาหยางยกมาแล้ว ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเขาด้วยซ้ำ เพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกหนึ่งอย่างเฉยเมยนางรู้ว่าคืนนี้ความลับของเวินเยวี่ยจะปกปิดไว้ไม่ได้อีกแล้วนางก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องราวที่รู้มานานแล้วนางเพียงกำลังคิดว่า ยามนี้เอ้อถานหลัวผู้นั้นคงสนใจเวินเยวี่ยขึ้นมาจริง ๆ แต่ไม่ว่าเพื่อการวิจัยหรืออย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยแต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจงใจเอาตัวเสี่ยวหานมาใช้กดดันดูคล้ายว่าเขาต้องการข่มขู่เวินเฉวียนเซิ่ง แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นการข่มขู่นางหลังจากที่หลานซื่อใจเย็นลงแล้วขบคิดอย่างถี่ถ้วน ก็มองทะลุอุบายของเอ้อถานหลัวห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1089

    เวินเฉวียนเซิ่งจ้องมองหลานซื่ออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยอมประนีประนอม“ไต้ซือ ปล่อยคนออกมาเถิด”เพื่อที่จะฟื้นฟูร่างกายที่พิการนี้ อย่างน้อยเขาต้องได้ดอกบัวกระดูกมังกรมาไว้ในมือ!แต่ใครจะรู้ว่าเขายอมประนีประนอมแล้ว ทว่าเอ้อถานหลัวกลับไม่ยอม“อมิตตาพุทธ ไม่ได้”เวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้ว “ไต้ซือหมายความว่าอย่างไร?”เอ้อถานหลัวกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะอาตมาก็สนใจบุตรสาวคนเมื่อครู่ของท่านค่อนข้างมาก หากท่านสามารถพานางกลับมาได้ อาตมาก็จะคืนนังหนูที่จับมาแก่ท่าน”เวินเฉวียนเซิ่งที่ได้ยินคำพูดนี้กำหมัดแน่น“เอ้อถานหลัวไต้ซือ ท่านไม่ได้กำลังเล่นตลกกับข้าใช่ไหม?”เวินเฉวียนเซิ่งโกรธจนกัดฟันกรอดเอ้อถานหลัวกลับกล่าวอย่างจริงจัง “ที่ไหนกันเล่า? อาตมาไม่เคยเล่นตลกกับผู้อื่น”“เช่นนั้นเมื่อครู่นางก็อยู่ที่นี่ เหตุใดท่านไม่ลงมือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดนี้เช่นกันที่อยู่ด้านข้างซักถามอย่างเดือดดาล“เพราะอาตมาไม่อยากล่วงเกินอ๋องชาง”เหตุผลง่ายดายเพียงข้อเดียวกลับทำให้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยสองพ่อลูกโกรธจนแทบจะระเบิดโดยเฉพาะเวินเฉวียนเซิ่ง ในตอนนี้เขาห่าง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1088

    “ไม่นะ…อ๊า! ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!”เวินเยวี่ยยังคิดจะดิ้นรนอยู่ แต่น่าเสียดายว่าตอนนี้ยักษ์ต่างเผ่าได้ยืนยันอย่างสมบูรณ์แล้วว่าเป็นนางฝ่ามือใหญ่ยกขึ้น พุ่งตรงไปที่นาง“ถอยไป! ถอยไปเร็ว!”“น้องหกหนีไปเร็ว!”เวินจื่อเยวี่ยยังพยายามขัดขวางยักษ์ต่างเผ่าผู้นั้น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คู่ต่อกรของยักษ์ต่างเผ่าโดยสิ้นเชิงเขาพุ่งเข้าไปพร้อมดาบเล่มหนึ่ง ยังไม่ทันฟันถูกร่างกายของยักษ์ต่างเผ่า ก็ถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือตบกระเด็นออกไปทันที จนกระแทกต้นไม้ต้นหนึ่งหักโค่น“ไต้ซือ ลูกสาวของข้านางสามารถ…”“ไม่ได้”เอ้อถานหลัวตัดบทคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง ปฏิเสธคำขอที่เขากำลังจะเอ่ยออกมาเวินเฉวียนเซิ่งตามติดข้างหลังเอ้อถานหลัวอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเขาทำข้อตกลงอะไรกับเอ้อถานหลัวไว้บ้าง ในตอนนี้แม้เอ้อถานหลัวจะกำลังนั่งดูเรื่องสนุกอยู่เฉย ๆ แต่ก็ไม่ได้ไม่สนใจเขาเสียทีเดียวเพียงแต่กับคนอื่นแล้ว เอ้อถานหลัวไม่คิดจะลงมือ“คำพูดของบุรุษทรงพลังผู้นี้เมื่อครู่พวกเจ้าก็ได้ยินแล้ว เขามาตามคำสั่งของอ๋องชาง เป็นผู้ใต้บัญชาของอ๋องชางแห่งราชสำนัก ในเมื่ออ๋องชางส่งคนมาจับตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไม่ฆ่านา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1087

    “ใคร...คือ...ธิดา...ศักดิ์สิทธิ์...”ยักษ์ต่างเผ่าหมุนกาย ตะโกนถามทุกคนรอบข้างด้วยเสียงดังลั่นและเพราะคำไม่กี่คำที่เขาพูดออกมาล้วนเป็นภาษาจงหยวนดังนั้นทุกคนที่อยู่ในที่นั้นจึงเข้าใจในทันทีตามหาธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือ?!สีหน้าของหลานซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเวินเยวี่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าดีใจขึ้นมาทันใด กำลังจะยกมือชี้มาที่นาง หลานซื่อก็รีบชิงตัดหน้านางในทันที...“นาง…”“นางคือธิดาศักดิ์สิทธิ์!”ยักษ์ต่างเผ่าถูกดึงดูดด้วยเสียงของนางดังคาด ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเวินเยวี่ย “ใคร! ใคร...คือ...ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”หลานซื่อชี้ไปที่เวินเยวี่ย “นาง! หญิงชาวจงหยวนผู้นั้น ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้ากำลังตามหา!”ที่นี่เกือบทุกคนเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าและแต่งกายแบบชาวต่างเผ่าแล้วมีเพียงเวินเยวี่ยเท่านั้นที่ไม่ชอบสภาพที่ดูน่าเกลียดแบบที่ต้องเอาผ้ามาคลุมศีรษะ และไม่ชอบวาดลวดลายสีเขียว ๆ บนใบหน้า ดังนั้นถึงแม้นางจะเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของสตรีชาวต่างเผ่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผูกผ้าบนศีรษะเหมือนกับสตรีชาวต่างเผ่าด้วยเหตุนี้ยักษ์ต่างเผ่าผู้นั้นจึงมองตามนิ้วมือของหลานซื่อไป ก็เห็นใบหน้าที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1086

    “ผู้อาวุโส! ไต้ซือ! หากท่านยังไม่ลงมือ สิ่งที่เคยรับปากกับท่านไว้ก่อนหน้านี้จะไม่มีใครมอบให้ท่านได้อีก!”ครั้งนี้ คำขอความช่วยเหลือของเวินเฉวียนเซิ่งในที่สุดก็เรียกการตอบสนองจากคนที่อยู่ในเงามืดได้อีกครั้ง“ติ๊ง!”เสียงกระดิ่งดังขึ้นในป่าโดยพลันเสียงกระดิ่งนั้นไม่เพียงทำให้ฝูงแมลงพิษทั้งหมดชะงักงัน แต่ยังสั่นสะเทือนจิตใจของผู้คนอีกด้วยตรงหน้าหลานซื่อพลันมืดลง รู้สึกได้เพียงว่าสายตาพร่ามัวไปชั่วขณะ ร่างกายของนางโอนเอนเล็กน้อย เกือบจะล้มลงกับพื้นเมื่อนางกัดฟันเพื่อตั้งสติได้ แล้วมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ในใจก็พลันตื่นตระหนก“นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสามารถทนต่อเสียงกระดิ่งมารได้”เอ้อถานหลัวค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด มองหลานซื่อที่ยังยืนอยู่ได้ในสถานที่นั้นเพียงผู้เดียว สายตานั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจดวงตาชราภาพคู่นั้นพลันฉายแววเฉียบคมเพ่งพินิจหลานซื่ออย่างละเอียด ราวกับต้องการค้นหาสาเหตุจากตัวนางว่าเพราะเหตุใดนางถึงสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้แต่น่าเสียดาย เขาไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลยและด้วยเหตุนี้เอง สายตาที่เอ้อถานหลัวมองหลานซื่อจึงยิ่งเต็มไปด้วยความใคร่รู้และตื่นเต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1085

    “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบส่งของที่ข้าต้องการออกมาเดี๋ยวนี้”เมื่อทั้งสองพูดจบ บรรยากาศทั่วทั้งป่าก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้งทันทีหลานซื่อจ้องมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยสายตาเย็นชา“ดูเหมือนจะไม่มีพื้นที่ให้เจรจาแล้ว”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ “ลงมือ”หลานซื่อแสร้งทำเป็นออกคำสั่งกับผู้อื่น เอ่ยออกมาคำหนึ่ง และในวินาทีถัดมา...“ตูม!”ในชั่วพริบตา แมลงพิษนับไม่ถ้วนก็พลุ่งพล่านอยู่ใต้พื้นดินเวินเฉวียนเซิ่งกับพวกยังไม่ทันรู้ตัว ก็เห็นแมลงสีดำสนิทหลากหลายชนิดผุดขึ้นมาจากพื้นดินรอบ ๆ ตัวพวกเขา ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างเนืองแน่นเวินเฉวียนเซิ่งสะดุ้งตกใจในทันทีฝูงแมลงพวกนี้คือแมลงชนิดเดียวกับที่โจมตีเขาคราวก่อนที่บริเวณใกล้ภูเขาหนาน!เป็นไปตามคาดลูกสาวเนรคุณผู้นี้มีปรมาจารย์กู่คอยหนุนหลังอยู่จริง ๆ!เวินเฉวียนเซิ่งตะโกนเสียงดังทันที “ท่านผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย!”ในขณะที่แมลงพิษเหล่านั้นกำลังจะพุ่งเข้าถึงตัวเวินเฉวียนเซิ่งกับพวก เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดก็ดังมาจากที่ไกล ๆ อย่างกะทันหัน...“ถอย!”ฝูงแมลงพิษกว่าครึ่งของหลานซื่อชะงักงันในทันทีแต่ในเสี้ยววินาทีถัดมา พวกมันก็หลุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status