วันเวลานั้นผ่านไปไว เจ็ดวันที่ว่านานนั้น สำหรับคุณชายน้อยที่ต้องออกจากจวนไปศึกษาต่อ นับว่าสั้นยิ่งนัก วันนี้หลัวอี้เจ๋อจำต้องเดินทางกลับเมืองถงด้วยความอาลัย
เขาได้นอนกอดมารดาเพียงสามวัน อีกสี่วันบิดาบอกว่าครรภ์ของมารดายังเล็กนัก เกรงว่ามือหรือเข่าของเขา จะเผลอไปโดน ยามที่เขานอนหลับ เขาจึงยอมกลับไปนอนที่เรือนของตนแต่โดยดี“รอท่านแม่คลอดน้อง ข้าจะขออนุญาตท่านอาจารย์กลับมา” หลัวอี้เจ๋อบอกแม่นมที่นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกันด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เจ้าค่ะ… แต่ก่อนที่ฮูหยินน้อยจะคลอด คุณชายน้อยก็ยังมีโอกาสกลับมาเยือนเมืองเซิ่งอีกครานะเจ้าคะ”แม่นมซิ่วยิ้มพลางกล่าวออกมายิ้มๆ คุณชายน้อยไม่อยากกลับไปยังเมืองถง นางเข้าใจดีว่าคุณชายน้อยเป็นห่วงฮูหยินน้อย นางเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทว่าครานี้นางเชื่อว่า ฮูหยินน้อยจะต้องคลอดทายาทคนนี้ออกมาได้อย่างปลอดภัย“อื้อ… กลับมาคราหน้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง การฝึกวรยุทธ์ของข้าจะต้องก้าวหน้ากว่าครานี้ให้ได้”หลัวอี้เจ๋อพยักหน้า บอกแม่นมซิ่วด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แววตาที่ฉายออกมาจากด“เหมียวเอ๋อร์… เจ้ามั่นใจรึ ที่จะให้เซียนเอ๋อร์ประลองฝีมือ ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งจะฝึกวรยุทธ์มาได้ไม่นาน แต่หลิวซีที่อายุมากกว่า นางฝึกวรยุทธ์กับเหล่าจ้ง บิดาของนางมาราวๆ หนึ่งปีได้แล้วกระมัง” ท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยถามบุตรสาวออกมาด้วยความเป็นกังวล หลานสาวยังเยาว์วัยนัก“ข้าเชื่อใจนางเจ้าค่ะ นางมีความสามารถมากกว่าข้า ในยามที่อายุเท่านี้เยอะ” หลี่ชิงเหมียวหันไปบอกบิดาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ“ก็จริง… แต่พ่อไม่อยากให้นางได้รับบาดเจ็บ เหตุใดนางถึงได้นิสัยเจ้ามาเต็มๆ เช่นนี้นะ” นายท่านหลูกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจหลานสาวคนนี้ เอานิสัยในวัยเยาว์ของหลูชิงเหลียนมาจนหมด ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน หากเขาไม่รู้ว่า หลูชิงเหลียนได้มาเกิดใหม่ ในร่างของหลี่ชิงเหมียวแล้ว เขาคงจะเผลอเข้าใจผิด คิดว่าหลานสาวผู้นี้ต่างหาก คือบุตรสาวของเขาที่มาเกิดผู้คุมการประลองให้สัญญาณ เรียกผู้ประลองทั้งสอง ให้มาเผชิญหน้ากัน ก่อนที่จะประกาศให้เริ่มประลองได้ ทุกคนที่มารอชม ต่างพากันมองไปยังสองร่างเล็ก ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นหลัวลี่เซียนคล่องตัวกว่าหลิวซ
หลังจากที่แขกผู้มาเยือนกลับไป จวนตระกูลหลัวก็กลับมาเงียบสงบอีกหน หลัวอี้เฉินได้มีเวลาอยู่กับภรรยามากขึ้น ตั้งแต่หลี่ชิงเหมียว ให้กำเนิดบุตรสาวออกมาอย่างปลอดภัย หลัวอี้เฉินก็มุ่งหน้าไปยังอารามหลัวเซิง เพื่อถวายค่าเติมน้ำมันตะเกียงอายุยืนให้แก่นาง กับบูชายันต์คุ้มภัยกลับมาให้ภรรยา“ท่านพี่… ยันต์คุ้มภัยนี่ ท่านไปบูชามาจากอารามหลัวเซิงหรือเจ้าคะ” หลี่ชิงเหมียวมองยันต์คุ้มภัย ที่มีอักขระงดงามแปลกตาในมือ ถามสามีใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ“ใช่แล้ว… พี่ยังถวายค่าน้ำมันตะเกียง เพื่อเติมตะเกียงอายุยืนให้กับเจ้าอีกด้วย”หลัวอี้เฉินยิ้มออกมา พลันนึกไปถึงยามที่เขาไปเยือนอารามหลัวเซิง ราวกับท่านเจ้าอาวาส จะรับรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าเขาจะเดินทางไปที่นั่น ทำให้เขาได้พบกับท่านเจ้าวาส ราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ“ท่านบูชาตะเกียงอายุยืนให้ข้าหรือเจ้าคะ” หลี่ชิงเหมียวถามสามียิ้มๆ เขามีความเชื่อในเรื่องลี้ลับ เกินกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก“คราแรกพี่ก็ตั้งใจจะบูชาให้เจ้า แต่ท่านเจ้าอาวาสกล่าวว่า ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้า พวกเขาได้บูชาเอาไว้อ
วันนี้เข้าสู่วันที่สาม ที่หลัวลี่เซียน นางฟ้าตัวน้อย ได้ถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้ ที่จวนตระกูลหลัว จึงจัดพิธีสรงสามเพื่อความเป็นมงคล ให้แก่ทารกน้อย ตระกูลหลี่ที่อยู่เมืองถง ก็ได้พากันเดินทาง มาร่วมพิธีสรงสามของหลานสาวในวันนี้ด้วยหลี่ต้าถง จ้าวซื่อ หลี่ต้าหลุน สะใภ้โหรว และหลี่หลิงหรง บุตรสาวของหลี่ต้าหลุนกับโหรวหลิงหลิง จึงได้มารวมตัวกัน อยู่ที่จวนตระกูลหลัว พร้อมหน้ากันในวันนี้หลี่ต้าถงใจกว้าง มอบที่ดินสิบหมู่ในเมืองถง ให้แก่หลานสาวคนที่สาม จ้าวซื่อมอบร้านขายผ้าไหม ในเมืองเซิ่งที่เพิ่งซื้อมา หลี่ต้าหลุน และครอบครัว มอบปิ่นหยกขาวมันแพะ กับกำไลข้อมือหยกมรกตพันปี ให้แก่หลัวลี่เซียนนายท่านหลู และหลูฮูหยินเองก็ไม่น้อยหน้า มอบไร่นาห้าหมู่ ให้แก่หลานสาวต่างสายเลือด ข้างกายของทารกน้อยในห่อผ้า จึงเต็มไปด้วยของกำนัลรับขวัญ หลี่ชิงเหมียวยืนมองบุตรสาวน้ำตาคลอ ก่อนที่จะหันไปมองบุตรชาย“ท่านแม่…น้องยิ้มด้วย น้องชอบของเหล่านี้ใช่หรือไม่ขอรับ” หลัวอี้เจ๋อเอ่ยถามมารดาอย่างไร้เดียงสา ผู้ใหญ่ในห้องนั้น มองหน้ากัน แล้วพากันยิ้มออกมาหลังจากทำพิธีสรงสามเสร็จ ค
“อุ….แว๊…..อุ… แว๊” เสียงของทารกน้อยร้องจ้าดังก้องไปทั่วห้องครานี้หลี่ชิงเหมียว ยังคงเหลือเรี่ยวแรง ไม่ได้หมดสติไป นางมองไปยังร่างเล็ก ที่กำลังถูกผู้ติดตามของหมอตำแยช่วยกันทำความสะอาด แม่นมซิ่วเห็นเช่นนั้น ก็พลันหลั่งน้ำตาแห่งความยินดีออกมา ทารกน้อยในห่อผ้าถูกส่งมาวางลงข้างๆ หลี่ชิงเหมียว“ขอแสดงความยินดีกับฮูหยินน้อยด้วยเจ้าค่ะ เป็นคุณหนูน้อย ร่างกายจ้ำม่ำ แข็งแรงเชียวเจ้าค่ะ” หมอตำแยกล่าวออกมาด้วยความโล่งใจ ครานี้ต่างไปจากครานั้น ที่หนึ่งชีวิตยังอยู่ ทว่าหนึ่งชีวิตต้องจากไป“อื้อ… ตกรางวัลให้กับทุกคนในห้องนี้” หลี่ชิงเหมียวกล่าวออกมาน้ำตาคลอ สาวรับใช้ที่อยู่ด้านในรวมไปถึงหมอตำแย ต่างพากันกล่าวแสดงความยินดี พร้อมทั้งกล่าวคำขอบคุณฮูหยินน้อยออกมาทางด้านหน้าห้อง ที่ได้ยินเสียงทารกร้องจ้าก็อยู่ไม่สุขแล้ว แต่ไม่นานอี้เหลียน ก็วิ่งออกมารายงานให้ทุกคนที่รออยู่ข้างนอกได้ทราบ“คลอดแล้วเจ้าค่ะ คลอดแล้วเจ้าค่ะ”“นางเป็นเช่นไรบ้าง เหมียวเอ๋อร์… ภรรยาข้าเป็นเช่นไรบ้าง”
วันเวลานั้นผ่านไปไว เจ็ดวันที่ว่านานนั้น สำหรับคุณชายน้อยที่ต้องออกจากจวนไปศึกษาต่อ นับว่าสั้นยิ่งนัก วันนี้หลัวอี้เจ๋อจำต้องเดินทางกลับเมืองถงด้วยความอาลัยเขาได้นอนกอดมารดาเพียงสามวัน อีกสี่วันบิดาบอกว่าครรภ์ของมารดายังเล็กนัก เกรงว่ามือหรือเข่าของเขา จะเผลอไปโดน ยามที่เขานอนหลับ เขาจึงยอมกลับไปนอนที่เรือนของตนแต่โดยดี“รอท่านแม่คลอดน้อง ข้าจะขออนุญาตท่านอาจารย์กลับมา” หลัวอี้เจ๋อบอกแม่นมที่นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกันด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เจ้าค่ะ… แต่ก่อนที่ฮูหยินน้อยจะคลอด คุณชายน้อยก็ยังมีโอกาสกลับมาเยือนเมืองเซิ่งอีกครานะเจ้าคะ”แม่นมซิ่วยิ้มพลางกล่าวออกมายิ้มๆ คุณชายน้อยไม่อยากกลับไปยังเมืองถง นางเข้าใจดีว่าคุณชายน้อยเป็นห่วงฮูหยินน้อย นางเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทว่าครานี้นางเชื่อว่า ฮูหยินน้อยจะต้องคลอดทายาทคนนี้ออกมาได้อย่างปลอดภัย“อื้อ… กลับมาคราหน้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง การฝึกวรยุทธ์ของข้าจะต้องก้าวหน้ากว่าครานี้ให้ได้”หลัวอี้เจ๋อพยักหน้า บอกแม่นมซิ่วด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แววตาที่ฉายออกมาจากด
เย็นวันนั้น จวนตระกูลหลัว ก็ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ คุณชายน้อยหลัว ที่เดินทางกลับมาพักผ่อนที่จวน เป็นเวลาเจ็ดวัน ก่อนที่เขาจะต้องเดินทางกลับไป ยังสำนักศึกษาตระกูลหลี่อีกหน เพื่อศึกษาหาวิชาความรู้ต่อไปนายท่านหลูกับหลูฮูหยิน ก็ได้รับเทียบเชิญ ให้มาร่วมงานเลี้ยงครอบครัวในวันนี้ด้วยเช่นกัน สองสามีภรรยามองไปยังบุตรสาวกับหลานชายด้วยความสุขใจเพราะถึงแม้กายเดิมของบุตรสาวจะจากไปแล้ว ทว่ายามนี้นางก็ได้เกิดใหม่ มีเลือดมีเนื้อให้พวกตนได้สัมผัส บนโลกนี้ยังจะมีผู้ใด โชคดีได้เท่าพวกตนอีก“กินเยอะๆ พรุ่งนี้แม่จะดูว่าเจ้าฝึกวรยุทธ์กับเหล่าซ่ง” หลี่ชิงเหมียวบอกบุตรชาย หลัวอี้เจ๋อพยักหน้าให้มารดาอย่างไม่โต้แย้ง เขาฝีมือก้าวหน้าแล้ว ไยต้องกลัวการทดสอบ“เมื่อก่อนท่านแม่ของเจ้า ก็ฝึกวรยุทธ์กับท่านตาตั้งแต่เยาว์วัย แม้ร่างกายนางจะเล็ก แต่ก็สามารถเอาชนะเด็กวัยเดียวกันได้ พ่อของเจ้ายังเอาชนะนางไม่ได้เลย”นายท่านหลูหรือท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟงกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ นัยน์ตามองไปยังหลานชายสลับกับหลี่ชิงเหมียว นางจึงส่งยิ้มจางๆ ไปให้เขา“ใช่แล้ว&he