“คนหน้าไม่อาย กล้าใช้เรื่องแบบนี้มาโกหกข้าเลยหรือ”“เช่นนั้นเจ้าก็เล่าให้ข้าฟังสิ ก่อนที่จะถูกจับกิน”“อย่านะ! ท่านอย่าได้ทำรุ่มร่ามเช่นนี้สิ คุยกันก่อน”“เช่นนั้นข้าจะให้เวลาอธิบาย หากเหตุผลของเจ้าไม่ถูกใจข้า เช่นนั้น…”“ท่านลุกไปคุยดี ๆ สิ”“ไม่ได้ ข้ายังมีแผลอยู่ นอนคุยสะดวกกว่า พูดมาอย่าต่อรอง มิเช่นนั้นจะไม่ให้เจ้าได้พูดแล้ว”“ข้าพูด ท่านถอยไปหน่อยสิ…พูดแล้ว! อย่าพึ่งสิ”นางดันเขาออก เมื่อเห็นว่าอวี้หยางก้มลงมาจะจูบนางอีกครั้ง“หลายวันก่อนตอนพาท่านมารักษา สกุลหวงขอเข้าเฝ้าพี่ใหญ่ ปรึกษาว่า อาการของรองแม่ทัพของเขายังไม่ดีขึ้น พี่ใหญ่จึงเรียกข้าไปเข้าเฝ้า และปรึกษาข้าว่า พอจะมียาใดช่วยเขาได้หรือไม่ ในเวลานั้นชีวิตคนสำคัญกว่า อีกอย่างเป็นเวลาเร่งด่วนต้องรีบช่วยคน ข้าจึงสั่งให้คนมาเอายาที่รักษาท่าน แบ่งไปให้ใต้เท้าหวง”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ที่จริงแล้วแผลของหวงเทียนฟง สาหัสกว่าข้าจริง ๆ ข้าคิดว่าเจ้าแบ่งยาไปตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าจะพึ่งให้ตอนที่หานเซียวมาขอ”“ข้าก็ไม่คิดว่า ใต้เท้าหวงจะอาการหนักถึงเพียงนั้น อีกอย่างข้าก็ไม่เคยเห็นบาดแผลของเขา”“เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ เช่นน
“ได้สิ เอาไว้ข้า… จะบอกนางให้นะ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”“ท่านอ๋องก็รักษาพระวรกายด้วย ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”หวงเทียนฟงเดินกลับไปแล้ว ท่านอ๋องยังยืนนิ่งอยู่ในห้องโถงนั้น พร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่หวงเทียนฟงพูดค้างเอาไว้“ยางั้นหรือ ไหนบอกว่าไม่ได้ส่งไปอย่างไรเล่า… จ้าวอันหลิน”อวี้หยางเดินกลับขึ้นไปบนห้อง เมื่อเดินเข้ามาก็ปิดประตูเงียบ และไม่พบใครอีกเลยจนถึงช่วงเย็น อันหลินซึ่งมิได้เดินลงมา ก็ไม่ทราบว่าท่านอ๋องกลับขึ้นห้องนานแล้ว “งั้นหรือ เขากลับขึ้นมานานแล้วหรอกหรือ ไม่เห็นจะมาบอกข้าเลย ช่างเถิดใกล้จะได้เวลาดื่มยาแล้ว เจ้าไปยกมาเถอะ”“เพคะองค์หญิง”เจาอินเดินออกไป ไม่นานนางก็เดินตามออกมา เมื่อเคาะประตูแล้วอวี้หยางไม่ขาน นางจึงเปิดประตูและเดินเข้าไป ก็เห็นว่าท่านอ๋องนั่งอ่านรายงานบางอย่างอยู่ที่โต๊ะกลางในห้อง“ข้าเคาะประตูตั้งนาน เหตุใดท่านจึงไม่เปิด”“ขออภัยองค์หญิง ข้าไม่สะดวกน่ะ เจ้ามีอะไรด่วนหรือ”น้ำเสียงเรียบจนเกือบจะเย็นชา ทำให้อันหลินชะงัก นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ระหว่างนั้นสาวใช้ก็ยกเครื่องเสวยมาให้ทั้งคู่“ข้าเห็นว่าใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เลยจะมาบอกท่าน เ
“พูดมากเกินไปแล้ว ท่านอยู่นี่ก่อน ข้าจะรีบไปดูยาให้”“อย่าไปนานนักนะ หาไม่แล้วข้าคงคิดถึงจนทนไม่ไหว เดินตาหาเจ้าทั่วตำหนักเป็นแน่”“นี่ท่านคงมิได้ไปฝึกพูด มาจากหอหรูเยว่หรอกใช่หรือไม่ นับวันจะพูดคล้ายกับคณิกาชาย ที่หอหรูเยว่มากเกินไปแล้ว”“ข้าหรือ เปล่าเสียหน่อย คำพูดที่พูดกับเจ้า ล้วนมาจากหัวใจของข้าทั้งนั้น อีกอย่างก็มิได้อยู่ที่หอหรูเยว่ นานถึงขนาดจะซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นมาเสียหน่อย”“ที่นั่น… มิใช่แค่หอคณิกาธรรมดาสินะ”“เจ้าจะไปต้มยามิใช่หรือ รีบไปสิ”อันหลินหันมามองหน้าเขา แววตานางดูโกรธนิด ๆ แต่หรงอวี้หยางรู้ดี จึงได้หันไปดึงแก้มนางเพื่อหยอก “ข้าเจ็บนะ ปล่อยเลย!”“อย่าโกรธสิ มิใช่ว่าไม่อยากเล่า แต่หากเจ้าอยากรู้ ก็ต้องรีบไป และรีบกลับขึ้นมา แล้วข้าจะเล่าทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับหอหรูเยว่ในแคว้นอวิ๋นให้ฟัง” เขาเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของนาง ซึ่งทำท่าราวกับตั้งตัวไม่ถูก และลุกออกไปทันทีเพื่อมิให้เขาขำ“ใครบอกว่าข้าอยากรู้เรื่องของท่านมากขนาดนั้น ข้าไปล่ะ”นางเดินออกจากห้องไปแล้ว อวี้หยางได้แต่นั่งขำกับท่าทางของอันหลิน เขารู้ว่านางคงสงสัยนานแล้ว อีกอย่างอันหลินเข้าออกที่หอหรูเยว่บ่อย
“นี่ท่านกลัวเข็มเล่มเล็ก ๆ นี่ มากกว่าเสือโคร่งตัวโตที่ท่านฆ่าด้วยมีดอย่างนั้นหรือ”“คือข้า… ไม่ได้อยากจะโกหกอะไรเจ้านะ ข้าคิดว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว ไม่คิดว่า…เจ้าจะไม่รู้นี่”“ท่านพูดอะไรน่ะท่านอ๋อง หรือว่าไข้ขึ้นจนเลอะเลือนอีกแล้ว”“องค์หญิงเพคะ ยาต้มเสร็จแล้วเพคะ”“ยกมาให้ท่านอ๋องดื่ม”“เพคะ”เมื่อเจาอินยกยามาวางที่โต๊ะ นางก็ยกมายื่นให้เขา อวี้หยางคิดว่าอันหลินจะใจดี ป้อนเขาเหมือนเมื่อวานนี้ แต่นางเพียงแค่ยื่นให้เขาจับเอาไว้เท่านั้น“วันนี้ท่านต้องดื่มเอง ตอนนี้ต้องหัดใช้แขนให้เป็นปกติ แผลจะได้หายเร็ว ๆ”“ก็ได้ แต่ว่าไม่ฝังเข็มหรือเย็บแผลได้หรือไม่”“ดื่มยาถ้วยนั้นหมดแล้วค่อยคุยกันเถอะ”“ก็ได้ ๆ ข้าดื่ม”เขาดื่มยาในถ้วยรวดเดียวหมด เพื่อมิให้นางไม่พอใจ แต่ยาในวันนี้รสขมมาก จนเกือบทำให้เขาอาเจียนออกมา“ยานี่ เหตุใดจึงขมนัก”อันหลินที่เปิดห่อผ้าออกมา ในนั้นมีเข็มเงินเกือบยี่สิบเล่มอยู่ แค่เห็นเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เขาไม่ชอบเวลาที่มีเข็มเหล่านี้มาทิ่มที่เนื้อ มันจักจี้และเหมือนมดกัด“ยาดีมักจะขมเสมอ ท่านจะให้มันหวานเหมือนน้ำตาลกรวดได้อย่างไร”“อย่างน้อยก็น่าจะมีอะไร ที่พอจะทำให้บรรเทารสขมน
“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ เห็นองครักษ์ของเขาบอกว่า เจ้าบ้านั่นกระโจนเข้าใส่เสือ หลังจากที่ยิงมันไปครั้งหนึ่ง แล้วลูกธนูหลุดออกมา”“เช่นนั้นก็แสดงว่า ที่เขาบาดเจ็บ มิใช่หนีเสือ แต่เป็นเพราะสู้กับมัน แล้วยัง…”“เขาใช้มีดสั้น แทงไปที่คอของเจ้าเสือโคร่งนั่น ดูเหมือนว่ามีดจะมียาพิษชนิดพิเศษอยู่ ถึงได้ล้มมันได้ มิเช่นนั้นอวี้หยางก็คงไม่รอดเช่นกัน ตอนนี้ร่างของเจ้าเสือโคร่งนั่น ก็กำลังถูกนำออกมา เสด็จพ่อดีใจมากที่ล่าเสือโคร่งได้ แม้ว่าหรงอวี้หยางจะเป็นผู้ชนะก็ตาม เจ้าคงรู้นะ ว่าเสด็จพ่อหมายถึงอะไร”อันหลินหน้าแดง นางรู้ดีเพราะก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อก็มีเปรยมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมิได้ตอบรับ อีกทั้งชื่อเสียงของนางก่อนหน้านี้ ก็ทำให้กังวลเล็กน้อย ว่าคนของชิงโจวจะรับได้หรือไม่“เจ้ามาหาพี่เพราะเรื่องนี้หรือ”“ข้าแค่อยากทราบเรื่อง ที่เกิดขึ้นในป่าเท่านั้นเพคะ เช่นนั้นตอนนี้ใต้เท้าหวงเองก็…”“ถูกพากลับจวนไปแล้ว บาดแผลของเขาถือว่าสาหัสกว่าอวี้หยางมากนัก เพราะเขาถูกเจ้าเสือโคร่งนั่น โจมตีตอนอยู่บนหลังม้า เห็นหมอหลวงบอกว่า กระดูกซี่โครงร้าวเพราะตกจากม้า และยังมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกเล็บของเสือข่วน โชคดีที่ได้ยาของเ
ในที่สุดหรงอวี้หยางก็เงียบลงไป อันหลินทำแผลให้เขาจนเสร็จ ไท่จื่อสั่งให้คนนำของที่นางต้องการมาให้ และออกไปจากกระโจมทันที ซานหูและเจาอิน ก็ถูกสั่งให้ออกมาอยู่ข้างนอกด้วยเช่นกัน จิ่นหลงนำชุดใหม่ของท่านอ๋องมาให้ ก็ถูกซานหูขวางเอาไว้“เดี๋ยวก่อน ๆ ท่านองครักษ์อย่าพึ่งเข้าไป”“แต่ว่าองค์หญิงสั่งให้ข้า นำชุดมาให้ท่านอ๋องเปลี่ยน”“เอาวางไว้ก่อน แล้วเดินออกมา”"แต่ว่า…”“คำสั่งไท่จื่อ องค์หญิงต้องใช้สมาธิในการรักษา เอาชุดมานี่ ข้าจะนำไปวางให้ท่านอ๋องเอง พวกเจ้ารีบออกไป”“แต่ว่าอาการของท่านอ๋อง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า องค์หญิงของข้าก็เก่งไม่แพ้หมอหลวง อีกอย่างท่านอ๋องก็มิได้บาดเจ็บหนักขนาดนั้น”จิ่นหลงยอมให้ซานหู นำชุดไปให้ท่านอ๋องด้านใน และเดินกลับออกมาพร้อมกับทั้งสอง ด้านในกระโจมตอนนี้ เหลือเพียงองค์หญิงกับท่านอ๋องเพียงสองคน “ข้าจะพันแผลให้ ท่านอยู่เฉย ๆ นะ ลุกไหวหรือไม่”“ไหวสิ”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีนางพยุงขึ้นมา อันหลินเตรียมอุปกรณ์ทำแผลอย่างคล่องแคล่ว จนหรงอวี้หยางนึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้อันหลินปิดบังเรื่องทักษะวิชาการแพทย์ของนางเอาไว้ได้อย่างมิดชิด แม้แต่เขาเองที่มองคนเก่ง ยังมองนางไม่ออ