-ของขวัญ-
"...พี่จะขึ้นไปส่ง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อรถของพี่องศาเลื่อนเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของคอนโดที่ฉันอยู่ ทั้งที่ความเย็นชาที่เขาแสดงออกมามันบอกว่าฉันควรเผื่อใจและตัดใจ แต่สิ่งที่ฉันต้องการมันกลับตรงกันข้าม ฉันกลับพยักหน้ารับเพราะลึกๆ อยากรั้งเขาให้อยู่กับตัวเอง "แล้วรถจะเอากลับยังไง มีนเป็นคนเอากลับหรือเปล่า" "ยัยมีนมีแฟนไปรับ ส่วนรถเอาจอดไว้ที่นั่นไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้จะให้ยัยมีนมารับไปเอาแล้วค่อยไปเรียนทีเดียว" "เอารีโมทมาไว้กับพี่ พี่จะไปเอามาไว้ให้เอง" "พี่องศาจะกลับไปที่นั่นอีกเหรอคะ" "ทิ้งรถไว้แบบนั้นมันไม่ปลอดภัย" ฉันมองหน้าหล่อๆ ของพี่องศาด้วยความสับสน เพราะเขาเป็นแบบนี้ไงฉันถึงไม่แน่ใจว่าควรจัดการยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดี บางทีเขาก็ทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ได้อยากแคร์ แต่บางครั้งก็ทำเหมือนเป็นห่วงทั้งที่เรื่องบางเรื่องไม่ได้เอ่ยขอออกมา "เป็นอะไร" "เวียนหัวนิดหน่อย คงเพราะดื่มมากเกินไป" "งั้นก็กลับขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนพัก กินอะไรมาหรือยัง" ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ ใจหายแปลกๆ ตอนที่เห็นเขาถอนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย พอจะเลิกทำตัวเป็นภาระด้วยการบอกว่าไม่เป็นไรมือกลับถูกรวบไปจับแล้วพาขึ้นไปที่ห้องฉันพร้อมกัน เครื่องปรับอากาศทำงานอัตโนมัติเมื่อก้าวขาเข้ามาในห้องพัก ไม่มีอะไรทำให้คนตัวโตหยุดมองได้ทั้งนั้น พี่องศาตรงไปยังห้องครัวทันที "มีอะไรให้กินบ้าง ปกติกินข้าวที่ไหน ทำเองหรือเปล่า" "ถ้าไม่ได้ออกไปกินกับเพื่อนก็สั่งมากินที่ห้องค่ะ" "ซื้อกินตลอดเลยสินะ" ฟันสวยบดกลีบปากของตัวเองแน่น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ไม่ถูก คำพูดของพี่องศามันทำให้ฉันมีความรู้สึกว่าฉันไม่มีดีอะไรเลยสักอย่าง ผู้หญิงที่ดีและน่ารักต้องทำอาหารเป็นแบบนั้นใช่ไหม? "มีแต่อาหารสำเร็จรูป" "หนูกินได้ค่ะ" "...ถ้ารอได้ หรือถ้าพี่ได้กลับมาเร็ว ตอนเอารถกลับมาส่งพี่จะซื้อมาให้ สั่งเดลิเวอรี่แล้วให้เขาเอามาส่งตอนกลางคืนมันไม่ปลอดภัย" กำแพงที่บางครั้งนึกอยากสร้างมันขึ้นมาพังทลายลงไปในพริบตาในยามที่ตาคมคู่นั้นหันมามอง บางครั้งคิดว่าสถานะคู่หมั้นทำให้ฉันมองว่าฉันมีสิทธิ์เรียกร้อง ไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังตีกันรวนอยู่ในหัว จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เลย! ตากลมกลอกกลิ้งไปมาบนตัวเลขเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ลมหายใจอุ่นๆ ปราศจากกลิ่นแอลกอฮอล์ผ่านทางลมหายใจเมื่ออาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยถูกพ่นออกมาแทบนับครั้งไม่ได้ เหมือนคู่หมั้นหนุ่มแค่ให้ความหวัง ปล่อยให้เธอนั่งรอความหวังแบบลมๆ แล้งๆ จนถึงตอนนี้ชักแน่ใจว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง "...ไปเอารถตั้งสามชั่วโมง แล้วบอกให้รอเพื่ออะไร" ฉันคว่ำหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับปิดสวิตช์ไฟที่อยู่หัวเตียง แม้ในความมืดฉันก็ยังคงนั่งอยู่แบบนั้น ปราศจากความง่วง หัวใจยังอยากรอทั้งที่ควรท้อเพราะเขาอาจจะไม่มา 02:40 น. '...ชะ ชั้นใต้ดิน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่!' ความมืดรอบตัวส่งผลให้ท่อนแขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดร่างกายตัวเองเพื่อเป็นเกราะป้องกันหัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรง อีกทั้งเพื่อหลบหลีกจากความเหน็บหนาว เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความกลัวทำงานทันทีที่พื้นที่รอบตัวมีเพียงความว่างเปล่า พื้นที่ด้านหน้า ด้านหลัง สองฝั่งด้านข้างมีเพียงความมืดที่ไม่รู้เลยว่า ถ้าตัดสินใจเดินไปทางใดทางหนึ่งจะเจอทางออกแบบที่ควรจะเป็นไหม 'พะ พี่องศา' หัวใจที่เต้นแผ่วลงทุกขณะมีความหวังขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าคู่หมั้นหนุ่มยืนอยู่เบื้องหน้า พี่องศากวักมือเรียกเพื่อให้ฉันเดินตาม ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว กลับพบใครต่อใครที่ไม่รู้จักมองมาที่ฉันและพยายามจะดึงมือเพื่อให้ไปด้วยกัน ในขณะที่มือของใครต่อใครพยายามฉุดฉัน พี่องศาที่เดินนำหน้าและเป็นความหวังเดียวในตอนนี้กลับหายไป รอยยิ้มที่เปื้อนบนหน้าของคนที่ไม่รู้จักกันและพยายามคว้ามือฉันกำลังทำให้ฉันมีความคิดว่าพวกเขาคือเพื่อน เพื่อนที่อาจจะพาฉันออกไปจากที่นี่ได้ในตอนที่คู่หมั้นหนุ่มหายออกไปจากรัศมีสายตา ใบหน้าจิ้มลิ้มเชิดขึ้นบน ตากลมมองด้านบนที่มีช่องว่างขนาดใหญ่หลายช่องที่รู้สึกเหมือนว่าจะเป็นทางออก และมันก็เป็นแบบที่คิด แสงสว่างที่สาดส่องจากทางด้านบนหลายต่อหลายช่องคือทางที่คนเหล่านั้นจะพาฉันออกไป ในขณะที่ฉันกำลังมุ่งหน้าตามทางที่คนแปลกหน้าจะพาออกไป เสียงของพี่องศากลับดังเข้ามาในหู เสียงของเขาดังเบากว่าตอนแรกมาก แต่เห็นชัดว่าเขาพยายามจะพาฉันออกไปจากที่นี่ สองมือสองแขนพยายาม ตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปด้านบนเพื่อให้พบเจอกับทางออก แต่ต่อให้ฉันจะพยายามปีนขึ้นไปได้สูงแค่ไหน สุดท้ายตัวของฉันก็ตกลงไปยังชั้นใต้ดินอย่างเก่า ใบหน้าของพ่อและแม่ ใบหน้าของพี่องศาทำให้ฉันพยายามปีนขึ้นด้านบนต่อ ไม่ท้อแม้ว่าจะกลิ้งตกลงมาคืนทุกครั้ง ความเหนื่อยเล่นงานเมื่อฉันใช้แรงหนักขึ้น สองมือสองขาเปื้อนคราบดิน น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดแรง '...กลับไปซะ!' เสียงของใครบางคนดังขึ้นในตอนที่ฉันแหงนใบหน้าเพื่อมองหาทางออก 'คะ คุณยาย คุณยายอยู่ที่นี่เหรอคะ ตอนแรกทำไมหนูไม่เห็นคุณยายเลย' 'หนูกลับบ้านไปซะ กลับไปเดี๋ยวนี้เลยลูก' 'นะ หนูออกไปไม่ได้ หนูพยายามจะปืนขึ้นไปแต่สุดท้ายมันก็ตกลงมาเหมือนเดิม หนูจะไม่ไหวแล้วค่ะคุณยาย' 'นั่นไง เขาคือคนที่จะพาหนูออกไป' '...ขะ ข้าวสวย' พี่สาวที่ตายจากกันไปเกือบสามปีปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ไม่ทันได้คิดทบทวนด้วยซ้ำว่าข้าวสวยตายจากไปด้วยวิธีไหน กลับมีพระสงค์อีกรูปหนึ่งเดินออกมาให้เห็นและบอกว่าจะเป็นฝ่ายนำทางออกไป น่าแปลกที่ทางออกรอบนี้ราบรื่นกว่าครั้งก่อนหน้า แสงสว่างมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพพี่องศาที่หายไปในตอนแรกปรากฏขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันขึ้นมาจากชั้นใต้ดินสำเร็จดังที่หวังมีพี่สาวที่ตอนนี้อยู่กันคนละโลกและพระสงค์เป็นผู้นำทาง คนร่วมสายเลือดที่ตายจากกันไปแล้วเขียนบางอย่างลงในกระดาษก่อนจะยื่นมันให้ฉัน คล้ายมีกระแสไฟฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจเมื่อฉันกลับมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง ข้าวสวยกลับกระโดดลงไปยังชั้นใต้ดินอย่างเก่า พระสงค์หายไป พร้อมกับร่างกายของฉันที่สะดุ้งตื่น ผวาไปทั้งร่าง สั่นไปทั้งตัว "...กลัว ฮึก!" น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตา ไม่รู้ตัวเลยว่ามันเปื้อนซ้ำรอยเก่า ความกลัวเล่นงานอย่างจังจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันไม่ลังเลที่จะลุกพรวดพราดออกจากเตียงแล้วตรงไปยังประตูหน้าห้องเพื่อเปิดรับคนที่เข้ามาในตอนที่ฝันร้ายทำให้ความรู้สึกของฉันดิ่งลงเหว ไม่ลังเลแม้เศษเสี้ยววินาทีเดียว ขาสวยก้าวออกไปที่เบื้องหน้า ภาวนาให้เป็นคู่หมั้นที่จะต้องแต่งงานกันในวันข้างหน้าทันทีที่เปิดประตูห้อง ภาวนาให้เป็นเขาในตอนที่ฉันต้องการคนข้างๆ เพื่อขับไล่ความหวาดกลัวที่กำลังเผชิญ"พะ พี่องศา" ตากลมสวยสั่นระริกเมื่อร่างกายถูกร่างสูงกว่าโน้มลงมาทาบทับ แผ่นหลังบางแนบชิดกับเตียงกว้างเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนกดเข่าแทรกเข้ามากลางหว่างขาส่งผลให้เรียวขาขาวแยกออกจากกันทันที"เดี๋ยวพี่ดูดพิษไข้ให้" ริมฝีปากผ่าวร้อนบดเบียดเข้าหากันแน่น พวงแก้มเนียนแดงระเรื่อ ความน้อยอกน้อยใจหายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่คู่หมั้นหนุ่มกลับมา"ทำไมแก้มถึงแดงขนาดนี้ ไข้ขึ้นหรือเปล่า" ฉันส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบ อีกคนเลยพิสูจน์ด้วยการกดหน้าผากลงมาแนบชิด ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดกันและกันยิ่งพานกระตุ้นให้ใจดวงน้อยเต้นแรงฉันหลับตาลงเมื่อพี่องศาชกชิมริมฝีปากของฉันอีกครั้ง ดูดดุนทั้งบนและล่างก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าหาซอกคอขาว ขนอ่อนลุกซู่ไปทั้งกายเพียงแค่ริมฝีปากขบเม้มซ้ำๆ ร่างบางบิดเร่าๆ ตอบสนองความเสียวซ่าน เสียงครวญครางเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบาคนตัวโตจึงยอมผละตัวออกห่าง แต่การกระทำของเขาต่อจากนั้นมันยิ่งกระตุ้นก้อนเนื้อของอกทางด้านซ้ายได้ดีกว่าเดิม"พะ พี่องศา จะทำอะไรคะ" "ดูไปเรื่อยๆ ก่อนไหม" ฉันกัดปากตัวเองอย่างแรงเมื่อฝ่ามือหนาสอดเข้ามาใต้สะโพก ดึงกางเกงนอนของฉันลงต่ำจนเปลือยเปล่าแบบที่เขาต้องการไม่เพีย
-ของขวัญ-[องศา : กินแล้วครับ] ข้อความที่เด้งกลับหลังจากที่ฉันส่งไปเกือบสองชั่วโมงให้ความรู้สึกเรียบเฉย ว่างเปล่า อยู่ดีๆ มันก็ไม่มีความตื่นเต้นแบบที่ควรจะเป็นฉันมองข้อความนั้นที่มันโชว์บนหน้าจอแม้ไม่ต้องเปิดอ่าน เพราะมันเป็นเพียงข้อความสั้นๆ มองเฉยๆ จนกระทั่งหน้าจอโทรศัพท์ดับลงอีกครั้งตากลมจึงมองออกไปทางอื่นแทนฉันพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนจากเดิมเป็นการนอนคว่ำ ดึงผ้าห่มสีขาวสะอาดที่ทั้งผืนถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นหอมจากน้ำยาซักผ้าและกลิ่นโลชั่นบำรุงผิวที่ฉันใช้ประจำมาคลุมไว้ทั้งตัวเหลือแค่ใบหน้าจิ้มลิ้มโผล่พ้นออกมาคิดทบทวนสิ่งที่เจอมาเงียบๆ และไม่ปฏิเสธว่ากำลังคิดว่าคู่หมั้นหนุ่มกำลังนอกใจ!ปิ๊งป่อง!เสียงสัญญาณจากหน้าประตูห้อง ส่งผลให้ตากลมสวยตวัดหันไปยังทิศทางของประตูทันที หัวใจที่ผ่านความชามาหมาดๆ กลับมาเต้นแรงอีกครั้งเพียงแค่ฉันคิดว่าคนที่อยู่หน้าห้องคือใครมีนไม่มาเวลานี้แน่ๆ หรือถ้าจะมาอย่างน้อยๆ ก็ต้องส่งข้อความมาบอกก่อน ไม่มีทางโผล่มา แบบที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าแบบนี้อย่างแน่นอนปิ๊งป่อง! เสียงสัญญาณหน้าห้องดังซ้ำกระตุ้นให้ฉันยอมลุกจากเตียง มองผ่านช่องเล็กๆ ของประตูจึงได้รู้ว่าคนที่อยู
พี่เซย์ขับรถมาส่งฉันโดยมีพี่จีน่านั่งข้างๆ พี่จีน่าพยายามคุยกับฉันตลอดทางแต่บอกตรงๆ ว่าฉันไม่มีกระจิตกระใจจะคุยเลย เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รอจนกระทั่งรถของพี่เซย์เลื่อนมาจอดหน้าคอนโดพี่จีน่าก็ตามลงมาส่งฉันด้วย"ขอบคุณนะคะพี่จีที่มาส่งทั้งที่ฝนตกหนักมากเลย" "น้องขวัญไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่าบอกพี่ได้นะ น้องขวัญดูไม่โอเคเลย หรือคิดมากที่องศามันไม่รับสาย ให้พี่โทรให้ดีไหม" "ไม่เป็นไรค่ะพี่จี ถ้าหนูโทรแล้วพี่องศาไม่รับ แต่ถ้าเป็นพี่จีโทรแล้วพี่องศารับ มันก็อาจจะแปลว่าพี่องศาไม่ได้อยากคุยกับหนูตอนนี้ไหมคะ" ฉันพยายามฝืนยิ้ม เช่นเดียวกับพี่จีที่ส่ายหน้าไปมาทันที"ไม่สิ มันต้องไม่เป็นแบบนั้น" พี่จีน่าดึงมือฉันไปจับเอาไว้หรือตอนนี้สิ่งที่ฉันคิดมาก มันกำลังทำให้พี่จีน่ากังวลตาม หรือฉันควรคุยกับพี่จีน่าหรือถามออกไปตรงๆ ว่าสิ่งที่ฉันเห็นมันหมายความว่ายังไง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วถ้าฉันถามฉันจะได้รับความจริงหรือเปล่า หลายคำถามมันตีกันรวนอยู่ในหัว แทบแยกไม่ออกเลยว่าควรจัดการกับความรู้สึกในตอนนี้ยังไงดี"พี่ขอโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ" ฉันปลดล็อกโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะยื่นมันให้พี่จีน่า
-ของขวัญ-มหาวิทยาลัย"...พี่จี" ฉันโบกไม้โบกมือให้รุ่นพี่สาวที่ยืนเหม่ออยู่นาน ตอนแรกลังเลว่าจะรอให้พี่จีเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนค่อยทัก ทว่ารุ่นพี่สาวกลับไม่ยอมก้าวขาออกมาจากตรงนั้นสักที สีหน้าเหมือนคนกำลังเก็บบางสิ่งบางอย่างมาคิดอยู่ในหัว เหมือนคนมีเรื่องให้ไม่สบายใจ"น้องขวัญ" พี่จีน่าสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะยิ้มให้ฉัน สีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีส่งผลให้ฉันผายมือไปที่ฝั่งร้านกาแฟทันที"กาแฟสักแก้วไหมคะเผื่อจะดีขึ้น" "ดีเลยค่ะ น้องขวัญรีบไหมไปกับพี่นะ" "ไม่รีบค่ะ ขวัญรอเพื่อนอยู่พอดี""เคเลย" พี่จีน่าตรงไปยังร้านกาแฟพร้อมฉัน เราสั่งเครื่องดื่มพร้อมกันก่อนจะเดินมานั่งรอด้วยกัน"เมื่อคืนกลับดึกมากเหรอคะ เหมือนคนนอนน้อยเลย" "งั้นเหรอ วันนี้พี่แต่งหน้าไม่สวยหรือเปล่า รีบๆ หน่อย" รุ่นพี่สาวรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเข้าไปที่กล้องหน้าเพื่อเช็กใบหน้าของตัวเอง"เหมือนคนพักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่ค่ะพี่จี แต่ยังสวยเหมือนเดิมนะคะ" "ปากหวานนะเนี่ย แต่ก็นั่นแหละ สวยก็ใช่ว่าจะสวยสำหรับทุกคน" "คะ?" ฉันเอียงคอมองสบตากับคนตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่จีน่าพูดมันหมายความว่ายังไงหมายความว่ามีใครสักคนบอกว่า
S2 PUB"...น้องคนนั้นสวยว่ะ กูล็อกเป้าเรียบร้อย ห้าทุ่มเจอกัน!" ฉลามดีดปลายนิ้วพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก ตาคมทอดมองไปยังร่างบอบบางของคนที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสดใสฉลามมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ชัดเจนกว่าทุกคนเสมอ ชอบคนไหนมันก็เอาคนนั้น มีแต่ผมนี่แหละที่ขยับทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้สักที"มึงเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนกางเกงในเลยนะหลาม รถไฟไม่เคยชนกันหน่อยเหรอวะ เหมือนกูต้องยอมก้มหัวคารวะให้มึงเป็นอาจารย์ว่ะ" "กลัวเหี้ยไรวะ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่าไม่ได้จะคบจริงจังแบบนั้น รู้กันทั้งสองฝ่ายแล้วแบบนั้นจะเรียกร้องให้ได้เหี้ยไร" "มึงนี่โชคดีเหมือนกันนะ ควงไม่เคยซ้ำหน้าแต่ก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักที" ลีโอมองหน้าเพื่อนแบบเหนือความคาดหมาย ส่วนคนถูกชมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เรื่องนี้ไม่มีใครสู้มันได้จริงๆ"วันนี้จีน่าไม่มาถูกปะ? เงียบ เงียบนี่แปลว่าอะไรวะ ไม่รู้หรือขี้เกียจตอบ" "แล้วมึงถามใคร?""ถามเหี้ยเซย์ไง มันสนิทกับจีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอวะ" "มึงมากกว่ามั้งที่สนิทกับยัยนั่นมากกว่ากู" เซย์เอ่ยขึ้นมาบ้าง วันนี้สีหน้าของมันค่อนข้างเซ็งถึงเซ็งมาก แต่ก็นะ เซย์ก็ยังเป็นเซย์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร"กูเนี่ยนะสนิ
-องศา-"...แม่ขา" เสียงสดใสของคนตัวเล็กข้างกายทักทายคนที่นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว ขาเรียวก้าวเร็วๆ ไปที่เบื้องหน้าก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดคนที่นั่งรออยู่บนโซฟาอย่างรวดเร็ว"รอนานไหมคะ" "ไม่นานจ๊ะแม่เพิ่งจะมาถึงเหมือนกัน" ผมยกมือไหว้เมื่อแม่ของขวัญเบนสายตามาที่ผม รอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้า ผมมักจะเจอกับรอยยิ้มนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน"ไปกินข้าวกันมาเหรอลูก" "ใช่ค่ะ คุณแม่ทานอะไรมาหรือยังคะให้หนูทำอะไรให้ทานไหม" "หืม? ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เลยนะ" ของขวัญยิ้มแห้ง ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากอวดในสิ่งที่ตัวเองกำลังพยายาม"หนูตั้งใจจะเรียนทำอาหารค่ะ นี่คิดว่าถ้ามีเวลาว่างจะเข้าคอร์สเรียนเลยนะคะ มันต้องดีมากๆ เลยแหละ""ขนาดนั้นเชียวเร้อ แบบนี้ในอนาคตแม่คงไม่ต้องจ้างแม่บ้านล่ะมั้ง ลูกสาวจะทำอาหารเก่งแล้วนี่นา" "ได้นะคะ แต่ต้องขอเวลาเรียนรู้ก่อน รอแบบใจเย็นๆ นะคะ" แม่ของขวัญระบายรอยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น สังเกตเห็นว่าฝ่ามือลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน"คุณแม่คุยกับพี่องศารอก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูไปหาขนมและน้ำผลไม้มาให้ทานค่ะ" "ขอบใจนะลูก" ของขวัญหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่จากนั้นก็รีบลุกออกไป ปล่อยให้ผมอยู่กับแ