ศลิษานั่งเล่นอยู่นานจนเฟรเดอริคลงมาตามด้วยตัวเอง พนักงานหลายคนที่ไม่ค่อยได้เห็นผู้เป็นเจ้านายลงมาข้างล่าง ส่วนใหญ่เขาจะสั่งงานผ่านผู้ช่วยคนสนิทของเขามาเท่านั้น
หญิงสาวที่ตั้งใจจะหาข้ออ้างไม่กลับขึ้นไปก็เป็นอันต้องล้มเลิกความตั้งใจ เมื่อเขาตรงมาจับข้อมือเล็กแล้วดึงเธอจนแทบจะลากให้ขึ้นไปชั้นสองด้วยกัน
ธาวินมองตามร่างลูกมือของตัวเองก็ได้แต่ถอนใจ เขายอมรับว่าศลิษาสวยมาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขนาดที่เฟรเดอริคจะมาถูกใจ
“อะไรเหรอพี่วิน” พนักงานเสิร์ฟสาวที่เห็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อประจำร้านมองตามหลังผู้เป็นเจ้านายไป ถามเขาด้วยความสงสัย
“พี่ว่านะ ยัยลิษารอดมือนายยากแล้วล่ะ”
“หือ พี่ลิษาทำไมนะ”
“ช่างเถอะ ไปทำงานไป คนเยอะแยะ”
ค่าๆ ขี้บ่นจัง”
“ถ้าไม่ให้ฉันทำงานก็ให้ฉันกลับบ้านได้แล้วค่ะ ฉันจะกลับไปนอน” ศลิษาพูดอย่างหงุดหงิด เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง
“กลับไม่ได้แล้วล่ะ ตึกที่เธออยู่ฉันซื้อแล้ว”
“.....!!!!!”
“กลับกับฉัน”
“คุณจะบ้าเหรอ” หญิงสาวร้องวี้ดอย่างไม่เข้าใจ
“รอเงียบๆจะดีกว่านะ..... คุณรออยู่ในห้อง ปิดล็อกให้สนิท ถ้าผมไม่ได้เปิดเข้าไปคุณห้ามเปิดเด็ดขาด ห้องนี้เปิดได้จากข้างในกับลายนิ้วมือผมเท่านั้น” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นในกล้องวงจรปิดที่หน้าจอโชว์อยู่ ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังเข้ามาภายในผับ
ชายหนุ่มดึงให้คนตัวเล็กกว่าเดินตามเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวที่จะเปิดประตูได้จากในห้องทำงานเท่านั้น เขากำชับหญิงสาวน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะออกไปโดยไม่ลืมหยิบปืนจากลิ้นข้างประตู
“อะไรวะ” ศลิษาพึมพำเบาๆสีหน้าไม่เข้าใจ
ศลิษามัวแต่หงุดหงิดเลยไม่ทันได้มองว่าชายหนุ่มได้หยิบปืนออกไปด้วย เธอมองไปรอบๆห้องก็เห็นจอขนาดใหญ่จึงเดินไปกดเปิด คาดเดาว่าน่าจะเป็นหน้าจอที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วเธอก็คิดถูก ภาพที่ปรากฎขึ้นจอให้เธอเห็นคือภาพของจุดต่างๆของผับ
ดวงตากลมโตมองหน้าจอผ่านๆ แต่ก็ไปสะดุดตาตรงภาพที่ฉายภาพชั้นล่าง บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นมายังชั้นสอง ราวกับตอนนี้กำลังมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ชายชุดดำใส่สูทหลายคนกำลังยืนอยู่เต็มบริเวณ แขกถูกกันออกไปยังอีกฝั่งของผับ ที่หน้าบันไดขั้นสุดท้าย ร่างของเขากำลังเดินลงไปด้วยท่าทางสบายๆแต่แฝงความน่าเกรงขามเอาไว้
“อย่างกับพวกมาเฟียอย่างนั้นแหละ.....” เจ้าของเสียงหวานใสพึมพำ ก่อนจะเอะใจ มองภาพที่เห็นอย่างพิจารณาอีกครั้ง
หญิงสาวลุกขึ้นเดินสำรวจภายในห้อง เธอเปิดลิ้นชักต่างๆ ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง จนมาหยุดอยู่ที่ลิ้นชักชั้นวางของที่อยู่ข้างประตู มือเล็กเปิดมันโดยไม่ได้คาดหวัง ของสีดำวางเรียงอยู่หลายชิ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ปืน!!!”
ศลิษามีอาการตื่นตระหนก ในสมองหวนนึกไปถึงอาการที่เขาแสดงออกและสิ่งต่างๆที่เขาทำ เธอคิดว่าเป็นเพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมากคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดที่เขาจะเป็นมาเฟีย
ที่ด้านล่างของผับ หลังจากที่เฟรเดอริคเดินลงมาถึงด้านล่างก็เผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขัดขากันอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยไประรานอีกฝ่าย ที่สำคัญคือปกติตัวเขาจะไม่ออกหน้าเองอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน อีกฝ่ายมาบุกถึงถิ่นเขา อีกทั้งตัวของ ‘แอชตัน’ ก็มาหาเขาด้วยตัวเอง
“ไง” เสียงแหบห้าวทักทายก่อนสมกับเป็นผู้มาเยือน
“มีธุระอะไร” เฟรเดอริคกลอกตาเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีของผู้มาเยือน
“ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ต้อนรับดีๆหน่อยเหรอ” แอชตันยังคงยียวนอยู่
ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วโบกมือเป็นเชิงสั่งให้ลูกน้องแยกตัวกันกลับไปทำงาน ส่วนตัวเขาพยักหน้าเรียกให้แอชตันเดินตามเขาขึ้นไปที่ชั้นสอง และตรงไปยังห้องวีไอพี
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงใหญ่ก็ตรงไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา สายตาคมดุมองร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายที่เป็นลูกครึ่งเหมือนกับเขานั่งลงแล้ววางปืนลงบนโต๊ะกระจก
“ฉันมาเจรจาสงบศึก”
“หืม กินยามาผิดเหรอ หรือเมียทิ้งมา”
“ปากหมา ยังไม่มีเมียโว้ย”
“แล้วนึกยังไงจะสงบศึก”
“ฉันได้ข่าวมา ตอนนี้ทางเยอรมันมีเด็กใหม่เพิ่งเปิดตัว ห้าวจนเหยียบเท้ารุ่นใหญ่ไปหลายราย ฉันคาดเดาว่าหลังจากเด็กใหม่โดนเล่น มันจะเริ่มหันมาข้ามเส้นกันเอง เก็บกวาดเพื่อขึ้นเป็นใหญ่” แอชตันอธิบายให้เฟรเดอริคฟังด้วยความหนักใจ
“ฉันไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร นายก็รู้” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ฉันรู้ แต่องค์กรของนายกับฉันรวมกัน มันใหญ่พอที่จะโค่นพวกนั้น หากพวกมันคิดจะล้ำเส้น”
“อ้อ เอาฉันเป็นแบ็ค ว่างั้น” เฟรเดอริคเริ่มคิดตาม แต่ก็ยังแกล้งกวนประสาทแอชตัน
“นายก็คิดเยอะไป ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”
“นายก็รู้ ว่าฉันไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แม้แต่คนทางนั้นก็ตาม เวลาฉันไปก็ไปเพราะงาน พอเสร็จงานก็กลับเลย” ชายหนุ่มเอ่ยถึงใครบางคนทั้งที่ไม่ไม่อยากเอ่ยถึงเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันรู้ แต่ข่าวลือของนาย มันทำให้พวกนั้นไม่กล้ายุ่งไง ฉันไม่ได้กลัวปะทะ แต่ฉันไม่อยากเอาชีวิตลูกน้องฉันไปเสี่ยง”
เฟรเดอริคเงียบเสียงลง แม้แต่แอชตันก็นิ่ง อเล็กเปิดเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วางเครื่องดื่มให้ชายหนุ่มทั้งสองแล้วก็กลับออกไป
“ดื่มซะ” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบ คนที่เคยค้าขายหรือเป็นพันธมิตรกับเขาจะรู้ดีว่าการที่เขาให้ยกเครื่องดื่มหมายความว่ายังไง
“ตามนั้น” แอชตันยักไหล่แล้วยกแก้วขึ้น กรอกของเหลวข้างในลงคอทีเดียวหมดแล้ววางแก้วลง
“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“ก็คงไปๆมาๆให้พวกนั้นสงสัย แล้วจะให้คนปล่อยข่าวว่าฉันขอจับมือกับนาย”
“อย่างสร้างความวุ่นวายให้ฉันก็แล้วกัน”
“ฉันรู้น่า”
หลังจากการพูดคุยจบลง อเล็กซ์ถูกเรียกเข้าไปในห้องพร้อมกับลูกน้องคนสนิทของแอชตัน เฟรเดอริคพูดอะไรบางอย่างเพียงไม่กี่คำ ทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไป ไม่นานแก้วเครื่องดื่มหลายสิบใบก็ถูกแจกจ่ายโดยมีอเล็กซ์และเคเดนเป็นผู้นำทีมในการร่วมดื่ม
ธาวินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความเคยชิน เขาเป็นคนไทยแท้ แต่ก็ทำงานอยู่ที่นี่มานาน ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ปิดปากสนิท เฟรเดอริคจึงมอบหน้าที่ให้เขาคอยสอดส่องที่นี่และแจ้งเขาถ้าหากมีใครมาหรือมีอะไรที่ผิดปกติ
“เบื่อ” เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ สายตายังคงมองจ้องไปที่หน้าจออยู่
ศลิษามองภาพของธาวินที่มีท่าทีเฉยเมย แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วและเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ หญิงสาวถอนหายใจแล้วปิดหน้าจอ ก่อนจะบิดร่างกายไปมาแล้วเปิดประตูเพื่อออกจากห้องไปเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ปกติ ไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด
ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของสตรีเพศก้าวออกมา ดวงตากลมโตมองไปรอบห้องก็ไม่เห็นร่างของเฟรเดอริค เธอจึงปิดประตูลงตามเดิมแล้วตรงไปยังประตูห้องทำงานแล้วเปิดมันออกช้าๆ ตั้งใจจะลงไปข้างล่าง ร่างบอบบางเดินมาที่บันได ขณะที่กำลังจะก้าวลงไป ประตูห้องวีไอพีก็เปิดออกพอดี
“จะไปไหน” เสียงห้ามทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ที่บริเวณหน้าบันได
“ลงไปข้างล่าง” ศลิษาสะดุ้งแล้วตอบเสียงเบา
“ฉันสั่งให้อยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ”
“ก็ฉันเบื่อ”
แอชตันมองเฟรเดอริคด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยืนรอเงียบๆเพื่อดูสถานการณ์ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดา
“ช่างเถอะ ลงไปพร้อมฉัน” ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้ามาใกล้ มือหนาคว้าข้อมือเล็กแล้วดึงให้เดินลงบันไดไปพร้อมกัน โดยมีแอชตันมองด้วยสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
ชายร่างสูงใหญ่หลายคนที่ยังยืนอยู่ข้างล่างเพื่อรอรับคำสั่งชะงักไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นนายจับจูงมือหญิงสาวลงมาด้วย พวกเขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยยกผู้หญิงขึ้นมาสูงกว่าเรื่องบนเตียง เมื่อกินเสร็จก็จ่ายเงินแล้วพวกหล่อนเหล่านั้นก็กลับออกไป
“นายจะดื่มอะไรไหม ลูกน้องฉันฝีมือดีนะ” เฟรเดอริคพาหญิงสาวมานั่งที่หน้าคาน์เตอร์บาร์ โดยมีแอชตันเดิมตามมาด้วย
“แนะนำอะไรก็จัดมา” แอชตันไหวไหล่น้อยๆ
“ได้ ธาวิน ขอ 3 แก้วนะ” เฟรเดอริคสั่งธาวินแล้วดึงให้ศลิษานั่งลงข้างๆ
“ครับ” ธาวินที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ ขานรับคำแล้วก็เริ่มลงมือ
“ว่าแต่สาวน้อยคนนี้เป็นใคร” แอชตันถามน้ำเสียงไม่จริงจัง
“คนของฉัน” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบตามปกติ แต่เพียงเท่านั้นบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ บรรดาลูกน้องของทั้งเฟรเดอริคและแอชตันจดจำศลิษาเอาไว้ ด้วยรู้ได้โดยอัติโนมัติว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่พวกเขาต้องปกป้องไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย
“ตามนั้น” แอชตันจบการสนทนาลงอย่างเรียบง่าย
ศลิษามองเขาที่พูดออกไปแบบนั้นด้วยสายตาไม่พอใจแต่เธอเลือกที่จะเงียบเอาไว้ เพราะถึงอย่างไรเขาคือเจ้านายของที่นี่ การให้เกียรติและรักษาหน้าของเขาเอาไว้เธอก็ควรทำ อย่างน้อยก็ในสถานะพนักงานคนหนึ่งของที่นี่
ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าสายตาพอใจ เสียงทุ้มครางในลำคอทั้งเสียวซ่านทั้งพอใจ เมื่อดูเหมือนศลิษาจะชินกับเซ็กส์ดุเดือดตามความชอบของเขาไปแล้วเฟรเดอริคไม่ปล่อยให้มือว่างบีบเคล้นบั้นท้ายกลมที่กระแทกกระทั้น บังคับจังหวะให้หญิงสาวโยกช้าลง แต่เป็นจังหวะหนักแน่นขึ้นสุดลงสุด พร้อมกับโน้มตัวไปขบดูดเนื้ออ่อนที่ลำคอระหง ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นจุดอ่อนของคนตัวเล็กอารมณ์ของคนตัวเล็กถูกกระตุ้นจากมือร้ายกาจ ที่บีบเคล้นขยำตามเนื้อตัวของหญิงสาวตามรสนิยมทางเพศของเขา“อ๊ายยยยยย”ร่างเล็กร้องวี้ดอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ คนใต้ร่างก็ยกสะโพกกระแทกสวนขึ้นในจังหวะที่เธอกระแทกลงมาเบาๆ“เร็ว”หญิงสาวทำตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย เพราะตอนนี้อารมณ์ของเธอก็กำลังพุ่งสูงไม่ต่างจากเขา เอวเล็กส่ายร่อนในจังหวะที่ยกตัวขึ้นก่อนจะกดตัวลงจนสุด จังหวะการกระแทกถูกเพิ่มเร็ว“หันหลัง”หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวหันหลังแล้วยกสะโพกขึ้นตามที่เขาสั่ง มือหนาจับท่อนเอ็นยักษ์ถูไถตรงปากทางร่องรักคับแคบ“อ๊ายยย!!!”เสียงหวีดร้องดังออกมาจากปากเล็ก เมื่อเขากระแทกท่อนเอ็นยักษ์เข้ามาในร่องรักของเธอทีเดียวมิดชายหนุ่มเหลือบตามองหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะถอดถอนท่อน
วงแขนแกร่งขยับสอดแขนโอบอุ้มร่างบางขึ้นโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ลุกขึ้นเดินตัวปลิวตรงเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่ลำกายยังฝังอยู่ในร่องรักคับแน่นร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนพื้นบริเวณข้างๆ อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่เพียงพอที่จะให้พวกเขาร่วมรักกันได้อย่างถึงใจโดยที่พวกเขาจะไม่เจ็บตัวจากอันตราย“เอาตูดหน่อย” ชายหนุ่มพูดเสียงต่ำ โน้มใบหน้าชิดใบหูเล็กแล้วกัดมันเบาๆ มือใหญ่จับสะโพกผายบดขยี้ร่องสวาทกับลำโคนดันให้เข้าไปลึกมากกว่าเดิม“อื้ออออ…” คนตัวเล็กครางเสียงหลง ร่างกายสั่นสะท้าน“ขยับ” ชายหนุ่มสั่งเบาๆ พร้อมกับปล่อยขาของหญิงสาวให้วางลงกับพื้นชายหนุ่มครางซี้ดอย่างพอใจ มือใหญ่ตบลงบนบั้นท้ายกลมสวยแรงๆ พร้อมกับจับยึดเอวเล็กเอาไว้แน่น ก่อนจะแอ่นสะโพกกระแทกลำกายใส่ช่องทางคับแคบที่กระแทกลงมา“ไม่ถนัดเลย”“งั้นเดี๋ยวจัดการเอง”เขาลุกขึ้นพร้อมกับจับให้หญิงสาวนอนหงายลงข้างอ่างอาบน้ำโดยหันข้างให้กระจก สะโพกสอบขยับตัวถอดถอนลำกายออกมาจนหลุด หญิงสาวครางอย่างขัดใจ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากคนตัวสูง“เอาตูดนะ”“ไม่เอาค่ะ เจ็บ”“ลองก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยหยุด”“กลัวนี่คะ”“ไม่น่ากลัวขนาดนั้น”จมูกโด่งเป็นสันซุกลงส
“ไปที่เตียง”วงแขนแกร่งช้อนอุ้มร่างของภรรยาสาวไปวางลงบนเตียงด้วยความเบามือ ก่อนจะเอื้อมหยิบหมอนมารองใต้สะโพกผายสวยด้วยสายตาเจ้าเล่ห์“ท่านี้มันลึก” เสียงบ่นงึมงำเบาๆ แต่ก็ดังพอให้เขาได้ยิน“แล้วไม่ชอบเหรอ”“ก็ชอบแหละ แต่มันจุกไง”“ดี ชอบให้จุก”“บ้า”เรียวขาสวยถูกจับแยกออกกว้าง ตามมาด้วยร่องรักคับแคบที่ถูกเติมเต็มจากท่อนเอ็นขนาดเขื่องทีเดียวมิดลำ“อึก” หญิงสาวถึงกับสำลักอากาศ เมื่อมันลึกชนจนมดลูกของเธอ“รวดเดียวเลยนะ”“อือ”เอวคอดถูกจับไว้แน่น ปากเล็กร้องครางเสียงหลง เมื่อร่างสูงก็กระแทกท่อนเนื้อลำใหญ่ใส่ร่องรักเธอเป็นจังหวะรุนแรงเสียงหวานใสหวีดร้องเป็นจังหวะอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่ออยู่ๆสะโพกสอบก็หยุดนิ่ง แต่เป็นการนิ่งที่ทำเอาเธอขาสั่น เพราะเขาจัดการแยกขาเธอออกกว้างแล้วดันท่อนเอ็นเข้ามาจนสุด หญิงสาวรู้สึกได้เมื่อกลีบดอกไม้ของเธอบดกับลำโคน เม็ดเกสรสีแดงสดเสียดสีกับเนินเนื้อที่ปกคลุมด้วยปุยขนจนดวงตาเรียวสวยมีน้ำตา“เสียวป่ะ”“มาก”“ปิดรอบเลยนะ”“ค่ะ”ไม่ทันจบประโยคดี หญิงสาวก็ต้องสำลักลมหายใจอีกครั้ง เมื่อสะโพกสอบเริ่มขยับเป็นจังหวะช้าๆ หญิงสาวแทบลืมหายใจทุกครั้งที่เขากระแทกเข้ามาในร่อ
4 ปีต่อมา“ลีออนล่ะคะ”“ไปเที่ยวบ้านสวนกับพ่อแม่จ้ะ”“มิน่า บ้านเงียบเชียว”“ก็ป้ารัตน์ไปด้วย ขานั้นไม่ยอมห่างลีออนเลย”“หมายความว่าพี่ตกกระป๋องน่ะสิคะ”“ก็ประมาณนั้น”ศลิษากลับมาบ้านหลังจากออกไปดูร้านอาหารที่เธอเปิดก็ไม่เจอบุตรชายตัวน้อยอยู่ในบ้าน เหลือเพียงแต่สามีที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ จึงเข้าไปนั่งด้วยพลางสอบถามหลังจากที่ศลิษาคลอดลีออนไม่นาน เธอก็กลับไปเรียนต่อจนจบตามที่ตั้งใจเอาไว้ หลังจากเรียนจบหญิงสาวก็เปิดร้านอาหารสไตล์รีสอร์ท ที่เปิดขายอาหารและเครื่องดื่มในช่วงเย็นจนถึงกลางคืน ปีนี้เธออายุ 24 ปีแล้ว และบุตรชายของเธอก็อายุ 3 ขวบ กำลังน่ารักน่าชังเลยทีเดียว“แล้วนี่ทานข้าวหรือยังคะ”“เรียบร้อยจ้ะ”“เดี๋ยวลิซลงมานะคะ ขอไปอาบน้ำก่อน เข้าไปช่วยในครัวมา เหนียวมากเลย”ศลิษาพึมพำพลางทำจมูกย่นเมื่อเสื้อผ้าของเธอมีกลิ่นอาหารติดอยู่จากการที่เธอเข้าไปช่วยงานในครัวหญิงสาวเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอน จัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน แต่ก็ยังไม่ได้ลงข้างล่าง เธอเปิดโทรศัพท์ดูการแจ้งเตือนต่างๆศลิษาตกใจเมื่อเธอกำลังเช็คข้อความจากโทรศัพท์ของเธอ แต่อยู่ๆตัวของเธอก็ลอยขึ้นจากพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวหั
ในช่วงสายของวันต่อมา บรรยากาศภายในห้องพักคนไข้ก็ครึกครื้นมากขึ้น เมื่อมัลลิกากับเอลเลริคเดินทางมาถึงและตรงมาหาที่โรงพยาบาลทันทีเฟรเดอริคได้แต่ส่ายหน้า เมื่อผู้เป็นมารดาเอาแต่สะอึกสะอื้นที่ศลิษาคลอดก่อนกำหนด เดิมทีมัลลิกาตั้งใจจะมาอยู่กับหญิงสาวด้วยในวันคลอด“เฟรด แกได้เข้าไปอยู่กับหนูลิซตอนคลอดหรือเปล่า”“เข้าไปได้ด้วยเหรอ ผมไม่รู้”“โถ ลูกชายฉัน แกพลาดแล้วล่ะ”“อ้าว ก็ผมไม่รู้ พยาบาลก็ไม่เห็นบอกอะไร ถ้ารู้ว่าเข้าไปได้ผมก็เข้าไปแล้ว”“เอาเถอะ”“มานี่มา ย่าขออุ้มหน่อย”มัลลิกาโอบอุ้มร่างน้อยขึ้นสู่อ้อมกอดด้วยความทะนุถนอม เอลเลริคก็มองภาพนี้ด้วยความสุขใจ นึกถึงวันที่มัลลิกาคลอดเฟรเดอริค เขามองบุตรชายด้วยแววตาที่ผ่านความรู้สึกนี้มาก่อน เขารู้ดีว่าลูกชายของเขาดีใจและมีความสุขมากแค่ไหน บางทีก็ชีวิตคนเราก็เพียงเท่านี้ขอแค่มีครอบครัวอยู่เคียงข้างอะไรก็ไม่สามารถทดแทนได้“แม่จะมาช่วยเราเลี้ยงเด็กลีออนใช่ไหมคะ” ศลิษาถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นว่าลีออนหลับอยู่ในอ้อมอกผู้เป็นย่า“แม่คุยกับพ่อเขาแล้วแหละ ถึงเวลาที่เราจะเกษียณและกลับมาอยู่กับลูกหลานแล้ว”“ขอบคุณนะคะ”“แม่อยู่กับเฟรดมาตลอดชีวิตที่ผ่านม
หลังจากที่มัลลิกาส่งข้อความไปตอบตกลงกับเอลเลริคแล้ว ทั้งคู่ก็เข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเรียบง่ายในโบสถ์ ซึ่งมีเพียงแค่คนในครอบครัวและลูกน้องที่สนิทกันเท่านั้น มัลลิกาได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าเป็นแม่ของลูกและเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเอลเลริค นักการเมืองใหญ่ผู้มีอิทธิพลของประเทศเยอรมันเฟรเดอริคเองก็วางมือจากวงการมาเฟียและหันมาดูแลธุรกิจถูกกฎหมายของตนเองที่มีมากมาย โดยมีภรรยาสาวอย่างศลิษาคอยอยู่เคียงข้างพาทิศกลับไปเรียนต่อตามปกติ หลังจากเลิกเรียนเขาก็กลับมาอยู่ที่บ้านของเฟรเดอริคเพื่อทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับศลิษาต่อเหมือนเดิม เขาได้รับการฝึกฝนและผลักดันจากเฟรเดอริคเพื่อให้เขาได้เตรียมตัวสำหรับการเข้าทำงานในบริษัทหลังจากเรียนจบศลิษาเองก็ตั้งใจว่าหลังจากเธอคลอดลูกแล้วก็จะให้รัตนาเป็นผู้ดูแลและเธอจะกลับไปเรียนต่อให้จบมัลลิกาย้ายไปอยู่เยอรมันกับเอลเลริคอย่างเต็มตัว ทำหน้าที่ภรรยาให้กับสามีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเธอต้องออกงานสังคมกับเขาในฐานะภรรยาแทบไม่เว้นวัน“ใกล้คลอดแล้วนะสาวน้อย”“ไม่น้อยแล้วนะคะอ้วนปั๊กเลย”“น้อย ตัวเล็กตัวน้อยนิดเดียว”“อีกไม่นานก็คลอดแล้ว อยากเจอเร็วๆแล้